หลังจากที่ เอล นินโญ ประกาศแขวนสตั๊ด ยุติชีวิตการค้าแข้งด้วยวัย 35 ปี ไปเมื่อเดือน มิถุนายน และลงเล่นเกมสุดท้ายของตัวเองในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา
หากใครเป็นแฟนฟุตบอล อังกฤษ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้จักหัวหอกชาว สเปน รายนี้ ที่เคยมาค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล และ เชลซี รวมแล้วเป็นเวลากว่า 7 ปีบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก และได้สร้างความประทับใจเอาไว้มากมาย จนเรียกได้ว่าเขาเป็นที่รักของแฟนๆแทบจะทุกทีมเลยก็ว่าได้ไม่เว้นแม้แต่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่หลายคนก็รู้สึกประทับใจกับฝีเท้าของกองหน้าผมทองรายนี้เช่นกัน
วันนี้เราจึงอยากย้อนรอย 5 ประตูสำคัญในชีวิตการค้าแข้งของ ตอร์เรส เพื่อเป็นการอำลาตำนานนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่มากที่สุดคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน
1. ประตูแรกในชีวิตการค้าแข้งกับ แอตเลติโก มาดริด
ในปี 2001 ตอร์เรส ในวัย 17 พึ่งจะประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของ แอตเลติโก มาดริด เป็นปีแรก ซึ่งขณะนั้นยังเล่นอยู่ในลีกรองของประเทศ สเปน เกมแรกที่เขาทำประตูได้เป็นเกมที่ทีม ตราหมี อออกไปเยือน อัลบาเซเต้ ในวันที่ 3 มิถุนายน 2001 และเป็นประตูโทนประตูเดียวในเกม ช่วยให้ทีมบุกมาเอาชนะได้ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายปีนั้น แอตฯ มาดริด พลาดโอกาสเลื่อนชั่นสู่ลีกสูงสุดอย่างน่าเสียดาย
2. ประเดิมสนามที่ แอนฟิลด์ ซัด ประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ
หน้าร้อนปี 2007 กุนซือ ลิเวอร์พูล ในขณะนั้นคือ ราฟา เบนิเตซ ได้จัดการพรากตัว เอล นินโญ จากบ้านเกิดใน สเปน มาวาดลวดลายที่เวที พรีเมียร์ลีก ด้วยค่าตัวเบ็ดเสร็จ 34 ล้านปอนด์ ท่ามกลางคำครหามากมายเพราะหลายคนยังคิดผิดหวังกับฟอร์มการเล่นของ เฟอร์นันโด มอริเอนเตส หากชาวกระทิงดุรุ่นพี่ ที่ย้ายมาล้มเหลวก่อนหน้านั้นไม่นาน แต่แล้วผลงานในสนามก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน โดย ตอร์เรส ยิงประตูแรกให้ทีม หงส์แดง ในเกมลักนัดที่สามที่ แอนฟิลด์ ในวันที่ 19 สิงหาคม 2007 ที่พบกับ เชลซี เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 แต่จบเกมสุดท้ายเสมอกันไป 1-1
3. ลูกคืนทุนเสี่ยหมี ประตูปิดกล่อง เขี่ย บาร์ซา ตกรอบ
ในฤดูกาล 2011/2012 หลายคนคาดหวังว่า กุนซือคนใหม่อย่าง อังเดร วิลาส-โบอาส จะสามารถดึงศักยภาพของ ตอร์เรส ให้กลับคืนฟอร์มเดิมได้ หลังจากครึ่งปีก่อนที่ย้ายมาเขาทำได้เพียงประตูเดียวเท่านั้น
แต่แล้วก็ต้องผิดหวังไปตามๆกัน เขายังไม่สามารถถล่มประดูได้เหมือนสมัยที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล แถมกุนซือชาว โปรตุเกส ยังถูกปลดในช่วงท้ายฤดูกาลอีกต่างหาก ดูจากสถานการณ์แล้วอะไรก็ไม่เป็นใจกับทีม สิงโตน้ำเงินคราม ให้ประสบความสำเร็จในซีซั่นนี้เอาซะเลย แม้จะยังเหลือถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ยังไม่ตกรอบ แต่การที่ต้องโคจรมาพบกับแชมป์เก่าอย่าง บาร์เซโลนา ในรอบ 4 ทีมสุดท้ายในสภาพทีมแบบนี้ คงคาดหวังอะไรมากไม่ได้
เกมแรกเป็น เชลซี พลิกล็อกเอาชนะไปได้ก่อน 1-0 จุดความหวังเล็กๆให้กับแฟนบอลได้บ้าง แต่แล้วเกมที่สองที่ต้องออกไปเยื่อนถิ่น คัมป์นู เป็นเจ้าถิ่นที่ออกนำอย่างรวดเร็ว และซ้ำร้าย จอห์น เทอร์รี มาโดนใบแดง บวกกับ บาร์ซา บวกประตูที่สองได้ ก่อนจะจบครึ่งเวลาแรกไป แฟนบอลหลายๆคนคงจะปิดทีวีนอนกันไปเรียบร้อยแล้วจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ แต่แล้วเริ่มเกมครึ่งหลัง สิงห์บลู มาได้ประตูที่ต้องการจาก รามิเรส ก่อนจะอุดชนิดที่ว่าเอารถบัสมาขวางประตูไว้ 2 คัน จนกระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แอชลี่ย์ โคล เคลียบอลจากหน้าปากประตูโดยมี เอล นินโญ กำลังรออยู่ข้างหน้า เขาหลุดเดี่ยวเข้าไปเลี้ยงหลบ บิคตอร์ บัลเดส ก่อนยิงเข้าไปแบบง่ายๆปิดกล่อง ส่งเชลซีเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งที่สองของสโมสรเป็นผลสำเร็จ และท้ายที่สุดปีนั้นพวกเขาเป็นแชมป์ !
