สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่านผมในเต้หรือบล็อกใหม่ที่ชื่อว่าคุณดำรงวันนี้มีเรื่องจะมาเล่าครับ
วันที่ 14 สิงหาคม 2562 ได้มีโอกาสตามคุณแฟนขึ้นไปกรุงเทพฯไปกันคนละเรื่องนะครับคุณแฟนผมขึ้นไปอบรมส่วนผมนั้นอยากได้กล้องถ่ายรูป
ขอเรียกทริปนี้ว่าทริปตาแดงแล้วกันครับ เราตื่นนอนกันเวลา 03:00 น. แล้วก็ออกจากบ้าน 03:30 น. มาถึงสนามบินเวลา 4:00 น. แล้วขึ้นเครื่อง 05:30 น. เพื่อเดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาทีครับ
ตอนแรกนึกว่าไฟลท์ไม่เต็มนะครับ แต่ปรากฏว่าเต็มทุกที่นั่ง ฟ้าเวลา 06:00 น. กับเมฆแบบนี้ แน่นอนครับว่าฝนกำลังจะมาสภาพอากาศช่างเป็นใจกับข้าพเจ้าเหลือเกิน
เนื่องจากว่าจะต้องหาอะไรทำฆ่าเวลาในระหว่างที่คุณแฟนนั้นไปประชุมจนถึงบ่ายโมงกว่าๆ ผมเลยตัดสินใจแยกกับแฟนที่สวนจตุจักรเพื่อให้แฟนขึ้น BTS ไปที่สยามและผมจะนั่ง MRT ไปหัวลำโพง ซึ่งเป้าหมายในวันนี้นั้นมี 2 อย่างครับคืนหนึ่งสำรวจเส้นทาง MRT สายท่องเที่ยวเส้นใหม่ 4 สถานีที่กำลังเปิดให้ทดลองใช้อย่างที่ 2 คือไปซื้อกล้องฟิล์มครับ
สถานีใหม่นั้นต้องมาเปลี่ยนขบวนรถที่สถานีหัวลำโพงนะครับไม่จำเป็นต้องเดินออกนอกสถานีแต่อย่างใดแค่ออกจากคันเดิมแล้วเดินมาขึ้นคันที่อยู่ตรงข้ามเมืองตอนเปลี่ยนสถานี BTS สยามครับ
สถานีใหม่นะมีอยู่หน้าสถานีด้วยการคือ วัดมังกร สามยอด สนามชัย อิสรภาพ และท่าพระ ผมได้เดินทางไปแค่ 4 สถานีเท่านั้นนะครับผมไม่ได้ไปสำรวจที่ท่าพระ
ภายในสถานีไม่ได้ตกแต่งอะไรสวยงามมากครับก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเนื่องจากว่าคาดหวังความสวยงามในสถานีไว้มาก
เด่นสุดคงจะเป็นรูปหงส์สีทองที่ติดอยู่บริเวณเสาตรงจุดจำหน่ายบัตรโดยสาร
ผมขึ้นจากทางออกไปข้างบนแล้วรู้สึกว่าทุกอย่างน่าจะไกลและต้องใช้เวลามากก็เลยไม่ได้เดินไปที่หงษ์ฯ และวัดพิเรนทร์ฯ ตามควารมตั้งใจแรก เลยลงกลับครับแล้วก็จะนั่งย้อนกลับไปที่สถานีสนามไชยซึ่งคาดไว้ว่าน่าจะใช้เวลากับสถานีนี้ค่อนข้างเยอะ
สำหรับสถานีสนามไชยนั้นแค่ลงมาจากรถเตรียมขึ้นไปชั้น 2 ก็ร้องว้าวเลยครับบอกกับตัวเองว่านี่สิถึงจะเป็นเมโทรทัวร์ของแท้สถาปัตยกรรมของสถานีแห่งนี้น่าจะได้แบบมาจากบริเวณใกล้ใกล้ก็คือ วัดโพธิ์ พระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้ว สนามหลวง
ความจริงไม่ได้เตรียมการบ้านมาก่อนว่าจะต้องออกเดินไปที่ไหนบ้างจากสถานีสนามไชยซึ่งจริงๆแล้วอยากใช้เวลากลับสถานีวัดมังกรเพื่อเดินไหว้พระและหาของกินตรงเส้นเยาวราชมากกว่าแต่แผนพังครับ
