เดือนหน้า ซีรีส์ชุด American Crime Story ที่เป็นมินิซีรีส์เกี่ยวกับเหตุอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจริงในอเมริกา จะฉาย Season 3 แล้ว
เลยอยากจะชวนรำลึกความหลังพร้อมกับชวนคนที่ยังไม่เคยดูว่า ต้องลองดูสักครั้ง นี่คือผลงานมาสเตอร์พีชแห่งวงการซีรีส์โทรทัศน์ที่ต้องได้ดูสักครั้งในชีวิตจริงๆนะ (เวอร์มาก)

วันนี้ที่จะมาชวนดูคือซีซันที่ 2 ที่มีชื่อว่า The Assassination of Gianni Versace ที่จำลองมาจากเหตุฆาตกรรม จานนี เวอร์ซาเช นักออกแบบและดีไซเนอร์ชื่อดัง เจ้าของแบรนด์เวอร์ซาเช เมื่อเดือน กรกฎาคม ปี 1997 คือเมื่อประมาณ 20 ปีก่อนนั่นเอง

ซีรีส์ชุดนี้ทำได้ดีจนกอบโกยรางวัลมากมาย รวมถึงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากเวทีลูกโลกทองคำ (Golden Globe Award) ปี 2018 ด้วยนะเออ
(เพิ่มเติม เมื่อปี 2017 นักแสดงนำหญิงในซีซันแรกจากซีรีส์ชุดนี้ก็ได้รางวัลจากเวทีนี้เหมือนกัน เห็นป่าวของเค้าดีจริง)


เราของแบ่งเป็นข้อๆ ว่าทำไมซีรีส์เรื่องนี้ถึงควรค่าแก่การรับชม สำหรับคนที่ไม่เคยดูนะ

1.เป็นซีรีส์ที่ดูได้ทั้ง จากหน้าไปหลัง (EP.1-->8) และ จากหลังไปหน้า (EP.8-->1)

ด้วยเนื้อเรื่องที่เล่าถึงชีวิตของ แอนดรูว์ คูนาแนน ผู้ก่อเหตุอาชญากรรมครั้งนี้(ที่รับบทโดย Darren Criss หนุ่มลูกครึ่งหน้าหวานที่คุ้นหน้าจากซีรีส์ Glee)
ด้วยวิธีการเล่าย้อนจากจุดสุดท้ายไปจุดเริ่มต้น ว่าอะไรที่เป็นแรงผลักดันให้เขาต้องก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องถึงห้ารายรวมถึงเวอร์ซาเช ดังนั้น
เราสามารถย้อนดูชีวิตของเด็กหนุ่มคนนี้ได้ทั้งสองแบบ ถ้าหากดูแบบปกติ จะได้เห็นมุมมองที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา ชวนให้สงสัยว่าอะไรกันหนอ
ที่เป็นปมให้เด็กชายหน้าตาดี อนาคตไกล ถึงทำลายชีวิตบริสุทธิ์ของคนอื่นได้อย่างเลือดเย็น 

แต่ถ้าหากเราย้อนดูจาก EP 8 ขึ้นมา จะได้เห็นมุมชีวิตจากสมัยวัยเด็กที่ไร้เดียงสา ที่ค่อยๆถูกหล่อหลอม และถูกกดดันจากคนรอบข้างถึงชนวนการก่อเหตุ ถ้าดูแบบนี้จะทำให้เรารู้สึกสะเทือนใจกับชะตาชีวิตของ แอนดรูว์ คูนาแนนมากกว่าการดูแบบแรกเสียอีก
ซึ่งไม่ว่าจะดูแบบไหน เราก็จะได้อรรถรสจากงานผลิตที่สุดยอดทั้งคู่ ซึ่งเราว่ามันเจ๋งนะ
ซ้ายคือ Darren Criss และขวาคือ Andrew Cunanan

2.การเก็บ Details และรายละเอียดทำได้ดีอย่างเหลือเชื่อ จนทำให้ผู้ชมรู้สึกจิตตกและหดหู่
ผู้ผลิตซีรีส์ชุดนี้ขึ้นชื่อเรื่องการเก็บรายละเอียดเล็กน้อยจากเหตุการณ์จริงอยู่แล้ว
แต่เราต้องขอคารวะในทุกๆดีเทล เพราะเหตุการณ์ในซีรีส์มันเหมือนกับเหตุการณ์จริงจนเราได้ดื่มด่ำประสบการณ์ที่เหมือนดูสารคดี 
การจำลองฉากในยุค 90 ว่ายากแล้ว การถ่ายทำในสถานที่คล้ายจริงนั้นยากยิ่งกว่า เพราะบางซีน ทีมงานต้องใช้เทคนิคพิเศษเพื่อให้โลเคชั่นหรือสภาพแวดล้อมนั้นตรงหรือใกล้เคียงกับของเดิมเอามากๆ
ป้ายประกาศจับ Andrew  Cunanan
ป้ายประกาศจับในซีรีส์ (อันนี้บอกเลยว่าตอนแรกไม่ได้สังเกตว่ามันเหมือนกันขนาดนี้ แต่ไปอ่านข่าวมาเพิ่มถึงกับเห้ย เพาะป้ายนี้ในซีรีส์คือเห็นแว้บๆเอง)

หลักฐานต่างๆในที่เกิดเหตุจริงก็มีปรากฏในเนื้อเรื่องแทบทุกอย่าง บทสนทนา พยานที่เห็นเหตุการณ์ มีมาครบหมด แถมยังคล้ายกับบุคคลจริงอีกต่างหาก
ช่วงที่ดูอยู่ก็มีเอ๊ะบ้าง ว่าทำไมต้องมีฉากแบบนี้แบบนั้น พอไปอ่านเพิ่มถึงรู้ว่า เหตุการณ์จริงๆมันมีจุดนี้เกิดขึ้นด้วย
ในซีรีส์มันมีจุดที่เหมือนจริงเยอะมากๆ เอามาให้ดูไม่หมด อยากให้ลองไปดูกันนะ

ผลพวงจากความเหมือนจริงในทุกดีเทลนี้เอง ส่งผลกระทบต่อผู้ชมอยางมาก โดยเฉพาะเราเอง คือแม้ตัวซีรีส์จะมีแค่ 9 ตอน แต่เราใช้เวลาดูไปอาทิตย์กว่าๆ
เพราะมันหดหู่เกินจะทนดูไหว เราแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือเรื่องจริง อะไรคือจุดที่เพิ่มเติมเข้ามาเพื่ออรรถรส 
แน่นอนว่า core หลักๆของเนื้อหามันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เหลือเชื่อว่านี่คือชะตากรรมที่เหยื่อของแอนดรูว์ต้องพบเจอ
ยิ่งไปเปิดดูรูปพวกแฟ้มคดี และรุปในข่าวยิ่งหดหู่ เราจิตตกและนอนไม่หลับอยู่หลายวัน
เหยื่อฆาตกรรมของแอนดรูว์ คูนาแนน คือแบบนี้อะ ฆ่ากันได้ลงคอเลยเหรอ TT

ถ้าถามว่าข้อเสียของซีรีส์นี้มีไหม ก็จะตอบว่า มันเหมือนจริงเกินไปโว้ย กุกลัว

3.การแคสตัวละครที่ AMAZING มากๆ 
แน่นอนว่า ถึงบทหนังจะดี ทีมงานจะดี เก็บดีเทลดี แต่ถ้านักแสดงเอาบทไม่อยู่ 
ซีรีส์นี้จะไม่ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ดีได้เลย มหัศจรรย์ที่ตัวละครทุกตัวที่แคสมา เหมือนเกิดมาเพื่อรับบทในซีรีส์โดยเฉพาะ
ทุกอย่างทำให้เราเชื่อไปหมดเลย และเริ่มแยกไม่ออกแล้ว ฮือ ช่วยด้วย
อันนี้คือตัวอย่างเปรียบเทียบ โดยเฉพาะเวอร์ซาเช เราว่าเหมือนมากจริงๆนะให้ตายยยย

อันนี้คือเหตุผลที่เราอยากชวนคนที่ไม่เคยดูให้ไปลองดูกัน ซีรีส์ชุเนี้ทำได้ดีมาก และถ้าจะให้ดี ตามไปดุ ซีซัน 1 ด้วยนะ
อันนั้นเราชอบมากกว่าซีซันนี้อีก เป็นเรื่องของ นักกีฬาซูเปอร์สตาร์ O.J. Simpson ที่ถูกฟ้องศาลคดีฆาตกรรมภรรยาตัวเอง
ซึ่งไปสุดมากๆ เพราะหลักฐาน พยาน รวมถึงฟุตเทจต่างๆมีเยอะกว่าคดีนี้ เนื่องจาดเป็นที่สนใจของประชาชน เป็นคดีดังมาก 

ดูจบแล้วเป็นยังไงแวะมาคุยกันได้นะ

สุดท้ายๆๆๆ ขอฝากหน่อยจ้า (ว่าแล้ว)
เป็นเพจเราเอง
เป็นเพจเล็กๆ เล็กมากๆ คนกดไลค์ตอนนี้ 20 คน
ไม่ใช่เพจรีวิวหนัง แต่เกี่ยวกับ trivia หรือข้อมูลเชิงลึกบ้างไม่ลึกบ้าง ของหนัง ซีรีส์  หนังสือ บลาๆต่างๆแล้วแต่จะหามาได้
เพิ่งเปิดไปเมื่อวาน ตอนแรกกะทำเล่นๆ แต่ถ้าไม่มีคนมาคุยด้วยก็เหงาน่าดู อยากให้มีคนไปแลกเปลี่ยนความเห็นกันเยอะๆ เข้าไปเที่ยวในเพจเราได้นะ
ชื่อ Trivia Things 
https://www.facebook.com/triviathings/