ท่านเชื่อกฏแห่งกรรมไหม โดยเฉพาะกรรมที่ทำกับบุพการี ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม อยากให้ได้ลองอ่านเรื่องนี้ดู
ผมเป็นเป็นเด็กต่างจังหวัด มีพี่น้อง 3 คน เติบโตมากับสังคมเกษตรกรรม พ่อแม่เลี้ยงปลาเลี้ยงกุ้งขาย ฐานะที่บ้านก็ปานกลาง แม่ผม
เป็นคนขยันและประหยัดมากๆ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ต้องการเก็บไว้ให้ผมเรียนสูงๆ ในขณะที่พ่อเป็นคนขยัน แต่ใช้เงินเก่ง กล้า
ได้กล้าเสีย พ่อจึงนำเงินไปลงทุนค้าขาย เป็นพ่อค้าคนกลางซะเอง ได้กำไรค่อนข้างสูง พ่อผมเป็นคนพูดจา เจรจาเก่งมาก ทำให้ติดต่อ
ค้าขาย ได้คล่องแคล่ว ทำให้รู้จักผู้คนมากหน้าหลายตา
ณ จุดนี้ ผมเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่บ้าน พ่อเริ่มเปลี่ยนไป บางวันไม่กลับบ้าน หรือ ออกจากบ้านตอนสี่โมงเย็น แล้วกลับ
มาอีกทีตอนสิบโมง ทำให้แม่กับพ่อเริ่มทะเลาะกัน พ่อจะบอกเสมอว่าพ่อออกไปทำงานค้าขาย ให้เชื่อใจกันเถอะ ไม่ได้ออกไปทำอะไร
เสียหาย ที่ทำไปก็เพื่อลูกเพื่อเมียทั้งนั้น สถานการณ์ก็ยังทรงๆ อยู่แบบนี้ไปอีกนานหลายปีมากๆ และพ่อกับแม่จะทะเลาะกันเรื่องนี้เป็น
ประจำ ทำให้ผมกับน้องๆ เบื่อกับเรื่องนี้มากๆ
มีวันนึงผมเบื่อจนทนไม่ไหว ผมต้องรู้ให้ได้ว่า พ่อออกจากบ้านไปไหนตอนดึกๆ แล้วกลับเช้า ออกไปค้าขายจริงๆหรือเปล่า ผมเลยคิด
ว่าต้องหาใครซักคนสืบเรื่องนี้ให้ผม คิดไปคิดมาจึงจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างช่วยสืบว่าพ่อไปไหนบ้าง จนได้ความว่าพ่อซื้อคอนโดอยู่
อีกที่นึง กับ ผู้หญิงรุ่นลูกคนนึง ทั้งหมดนี้ได้หลักฐานมาเป็นรูปถ่ายชัดเจน
ผมไม่สนเลยว่าถ้าพ่อกับแม่ต้องแยกทางกันจะเป็นอย่างไร ผมคิดว่าแม่และน้องก็อยากให้เรื่องที่พ่อนี้ จบๆ ไปซะที ผมไม่รอช้า เอา
เรื่องนี้ไปบอกแม่และน้องๆ แม่โมโหมาก แม่รู้สึกว่าถูกหักหลังมานานหลายปี สุดท้ายพ่อและแม่จบกันด้วยการหย่า ในวันที่พ่อขน
ของออกจากบ้าน ผมจำได้ดีว่าผมคุยอะไรกับพ่อ พ่อบอกว่า ดูพ่อเป็นตัวอย่างไว้นะ ต่อไปอย่าทำแบบพ่อ ผมตอบว่า ครับ ผมจะจำ
เรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน และจะไม่ทำแบบพ่อเด็ดขาด
บ้านที่ผมหวังว่าจะสงบสุข เพราะไม่ต้องมีพ่อกับแม่ทะเลาะกันอีกต่อไปแล้ว ก็ถือว่าบ้านผมสงบ แต่ มันไม่สุข เพราะแม่ยังคงเสียใจ
อยู่มาก จากการที่รู้ความจริงว่าถูกคนที่จะฝากชีวิตไว้นอกใจ ผมและน้องได้แต่คอยให้กำลังใจ พาท่านไปเที่ยว ไปทานอาหารดี ผ่าน
ไปหลายปีท่านเข้มแข็งขึ้นมาก ท่านก็ชราลงไปตามกาลเวลา ส่วนผมโตขึ้นเรื่อยๆ จนมีครอบครัว
ผมสัญญากับตัวเองว่าจะรักภรรยาผม และอยู่ด้วยกันไปกว่าจะตายจากกันไป ผมมั่นใจ 100% ว่าผมไม่มีทางปันใจให้ใครคนอื่นเป็น