ผมใช้ทางออกที่ 1 เสื้อจะไปเที่ยว วัดโพธิ์ ศาลหลักเมือง พระบรมมหาราชวัง
ทางออกที่ 1 อยู่ในรั้วของมิวเซียมสยามซึ่งถ้าตามการวางผังแล้วสถานีน่าจะอยู่ด้านใต้ของตึก Museum Siam ออกมาจากสถานีตรงกันข้ามก็คือโรงเรียนเบญจมบพิตรให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสนามไชยซึ่งเป็นชื่อของสถานีนี้
เดินไปเรื่อยๆจะผ่านวัดโพธิ์อยู่ซ้ายมือ ถัดไปเป็นขอบของพระบรมมหาราชวัง สิงหบัญชร เข้าสู่วัดพระแก้วแล้วสามารถต่อไปที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แล้วออกมาท้องสนามหลวงได้ ขากลับเดินตัดท้องสนามหลวงเข้าสู่ศาลหลักเมือง กระทรวงกลาโหม แล้วเดินกลับสถานีได้ครับ อันนี้สำหรับเวลา 1 ชั่วโมงนะครับ (ผมมีเวลาแค่นี้จริงๆ)
ที่วัดโพธิ์ผมกดถ่ายภาพไปเยอะมากเพราะเพิ่งเคยไปครั้งแรกวัดกว้างและสวยมากจริงๆผมเดินอย่างเร็วแล้วต้องใช้เวลาถึง 30 นาทีเพื่อที่จะถ่ายภาพให้ได้มากแล้วจึงออกเดินทางต่อ ผมเดินทางไปค่อนข้างเช้ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนชาวญี่ปุ่นยังไม่เยอะมากแต่ขากลับเวลาประมาณ 10:30 น. แทบไม่มีที่จอดรถ
ขออนุญาตลงภาพรัวๆเลยนะครับ
สำหรับวัดโพธิ์นั้นคนไทยเข้าฟรีครับ
ผมรีบออกเดินทางต่อไปยังพระบรมมหาราชวังเพื่อที่จะเข้าไปวัดพระแก้วผ่านสิงหบัญชร
สำหรับคนไทยเดินผ่านสิงหบัญชรไปแล้วสามารถเข้าประตูทางซ้ายมือได้เลยครับไม่ต้องรอซื้อบัตรจะมีป้ายเขียนอยู่ว่าทางเข้าสำหรับคนไทยเท่านั้นซึ่งจะเข้าตรงไปที่วัดพระแก้วเลย
ซึ่งที่วัดพระแก้วนั้นขอบอกตามตรงว่าถ่ายรูปมาได้น้อยมากเนื่องจากว่ามีนักท่องเที่ยวเยอะจริงๆ
จากวัดพระแก้วจะมีป้ายบอกทางอยู่ว่าไปพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทให้เดินตามป้ายมาเลย
เสร็จการเข้าชมวังในเวลาครึ่งชั่วโมงก็เดินออกทางประตูที่เขากำหนดไว้มาที่ท้องสนามหลวงแล้วสามารถเดินตัดท้องสนามหลวงไปที่ศาลหลักเมืองได้
ต่อจากศาลหลักเมืองจะเดินผ่านหน้ากระทรวงกลาโหมซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสสามารถถ่ายภาพได้ทำตัวอาคารและปืนใหญ่
จากกระทรวงกลาโหมเดินมาถึงสถานีสนามไชยประมาณ 300 เมตร
ในตอนนั้นผมลงกลับจากสถานีสนามไชยก็ 11:00 นแล้วคาดว่าจะไม่สามารถทำรีวิวได้ครบสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดของทั้ง 4 สถานีจึงขอทำภารกิจที่ 2 ไปซื้อกล้องก่อนครับ
ผมมาลงที่สถานีสามยอดตามแผนผังทางออกตรงนี้สามารถเดินในถนนเจริญกรุงและสำเพ็งได้ง่ายดายภายในไม่ได้ตกแต่งอะไรมากข้างนอกนั้นมีทางออกและอาคารทรงชิโนโปรตุกีสค่อนข้างจะเรโทรหน่อยต้องสังเกตดีๆครับเพราะมันไม่ค่อยเหมือนสถานีรถไฟเท่าไรนัก
รอบๆสถานีทั้ง 3 ด้านนั้นจะมีโรงแรมอยู่ทุกหัวมุมหากใครชอบโรงแรมไหนเชิญเลือกตามใจชอบได้เลยครับ
ผมเดินข้ามถนนไปฝั่งสะพานเหล็กเพื่อจะไปยังห้าง mega Plaza เพื่อทำภารกิจในการซื้อกล้องฟิล์มครับผม
จากลิฟท์แก้วของห้าง mega Plaza กดไปชั้น 5 จะมีร้านฟิล์มอยู่ประมาณ 10 ล้านให้ไปหลังเที่ยงนะครับเพราะร้านจะเปิดหลังเที่ยง ใครใคร่ซื้อร้านไหนก็แล้วแต่เลยครับผมไม่ได้มีข้อมูลร้านค้าอะไรที่มากคือคุยถูกใจแล้วก็ซื้อครับ
กล้องมีราคาตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักแสนนะครับที่นี่
ผมได้กล้องที่ร้านศาสตร์ศิลป์ตรงข้ามลิฟท์แก้วเลยครับเนื่องจากว่าพี่โยเจ้าของร้านคุยสนุกมากแนะนำสิ่งที่เหมาะกับเรามากกว่าที่จะขายของแพงให้เราและที่ร้านมีการรับประกันคุณภาพและหากเบื่อสามารถนำมาขายคืนที่ร้านได้โดยจะหักจากราคาที่ซื้อขายนะวันนั้น 30% ตอนแรกนั้นผมเตรียมเงินไปแค่ 4,000 บาทเผื่อจะได้กล้องฟิล์มสัก 1 ตัวแต่พอมีการรับประกันราคาขายกลับเกิดขึ้นมันทำให้รู้สึกว่าเราก็เหมือนเช่ากล้องเขามาเล่นเมื่อไหร่ที่เราเบื่อไม่อยากใช้แล้วกล้องตัวนี้ถือเป็นทรัพย์สินก็เลยซื้อมาในราคา 6,000 บาทและบอกแม่ว่า 2,900 บาท ^^
[CR] MRT แห่งใหม่ 4 สถานี
สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่านผมในเต้หรือบล็อกใหม่ที่ชื่อว่าคุณดำรงวันนี้มีเรื่องจะมาเล่าครับ
วันที่ 14 สิงหาคม 2562 ได้มีโอกาสตามคุณแฟนขึ้นไปกรุงเทพฯไปกันคนละเรื่องนะครับคุณแฟนผมขึ้นไปอบรมส่วนผมนั้นอยากได้กล้องถ่ายรูป
ขอเรียกทริปนี้ว่าทริปตาแดงแล้วกันครับ เราตื่นนอนกันเวลา 03:00 น. แล้วก็ออกจากบ้าน 03:30 น. มาถึงสนามบินเวลา 4:00 น. แล้วขึ้นเครื่อง 05:30 น. เพื่อเดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาทีครับ
ตอนแรกนึกว่าไฟลท์ไม่เต็มนะครับ แต่ปรากฏว่าเต็มทุกที่นั่ง ฟ้าเวลา 06:00 น. กับเมฆแบบนี้ แน่นอนครับว่าฝนกำลังจะมาสภาพอากาศช่างเป็นใจกับข้าพเจ้าเหลือเกิน
เนื่องจากว่าจะต้องหาอะไรทำฆ่าเวลาในระหว่างที่คุณแฟนนั้นไปประชุมจนถึงบ่ายโมงกว่าๆ ผมเลยตัดสินใจแยกกับแฟนที่สวนจตุจักรเพื่อให้แฟนขึ้น BTS ไปที่สยามและผมจะนั่ง MRT ไปหัวลำโพง ซึ่งเป้าหมายในวันนี้นั้นมี 2 อย่างครับคืนหนึ่งสำรวจเส้นทาง MRT สายท่องเที่ยวเส้นใหม่ 4 สถานีที่กำลังเปิดให้ทดลองใช้อย่างที่ 2 คือไปซื้อกล้องฟิล์มครับ
สถานีใหม่นั้นต้องมาเปลี่ยนขบวนรถที่สถานีหัวลำโพงนะครับไม่จำเป็นต้องเดินออกนอกสถานีแต่อย่างใดแค่ออกจากคันเดิมแล้วเดินมาขึ้นคันที่อยู่ตรงข้ามเมืองตอนเปลี่ยนสถานี BTS สยามครับ
สถานีใหม่นะมีอยู่หน้าสถานีด้วยการคือ วัดมังกร สามยอด สนามชัย อิสรภาพ และท่าพระ ผมได้เดินทางไปแค่ 4 สถานีเท่านั้นนะครับผมไม่ได้ไปสำรวจที่ท่าพระ
ภายในสถานีไม่ได้ตกแต่งอะไรสวยงามมากครับก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเนื่องจากว่าคาดหวังความสวยงามในสถานีไว้มาก
เด่นสุดคงจะเป็นรูปหงส์สีทองที่ติดอยู่บริเวณเสาตรงจุดจำหน่ายบัตรโดยสาร
ผมขึ้นจากทางออกไปข้างบนแล้วรู้สึกว่าทุกอย่างน่าจะไกลและต้องใช้เวลามากก็เลยไม่ได้เดินไปที่หงษ์ฯ และวัดพิเรนทร์ฯ ตามควารมตั้งใจแรก เลยลงกลับครับแล้วก็จะนั่งย้อนกลับไปที่สถานีสนามไชยซึ่งคาดไว้ว่าน่าจะใช้เวลากับสถานีนี้ค่อนข้างเยอะ
สำหรับสถานีสนามไชยนั้นแค่ลงมาจากรถเตรียมขึ้นไปชั้น 2 ก็ร้องว้าวเลยครับบอกกับตัวเองว่านี่สิถึงจะเป็นเมโทรทัวร์ของแท้สถาปัตยกรรมของสถานีแห่งนี้น่าจะได้แบบมาจากบริเวณใกล้ใกล้ก็คือ วัดโพธิ์ พระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้ว สนามหลวง
ความจริงไม่ได้เตรียมการบ้านมาก่อนว่าจะต้องออกเดินไปที่ไหนบ้างจากสถานีสนามไชยซึ่งจริงๆแล้วอยากใช้เวลากลับสถานีวัดมังกรเพื่อเดินไหว้พระและหาของกินตรงเส้นเยาวราชมากกว่าแต่แผนพังครับ
ผมใช้ทางออกที่ 1 เสื้อจะไปเที่ยว วัดโพธิ์ ศาลหลักเมือง พระบรมมหาราชวัง
ทางออกที่ 1 อยู่ในรั้วของมิวเซียมสยามซึ่งถ้าตามการวางผังแล้วสถานีน่าจะอยู่ด้านใต้ของตึก Museum Siam ออกมาจากสถานีตรงกันข้ามก็คือโรงเรียนเบญจมบพิตรให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสนามไชยซึ่งเป็นชื่อของสถานีนี้
เดินไปเรื่อยๆจะผ่านวัดโพธิ์อยู่ซ้ายมือ ถัดไปเป็นขอบของพระบรมมหาราชวัง สิงหบัญชร เข้าสู่วัดพระแก้วแล้วสามารถต่อไปที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แล้วออกมาท้องสนามหลวงได้ ขากลับเดินตัดท้องสนามหลวงเข้าสู่ศาลหลักเมือง กระทรวงกลาโหม แล้วเดินกลับสถานีได้ครับ อันนี้สำหรับเวลา 1 ชั่วโมงนะครับ (ผมมีเวลาแค่นี้จริงๆ)
ที่วัดโพธิ์ผมกดถ่ายภาพไปเยอะมากเพราะเพิ่งเคยไปครั้งแรกวัดกว้างและสวยมากจริงๆผมเดินอย่างเร็วแล้วต้องใช้เวลาถึง 30 นาทีเพื่อที่จะถ่ายภาพให้ได้มากแล้วจึงออกเดินทางต่อ ผมเดินทางไปค่อนข้างเช้ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนชาวญี่ปุ่นยังไม่เยอะมากแต่ขากลับเวลาประมาณ 10:30 น. แทบไม่มีที่จอดรถ
ขออนุญาตลงภาพรัวๆเลยนะครับ
สำหรับวัดโพธิ์นั้นคนไทยเข้าฟรีครับ
ผมรีบออกเดินทางต่อไปยังพระบรมมหาราชวังเพื่อที่จะเข้าไปวัดพระแก้วผ่านสิงหบัญชร
สำหรับคนไทยเดินผ่านสิงหบัญชรไปแล้วสามารถเข้าประตูทางซ้ายมือได้เลยครับไม่ต้องรอซื้อบัตรจะมีป้ายเขียนอยู่ว่าทางเข้าสำหรับคนไทยเท่านั้นซึ่งจะเข้าตรงไปที่วัดพระแก้วเลย
ซึ่งที่วัดพระแก้วนั้นขอบอกตามตรงว่าถ่ายรูปมาได้น้อยมากเนื่องจากว่ามีนักท่องเที่ยวเยอะจริงๆ
จากวัดพระแก้วจะมีป้ายบอกทางอยู่ว่าไปพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทให้เดินตามป้ายมาเลย
เสร็จการเข้าชมวังในเวลาครึ่งชั่วโมงก็เดินออกทางประตูที่เขากำหนดไว้มาที่ท้องสนามหลวงแล้วสามารถเดินตัดท้องสนามหลวงไปที่ศาลหลักเมืองได้
ต่อจากศาลหลักเมืองจะเดินผ่านหน้ากระทรวงกลาโหมซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสสามารถถ่ายภาพได้ทำตัวอาคารและปืนใหญ่
จากกระทรวงกลาโหมเดินมาถึงสถานีสนามไชยประมาณ 300 เมตร
ในตอนนั้นผมลงกลับจากสถานีสนามไชยก็ 11:00 นแล้วคาดว่าจะไม่สามารถทำรีวิวได้ครบสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดของทั้ง 4 สถานีจึงขอทำภารกิจที่ 2 ไปซื้อกล้องก่อนครับ
ผมมาลงที่สถานีสามยอดตามแผนผังทางออกตรงนี้สามารถเดินในถนนเจริญกรุงและสำเพ็งได้ง่ายดายภายในไม่ได้ตกแต่งอะไรมากข้างนอกนั้นมีทางออกและอาคารทรงชิโนโปรตุกีสค่อนข้างจะเรโทรหน่อยต้องสังเกตดีๆครับเพราะมันไม่ค่อยเหมือนสถานีรถไฟเท่าไรนัก
รอบๆสถานีทั้ง 3 ด้านนั้นจะมีโรงแรมอยู่ทุกหัวมุมหากใครชอบโรงแรมไหนเชิญเลือกตามใจชอบได้เลยครับ
ผมเดินข้ามถนนไปฝั่งสะพานเหล็กเพื่อจะไปยังห้าง mega Plaza เพื่อทำภารกิจในการซื้อกล้องฟิล์มครับผม
จากลิฟท์แก้วของห้าง mega Plaza กดไปชั้น 5 จะมีร้านฟิล์มอยู่ประมาณ 10 ล้านให้ไปหลังเที่ยงนะครับเพราะร้านจะเปิดหลังเที่ยง ใครใคร่ซื้อร้านไหนก็แล้วแต่เลยครับผมไม่ได้มีข้อมูลร้านค้าอะไรที่มากคือคุยถูกใจแล้วก็ซื้อครับ
กล้องมีราคาตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักแสนนะครับที่นี่
ผมได้กล้องที่ร้านศาสตร์ศิลป์ตรงข้ามลิฟท์แก้วเลยครับเนื่องจากว่าพี่โยเจ้าของร้านคุยสนุกมากแนะนำสิ่งที่เหมาะกับเรามากกว่าที่จะขายของแพงให้เราและที่ร้านมีการรับประกันคุณภาพและหากเบื่อสามารถนำมาขายคืนที่ร้านได้โดยจะหักจากราคาที่ซื้อขายนะวันนั้น 30% ตอนแรกนั้นผมเตรียมเงินไปแค่ 4,000 บาทเผื่อจะได้กล้องฟิล์มสัก 1 ตัวแต่พอมีการรับประกันราคาขายกลับเกิดขึ้นมันทำให้รู้สึกว่าเราก็เหมือนเช่ากล้องเขามาเล่นเมื่อไหร่ที่เราเบื่อไม่อยากใช้แล้วกล้องตัวนี้ถือเป็นทรัพย์สินก็เลยซื้อมาในราคา 6,000 บาทและบอกแม่ว่า 2,900 บาท ^^
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้