ฮักบี้ หรือ กีฬารักบี้ กีฬาที่ต้องใช้ทักษะ ความอดทน และพละกำลังที่สูงมาก ต้องบอกก่อนเลยว่าเราเคยเห็นเพื่อนผู้ชายตัวใหญ่ๆ ตัวหนาๆ ที่โรงเรียนเขาเล่นกันโดยที่ไม่เคยรู้กติกาหรือความน่าสนุกมาก่อนเลยละ เมื่อวานมีโอกาสได้ไปดูภาพยนตร์ “ฮักบี้ บ้านบาก” โดยผู้กำกับรักเด็ก คุณ บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ที่นำเรื่องจริงของทีมรักบี้ โรงเรียนบ้านบาก อ.วารินชำนาบ จ.อุบลราชธานี ดีกรีเป็นถึงแชมป์ภาคอีสาน ทั้งที่เป็นโรงเรียนเล็กๆ คุณพ่อคุณแม่น้องมีอาชีพเกษตรกร อุปกรณ์ในการเล่นรักบี้ก็มีไม่ครบครัน แม้แต่รองเท้ายังต้องสลับกันใส่ลงสนาม เราว่าคุณบิณฑ์ คงเห็นว่าเรื่องนี้สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนดูได้ จึงสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมา โดยนักแสดงตัวน้อยๆ ที่เราเห็นกันในเรื่อง ล้วนเป็นนักกีฬารักบี้จากโรงเรียนบ้านบากจริงๆ
ฮักบี้บ้านบาก ภาพยนตร์คอมมาดี้ที่เล่าเรื่องของครูธงชัย ครูหนุ่มที่เคยเป็นนักกีฬาฮ๊อกกี้ทีมชาติ แต่ผู้อำนวยโรงเรียนการดันจำผิด คิดว่าครูเล่นฮักบี้ (รักบี้ แต่ภาษาอีสานจะใช้ฮ.นกฮูกแทนเสียงร.เรือ จึงกลายเป็นฮักบี้) จึงทำให้ครูธงชัยต้องมารับหน้าที่คุณครูโดยมีเด็กชาย อายุไม่เกิน 13 ปี มาเป็นผู้เล่น แน่นอนว่าเด็กอายุแค่นั้นไม่มีใครเคยเล่นหรือรู้จักรักบี้แน่ๆ เพราะต้องเริ่มกันใหม่ทุกคนเด็ก อุปสรรคต่างๆ ในการพาทีมไปแข่งในระดับภาคอีสานและระดับประเทศจึงเกิดขึ้น พร้อมกับความน่ารักของเด็กๆ ที่ต่อสู้ และมีความพยายาม คู่ไปกับวิถีชีวิตแบบอีสานบ้านเฮาและแก๊งเด็กผู้หญิงที่เป็นหน่วยซัพพอร์ตที่น่ารักที่สุด
ส่วนตัวเราชอบประเด็นที่ผู้กำกับพยายามจะใส่ปมปัญหาของแต่ละบ้านเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ยาเสพติดของผู้ปกครอง อันนี้ยอมรับว่าชอบมาก มันบ้านๆ มันมีจริงในสังคมนะคะ และแทบไม่มีภาพยนตร์ไทยเรื่องไหนนำเสนอเลย หรือว่าจะเป็นปัญหาของชาว LGBTQ+ (ในภาพยนตร์ใช้คำว่ากะเทยเลยละ) ลูกชายวัยประถมเป็นกะเทย นอกจากผู้ปกครองจะไม่เข้าใจแล้ว ยังมีเพื่อนๆ เด็กผู้ชายกันเองนี่แหละที่ไม่ยอมรับ หนังทำประเด็นนี้ออกมาได้น่ารัก แม้จะไม่คมสักเท่าไหร่ คือ ให้ยอมรับว่าเราทุกคน ทุกเพศก็สามารถทำอะไรๆ ได้เหมือนๆ กันทั้งหมด แม้ว่ากีฬารักบี้จะถูกเรียกว่ากีฬาลูกผู้ชายก็เหอะ แต่แล้วยังไงละ กะเทยก็คนเหมือนกัน
ในส่วนของการดำเนินเรื่องต้องยอมรับว่าเป็นข้อด้อยที่สุดของเรื่อง การลำดับภาพยังขาดๆ เกินๆ ในช่วงการแข่งขันมองภาพแล้วมึนหัวมาก ลูกรักบี้อยู่ตรงไหนหว่า มองแทบไม่เห็น และแต่ละครั้งที่แข่งก็ถ่ายทอดภาพนานมาก นานจนได้ยินบางคนพูดว่าน่าเบื่อเลยละ เราเองเข้าใจว่ามันยาก แต่หากทำออกมาแบบนี้คนดูมึนหัวนะคะ เพราะการตัดต่อก็ยังไม่สมูทเท่าที่ควร ยังเห็นว่าเด็กๆ บางคนก็ยังไม่เซ็ทตัวพร้อมในบางฉาก ก็เข้าใจอีกแหละว่ามันยากในการควบคุมน้องๆ ที่มีเป็นสิบคน แต่เมื่อมันคือข้อที่ควรติก็จำเป็นต้องติจริงๆค่ะ
สำหรับใครที่อยากดูภาพยนตร์กีฬาแบบหมู่เฮาชาวอีสานเราว่าเรื่องนี้น่ารัก ตลก โอเคมากเลย ผู้กำกับมีความตั้งใจที่ดี เราออกจากโรงภาพยนตร์มาเจอน้องๆ ตัวจริง น่ารักมาก ขอชื่นชมทุกท่านค่ะ
-----------------------------------------------------------------
ฝากเพจ Like Flick ทาง Facebook ด้วยนะคะ
ฮักบี้ บ้านบาก : ตีแผ่เรื่องจริง นักกีฬาฮักบี้เท้าเปล่า ทั้งขำและเอ็นดูในความน่ารักของเด็กน้อยจากเมืองอุบล
ฮักบี้บ้านบาก ภาพยนตร์คอมมาดี้ที่เล่าเรื่องของครูธงชัย ครูหนุ่มที่เคยเป็นนักกีฬาฮ๊อกกี้ทีมชาติ แต่ผู้อำนวยโรงเรียนการดันจำผิด คิดว่าครูเล่นฮักบี้ (รักบี้ แต่ภาษาอีสานจะใช้ฮ.นกฮูกแทนเสียงร.เรือ จึงกลายเป็นฮักบี้) จึงทำให้ครูธงชัยต้องมารับหน้าที่คุณครูโดยมีเด็กชาย อายุไม่เกิน 13 ปี มาเป็นผู้เล่น แน่นอนว่าเด็กอายุแค่นั้นไม่มีใครเคยเล่นหรือรู้จักรักบี้แน่ๆ เพราะต้องเริ่มกันใหม่ทุกคนเด็ก อุปสรรคต่างๆ ในการพาทีมไปแข่งในระดับภาคอีสานและระดับประเทศจึงเกิดขึ้น พร้อมกับความน่ารักของเด็กๆ ที่ต่อสู้ และมีความพยายาม คู่ไปกับวิถีชีวิตแบบอีสานบ้านเฮาและแก๊งเด็กผู้หญิงที่เป็นหน่วยซัพพอร์ตที่น่ารักที่สุด
ส่วนตัวเราชอบประเด็นที่ผู้กำกับพยายามจะใส่ปมปัญหาของแต่ละบ้านเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ยาเสพติดของผู้ปกครอง อันนี้ยอมรับว่าชอบมาก มันบ้านๆ มันมีจริงในสังคมนะคะ และแทบไม่มีภาพยนตร์ไทยเรื่องไหนนำเสนอเลย หรือว่าจะเป็นปัญหาของชาว LGBTQ+ (ในภาพยนตร์ใช้คำว่ากะเทยเลยละ) ลูกชายวัยประถมเป็นกะเทย นอกจากผู้ปกครองจะไม่เข้าใจแล้ว ยังมีเพื่อนๆ เด็กผู้ชายกันเองนี่แหละที่ไม่ยอมรับ หนังทำประเด็นนี้ออกมาได้น่ารัก แม้จะไม่คมสักเท่าไหร่ คือ ให้ยอมรับว่าเราทุกคน ทุกเพศก็สามารถทำอะไรๆ ได้เหมือนๆ กันทั้งหมด แม้ว่ากีฬารักบี้จะถูกเรียกว่ากีฬาลูกผู้ชายก็เหอะ แต่แล้วยังไงละ กะเทยก็คนเหมือนกัน
ในส่วนของการดำเนินเรื่องต้องยอมรับว่าเป็นข้อด้อยที่สุดของเรื่อง การลำดับภาพยังขาดๆ เกินๆ ในช่วงการแข่งขันมองภาพแล้วมึนหัวมาก ลูกรักบี้อยู่ตรงไหนหว่า มองแทบไม่เห็น และแต่ละครั้งที่แข่งก็ถ่ายทอดภาพนานมาก นานจนได้ยินบางคนพูดว่าน่าเบื่อเลยละ เราเองเข้าใจว่ามันยาก แต่หากทำออกมาแบบนี้คนดูมึนหัวนะคะ เพราะการตัดต่อก็ยังไม่สมูทเท่าที่ควร ยังเห็นว่าเด็กๆ บางคนก็ยังไม่เซ็ทตัวพร้อมในบางฉาก ก็เข้าใจอีกแหละว่ามันยากในการควบคุมน้องๆ ที่มีเป็นสิบคน แต่เมื่อมันคือข้อที่ควรติก็จำเป็นต้องติจริงๆค่ะ
สำหรับใครที่อยากดูภาพยนตร์กีฬาแบบหมู่เฮาชาวอีสานเราว่าเรื่องนี้น่ารัก ตลก โอเคมากเลย ผู้กำกับมีความตั้งใจที่ดี เราออกจากโรงภาพยนตร์มาเจอน้องๆ ตัวจริง น่ารักมาก ขอชื่นชมทุกท่านค่ะ
-----------------------------------------------------------------
ฝากเพจ Like Flick ทาง Facebook ด้วยนะคะ