พอโตขึ้น จึงรู้ว่า ความรักเอาชนะทัศนคติที่ต่างกันมากๆ ไม่ได้

สมัยเรียนยังไม่เข้าใจคำนี้เท่าไหร่ ตอนนั้นยังคิดว่าถ้ารักกันจริงๆ อุปสรรคข้อไหนๆ ก็ไม่สามารถเข้ามาขัดขวางเราได้
ซึ่งตอนนี้ จขกท. อยู่ในวัยทำงาน ที่พึ่งเลิกกับแฟนที่คบกันมา 6 ปี ตั้งแต่สมัยเรียน เพราะคำว่า ทัศนคติที่ต่างกันมากๆ 
.
.
.
ใครเคยเลิกกับแฟนหรือหยุดความสัมพันธ์เพราะเรื่องทัศนคติบ้างมั๊ยคะ ?
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 40
เวลามีกระทู้เกี่ยวกับความรักที่ประสบอุปสรรค ผมมักจะเอาอันนี้ที่เคยเขียนไว้มาแชร์ และร่วมกัน discuss นะครับ
ถือเป็นการสนทนานะครับ แลกเปลี่ยนกันได้ จากประสบการณ์ หรือการคิดวิเคราะห์ก็แล้วแต่ แต่ละท่านคงจะมีสิ่งดีๆมาแบ่งปันให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านได้เข้าใจความรักกันมากขึ้น

สำหรับผมเอง ผมมองว่าความรักแบบจริงจังที่จะทำให้คนเราอยู่ด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่งนั้น มีปัจจัยดังนี้
1.ปัจจัยวาบหวาม/ปัจจัยระยะสั้นที่มาเติมเต็มให้รู้สึกมีความสุขในชีวิตคู่
>> เป็นปัจจัยที่เป็นความต้องการพื้นฐานทางร่างกาย/ฮอร์โมนและจิตใจ/อารมณ์ตามธรรมชาติ ปัจจัยนี้จะเข้ามาเหนี่ยวนำให้รู้สึกดีเป็นระยะๆ ถ้าสามารถเติมเต็มความต้องการของอีกฝ่ายได้ จะทำให้อีกฝ่ายมีความสุขสม โดยผมแบ่งออกเป็น 2 อย่างนะครับ
1.1 Erotic Love คือ Sex ที่น่าพอใจ เป็นความต้องการทางกายภาพ/ฮอร์โมน เมื่อมีแรงขับดัน ก็ต้องการการปลดปล่อย ซึ่งแต่ละคนมีความต้องการตรงนี้ไม่เหมือนกัน บางคนต้องการมาก บางคนต้องการน้อย แต่ถ้าพิจารณาจากเพศแล้ว โดยมากมักเป็นเพศชาย ที่จะมีตรงนี้มากกว่า (ที่ยกเพศมานี้ ไม่ได้แบ่งฝั่งหรือเหยียดเพศนะครับ เพศอื่นๆ เพศหลากหลาย ก็มีตรงนี้ตามแต่ละคนได้เหมือนกัน ผมพูดถึงแนวโน้มเฉยๆ)
>> จึงเป็นที่มาของ อาบอบนวด รวมถึง Porn Industry ต่างๆ
1.2 Romantic Love คือ การกระทำใดๆก็ตามที่เติมเต็มหัวใจ เป็นความต้องการทางจิตใจ ที่ทำให้รู้สึกว่า อีกฝ่ายรักและใส่ใจเราในรายละเอียดต่างๆ ซึ่งแต่ละคนมีความต้องการตรงนี้ไม่เหมือนกัน บางคนต้องการมาก บางคนต้องการน้อย แต่ถ้าพิจารณาจากเพศแล้ว โดยมากมักเป็นเพศหญิง ที่จะมีตรงนี้มากกว่า (ที่ยกเพศมานี้ ไม่ได้แบ่งฝั่งหรือเหยียดเพศนะครับ เพศอื่นๆ เพศหลากหลาย ก็มีตรงนี้ตามแต่ละคนได้เหมือนกัน ผมพูดถึงแนวโน้มเฉยๆ)
>> จึงเป็นที่มาของ Barhost ต่างๆ

ดังนั้น ปัจจัยวาบหวาม คือ E (Erotic) กับ R (Romantic)  พอเรามาพิจารณาในปัจเจกบุคคล เราจะพบว่า แม้แต่ตัวเรา ก็จะมีความต้องการทั้งสองแบบอยู่ภายในคนเดียว แต่ใครจะมีฝั่งใดมากหรือน้อยเท่านั้นเอง (อาจจะต้องการน้อยทั้งคู่ หรือ มากทั้งคู่ก็ได้)
>> บางคน อาจจะมี E มาก R ไม่ต้องมีมากก็ได้ เช่น เพศชายหลายๆท่าน เน้น Sex ไม่ต้องมา Surprise ฉันก็อยู่ได้สบายๆ ไม่คิดไรมาก
>> บางคน อาจจะมี R มาก E ไม่ต้องมีมากก็ได้ เช่น เพศหญิงหลายๆท่าน อยากให้แฟนทำอะไรที่แสดงออกถึงความหวง ความห่วง ความใส่ใจมากกว่านี้ (ไม่เกี่ยวกับเรื่องรับผิดชอบหน้าที่นะครับ อันนี้คือรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์ในด้านความรักล้วนๆ) แต่ไม่ต้องมี Sex มากก็ได้
>> บางคนอาจจะต้องการ E และ R  มากทั้งคู่  และบางคนอาจจะต้องการ E แล R น้อยทั้งคู่ (อันนี้อยู่แบบรักกันหรือจะบวชกันแน่ 555)  