หลังจากประตูนั้น แฟนสิงห์บลู ทุกคนแทบจะลืมความผิดหวังในตัวหัวหอกชาว สเปน ไปในทันที แฟนบอลบางส่วนถึงขนานนามลูกยิงของเขาประตูนั้นว่าเป็น “ลูกยิงคืนทุน 50 ล้านปอนด์”
4. ประตูที่ 100 กับ ตราหมี หลังหวนกลับบ้านเกิดอีกครั้ง
หลังจากย้ายออกจาก อังกฤษ เอล นินโญ ได้ไปค้าแข้งใน อิตาลี ช่วงสั้นๆกับ เอซี มิลาน และต่อมาเป็น แอตเลติโก มาดริด ที่ดึงตัวเขากลับสู่บ้านเกิดอีกครั้งในปี 2015
โดย ตอร์เรส กลับมาเป็นกำลังสำคัญของทีมอีกครั้ง แม้จะไม่ได้ทำประตูได้มากมายเหมือนสมัยยังหนุ่ม แต่มีส่วนสำคัญช่วยให้ทีม ตราหมี ทะลุเข้าสูรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก อีกครั้ง ซึ่งแม้จะจบด้วยความผิดหวังที่พ่ายจุดโทษให้กับคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เรอัล มาดริด แต่ในปีนั้นก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นเหตุการณ์สำคัญของ หัวหอกชาว สเปน และแฟนๆ แอตฯ มาดริด คือ การกลับมาทำประตูที่ 100 ให้กับทีมได้สำเร็จท่ามกลางแฟนบอลร่วม 60,000 คนที่มาเชียร์ในถิ่น วานต๋า เมโทรโปลิตาโน ในเกมที่พบกับ เออิบา เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปี 2016 และจบด้วยชัยชนะของ ตราหมี 3-1
5. ประตูสุดท้ายในชีวิตการค้าแข้ง ณ แดนอาทิตย์อุทัย
หลังจากหมดสัญญากับ แอตเลติโก มาดริด เอล นินโญ เลือกจะหาความท้าทายใหม่ที่ เจ ลีก ในประเทศ ญี่ปุ่น และเป็น ซากัน โทสุ ที่กำลังหนีตาย คว้าตัวเขาไปร่วมทีม หลังจากย้ายมา ปีนั้น ตอร์เรส ทำไปทั้งสิ้น 4 ประตู ช่วยให้ต้นสังกัดรอดการตกชั้นอย่างหวุดหวิด แต่แล้วในปีต่อมา อดีตกองหน้า ลิเวอร์พูล เลือกที่จะประกาศแขวนสตั๊ดและเกมสุดท้ายที่เขาจะลงเล่นก็คือเกมที่ โทสุ พบกับ วิสเซล โกเบ ที่มีทั้ง อันเดรียส อิเนียสต้า และ ดาบิด บีญา เพื่อนร่วมชาติสังกัดอยู่ ในวันที่ 23 สิงหาคม 2019 ที่ผ่านมา
แต่ประตูสุดท้ายที่หัวหอกขวัญใจมหาชนรายนี้ทำได้เป็นเกมที่ ซากัน โทสุ พบกับ ชิมิสุ เอส-พัลส์ ในศึก เจ ลีก ของ ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2019 ซึ่ง ตอร์เรส ทำไป 2 ประตู ก่อนจบเกม โทสุ เอาชนะไปได้ 4-2 นับเป็นสองประตูสุดท้ายในอาชีพค้าแข้งของอดีตสุดยอดกองหน้าของ แอตเลติโก มาดริด ลิเวอร์พูล เชลซี เอซี มิลาน และ ซากัน โทสุ ปิดฉากอาชีพนักฟุตบอลไปได้อย่างสวยสดงดงาม
credit : www.90min.com/th
อำลาตำนาน ! ย้อนรอย 5 ประตูสำคัญของชายที่ชื่อ เฟอร์นันโด ตอร์เรส
หากใครเป็นแฟนฟุตบอล อังกฤษ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้จักหัวหอกชาว สเปน รายนี้ ที่เคยมาค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล และ เชลซี รวมแล้วเป็นเวลากว่า 7 ปีบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก และได้สร้างความประทับใจเอาไว้มากมาย จนเรียกได้ว่าเขาเป็นที่รักของแฟนๆแทบจะทุกทีมเลยก็ว่าได้ไม่เว้นแม้แต่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่หลายคนก็รู้สึกประทับใจกับฝีเท้าของกองหน้าผมทองรายนี้เช่นกัน
วันนี้เราจึงอยากย้อนรอย 5 ประตูสำคัญในชีวิตการค้าแข้งของ ตอร์เรส เพื่อเป็นการอำลาตำนานนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่มากที่สุดคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน
1. ประตูแรกในชีวิตการค้าแข้งกับ แอตเลติโก มาดริด
ในปี 2001 ตอร์เรส ในวัย 17 พึ่งจะประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของ แอตเลติโก มาดริด เป็นปีแรก ซึ่งขณะนั้นยังเล่นอยู่ในลีกรองของประเทศ สเปน เกมแรกที่เขาทำประตูได้เป็นเกมที่ทีม ตราหมี อออกไปเยือน อัลบาเซเต้ ในวันที่ 3 มิถุนายน 2001 และเป็นประตูโทนประตูเดียวในเกม ช่วยให้ทีมบุกมาเอาชนะได้ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายปีนั้น แอตฯ มาดริด พลาดโอกาสเลื่อนชั่นสู่ลีกสูงสุดอย่างน่าเสียดาย
2. ประเดิมสนามที่ แอนฟิลด์ ซัด ประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ
หน้าร้อนปี 2007 กุนซือ ลิเวอร์พูล ในขณะนั้นคือ ราฟา เบนิเตซ ได้จัดการพรากตัว เอล นินโญ จากบ้านเกิดใน สเปน มาวาดลวดลายที่เวที พรีเมียร์ลีก ด้วยค่าตัวเบ็ดเสร็จ 34 ล้านปอนด์ ท่ามกลางคำครหามากมายเพราะหลายคนยังคิดผิดหวังกับฟอร์มการเล่นของ เฟอร์นันโด มอริเอนเตส หากชาวกระทิงดุรุ่นพี่ ที่ย้ายมาล้มเหลวก่อนหน้านั้นไม่นาน แต่แล้วผลงานในสนามก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน โดย ตอร์เรส ยิงประตูแรกให้ทีม หงส์แดง ในเกมลักนัดที่สามที่ แอนฟิลด์ ในวันที่ 19 สิงหาคม 2007 ที่พบกับ เชลซี เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 แต่จบเกมสุดท้ายเสมอกันไป 1-1
3. ลูกคืนทุนเสี่ยหมี ประตูปิดกล่อง เขี่ย บาร์ซา ตกรอบ
ในฤดูกาล 2011/2012 หลายคนคาดหวังว่า กุนซือคนใหม่อย่าง อังเดร วิลาส-โบอาส จะสามารถดึงศักยภาพของ ตอร์เรส ให้กลับคืนฟอร์มเดิมได้ หลังจากครึ่งปีก่อนที่ย้ายมาเขาทำได้เพียงประตูเดียวเท่านั้น
แต่แล้วก็ต้องผิดหวังไปตามๆกัน เขายังไม่สามารถถล่มประดูได้เหมือนสมัยที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล แถมกุนซือชาว โปรตุเกส ยังถูกปลดในช่วงท้ายฤดูกาลอีกต่างหาก ดูจากสถานการณ์แล้วอะไรก็ไม่เป็นใจกับทีม สิงโตน้ำเงินคราม ให้ประสบความสำเร็จในซีซั่นนี้เอาซะเลย แม้จะยังเหลือถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ยังไม่ตกรอบ แต่การที่ต้องโคจรมาพบกับแชมป์เก่าอย่าง บาร์เซโลนา ในรอบ 4 ทีมสุดท้ายในสภาพทีมแบบนี้ คงคาดหวังอะไรมากไม่ได้
เกมแรกเป็น เชลซี พลิกล็อกเอาชนะไปได้ก่อน 1-0 จุดความหวังเล็กๆให้กับแฟนบอลได้บ้าง แต่แล้วเกมที่สองที่ต้องออกไปเยื่อนถิ่น คัมป์นู เป็นเจ้าถิ่นที่ออกนำอย่างรวดเร็ว และซ้ำร้าย จอห์น เทอร์รี มาโดนใบแดง บวกกับ บาร์ซา บวกประตูที่สองได้ ก่อนจะจบครึ่งเวลาแรกไป แฟนบอลหลายๆคนคงจะปิดทีวีนอนกันไปเรียบร้อยแล้วจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ แต่แล้วเริ่มเกมครึ่งหลัง สิงห์บลู มาได้ประตูที่ต้องการจาก รามิเรส ก่อนจะอุดชนิดที่ว่าเอารถบัสมาขวางประตูไว้ 2 คัน จนกระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แอชลี่ย์ โคล เคลียบอลจากหน้าปากประตูโดยมี เอล นินโญ กำลังรออยู่ข้างหน้า เขาหลุดเดี่ยวเข้าไปเลี้ยงหลบ บิคตอร์ บัลเดส ก่อนยิงเข้าไปแบบง่ายๆปิดกล่อง ส่งเชลซีเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งที่สองของสโมสรเป็นผลสำเร็จ และท้ายที่สุดปีนั้นพวกเขาเป็นแชมป์ !
หลังจากประตูนั้น แฟนสิงห์บลู ทุกคนแทบจะลืมความผิดหวังในตัวหัวหอกชาว สเปน ไปในทันที แฟนบอลบางส่วนถึงขนานนามลูกยิงของเขาประตูนั้นว่าเป็น “ลูกยิงคืนทุน 50 ล้านปอนด์”
4. ประตูที่ 100 กับ ตราหมี หลังหวนกลับบ้านเกิดอีกครั้ง
หลังจากย้ายออกจาก อังกฤษ เอล นินโญ ได้ไปค้าแข้งใน อิตาลี ช่วงสั้นๆกับ เอซี มิลาน และต่อมาเป็น แอตเลติโก มาดริด ที่ดึงตัวเขากลับสู่บ้านเกิดอีกครั้งในปี 2015
โดย ตอร์เรส กลับมาเป็นกำลังสำคัญของทีมอีกครั้ง แม้จะไม่ได้ทำประตูได้มากมายเหมือนสมัยยังหนุ่ม แต่มีส่วนสำคัญช่วยให้ทีม ตราหมี ทะลุเข้าสูรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก อีกครั้ง ซึ่งแม้จะจบด้วยความผิดหวังที่พ่ายจุดโทษให้กับคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เรอัล มาดริด แต่ในปีนั้นก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นเหตุการณ์สำคัญของ หัวหอกชาว สเปน และแฟนๆ แอตฯ มาดริด คือ การกลับมาทำประตูที่ 100 ให้กับทีมได้สำเร็จท่ามกลางแฟนบอลร่วม 60,000 คนที่มาเชียร์ในถิ่น วานต๋า เมโทรโปลิตาโน ในเกมที่พบกับ เออิบา เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปี 2016 และจบด้วยชัยชนะของ ตราหมี 3-1
5. ประตูสุดท้ายในชีวิตการค้าแข้ง ณ แดนอาทิตย์อุทัย
หลังจากหมดสัญญากับ แอตเลติโก มาดริด เอล นินโญ เลือกจะหาความท้าทายใหม่ที่ เจ ลีก ในประเทศ ญี่ปุ่น และเป็น ซากัน โทสุ ที่กำลังหนีตาย คว้าตัวเขาไปร่วมทีม หลังจากย้ายมา ปีนั้น ตอร์เรส ทำไปทั้งสิ้น 4 ประตู ช่วยให้ต้นสังกัดรอดการตกชั้นอย่างหวุดหวิด แต่แล้วในปีต่อมา อดีตกองหน้า ลิเวอร์พูล เลือกที่จะประกาศแขวนสตั๊ดและเกมสุดท้ายที่เขาจะลงเล่นก็คือเกมที่ โทสุ พบกับ วิสเซล โกเบ ที่มีทั้ง อันเดรียส อิเนียสต้า และ ดาบิด บีญา เพื่อนร่วมชาติสังกัดอยู่ ในวันที่ 23 สิงหาคม 2019 ที่ผ่านมา
แต่ประตูสุดท้ายที่หัวหอกขวัญใจมหาชนรายนี้ทำได้เป็นเกมที่ ซากัน โทสุ พบกับ ชิมิสุ เอส-พัลส์ ในศึก เจ ลีก ของ ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2019 ซึ่ง ตอร์เรส ทำไป 2 ประตู ก่อนจบเกม โทสุ เอาชนะไปได้ 4-2 นับเป็นสองประตูสุดท้ายในอาชีพค้าแข้งของอดีตสุดยอดกองหน้าของ แอตเลติโก มาดริด ลิเวอร์พูล เชลซี เอซี มิลาน และ ซากัน โทสุ ปิดฉากอาชีพนักฟุตบอลไปได้อย่างสวยสดงดงาม
credit : www.90min.com/th