13 ข้อดี ฟีเจอร์ Galaxy Note 10 Plus
หลังจากถอย Note 10 Plus มาได้หนึ่งสัปดาห์เต็ม (พร้อมขายไตไปละ ฮ่า) เพื่อมาแทนที่ Galaxy Note 8 ที่ใช้มาประมาณ สองปี วันนี้แมวนูนอยากจะมาแบ่งปัน 13 ข้อดี ฟีเจอร์ที่รู้สึกว่า เป็นลักษณะเด่นของ Note 10 Plus ที่แตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมา (ผมข้ามรุ่น Note 9 ไปเพราะรู้สึกว่ามันไม่ต่างจาก Note 8 มากครับ) เพราะฉะนั้นนี้จะเป็นความรู้สึกของคนที่ใช้กระโดดรุ่นแบบเลขคู่มา ความรู้สึกจะเปลี่ยนแปลงเยอะหน่อย เผื่อสำหรับคนที่กำลังอยากได้ และกำลังคิดหนักว่ามันจะคุ้มกับการราคาค่าตัวที่สูงมากมั้ย วันนี้ผมอยากจะแชร์ครับ
ดูเป็นวิดิโอตรงนี้ครับ
1. หน้าจอใหญ่
ความละเอียดสูง กว้าง ทำให้ในโหมดแนวนอน เหมาะมากกับการดูหนังผ่าน Netflix ดู Youtube ดูวิดิโอ ในชีวิตประจำวัน ความรู้สึกตอนดูเหมือนเราถือหนังไว้ในมือแบบเต็มๆ คุณภาพของหน้าจอมีความใส เมื่อเอามาเล่นเกม ปุ่มไม่เบียดกัน คนนิ้วใหญ่ มืออ้วนแบบผม รู้สึกว่า บังคับง่ายกว่าจอรุ่นก่อน เมื่อใช้ในแนวตั้งเนื่องจากหน้าจอมันยาวขึ้น ทำให้มีพื้นที่ในการแสดงภาพและตัวหนังสือเยอะ ในการอ่าน อีบุ๊ค อ่านข่าว เล่นไลน์ เล่น Facebook ความรู้สึกโดยรวมคือมันพรีเมียมมากๆ สะใจ สบายตา อิ่มตามากครับ
2. Note 10 Plus มาพร้อมลำโพงสี่ตัวด้านละสองแบบ Stereo
ทำให้ ไม่ว่าเราจะเอามือปิดยังไงเสียงก็ออกมาแน่นอนจากทั้งสองข้าง ผมเอาดู Youtube ก็ไม่มีปัญหานิ้วไปอุดลำโพง หรือเสียงไม่ดัง แบบในรุ่นเก่า เรื่องความดังของเสียง ผมพบว่าเสียงดังมากเพียงพอในการฟังในห้องน้ำ ฟังในห้องครัว เปิดคนเดียวชิวๆ เป็นเพื่อนแก้เหงา หรือดังเพียงพอในการดูหนัง (ผมตัดวิดิโอก็ใช้เปิดจากลำโพงของโน้ต เหมือนกัน) แต่ก็มีในหลายกลุ่มผู้ใช้ที่บ่นว่าเสียงไม่ค่อยดัง ผมเสนอว่าลองจูนโดยใช้ Adaptive Sound ที่เป็น Built-in App ที่ติดมากับเครื่องเพื่อปรับความถี่เสียงให้ตรงกับหูเรา อาจจะส่งบางความถี่ให้เราได้ยินชัดขึ้น หรือการใส่เคส/ติดฟิลม์อาจจะไปบัง ตำแหน่งของรู้ลำโพง ในบางท่านเสนอว่า การเปิด-ปิด Dolby Atmos ก็อาจจะช่วยเพิ่มหรือลดความดังได้ครับ
3. กล้องดีที่สุดในสามโลก
สำหรับ Youtuber สมัครเล่นแบบผมนี่เป็นมือถือที่เป็นเครื่องมือที่ทำให้ผมทำงานสะดวกขึ้นเยอะมากครับ กล้องหน้ามาพร้อม Effect หลายแบบ
(ที่ใช้เยอะที่สุดคือหน้าชัดหลังเบลอ) มุมกว้างกว่ารุ่นเก่า ทำให้ภาพออกมาดูมีระยะสบายตา สำหรับการถ่าย VLOG ส่วนกล้องหลังมาพร้อมสามระยะ คือ ใกล้ กลาง กว้าง ครบครันสำหรับการถ่ายวิดิโอ ภาพที่ได้มีความใส คล้ายๆ ภาพที่ถ่ายจากกล้องโปร
ในส่วนการถ่ายภาพนิ่ง ผมไม่ได้เน้นมาก เพราะไม่ได้ใช้เยอะ นอกจากการถ่ายบันทึกในชีวิตประจำวัน และ ถ่ายภาพปกวิดิโอ Youtube เลยให้ความเห็นไม่ได้ แต่สำหรับผู้ใช้กล่องทั่วไป ผมพึงพอใจกับคุณภาพมันมากครับ
ดูวิดิโอรีวิวเรื่องกล้องได้ที่นี่ครับ
4. S-Pen ควบคุมการทำงานของกล้อง
ช่วยให้คนถ่ายวิดิโอคนเดียว คนที่ถ่ายวิดิโอแล้วคุยกับกล้อง ทำงานสะดวกมาก เพราะสามารถใช้เป็นรีโมทกดสั่งอัดได้เลยโดยไม่ต้องลุกไปกดอัดที่มือถือ
(ซึ่งหลายครั้งมันทำให้กล้องสั่นด้วย) และยังสามารถใช้ในการควบคุมการนำเสนอ Powerpoint ทั้งสั่งสไลด์เลื่อนไปข้างหน้า ถอยหลัง เขียนลงไปในการนำเสนอแบบสดๆ เป็นเครื่องมือที่ดีมาก สำหรับ คนที่ต้องนำเสนอบ่อยๆ เป็นอาจารย์ เป็นคุณครู นำเสนอลูกค้า ดีมากครับ
5. เสียงหูฟัง AKG USB-C ที่แถมมาเสียงดีมาก น่าประทับใจ
ตอนซื้อมาตอนแรกผมแอบเสียใจเล็กน้อยที่มาเลือกของแถมเป็นหูฟังไร้สายของSamsung Galaxy Buds แต่พอได้เอา AKG In-Ears ตัวนี้มาใช้
ไม่เสียใจละ (ฮ่า) มันเป็นหูฟังที่ทำให้ช่วงเวลาออกกำลังกายของผมมีความสุขมาก เพราะว่าคุณภาพเสียงมันดี ทำให้เกิดความฟินในระหว่างการออกกำลังกาย และมันยังป้องกันเสียงรบกวนภายนอกในฟิตเนสได้ดี และยังใส่สบายไม่อึดอัดด้วย เรียกได้ว่าเป็นหูแถมที่ ซัมซุงใส่ใจมาก ไม่ใช่แถมมาให้มีเหมือนในบางรุ่นแล้วเราต้องไปหาซื้อเพิ่ม แต่ใช้งานได้ดี น่าประทับใจครับ
ดูรีวิววิดิโอเรื่องเสียงหูฟังได้ที่นี่ครับ ชอบเสียงมันมาก
6. ไมโครโฟนกล้องหน้าดีมาก
ทำให้ไม่ต้องต่อไมค์นอกเพิ่ม ซึ่งจะแก้ปัญหาเรื่องการที่ต้องไปหา USB-C to 3.5 mm Adapter ให้วุ่นวาย ทำให้คนที่อยาก VLOG เดินไป เห็นหน้าตัวเองไป คุยไป ก็ไม่ต้องกังวลว่า คนดูไลฟ์จะไม่ได้ยินเรา ดูดเสียงได้ดีมาก ในขณะที่ หากอัดวิดิโอธรรมดา นั่งพูดกับกล้องในห้องคนเดียว เสียงก็มีความคมชัดมาก ใส Clear เป็นสิ่งที่รุ่นเก่าๆ ให้ไม่ได้
7. Digital Wellness เปลี่ยนหน้าจอเป็นสีเทาตามการตั้งเวลาของเราพร้อมปิด Notifications ทั้งหมด
เพื่อส่งเราเข้านอน ทำให้เราใช้มือถือก่อนนอนน้อยลง จอสีเทามีผลทำให้เราหลับง่ายขึ้นมากๆ เป็นฟีเจอร์น่ารักที่ Samsung เอาใส่มาเพื่อห่วงใหญ่คนใช้ และมันใช้ได้จริงครับ ผมหลับง่ายขึ้นมาก ไม่ไถนาน
ดูวิดิโอรีวิวเรื่อง Digital Wellness ได้ที่นี่ครับ
8. Screen Recorder ที่อนุญาตให้เราสามารถอัดทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนหน้าจอเราแบบสดๆ
เช่น วิดิโอที่เราดู หรือเห็นภาพที่เรากำลังวาด พร้อมเห็นหน้าเราจากกล้องหน้า พร้อมบันทึกเสียงเราของเรา และให้เราสามารถเขียนคอมเมนท์ หรือ เขียนภาพลงไปในวิดิโอที่เรากำลังดู เป็นฟีเจอร์ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถทำคอนเทนต์ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการ Cast เกม หรือ การ Streaming
การทำ Podcast หรือแม้แต่การทำ บทเรียนออนไลน์ก็สามารถทำได้ เป็นฟีเจอร์ที่คนอยากทำสื่อต้องเอนจอยกับการใช้แน่นอน
ดูวิดิโอรีวิว Screen Recorder ได้ที่นี่ครับ
9. แผงควบคุมใหม่ใช้งานง่าย
เพิ่ม Widget สำคัญๆ เช่น Screen Recorder / Wireless PowerShare/ Wifi Direct/ การลิงค์กับ Windows/ QR Code Scanner/ Dolby Atmos เข้ามา ทำให้เราเปิดปิดได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องไปงมหา เข้าเมนูหลายชั้นเมื่อใช้งาน
10. ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้จับถนัดขึ้น ไม่ลื่น
ฟีเจอร์นี้สำหรับหลายคนอาจจะเฉยๆ แต่สายคอมมานโดไม่ใส่อะไรเลยแบบผมชอบมันมาก (ฮ่า) ผมไม่ใส่เคส ไม่ติดฟิล์มกันรอย เพราะอยากสัมผัสตัวเนื้อเครื่องจริงๆ ตลอดเวลา ด้วยความคิดแบบนี้ทำให้ ผมทำ Note 8 ลื่นหล่นจากระเป๋ากางเกง ตกและทำให้กระจกด้านหลังแตกมาแล้ว เสียใจและเสียดายมาก แต่ด้วยการออกแบบ Note 10 Plus ที่ขอบมันจะมีเหมือนสันออกมานิดๆ ทำให้จับกระชับมือขึ้น ถือแล้วมั่นใจ ไม่ลื่นมากครับ
(มีหลายท่านคุยกันในกลุ่มหลายกลุ่มเรื่องการติดฟิลม์กันรอยแบบ UV อยู่ แล้วทำให้ไม่สามารถสแกนลายนิ้วมือได้ จริงๆ มันมีวิธีติดอยู่ครับ คือต้องติดอบกาวช่วงบนก่อน แล้วสแกนนิ้ว แล้วค่อยติดต่อครับ แต่ต้องได้คนติดที่ชำนาญ ลองค้นดูในกลุ่มผู้ใช้ Note 10 / 10+ ต่างๆ ครับ)
แต่ในความเห็นของผม รุ่นนี้ติดฟิลม์มาจากโรงงานอยู่แล้วนะครับ ไม่ต้องติดเพิ่มก็แข็งแรงมากแล้ว มีคนทำวิดิโอเอาของมีคมขูดหลายอย่างก็ยากที่จะเป็นรอยครับ – แต่มือถือของท่านครับ เอาที่สบายใจ ฮ่า
11. Wireless PowerShare ใช้งานได้สะดวกดี
ผมเอาชาร์จกับ Gear S3 ของผม โดยวางโทรศัพท์คว่ำหน้าไว้ แล้วเปิดไวร์เลสพาวเวอร์แชร์ แล้วเอานาฬิกาว่างชาร์จได้สบายครับ ปล่อยทิ้งไว้ทั้งคืน ทำให้บนโต๊ะทำงานสายไฟและฐานชาร์จนาฬิกาหายไปหนึ่งเส้น สะอาดตาเพิ่มครับ (ไปรกตุ๊กตาแทนฮ่า)
12. Super Fast Charging ชาร์จได้เร็วจริงครับ
ผมใช้อะแดปเตอร์ที่แถมมากับเครื่องเลยไม่ได้ ซื้อใหม่ที่ Watt สูงกว่ามาใช้ก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้ว เพียงตอนเช้าคุณตื่นมาแล้วชาร์จไว้ ระหว่างทำธุระส่วนตัวตอนเช้าประมาณ 45 นาทีก็เพียงพอที่จะทำให้ Note 10 Plus สามารถใช้งานได้ทั้งวันอย่างสบายครับ ใช้มายังไม่เจอปัญหาเรื่องแบตใกล้ระหว่างวันเลยครับ
13. ขนาดความจุที่ใหญ่เพียงพอ
ทำให้ผมใช้ Note 10 Plus ในการเป็นที่เก็บข้อมูลทุกด้านของชีวิตครับ (ผมใช้ขนาด 512 GB ครับ + 128 GB ของ SD Card ที่ซื้อเพิ่มเข้าไป) ทั้งวิดิโอที่ถ่ายทั้งหมดก็อยู่ในนี้ โดยไม่ต้องลบออกเลยทำให้เราสามารถใช้ฟุตเทจเก่าๆ กับวิดิโอใหม่ได้ง่าย ตัดวิดิโอก็ตัดบนมือถือ ข้อมูลงานที่นำเสนอทั้งหมดก็อยู่ในนี้ รวมไปถึงสมุดจดจากการประชุม ไอเดียการทำงานต่างๆ ก็อยู่นี้เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่า มาแทนที่ Notebook / Tablet ได้ประมาณหนึ่งเลยครับ แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมไม่มีคอมพิวเตอร์นะครับ ยังต้องการคอมพิวเตอร์ในการทำงาน และ ต้องการ Tablet เพื่อการเขียนอะไรที่มันต้องการวาดเพราะมีหน้าจอที่ใหญ่กว่า แต่สำหรับวันทำงานส่วนใหญ่ ที่เน้นการนำเสนอ จดประชุม Note 10 Plus เครื่องเดียวสะดวกกว่าครับ ไม่หนัก เบาสบาย
ดูวิดิโอสรุปว่า Note 10 Plus ดีมั้ยในความเห็นผมได้ที่นี่ครับ
จบแล้วครับสำหรับ 13 ข้อดี ฟีเจอร์ของโทรศัพท์มือถือเรือธงจากค่ายเกาหลี แต่เราไม่ได้มีแต่สิ่งที่ชอบนะครับ สิ่งที่เราคิดว่าน่าจะปรับปรุงพัฒนา หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นข้อเสียในสายตาผมก็มีเหมือนกันครับ ในตอนหน้าเราจะมาพูดถึงข้อเสียของเจ้า Android Smartphone ตัวนี้กันครับ
ติดตามผมที่ Playinone
https://www.playinone.com/members/maewnoon/
ติดตามผมที่เพจครับ
https://www.facebook.com/maewnoonyoutuber/
รีวิว 13 ข้อดี ฟีเจอร์ Galaxy Note 10 Plus หลังจากซื้อมาหนึ่งอาทิตย์
หลังจากถอย Note 10 Plus มาได้หนึ่งสัปดาห์เต็ม (พร้อมขายไตไปละ ฮ่า) เพื่อมาแทนที่ Galaxy Note 8 ที่ใช้มาประมาณ สองปี วันนี้แมวนูนอยากจะมาแบ่งปัน 13 ข้อดี ฟีเจอร์ที่รู้สึกว่า เป็นลักษณะเด่นของ Note 10 Plus ที่แตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมา (ผมข้ามรุ่น Note 9 ไปเพราะรู้สึกว่ามันไม่ต่างจาก Note 8 มากครับ) เพราะฉะนั้นนี้จะเป็นความรู้สึกของคนที่ใช้กระโดดรุ่นแบบเลขคู่มา ความรู้สึกจะเปลี่ยนแปลงเยอะหน่อย เผื่อสำหรับคนที่กำลังอยากได้ และกำลังคิดหนักว่ามันจะคุ้มกับการราคาค่าตัวที่สูงมากมั้ย วันนี้ผมอยากจะแชร์ครับ
ดูเป็นวิดิโอตรงนี้ครับ
1. หน้าจอใหญ่
ความละเอียดสูง กว้าง ทำให้ในโหมดแนวนอน เหมาะมากกับการดูหนังผ่าน Netflix ดู Youtube ดูวิดิโอ ในชีวิตประจำวัน ความรู้สึกตอนดูเหมือนเราถือหนังไว้ในมือแบบเต็มๆ คุณภาพของหน้าจอมีความใส เมื่อเอามาเล่นเกม ปุ่มไม่เบียดกัน คนนิ้วใหญ่ มืออ้วนแบบผม รู้สึกว่า บังคับง่ายกว่าจอรุ่นก่อน เมื่อใช้ในแนวตั้งเนื่องจากหน้าจอมันยาวขึ้น ทำให้มีพื้นที่ในการแสดงภาพและตัวหนังสือเยอะ ในการอ่าน อีบุ๊ค อ่านข่าว เล่นไลน์ เล่น Facebook ความรู้สึกโดยรวมคือมันพรีเมียมมากๆ สะใจ สบายตา อิ่มตามากครับ
2. Note 10 Plus มาพร้อมลำโพงสี่ตัวด้านละสองแบบ Stereo
ทำให้ ไม่ว่าเราจะเอามือปิดยังไงเสียงก็ออกมาแน่นอนจากทั้งสองข้าง ผมเอาดู Youtube ก็ไม่มีปัญหานิ้วไปอุดลำโพง หรือเสียงไม่ดัง แบบในรุ่นเก่า เรื่องความดังของเสียง ผมพบว่าเสียงดังมากเพียงพอในการฟังในห้องน้ำ ฟังในห้องครัว เปิดคนเดียวชิวๆ เป็นเพื่อนแก้เหงา หรือดังเพียงพอในการดูหนัง (ผมตัดวิดิโอก็ใช้เปิดจากลำโพงของโน้ต เหมือนกัน) แต่ก็มีในหลายกลุ่มผู้ใช้ที่บ่นว่าเสียงไม่ค่อยดัง ผมเสนอว่าลองจูนโดยใช้ Adaptive Sound ที่เป็น Built-in App ที่ติดมากับเครื่องเพื่อปรับความถี่เสียงให้ตรงกับหูเรา อาจจะส่งบางความถี่ให้เราได้ยินชัดขึ้น หรือการใส่เคส/ติดฟิลม์อาจจะไปบัง ตำแหน่งของรู้ลำโพง ในบางท่านเสนอว่า การเปิด-ปิด Dolby Atmos ก็อาจจะช่วยเพิ่มหรือลดความดังได้ครับ
3. กล้องดีที่สุดในสามโลก
สำหรับ Youtuber สมัครเล่นแบบผมนี่เป็นมือถือที่เป็นเครื่องมือที่ทำให้ผมทำงานสะดวกขึ้นเยอะมากครับ กล้องหน้ามาพร้อม Effect หลายแบบ
(ที่ใช้เยอะที่สุดคือหน้าชัดหลังเบลอ) มุมกว้างกว่ารุ่นเก่า ทำให้ภาพออกมาดูมีระยะสบายตา สำหรับการถ่าย VLOG ส่วนกล้องหลังมาพร้อมสามระยะ คือ ใกล้ กลาง กว้าง ครบครันสำหรับการถ่ายวิดิโอ ภาพที่ได้มีความใส คล้ายๆ ภาพที่ถ่ายจากกล้องโปร
ในส่วนการถ่ายภาพนิ่ง ผมไม่ได้เน้นมาก เพราะไม่ได้ใช้เยอะ นอกจากการถ่ายบันทึกในชีวิตประจำวัน และ ถ่ายภาพปกวิดิโอ Youtube เลยให้ความเห็นไม่ได้ แต่สำหรับผู้ใช้กล่องทั่วไป ผมพึงพอใจกับคุณภาพมันมากครับ
ดูวิดิโอรีวิวเรื่องกล้องได้ที่นี่ครับ
4. S-Pen ควบคุมการทำงานของกล้อง
ช่วยให้คนถ่ายวิดิโอคนเดียว คนที่ถ่ายวิดิโอแล้วคุยกับกล้อง ทำงานสะดวกมาก เพราะสามารถใช้เป็นรีโมทกดสั่งอัดได้เลยโดยไม่ต้องลุกไปกดอัดที่มือถือ
(ซึ่งหลายครั้งมันทำให้กล้องสั่นด้วย) และยังสามารถใช้ในการควบคุมการนำเสนอ Powerpoint ทั้งสั่งสไลด์เลื่อนไปข้างหน้า ถอยหลัง เขียนลงไปในการนำเสนอแบบสดๆ เป็นเครื่องมือที่ดีมาก สำหรับ คนที่ต้องนำเสนอบ่อยๆ เป็นอาจารย์ เป็นคุณครู นำเสนอลูกค้า ดีมากครับ
5. เสียงหูฟัง AKG USB-C ที่แถมมาเสียงดีมาก น่าประทับใจ
ตอนซื้อมาตอนแรกผมแอบเสียใจเล็กน้อยที่มาเลือกของแถมเป็นหูฟังไร้สายของSamsung Galaxy Buds แต่พอได้เอา AKG In-Ears ตัวนี้มาใช้
ไม่เสียใจละ (ฮ่า) มันเป็นหูฟังที่ทำให้ช่วงเวลาออกกำลังกายของผมมีความสุขมาก เพราะว่าคุณภาพเสียงมันดี ทำให้เกิดความฟินในระหว่างการออกกำลังกาย และมันยังป้องกันเสียงรบกวนภายนอกในฟิตเนสได้ดี และยังใส่สบายไม่อึดอัดด้วย เรียกได้ว่าเป็นหูแถมที่ ซัมซุงใส่ใจมาก ไม่ใช่แถมมาให้มีเหมือนในบางรุ่นแล้วเราต้องไปหาซื้อเพิ่ม แต่ใช้งานได้ดี น่าประทับใจครับ
ดูรีวิววิดิโอเรื่องเสียงหูฟังได้ที่นี่ครับ ชอบเสียงมันมาก
6. ไมโครโฟนกล้องหน้าดีมาก
ทำให้ไม่ต้องต่อไมค์นอกเพิ่ม ซึ่งจะแก้ปัญหาเรื่องการที่ต้องไปหา USB-C to 3.5 mm Adapter ให้วุ่นวาย ทำให้คนที่อยาก VLOG เดินไป เห็นหน้าตัวเองไป คุยไป ก็ไม่ต้องกังวลว่า คนดูไลฟ์จะไม่ได้ยินเรา ดูดเสียงได้ดีมาก ในขณะที่ หากอัดวิดิโอธรรมดา นั่งพูดกับกล้องในห้องคนเดียว เสียงก็มีความคมชัดมาก ใส Clear เป็นสิ่งที่รุ่นเก่าๆ ให้ไม่ได้
7. Digital Wellness เปลี่ยนหน้าจอเป็นสีเทาตามการตั้งเวลาของเราพร้อมปิด Notifications ทั้งหมด
เพื่อส่งเราเข้านอน ทำให้เราใช้มือถือก่อนนอนน้อยลง จอสีเทามีผลทำให้เราหลับง่ายขึ้นมากๆ เป็นฟีเจอร์น่ารักที่ Samsung เอาใส่มาเพื่อห่วงใหญ่คนใช้ และมันใช้ได้จริงครับ ผมหลับง่ายขึ้นมาก ไม่ไถนาน
ดูวิดิโอรีวิวเรื่อง Digital Wellness ได้ที่นี่ครับ
8. Screen Recorder ที่อนุญาตให้เราสามารถอัดทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนหน้าจอเราแบบสดๆ
เช่น วิดิโอที่เราดู หรือเห็นภาพที่เรากำลังวาด พร้อมเห็นหน้าเราจากกล้องหน้า พร้อมบันทึกเสียงเราของเรา และให้เราสามารถเขียนคอมเมนท์ หรือ เขียนภาพลงไปในวิดิโอที่เรากำลังดู เป็นฟีเจอร์ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถทำคอนเทนต์ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการ Cast เกม หรือ การ Streaming
การทำ Podcast หรือแม้แต่การทำ บทเรียนออนไลน์ก็สามารถทำได้ เป็นฟีเจอร์ที่คนอยากทำสื่อต้องเอนจอยกับการใช้แน่นอน
ดูวิดิโอรีวิว Screen Recorder ได้ที่นี่ครับ
9. แผงควบคุมใหม่ใช้งานง่าย
เพิ่ม Widget สำคัญๆ เช่น Screen Recorder / Wireless PowerShare/ Wifi Direct/ การลิงค์กับ Windows/ QR Code Scanner/ Dolby Atmos เข้ามา ทำให้เราเปิดปิดได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องไปงมหา เข้าเมนูหลายชั้นเมื่อใช้งาน
10. ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้จับถนัดขึ้น ไม่ลื่น
ฟีเจอร์นี้สำหรับหลายคนอาจจะเฉยๆ แต่สายคอมมานโดไม่ใส่อะไรเลยแบบผมชอบมันมาก (ฮ่า) ผมไม่ใส่เคส ไม่ติดฟิล์มกันรอย เพราะอยากสัมผัสตัวเนื้อเครื่องจริงๆ ตลอดเวลา ด้วยความคิดแบบนี้ทำให้ ผมทำ Note 8 ลื่นหล่นจากระเป๋ากางเกง ตกและทำให้กระจกด้านหลังแตกมาแล้ว เสียใจและเสียดายมาก แต่ด้วยการออกแบบ Note 10 Plus ที่ขอบมันจะมีเหมือนสันออกมานิดๆ ทำให้จับกระชับมือขึ้น ถือแล้วมั่นใจ ไม่ลื่นมากครับ
(มีหลายท่านคุยกันในกลุ่มหลายกลุ่มเรื่องการติดฟิลม์กันรอยแบบ UV อยู่ แล้วทำให้ไม่สามารถสแกนลายนิ้วมือได้ จริงๆ มันมีวิธีติดอยู่ครับ คือต้องติดอบกาวช่วงบนก่อน แล้วสแกนนิ้ว แล้วค่อยติดต่อครับ แต่ต้องได้คนติดที่ชำนาญ ลองค้นดูในกลุ่มผู้ใช้ Note 10 / 10+ ต่างๆ ครับ)
แต่ในความเห็นของผม รุ่นนี้ติดฟิลม์มาจากโรงงานอยู่แล้วนะครับ ไม่ต้องติดเพิ่มก็แข็งแรงมากแล้ว มีคนทำวิดิโอเอาของมีคมขูดหลายอย่างก็ยากที่จะเป็นรอยครับ – แต่มือถือของท่านครับ เอาที่สบายใจ ฮ่า
11. Wireless PowerShare ใช้งานได้สะดวกดี
ผมเอาชาร์จกับ Gear S3 ของผม โดยวางโทรศัพท์คว่ำหน้าไว้ แล้วเปิดไวร์เลสพาวเวอร์แชร์ แล้วเอานาฬิกาว่างชาร์จได้สบายครับ ปล่อยทิ้งไว้ทั้งคืน ทำให้บนโต๊ะทำงานสายไฟและฐานชาร์จนาฬิกาหายไปหนึ่งเส้น สะอาดตาเพิ่มครับ (ไปรกตุ๊กตาแทนฮ่า)
12. Super Fast Charging ชาร์จได้เร็วจริงครับ
ผมใช้อะแดปเตอร์ที่แถมมากับเครื่องเลยไม่ได้ ซื้อใหม่ที่ Watt สูงกว่ามาใช้ก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้ว เพียงตอนเช้าคุณตื่นมาแล้วชาร์จไว้ ระหว่างทำธุระส่วนตัวตอนเช้าประมาณ 45 นาทีก็เพียงพอที่จะทำให้ Note 10 Plus สามารถใช้งานได้ทั้งวันอย่างสบายครับ ใช้มายังไม่เจอปัญหาเรื่องแบตใกล้ระหว่างวันเลยครับ
13. ขนาดความจุที่ใหญ่เพียงพอ
ทำให้ผมใช้ Note 10 Plus ในการเป็นที่เก็บข้อมูลทุกด้านของชีวิตครับ (ผมใช้ขนาด 512 GB ครับ + 128 GB ของ SD Card ที่ซื้อเพิ่มเข้าไป) ทั้งวิดิโอที่ถ่ายทั้งหมดก็อยู่ในนี้ โดยไม่ต้องลบออกเลยทำให้เราสามารถใช้ฟุตเทจเก่าๆ กับวิดิโอใหม่ได้ง่าย ตัดวิดิโอก็ตัดบนมือถือ ข้อมูลงานที่นำเสนอทั้งหมดก็อยู่ในนี้ รวมไปถึงสมุดจดจากการประชุม ไอเดียการทำงานต่างๆ ก็อยู่นี้เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่า มาแทนที่ Notebook / Tablet ได้ประมาณหนึ่งเลยครับ แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมไม่มีคอมพิวเตอร์นะครับ ยังต้องการคอมพิวเตอร์ในการทำงาน และ ต้องการ Tablet เพื่อการเขียนอะไรที่มันต้องการวาดเพราะมีหน้าจอที่ใหญ่กว่า แต่สำหรับวันทำงานส่วนใหญ่ ที่เน้นการนำเสนอ จดประชุม Note 10 Plus เครื่องเดียวสะดวกกว่าครับ ไม่หนัก เบาสบาย
ดูวิดิโอสรุปว่า Note 10 Plus ดีมั้ยในความเห็นผมได้ที่นี่ครับ
จบแล้วครับสำหรับ 13 ข้อดี ฟีเจอร์ของโทรศัพท์มือถือเรือธงจากค่ายเกาหลี แต่เราไม่ได้มีแต่สิ่งที่ชอบนะครับ สิ่งที่เราคิดว่าน่าจะปรับปรุงพัฒนา หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นข้อเสียในสายตาผมก็มีเหมือนกันครับ ในตอนหน้าเราจะมาพูดถึงข้อเสียของเจ้า Android Smartphone ตัวนี้กันครับ
ติดตามผมที่ Playinone https://www.playinone.com/members/maewnoon/
ติดตามผมที่เพจครับ https://www.facebook.com/maewnoonyoutuber/