*ที่ผมพูดตรงนี้เพราะหลายๆคู่ความต้องการ E กับ R ไม่เท่ากันครับ และก็ไม่เข้าใจอีกฝ่ายว่าต้องการ E กับ R เท่าไหร่
ต่างฝ่ายต่างไม่ได้เติมเต็มให้แก่กันและกัน พอนานวันไปจึงเป็นปัจจัยหนึ่งให้เกิดความเบื่อหน่าย ไม่รู้สึกตื่นเต้น ไม่รู้สึกวาบหวามใดๆ

2.ปัจจัยระยะยาว
เป็นปัจจัยที่ทำให้รู้สึกสบายใจที่ใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ขัดขากัน แบ่งเบาภาระกัน ไม่รู้สึกว่าเดินไปคนละทิศคนละทาง ปัจจัยนี้จะทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันธ์ในระยะยาว ไม่รู้สึกผิดฝาผิดตัวและอยู่กันได้นาน ซึ่งตรงนี้ จากการพิจารณาจนสุดปัญญาแล้ว ผมขออนุญาตนำ สมชีวิธรรม 4 ประการมาเป็นตัวแทนเลยครับ แบ่งได้เป็น 4 ปัจจัย ดังนี้
2.1 สมสัทธา (Fate) >> คือมีเป้าหมายของชีวิต รวมถึง Lifestyle คล้ายๆกัน เช่น อยากมีบ้านใหญ่ อยากออกท่องเที่ยวรอบโลก อยากมีลูกน่ารัก ชอบปฏิบัติธรรมเพื่อพ้นทุกข์ หรือมีความเชื่อในเรื่องหลักๆคล้ายๆกัน เช่น นับถือศาสดาองค์เดียวกัน เชื่อวิทยาศาสตร์ หรือ ไสยศาสตร์เหมือนๆกัน
2.2 สมสีลา (Moral) >> มีศีลเสมอกัน ขอขยายความคือ มีหลักในกรอบแห่งความประพฤติชั่ว-ดีคล้ายๆกัน เช่น รักสัตว์เหมือนๆกัน  ไม่ชอบการทำร้ายการฆ่าฟันเหมือนๆกัน ไม่ชอบเอาของผู้อื่น หรืออาจจะชอบเอาของผู้อื่นมาเป็นของตน เหมือนๆกัน  ไม่ชอบการนอกใจเหมือนๆกัน ไม่ชอบการโกหก ไม่ชอบการติดในสุรา เมรัย สิ่งของเสพติดมึนเมาต่างๆเหมือนกัน
2.3 สมจาคา (Generous) >> มีความเสียสละเสมอกัน แบ่งเป็นการเสียสละให้แก่กันและกัน เช่น ฝ่ายหนึ่งหาเงินมาจุนเจอครอบครัว อีกฝ่ายสละแรงปรนนิบัติ หรือต่างฝ่ายต่างช่วยกันทำหน้าที่ทั้งช้างเท้าหน้าและเท้าหลังไปพร้อมๆกัน ภาระใดที่เป็นอุปสรรคในครอบครัวก็ช่วยกันแบ่งเบาให้ครอบครัวเดินต่อไปได้ เป็นต้น
และการเสียสละให้แก่ผู้อื่น เช่น ชอบทำบุญเหมือนๆกัน ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเหมือนๆกัน ก็จะเกิดความรู้สึกซึ้งใจและเหมือนมีทุกข์ร่วมต้าน
2.4 สมปัญญา (Wisdom) >> คือมีวิธีคิดอ่านคล้ายๆกัน การพิจารณาเรื่องต่างๆโดยใช้เหตุผล คล้ายๆกัน หรืออาจจะใช้เหตุผลน้อยแต่ใช้อารมณ์เยอะเหมือนๆกัน พูดคุยกันรู้เรื่องเท่าทันกัน เข้าใจกันได้ง่าย เป็นต้น

ดังนั้นปัจจัยระยะยาวที่ทำให้รู้สึกสบายใจคือ สมชีวิธรรม 4 นี้ ได้แต่ F M G W ควรมีความคล้ายคลึงกัน จึงจะทำให้อยู่กันได้แล้วไม่ขัดความรู้สึกกัน
ซึ่งสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ ไม่จำเป็นต้องดีเหมือนกัน อาจจะอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดี เหมือนๆกันก็ได้ ในแต่ละข้อ เช่น
>> F อาจมี lifestyle ที่ทำร้ายสุขภาพเหมือนกัน หรือรักสุขภาพเหมือนกัน  มีความเชื่อว่าทำดีได้ดีเหมือนกัน หรือเชื่อว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป เหมือนๆกัน  ถ้ามีความเชื่อหลักๆไม่เหมือนกัน หรือการใช้ชีวิตความชอบใจไม่เหมือนกัน ก็เหมือนจูนกันไม่ติด
>> M อาจชอบล่าสัตว์เหมือนกัน  เห็นการโกงกินเอารัดเอาเปรียบ เป็นเรื่องฉลาดถ้ามีโอกาสต้องควรทำ เหมือนๆกัน เป็นต้น ลองคิดดูว่า ถ้าฝ่ายหนึงรักสัตว์ อีกฝ่ายทำร้ายสัตว์  หรือฝ่ายหนึ่งชอบโกหก อีกฝ่ายพูดแต่ความจริง  ฝ่ายหนึ่งเจ้าชู้ อีกฝ่ายซื่อสัตย์ต่อคู่ครอง ก็เป็นเหตุให้เบื่อหน่ายในกัน
>> G อาจใจกว้างเสมอกัน หรือเห็นแก่ตัวพอๆกันก็อยู่กันได้ ถ้าอีกฝ่ายมีแต่จะเอา หรือสร้างปัญหา สร้างภาระ แต่อีกฝ่ายรับภาระ ตามแก้แต่ปัญหาก็อยู่ไม่เป็นสุข เป็นเหตุให้เลิกรา
>> W ถ้าฝ่ายหนึ่งพูดก่อนคิด อีกฝ่ายคิดก่อนพูด ฝ่ายหนึ่งอธิบายด้วยเหตุผล อีกฝ่ายใส่แต่อารมณ์ ก็เป็นเหตุให้เบื่อหน่ายคุยกันไม่รู้เรื่องเช่นกัน

*ทั้งหมดไม่ได้หมายถึง F M G W จะต้องเท่ากันทุกประการนะครับ หมายความว่า ถ้าทุกแกน อยู่ในระดับใกล้ๆกัน ไม่ต่างกันมาก ก็จะรู้สึกว่าไม่เป็นอื่นต่อกัน แต่ถ้ามีบางข้อที่ต่างกันมาก แต่หลายๆข้อที่คล้ายกันมากๆ ก็ต้องลองจูนดูครับ แต่ถ้าไม่จูนเลย ยังไงก็จะรู้สึกรำคาญคู่ครองของเราในเรื่องต่างๆอยู่ดี

กรณีที่จขกทกล่าวมาคือ ทัศนคติ มันหมายรวมถึงบางส่วนของศีล ศรัทธา และปัญญานะครับ อาจจะเคลื่อนจากจากมากเลยไปต่อไม่ได้
ใครที่มีประสบการณ์ดีๆ มีความเห็นดีๆ หรืออยากชี้แนะตรงไหน แชร์กันได้นะครับ
ความคิดเห็นที่ 12
จริงๆถ้าทัศนคติไปด้วยกันไม่ได้ก็คงคบกันไม่ได้แต่แรกแล้วครับ แต่
ผู้หญิงเขาว่ามี 3 รัก

1.รักที่หน้าตา - รักวัยรุ่น  รักแรกพบ ปลื้ม แอบชอบ
2. รักที่ฐานะ - รักวัยทำงาน มองความมั่นคงในชีวิต
3.รักที่หัวใจ - รักวัยที่ผ่านชีวิตมาสักระยะจนคิดได้ว่าคนที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตจะเป็นคนยังไง
หวังว่า จขกท คงพบ รัก ที่ดีนะครับ
ความคิดเห็นที่ 6
รักกันแต่ทัศนคติ​ต่างกัน วันนึงพวกคุณจะเลิกรักกัน

ไม่รักกันแต่ทัศนคติ​ตรงกัน วันนึงพวกคุณจะเริ่มรักกัน
ความคิดเห็นที่ 46
ทัศนคติไม่ตรงกัน เอาจริงมันอยู่กันได้นะ ถ้า...

1. ไม่คาดหวังให้อีกฝ่ายเข้าใจ ปล่อยผ่านไป
2. ไม่ push คาดคั่นให้อีกคน “ทำตาม/เข้าใจตาม” ที่ตนคิด
3. รักกันมากพอ เติมความหวานกันตลอด


สุดท้าย...มันก็เกี่ยวกับความรักนั่นแหละ รักกันไม่มากพอที่จะยอมถอยคนละก้าว รักตัวเองมากกว่าจนคิดแต่จะเอาชนะอีกฝั่ง แรกๆ อยู่กันได้เพราะรัก/หลง มากจนยอมทุกอย่าง แต่พออยู่ไปรักเริ่มจืดจาง...เริ่มทนไม่ได้ และก็จบที่แยกทาง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่