อยากรู้บรรยากาศที่เรียนพิเศษหลังเลิกเรียนของแต่ละที่ครับ ว่าเป็นยังไงบ้าง
คือตามความคิดของผมนะครับ ที่เรียนพิเศษคือบรรยากาศการเรียนมันต้องดีๆชวนให้เรียนมากกว่าโรงเรียน ผู้สอนสามารถเข้าถึงเด็กได้มากกว่าที่โรงเรียนอะไรทำนองนี้ สรุปได้สั้นๆคือผมตั้งความหวังว่าผู้สอนจะมีภาพรวมที่ดีกว่าที่โรงเรียนน่ะครับ ส่วนตัวแล้วไม่เคยซีเรียสกับผลการเรียนของลูกเลย เพราะเราก็เคยเป็นเด็ก เคยถูกคาดหวังมันก็เครียด ผมเลยไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเรียนพิเศษเท่าไหร่ แต่เพราะอะไรหลายๆอย่างเลยต้องปล่อยแบบนี้ บางทีเลยมองว่าเหมือนไปขโมยช่วงเวลาสดใสของวัยเด็กในทุกๆเย็นไปอะไรประมาณนั้นเลย เพราะของผมเองสมัยเด็ก เลิกเรียนมา 3 โมงก็ทำการบ้านแล้วก็เล่นจนเย็นแล้ว แต่เด็กสมัยนี้เลิกเรียน บ่าย 3 ต้องมาเรียนพิเศษต่ออีกจนถึงทุ่มสองทุ่มเห็นแล้วสงสารครับ
ขอแชร์เรียนพิเศษของลูกตัวเองก่อนนะครับ
ลูกอยู่ชั้นประถมปลาย เรียนกับที่นี่มานานมากแล้วครับ ผลการเรียนก็กลางๆ ลูกก็ไปเรียนส่วนมากไม่มีท่าทางอิดออดไม่อยากไปนะครับ ตอนใกล้สอบก็มีการติวหนังสือให้ ก็ผมมองว่าเป็นมาตราฐานปกติหละครับ แต่ที่ไม่ค่อยพอใจคือ ลูกมาเล่าให้ฟังว่าครูผู้สอนพูดกดดันในเวลาที่ลูกทำงานหรือการบ้านได้ไม่ดี หรือชี้ว่าถ้าทำงานชิ้นนี้ไม่ได้ ในอนาคตจะไปทำอย่างอื่นต่อไม่ได้ หลายๆครั้งที่หลังจากเรียนพิเศษจบ ลูกจะมีท่าทางเหนื่อยล้า หมดกำลังใจ หรือร้องไห้ เพราะโดนครูผู้สอนตำหนิในหลายๆเรื่องจากที่ผ่านๆมา
ถามว่าผมโอเคมั้ยในเรื่องที่ลูกโดนครูสอนพิเศษตำหนิ ผมไม่โอเคเลยครับ แต่ที่ทำได้คือแค่ปลอบลูกให้กำลังใจเฉยๆ และแสดงทัศนคตินำทางลูกให้รู้ว่าที่ครูเค้าทำอย่างนั้นเพราะเค้าหวังดี ส่วนในใจผมคิดเปรียบเทียบเสมอว่าถ้าเป็นครูที่โรงเรียนที่ต้องดูแลเด็กจำนวนมากแล้วอาจจะมีอารมณ์หงุดหงิดบ้างผมก็ไม่อะไรเท่าไหร่ แต่สำหรับที่เรียนพิเศษครูผู้สอนจะต้องทำให้บรรยากาศมันน่าเรียน เป็นกันเองกับนักเรียนมากกว่านี้
ผมมีปัญหาตรงนี้แหละครับ เลยอยากรู้ว่าบรรยากาศการเรียนพิเศษของที่อื่นเป็นอย่างไรบ้าง ที่ลูกผมเรียนมาปัจจุบันนี้ผมคาดหวังในตัวผู้สอนมากไปหรือไม่ หรือที่เป็นอยู่นี้คือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ถามทั้งพ่อแม่ และตัวลูกเอง // อาจจะซีเรียส.. บรรยากาศการเรียนพิเศษเด็กประถมที่อื่นเป็นยังไงบ้างครับ
คือตามความคิดของผมนะครับ ที่เรียนพิเศษคือบรรยากาศการเรียนมันต้องดีๆชวนให้เรียนมากกว่าโรงเรียน ผู้สอนสามารถเข้าถึงเด็กได้มากกว่าที่โรงเรียนอะไรทำนองนี้ สรุปได้สั้นๆคือผมตั้งความหวังว่าผู้สอนจะมีภาพรวมที่ดีกว่าที่โรงเรียนน่ะครับ ส่วนตัวแล้วไม่เคยซีเรียสกับผลการเรียนของลูกเลย เพราะเราก็เคยเป็นเด็ก เคยถูกคาดหวังมันก็เครียด ผมเลยไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเรียนพิเศษเท่าไหร่ แต่เพราะอะไรหลายๆอย่างเลยต้องปล่อยแบบนี้ บางทีเลยมองว่าเหมือนไปขโมยช่วงเวลาสดใสของวัยเด็กในทุกๆเย็นไปอะไรประมาณนั้นเลย เพราะของผมเองสมัยเด็ก เลิกเรียนมา 3 โมงก็ทำการบ้านแล้วก็เล่นจนเย็นแล้ว แต่เด็กสมัยนี้เลิกเรียน บ่าย 3 ต้องมาเรียนพิเศษต่ออีกจนถึงทุ่มสองทุ่มเห็นแล้วสงสารครับ
ขอแชร์เรียนพิเศษของลูกตัวเองก่อนนะครับ
ลูกอยู่ชั้นประถมปลาย เรียนกับที่นี่มานานมากแล้วครับ ผลการเรียนก็กลางๆ ลูกก็ไปเรียนส่วนมากไม่มีท่าทางอิดออดไม่อยากไปนะครับ ตอนใกล้สอบก็มีการติวหนังสือให้ ก็ผมมองว่าเป็นมาตราฐานปกติหละครับ แต่ที่ไม่ค่อยพอใจคือ ลูกมาเล่าให้ฟังว่าครูผู้สอนพูดกดดันในเวลาที่ลูกทำงานหรือการบ้านได้ไม่ดี หรือชี้ว่าถ้าทำงานชิ้นนี้ไม่ได้ ในอนาคตจะไปทำอย่างอื่นต่อไม่ได้ หลายๆครั้งที่หลังจากเรียนพิเศษจบ ลูกจะมีท่าทางเหนื่อยล้า หมดกำลังใจ หรือร้องไห้ เพราะโดนครูผู้สอนตำหนิในหลายๆเรื่องจากที่ผ่านๆมา
ถามว่าผมโอเคมั้ยในเรื่องที่ลูกโดนครูสอนพิเศษตำหนิ ผมไม่โอเคเลยครับ แต่ที่ทำได้คือแค่ปลอบลูกให้กำลังใจเฉยๆ และแสดงทัศนคตินำทางลูกให้รู้ว่าที่ครูเค้าทำอย่างนั้นเพราะเค้าหวังดี ส่วนในใจผมคิดเปรียบเทียบเสมอว่าถ้าเป็นครูที่โรงเรียนที่ต้องดูแลเด็กจำนวนมากแล้วอาจจะมีอารมณ์หงุดหงิดบ้างผมก็ไม่อะไรเท่าไหร่ แต่สำหรับที่เรียนพิเศษครูผู้สอนจะต้องทำให้บรรยากาศมันน่าเรียน เป็นกันเองกับนักเรียนมากกว่านี้
ผมมีปัญหาตรงนี้แหละครับ เลยอยากรู้ว่าบรรยากาศการเรียนพิเศษของที่อื่นเป็นอย่างไรบ้าง ที่ลูกผมเรียนมาปัจจุบันนี้ผมคาดหวังในตัวผู้สอนมากไปหรือไม่ หรือที่เป็นอยู่นี้คือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว