“สลัม” กับตำนานแห่งวิถีชีวิตผู้คน

ปัญหาความยากจนเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดสำหรับประเทศกำลังพัฒนา คนยากจนไม่มีตัวเลือกอะไรมากมายนัก แม้แต่ที่อยู่อาศัย

"สลัมป่าช้า" ที่ "ฟิลิปปินส์"



ใจกลางกรุงมะนิลา เมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์ มีภาพที่ไม่งดงามภาพหนึ่งฟ้องสายตาชาวโลก  ไม่มีใครคาดคิดว่า ความยากจนทำให้ผู้คนกว่า 6,000 คน บางแห่งบอกว่าราว 10,000 คน เลือกใช้ชีวิตในสถานที่ที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากจะย่างกรายเข้าไป จนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

  ภาพเด็กๆวิ่งเล่นบนลานเล็กๆ หรือขึ้นไปนั่งเล่น ทำการบ้านบนแท่งสี่เหลี่ยมขนาดพอจะบรรจุคนได้สักคนหนึ่ง หรือภาพผู้สูงวัยสองคนนั่งเล่นหมากรุกบนนั้นแบบชิวๆ มีให้เห็นจนชินตา  นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเรียกมันว่า "บ้าน"  ซึ่งอาจค้านกับความรู้สึกของคุณ เพราะสิ่งที่คุณเห็น  คุณเรียกมันว่า "หลุมฝังศพ" 
สลัมหรือชุมชนแออัดที่นี่ ตั้งอยู่ในหลุมฝังศพเรียกว่าเป็น“สลัมป่าช้า”  ซึ่งเกิดจากชาวบ้านจำนวนมากที่ทะยอยมาตั้งรกรากถิ่นฐานบน “สุสาน” ที่มีลักษณะเป็นชั้นปูนบรรจุศพซ้อนกันหลายชั้น ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงมะนิลา

กรุงมะนิลา จัดว่าเป็นอีกเมืองหลวงแห่งหนึ่งที่มีประชากรแออัดหนาแน่นติดอันดับต้นๆของโลก ผู้คนส่วนใหญ่นั้นยากจนถึงยากจนมาก อันนี้บางประเทศแถบอาเซียนไม่มีคนยากจนเหลืออยู่แล้ว  พื้นที่ สุสาน ดังกล่าวนั้นกินเนื้อที่กว่า 54 เอเคอร์  ที่มากพอที่จะทำให้กลุ่มคนที่มีรายได้น้อยราว 6000 คน บางแหล่งให้ข้อมูลว่าราว 10,000 คน เข้าไปอยู่อาศัย อันนี้คือเข้าไปอยู่กันเองนะ ทางการไม่สนับสนุน  พวกเขามองข้ามความน่ากลัวของสุสานไปจนหมดสิ้น 
ปูนและหินอ่อนที่ใช้เป็นหลุมศพถูกใช้เป็นพื้นรองรับกระท่อมและเตียง  

ส่วนระบบสาธารณูปโภคอย่างไฟฟ้า ก็ใช้วิธีต่อเอาตามมีตามเกิดจากถนนในละแวกใกล้ๆนั้น และส่วนน้ำก็ใช้น้ำจากบ่อน้ำในสุสาน ส่วนอาชีพของชาวบ้านก็หากินจากสุสาน คือเป็นคนที่รับจ้างเฝ้าสุสาน อาชีพอื่นๆก็เช่น เก็บขยะขาย รับจ้างทำความสะอาดหลุมศพ รวมถึงทำงานรับจ้างเป็นรายวันจากแหล่งงานบริเวณใกล้เคียง
Cr.https://www.noozup.me/1699711/

ตึก São Vito  “สลัมลอยฟ้า” ที่สูงที่สุดในโลก

เซาเปาโลนั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่ง ที่นี่มีผู้คนอาศัยอยู่มากกว่า 20 ล้านคน และแน่นอนว่าเมื่อมีการขยายตัวของเมือง ความเจริญจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ดึงดูให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาในเมืองนี้ ทุกวันนี้ในเซาเปลาโลเต็มไปด้วยร้านอาหารสุดหรู โรงภาพยนตร์ และร้านค้าอื่นๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้ ที่นี่ยังเต็มไปด้วยอาคารเก่าหลายๆ แห่ง และหนึ่งในนั้นก็คืออาคาร São Vito ตึกที่มีชื่อเสียงมากที่สุด มันถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1959 จุดประสงค์ของอาคารหลังนี้สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาที่พักอาศัยของผู้คน และตลอดระยะที่ 20 ปีที่เปิดใช้งานอาคาร 27 ชั้นแห่งนี้มีผู้คนอาศัยอยู่มากถึง 3,000 คน

สมัยก่อนอาคารหลังนี้ จะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาคารที่มีชื่อเสียง และเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมสุดหรูชั้นบน หรือร้านค้าในชั้นล่าง แต่สถาปนิกหลายๆ คนต่างลงความเห็นว่า São Vito นั้นคือความผิดพลาดของการออกแบบ เพราะมันซ่อมบำรุงได้ยากนั่นเอง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยจำนวนของผู้พักอาศัยที่มากขึ้นทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับการอพยพเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ และความปลอดภัยของพวกเขา จนกระทั่งเมื่อปี 2004 อาคารแห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้างไป

หลังจากนั้นไม่นาน São Vito ก็กลายเป็นที่พักอาศัยของเหล่าคนไร้บ้าน มีปัญหาทางด้านอาชญากรรมมากมาเกิดขึ้นที่นี่  และถึงแม้ว่าในปี 2002 จะมีการหารือกันของผู้เช่ารายเก่าที่เป็นเจ้าของห้องในอาคารแห่งนี้ เพื่อทำการพัฒนาให้เป็นที่พักอาศัยของผู้มีรายได้น้อย แต่ด้วยค่าใช่จ่ายที่สูงและปัญหาต่างๆ ทำให้โครงการนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ นั่นจึงทำให้ทางการจำเป็นต้องทุบอาคารดังกล่าวทิ้งไป

ก่อนหน้าที่จะมีการทุบทำลาย ในปี 2011 ได้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายของสลัมลอยฟ้าแห่งนี้ และได้แสดงให้เห็นถึงพื้นผิวของอาคารที่เต็มไปด้วยร่องรอยของกราฟฟิตีและกระจกหน้าต่างที่แตก ซึ่งนั่นทำให้มันมีชื่อเล่นเป็นภาษาท้องถิ่นว่า “Theme-Theme” หรือแปลว่าอาคารที่ดูไม่มั่นคงนั่นเอง
São Vito ถูกทุบทำลายไปเมื่อปี 2014 และตอนนี้พื้นที่ดังกล่าวถูกปรับปรุงให้กลายเป็นสวนสาธารณะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Cr.https://www.catdumb.com

‘สลัมท่อคอนกรีต’ ในฟิลิปปินส์

ความหนาแน่นของประชากรในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนยากจนไร้ที่อยู่อาศัย ถึงขนาดที่บางครอบครัวต้องเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในท่อคอนกรีตเล็กๆ ที่อยู่ตามแนวถนน
เว็บไซต์เดลีเมล์ ได้แสดงภาพของครอบครัวคนยากไร้ในเมืองหลวง ขณะกำลังนอนหลับในท่อคอนกรีตที่เต็มไปด้วยกองขยะบริเวณรอบๆ โดยมีตั้งแต่เด็กทารก ไปจนถึงผู้ใหญ่

ท่อคอนกรีตที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก และปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวกนี้ คงไม่มีใครคิดว่าจะสามารถนำมาเป็นสถานที่อยู่อาศัยได้ แต่สำหรับคนยากจนในฟิลิปปินส์แล้ว นั่นคือที่อยู่อาศัยของพวกเขา

ฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นหลายครั้งต่อปี โดยในเดือนธันวาคม ปี 2016 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์พายุใต้ฝุ่นครั้งรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย  นอกจากภัยพิบัติดังกล่าวจะทำให้ประชาชนเสียชีวิตแล้ว ยังทำลายที่อยู่อาศัยของผู้คนจนทำให้พวกเขากลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย จนต้องพากันมาตั้งถิ่นฐานอยู่ภายในท่อคอนกรีตเล็กๆ อย่างที่เห็น
Cr.https://www.catdumb.com

ตำนานแห่งเมือง Kowloon Walled City   “สลัมลอยฟ้าเกาลูน” 

ในยุคที่อังกฤษเข้าครอบครองฮ่องกงในปี 1898 เกาะเกาลูนที่เป็นส่วนหนึ่งของฮ่องกง ได้รับการยกเว้นให้ยังอยู่ในการปกครองของจีนอยู่ จำนวนประชากรที่เคยอาศัยในเมืองนี้คาดการณ์ว่ามีจำนวนหลายแสนคน นั่นหมายความว่าเมืองนี้จะต้องแออัดมากๆ  เมืองแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองเถื่อน เนื่องจากรัฐบาลอังกฤษไม่ได้เข้ามาวุ่นวายอีกทั้งรัฐบาลจีนก็ปฏิเสธที่จะรับผิดชอบ มันกลายเป็นแหล่งซ่องสุมอาชญากรรม สิ่งของผิดกฏหมาย และคุณภาพชีวิตของชาวเมืองก็แย่มาก

ด้วยความจำกัดของเนื้อที่ การก่อสร้างในเมืองแห่งนี้ก็นิยมที่จะสร้างตึกสูงๆ ติดกันจนทำให้เรียกกันว่าเป็นเมืองแห่งความมืดมิดเพราะว่าตึกที่สร้างติดกันมากๆ ทำให้แดดส่องเข้าไม่ถึง  วิถีชีวิตของผู้คนที่อยู่ในเมืองแห่งนี้อยู่ด้วยความยากลำบากสุดๆ ทั้งแก๊งมาเฟียท้องถิ่น การค้าประเวณี ยาเสพติด และบ่อนการพนัน ระบบสารธารณูปโภคก็ไม่ดีนัก น้ำประปา แสงไฟส่องสว่างมีไม่เพียงพอ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ต้องพึ่งหมอเถื่อนที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

ปี 1987 รัฐบาลจีนเริ่มเห็นว่าสภาพความเป็นอยู่ของคนในเมืองนี้แย่เกินจะเยียวยาแล้ว จึงได้ไล่คนที่อาศัยในเมืองนี้ออกไปอยู่นอกเมืองแห่งนี้ บางส่วนก็ออกไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่เมืองอื่นในฮ่องกง และทำการรื้อถอนตึกทั้งหมดในเวลา 5 ปี  ปัจจุบันเมืองร้างแห่งนี้ หลังจากที่ทุบตึกออกจนหมดสิ้นก็ได้กลายเป็นสวนสาธารณะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของฮ่องกง แต่ก็ยังมีโมเดลจำลองเมืองที่ถูกทุบทิ้งไปให้นักท่องเที่ยวได้ดูอีกด้วย
Cr.https://www.catdumb.com

“Dharavi” สลัมขนาดใหญ่ที่มุมไบ

‘ธาราวี’ (Dharavi) คือชื่อของสลัมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ตั้งอยู่ที่เมืองมุมไบ หนึ่งในเมืองใหญ่และสำคัญที่สุดของประเทศอินเดีย มีพื้นที่ประมาณ 2.2 ตารางกิโลเมตร แต่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่าหนึ่งล้านคน สลัมแห่งนี้มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1882 ในช่วงที่อินเดียยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ

ประชากรส่วนมากที่เป็นชาวชนบทที่มีฐานะยากจนได้อพยพเข้ามาหางานทำ แต่ด้วยราคาของที่ดินและที่พักอาศัยมีราคาค่อนข้างสูง พวกเขาไม่สามารถหาเงินมาซื้อหรือเช่าที่ดินได้ จึงรวมตัวกันสร้างที่อยู่อาศัยในพื้นที่ที่ทางรัฐบาลจัดไว้เพราะมีค่าเช่าที่ถูก จากรุ่นสู่รุ่นทำให้จำนวนประชากรในสลัมแห่งนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายมาเป็น ‘สลัมธาราวี’ อย่างในปัจจุบัน

ด้วยสภาพพื้นที่ที่จำกัดแต่แออัดไปด้วยผู้คนจำนวนมากมายมหาศาล ทำให้สภาพแวดล้อมของสลัมแห่งนี้นั้นสกปรกเกินจะบรรยาย พื้นที่ส่วนใหญ่รถเข้าไม่ได้ ไม่มีระบบระบายน้ำ ฝนตกเมื่อไหร่น้ำท่วมเมื่อนั้น แทบจะทุกครัวเรือนไม่มีห้องน้ำเป็นของตนเอง ทำให้ต้องไปใช้ห้องน้ำสาธารณะของสลัม ซึ่งห้องน้ำหนึ่งห้องต้องรองรับคนกว่า 1,500 คนต่อวันเลยทีเดียว

เมื่อห้องน้ำมีไม่เพียงพอ คนอีกจำนวนไม่น้อยจึงเลือกที่จะปลดทุกข์ข้างถนน ส่งผลให้ทุกพื้นที่ในสลัมเต็มไปด้วยปัสสาวะและสิ่งปฏิกูลต่างๆ นำไปสู่การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ และนอกจากสลัมแห่งนี้ สลัมแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา โรงงานรีไซเคิล โรงฟอกหนังและโรงงานทอผ้า ซึ่งโรงงานเหล่านี้สร้างงานให้กับคนในสลัมนับหมื่นคนเลยทีเดียว

แม้ว่ารัฐบาลอินเดียจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปรับปรุงและแก้ปัญหา ถึงขั้นอยากที่จะยุบสลัมแห่งนี้เลยเพราะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ แต่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของรัฐ เพราะสลัมแห่งนี้เป็นทั้งบ้านและที่ทำงานของพวกเขา ปัจจุบันสลัมธาราวีแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองมุมไบ และหากใครเคยชมภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง ‘สลัมด็อก มิลเลียนแนร์’ (Slumdog Millionaire) ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำที่สลัมธาราวีแห่งนี้นี่เอง
Cr.SpokeDark.TV

‘Rocinha’ สลัมแห่งบราซิล 

ดินแดนสีเทา! ‘Rocinha’ สลัมที่ใหญ่ที่สุดของบราซิล ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแออัด ปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติด
สถานที่นี้ตั้งอยู่ในนครรีโอเดจาเนโร บ้านเรือนที่นี่นิยมปลูกกันอย่างเรียงรายแออัดตั้งแต่บนยอดเขาจนกระทั่งถึงพื้นล่าง ซึ่งชาวบราซิลมีชื่อเรียกลักษณะที่อยู่อาศัยประเภทนี้ว่า ‘Favela’ หรือก็คือ สลัม และชุมชนแออัด  

ที่นี่เต็มไปด้วยบ้านเรือนที่ปลูกชิดติดกันจนแทบไม่มีช่องว่าง ผู้คนแทบจะไม่สามารถเดินสวนกันได้ต้องให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเดินไปก่อนจึงสามารถเดินต่อไปได้ โดยจากการสำรวจจำนวนประชากรในปี 2011 พบว่ามีประชากรอาศัยอยู่ในสลัมแห่งนี้มากถึง 70,000 คนเลยทีเดียว ที่นี่เต็มไปด้วยปัญหาอาชญากรรมทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการปล้น ทำร้ายร่างกาย ยาเสพติด หรือกระทั่งฆาตกรรม ว่ากันว่าสลัมแห่งนี้คือสถานที่ผลิตและส่งออกยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในบราซิล

โดยยาเสพติดที่ผลิตได้จะถูกส่งไปขายต่อในยุโรปและในอเมริกา สลัมแห่งนี้ไม่ได้ถูกปกครองโดยรัฐ แต่ถูกปกครองโดยเจ้าพ่อยาเสพติด ซึ่งทางการบราซิลก็ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นดี แต่ไม่สามารถเข้าไปจัดการอะไรได้ เนื่องจากสลัมแห่งนี้ถือกำเนิดมานานแล้ว และทุกคนที่อาศัยอยู่ในสลัมแห่งนี้ก็ดูจะคุ้นชินกับทุกปัญหาที่เกิดขึ้นจนทุกอย่างกลายเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป เรียกได้ว่าอำนาจรัฐหรือกระทั่งตำรวจก็ไม่สามารถควบคุมทุกอย่างภายในสลัมนี้ได้

ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตของชาวสลัม Rocinha กันอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามทางการบราซิลไม่แนะนำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปที่สลัมแห่งนี้เพียงลำพัง หากต้องการไปให้เดินทางไปกับทัวร์ที่ทางการบราซิลจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็นสภาพทุกอย่างของสลัมแห่งนี้อย่างไม่ปกปิด ไม่ว่าจะเป็นภาพที่ผู้คนกำลังเสพยา, ซื้อยา ถืออาวุธสงคราม หรืออะไรก็ตามที่ผิดกฎหมายทุกรูปแบบ แต่ใช่ว่าจะไปกับทัวร์จะปลอดภัยซะทีเดียวเพราะหากไปมองอะไรที่ไม่ควรมองมากเกินไป หรือถ่ายรูปในสถานที่ที่ไม่ควรถ่าย คุณก็อาจจะไม่โอกาสที่จะไม่ได้ออกมาจากสลัมแห่งนี้อีกเลย
Cr.SpokeDark.TV
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่