อันขาด ถึงแม้ระหว่างทางจะมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้ามา ผมไม่เคยสนใจ เลิกงานผมกลับบ้านทันที เสาร์อาทิตย์ใช้เวลากับภรรยาผม
24 ชั่วโมง เป็นแบบนี้ได้ซัก 10 ปี
จนกระทั่งผู้หญิงคนนึงเข้ามาในชีวิตผม เป็นเด็กที่เพิ่งจบแล้วมาทำงานต่างแผนกกับผม สมมุติว่า เธอชื่อ ปลา เด็กกว่าผม 15 ปี เธอน่า
รักมาก ตรงสเปคผมทุกอย่าง เราคุยกัน และผมแอบชอบเธอโดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัวว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกทีผมก็โงหัวไม่ขึ้นแล้ว คำ
พูดของพ่อผม และ คำมั่นสัญญาที่ผมเคยให้ไว้มันก้องอยู่ในหัวผม พ่อเคยทำผิดพลาดมาแล้ว นี่ผมยังจะทำแบบเดียวกับพ่อผมเองเหรอ
ตอนนั้นทุกลมหายใจเข้าออกของผมมีแต่ปลา จนผมละเลยการเอาใจใส่ภรรยา คิดว่าเธอน่าจะรู้ว่าผมเปลี่ยนไป กลางคืนผมนอนไม่
ค่อยหลับ ตื่นกลางดึกทุกคืน คิดถึงแต่ปลา อยากให้เช้าเร็วๆ จะได้ไปเจอกัน เป็นแบบนี้อยู่ 4-5 เดือน แล้วผมก็โกหกภรรยาผมว่าไป
สัมมนาต่างจังหวัด แต่จริงๆผมแอบไปเที่ยวกับปลา แล้วเลยเถิดจนมีอะไรกัน
ผมรู้สึกผิดและพยายามปิดเรื่องนี้กับภรรยาผม แต่ของแบบนี้ปิดไม่อยู่จริงๆ วันนึงภรรยาเดินมาถามว่า ผมยังรักเค้าเหมือนเดิมมั๊ย และ
ผู้หญิงชื่อปลาคือใคร ยอมรับว่าวินาทีนั้น ผมหน้าชา รู้เลยว่าหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าผมกลัวที่ผมทำผิด แต่ผมกลัว
ว่าภรรยาผมจะเสียใจมากกว่า สุดท้ายเธอไม่ได้ต่อว่าอะไรผมมากมายอย่างที่ผมคิดไว้ เธอนิ่งและเย็นชามากๆ ถึงแม้ผมพยายามปรับ
ปรุงตัวอย่างไร เธอก็ไม่ให้อภัยผม
สุดท้ายเรื่องจบลงที่การหย่าร้าง วันหย่า เธอบอกผมว่าเธอรู้เรื่องผมกับปลา จากการที่ปลาโทรมาบอก ผมไม่รู้ว่าปลาทำแบบนั้นทำไม ผม
ไม่โทษใคร ได้แต่โทษตัวเอง ผมทำตัวผมเอง ตอนนี้ผมไม่เหลือใคร แฟนผมกลับไปอยู่กับพี่น้องที่ต่างจังหวัด ส่วนปลาไปมีแฟนเป็นหนุ่มหล่อแผนก
เดียวกัน ส่วนผมก็แก่ลงทุกวัน ชีวิตผมนับจากวันนั้นไม่เคยมีวันไหนที่มีความสุขอีกเลย
การที่บอกว่าสิ่งที่ผมต้องเจออยู่นี้เป็นเพราะบาปกรรมจากการที่ผมทำให้พ่อแม่ต้องแยกทางกัน บางทีก็เป็นการโยนความผิดอยู่หน่อยๆ แต่
มันก็อดคิดแบบนั้นไม่ได้จริงๆ ทั้งที่ทุกอย่างเกิดขึ้นจากตัวผมเองทั้งนั้น ถึงแม้ว่าผมจะไม่สามารถลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ ก็ได้แต่หวัง
ว่าซักวันนึงผมจะยอมรับและใช้ชีวิตต่อไปได้โดยไม่ต้องรู้สึกเจ็บแปรบๆ ตรงขั้วหัวใจทุกครั้งที่ฉุกคิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมา
ผลกรรมที่ผมทำให้พ่อแม่ต้องแยกทางกรรมในวันนั้น ทำให้ผมกับภรรยาต้องหย่าร้างกันในวันนี้ ใช่หรือไม่?
ผมเป็นเป็นเด็กต่างจังหวัด มีพี่น้อง 3 คน เติบโตมากับสังคมเกษตรกรรม พ่อแม่เลี้ยงปลาเลี้ยงกุ้งขาย ฐานะที่บ้านก็ปานกลาง แม่ผม
เป็นคนขยันและประหยัดมากๆ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ต้องการเก็บไว้ให้ผมเรียนสูงๆ ในขณะที่พ่อเป็นคนขยัน แต่ใช้เงินเก่ง กล้า
ได้กล้าเสีย พ่อจึงนำเงินไปลงทุนค้าขาย เป็นพ่อค้าคนกลางซะเอง ได้กำไรค่อนข้างสูง พ่อผมเป็นคนพูดจา เจรจาเก่งมาก ทำให้ติดต่อ
ค้าขาย ได้คล่องแคล่ว ทำให้รู้จักผู้คนมากหน้าหลายตา
ณ จุดนี้ ผมเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่บ้าน พ่อเริ่มเปลี่ยนไป บางวันไม่กลับบ้าน หรือ ออกจากบ้านตอนสี่โมงเย็น แล้วกลับ
มาอีกทีตอนสิบโมง ทำให้แม่กับพ่อเริ่มทะเลาะกัน พ่อจะบอกเสมอว่าพ่อออกไปทำงานค้าขาย ให้เชื่อใจกันเถอะ ไม่ได้ออกไปทำอะไร
เสียหาย ที่ทำไปก็เพื่อลูกเพื่อเมียทั้งนั้น สถานการณ์ก็ยังทรงๆ อยู่แบบนี้ไปอีกนานหลายปีมากๆ และพ่อกับแม่จะทะเลาะกันเรื่องนี้เป็น
ประจำ ทำให้ผมกับน้องๆ เบื่อกับเรื่องนี้มากๆ
มีวันนึงผมเบื่อจนทนไม่ไหว ผมต้องรู้ให้ได้ว่า พ่อออกจากบ้านไปไหนตอนดึกๆ แล้วกลับเช้า ออกไปค้าขายจริงๆหรือเปล่า ผมเลยคิด
ว่าต้องหาใครซักคนสืบเรื่องนี้ให้ผม คิดไปคิดมาจึงจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างช่วยสืบว่าพ่อไปไหนบ้าง จนได้ความว่าพ่อซื้อคอนโดอยู่
อีกที่นึง กับ ผู้หญิงรุ่นลูกคนนึง ทั้งหมดนี้ได้หลักฐานมาเป็นรูปถ่ายชัดเจน
ผมไม่สนเลยว่าถ้าพ่อกับแม่ต้องแยกทางกันจะเป็นอย่างไร ผมคิดว่าแม่และน้องก็อยากให้เรื่องที่พ่อนี้ จบๆ ไปซะที ผมไม่รอช้า เอา
เรื่องนี้ไปบอกแม่และน้องๆ แม่โมโหมาก แม่รู้สึกว่าถูกหักหลังมานานหลายปี สุดท้ายพ่อและแม่จบกันด้วยการหย่า ในวันที่พ่อขน
ของออกจากบ้าน ผมจำได้ดีว่าผมคุยอะไรกับพ่อ พ่อบอกว่า ดูพ่อเป็นตัวอย่างไว้นะ ต่อไปอย่าทำแบบพ่อ ผมตอบว่า ครับ ผมจะจำ
เรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน และจะไม่ทำแบบพ่อเด็ดขาด
บ้านที่ผมหวังว่าจะสงบสุข เพราะไม่ต้องมีพ่อกับแม่ทะเลาะกันอีกต่อไปแล้ว ก็ถือว่าบ้านผมสงบ แต่ มันไม่สุข เพราะแม่ยังคงเสียใจ
อยู่มาก จากการที่รู้ความจริงว่าถูกคนที่จะฝากชีวิตไว้นอกใจ ผมและน้องได้แต่คอยให้กำลังใจ พาท่านไปเที่ยว ไปทานอาหารดี ผ่าน
ไปหลายปีท่านเข้มแข็งขึ้นมาก ท่านก็ชราลงไปตามกาลเวลา ส่วนผมโตขึ้นเรื่อยๆ จนมีครอบครัว
ผมสัญญากับตัวเองว่าจะรักภรรยาผม และอยู่ด้วยกันไปกว่าจะตายจากกันไป ผมมั่นใจ 100% ว่าผมไม่มีทางปันใจให้ใครคนอื่นเป็น
อันขาด ถึงแม้ระหว่างทางจะมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้ามา ผมไม่เคยสนใจ เลิกงานผมกลับบ้านทันที เสาร์อาทิตย์ใช้เวลากับภรรยาผม
24 ชั่วโมง เป็นแบบนี้ได้ซัก 10 ปี
จนกระทั่งผู้หญิงคนนึงเข้ามาในชีวิตผม เป็นเด็กที่เพิ่งจบแล้วมาทำงานต่างแผนกกับผม สมมุติว่า เธอชื่อ ปลา เด็กกว่าผม 15 ปี เธอน่า
รักมาก ตรงสเปคผมทุกอย่าง เราคุยกัน และผมแอบชอบเธอโดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัวว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกทีผมก็โงหัวไม่ขึ้นแล้ว คำ
พูดของพ่อผม และ คำมั่นสัญญาที่ผมเคยให้ไว้มันก้องอยู่ในหัวผม พ่อเคยทำผิดพลาดมาแล้ว นี่ผมยังจะทำแบบเดียวกับพ่อผมเองเหรอ
ตอนนั้นทุกลมหายใจเข้าออกของผมมีแต่ปลา จนผมละเลยการเอาใจใส่ภรรยา คิดว่าเธอน่าจะรู้ว่าผมเปลี่ยนไป กลางคืนผมนอนไม่
ค่อยหลับ ตื่นกลางดึกทุกคืน คิดถึงแต่ปลา อยากให้เช้าเร็วๆ จะได้ไปเจอกัน เป็นแบบนี้อยู่ 4-5 เดือน แล้วผมก็โกหกภรรยาผมว่าไป
สัมมนาต่างจังหวัด แต่จริงๆผมแอบไปเที่ยวกับปลา แล้วเลยเถิดจนมีอะไรกัน
ผมรู้สึกผิดและพยายามปิดเรื่องนี้กับภรรยาผม แต่ของแบบนี้ปิดไม่อยู่จริงๆ วันนึงภรรยาเดินมาถามว่า ผมยังรักเค้าเหมือนเดิมมั๊ย และ
ผู้หญิงชื่อปลาคือใคร ยอมรับว่าวินาทีนั้น ผมหน้าชา รู้เลยว่าหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าผมกลัวที่ผมทำผิด แต่ผมกลัว
ว่าภรรยาผมจะเสียใจมากกว่า สุดท้ายเธอไม่ได้ต่อว่าอะไรผมมากมายอย่างที่ผมคิดไว้ เธอนิ่งและเย็นชามากๆ ถึงแม้ผมพยายามปรับ
ปรุงตัวอย่างไร เธอก็ไม่ให้อภัยผม
สุดท้ายเรื่องจบลงที่การหย่าร้าง วันหย่า เธอบอกผมว่าเธอรู้เรื่องผมกับปลา จากการที่ปลาโทรมาบอก ผมไม่รู้ว่าปลาทำแบบนั้นทำไม ผม
ไม่โทษใคร ได้แต่โทษตัวเอง ผมทำตัวผมเอง ตอนนี้ผมไม่เหลือใคร แฟนผมกลับไปอยู่กับพี่น้องที่ต่างจังหวัด ส่วนปลาไปมีแฟนเป็นหนุ่มหล่อแผนก
เดียวกัน ส่วนผมก็แก่ลงทุกวัน ชีวิตผมนับจากวันนั้นไม่เคยมีวันไหนที่มีความสุขอีกเลย
การที่บอกว่าสิ่งที่ผมต้องเจออยู่นี้เป็นเพราะบาปกรรมจากการที่ผมทำให้พ่อแม่ต้องแยกทางกัน บางทีก็เป็นการโยนความผิดอยู่หน่อยๆ แต่
มันก็อดคิดแบบนั้นไม่ได้จริงๆ ทั้งที่ทุกอย่างเกิดขึ้นจากตัวผมเองทั้งนั้น ถึงแม้ว่าผมจะไม่สามารถลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ ก็ได้แต่หวัง
ว่าซักวันนึงผมจะยอมรับและใช้ชีวิตต่อไปได้โดยไม่ต้องรู้สึกเจ็บแปรบๆ ตรงขั้วหัวใจทุกครั้งที่ฉุกคิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมา