1....ปิดกั้น ?
แม่เลี้ยงอามด้วยเหตุและผล ให้อิสระทางความคิดและการกระทำ แต่ต้องเป็นความคิดและการกระทำที่ไม่นอกกฎเกณฑ์ที่วางไว้ในแบบของผู้ที่เชื่อในพระเจ้าตามพระคัมภีร์ได้บัญัติไว้ และไม่ผิดต่อกฎหมายและกฎเกณฑ์อันดีงามถูกต้องของสังคมที่คนๆหนึ่งพึงปฏิบัติ บ้านเราเป็นคริสเตียนที่ดำเนินชีวิตตามหลักคำสอนของพระเจ้าที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ (ถ้าแม่เลี้ยงอามแบบปิดกั้นอามคงไม่ได้ไปอยู่เดอะพลูกินเหล้ากินยาได้แบบนี้หรอก) ในพระคัมภีร์จะสอนเราทุกเรื่อง เรื่องของความบาปและผลของความบาป เรื่องความรอดจากบาปและเเนวทางรักษาความรอดโดยการประพฤติในชีวิตประจำวัน เรื่องการอยู่ในสังคม การบริหารชีวิตคู่ การเลี้ยงดูอบรมบุตรชายบุตรหญิง เรื่องการทำงาน เรื่องการคบหาสมาคมกับคนรอบข้าง ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตปนะจำวันของเรา ฉะนั้นแม่จึงต้องดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังตามที่คริสตชนที่ดีคนหนึ่งพึงกระทำ ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทั้งหน้าที่ของภรรยาที่ดี ของแม่ที่ดีตามอย่างคำสอนที่พระคัมภีร์บัญญัติไว้
2...ทำไมถึงไม่ให้มานอนบ้าน ?
ณ.เวลาสถานะของอามกับเตยยังไม่ใช่ผัวเมีย ถึงแม้พฤตินัยจะเลยไปมากกว่านั้น (ที่สำคัญพ่อแม่รู้หมดเราไปถึงขั้นใหนแล้ว) แต่ทางนิตินัย คือคู่รักหรือแฟนเท่านั้น เพราะคำว่าผัวเมียคือต้อง ได้รับการยอมรับจากสังคมและจากทางคริสตจักร โดยมีพิธีสมรสอย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียม ด้วยเหตุนี้แม่จึงบอกกับอามว่า อามจะพาหญิงสาวที่ยังไม้ได้ผ่านพิธีเบื้องต้นมาแสดงตัวประหนึ่งผัวเมียในบ้านไม่ได้ 1.เป็นการให้เกียรติต่อตัวเองและต่อหญิงสาวคนนั้น(เตย)และครอบครัวของเธอด้วย 2.เป็นการให้เกียรติพ่อกับแม่ เพราะพ่อกับแม่เป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณผู้อื่น เป็นผู้สอนผู้สร้างผู้หนุนใจให้คนอื่นดำเนินชีวิตตามแบบคำสอน ซึ่งการกระทำแบบอามกับเตยผิดต่อหลักคำสอนที่ถูกต้อง พ่อแม่เป็นคนสอนแล้วลูกเป็นคนทำผิดเอง แล้วจะให้ไปสอนใครได้ 3.สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเป็นการถวายเกีรยติแด่พระเจ้าผู้สูงสุดตามความเชื่อของคริสตชน
3...จะเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องได้อย่างไร ?
ก็ต้องผ่านพิธีที่ถูกต้องหลักคำสอนก่อน เเละเตยต้องเข้ามาเรียนรู้การดำเนินชีวิตตามวิถีของคริสตชน ทั้งเรื่องของความเชื่อและการประพฤติ เพื่อให้ทางคริสตจักรได้ประกาศอย่างเป็นทางการ นั่นจึงจะชอบธรรมทั้งพฤตินัยและนิตินัย
4.... อามไปอยู่บ้านเตยได้ไหม ?
อามเป็นลูกชายโทน เราจึงจะแต่งสะไภ้เข้าบ้านเท่านั้นไม่แต่งออก สะไภ้ต้องมาอยู่บ้านเรา ที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นใคร ยากดีมีจน หรือมาจากครอบครัวที่เลี้ยงมาแบบใหนก็ตาม ต้องเรียนรู้และปฏิบัติตามวิถีของครอบครัวของเรา แนวความเชื่อแบบที่เรามี ..
แม่กับพ่อเปิดกว้างเสมอ ไม่เคยกีดกั้น แต่เพียงต้องการให้ทุกอย่างถูกต้องและอยู่ในเวลาอันสมควรเท่านั้น
** ที่ถูกต้องเหมาะสมในเวลาอันสมควร ** มันก็ขึ้นอยู่กับเตยว่าเตยพร้อมจะเข้าใจและยอมรับสิ่งที่ครอบครัวเราเป็นได้แค่ใหน ถ้าเตยพร้อมจะเข้าใจและยอมรับ ก็ต้องมาคุยกันทั้งฝ่ายเตยและฝ่ายอาม และให้อาจารย์ที่โบสถ์จัดการเรื่องทุกอย่างให้ถูกต้อง..
แต่ขอบอกไว้ ณ.วันนี้เลยว่า สามีภรรยาคริสเตียนจะไม่มีวันแยกกันจนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะล้มหายตายจาก ฉะนั้นถ้าคิดว่าอยู่กันไปไม่ดีไม่ถูกใจจะเลิกกันเหมือนคนทั่วไปไม่ได้เป็นอันขาด...
มีปัญหากับแฟนที่นับถือศาสนาคริสต์ค่ะ ขอคำแนะนำคือไม่อยากเปลี่ยนศาสนาค่ะ
แม่เลี้ยงอามด้วยเหตุและผล ให้อิสระทางความคิดและการกระทำ แต่ต้องเป็นความคิดและการกระทำที่ไม่นอกกฎเกณฑ์ที่วางไว้ในแบบของผู้ที่เชื่อในพระเจ้าตามพระคัมภีร์ได้บัญัติไว้ และไม่ผิดต่อกฎหมายและกฎเกณฑ์อันดีงามถูกต้องของสังคมที่คนๆหนึ่งพึงปฏิบัติ บ้านเราเป็นคริสเตียนที่ดำเนินชีวิตตามหลักคำสอนของพระเจ้าที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ (ถ้าแม่เลี้ยงอามแบบปิดกั้นอามคงไม่ได้ไปอยู่เดอะพลูกินเหล้ากินยาได้แบบนี้หรอก) ในพระคัมภีร์จะสอนเราทุกเรื่อง เรื่องของความบาปและผลของความบาป เรื่องความรอดจากบาปและเเนวทางรักษาความรอดโดยการประพฤติในชีวิตประจำวัน เรื่องการอยู่ในสังคม การบริหารชีวิตคู่ การเลี้ยงดูอบรมบุตรชายบุตรหญิง เรื่องการทำงาน เรื่องการคบหาสมาคมกับคนรอบข้าง ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตปนะจำวันของเรา ฉะนั้นแม่จึงต้องดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังตามที่คริสตชนที่ดีคนหนึ่งพึงกระทำ ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทั้งหน้าที่ของภรรยาที่ดี ของแม่ที่ดีตามอย่างคำสอนที่พระคัมภีร์บัญญัติไว้
2...ทำไมถึงไม่ให้มานอนบ้าน ?
ณ.เวลาสถานะของอามกับเตยยังไม่ใช่ผัวเมีย ถึงแม้พฤตินัยจะเลยไปมากกว่านั้น (ที่สำคัญพ่อแม่รู้หมดเราไปถึงขั้นใหนแล้ว) แต่ทางนิตินัย คือคู่รักหรือแฟนเท่านั้น เพราะคำว่าผัวเมียคือต้อง ได้รับการยอมรับจากสังคมและจากทางคริสตจักร โดยมีพิธีสมรสอย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียม ด้วยเหตุนี้แม่จึงบอกกับอามว่า อามจะพาหญิงสาวที่ยังไม้ได้ผ่านพิธีเบื้องต้นมาแสดงตัวประหนึ่งผัวเมียในบ้านไม่ได้ 1.เป็นการให้เกียรติต่อตัวเองและต่อหญิงสาวคนนั้น(เตย)และครอบครัวของเธอด้วย 2.เป็นการให้เกียรติพ่อกับแม่ เพราะพ่อกับแม่เป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณผู้อื่น เป็นผู้สอนผู้สร้างผู้หนุนใจให้คนอื่นดำเนินชีวิตตามแบบคำสอน ซึ่งการกระทำแบบอามกับเตยผิดต่อหลักคำสอนที่ถูกต้อง พ่อแม่เป็นคนสอนแล้วลูกเป็นคนทำผิดเอง แล้วจะให้ไปสอนใครได้ 3.สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเป็นการถวายเกีรยติแด่พระเจ้าผู้สูงสุดตามความเชื่อของคริสตชน
3...จะเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องได้อย่างไร ?
ก็ต้องผ่านพิธีที่ถูกต้องหลักคำสอนก่อน เเละเตยต้องเข้ามาเรียนรู้การดำเนินชีวิตตามวิถีของคริสตชน ทั้งเรื่องของความเชื่อและการประพฤติ เพื่อให้ทางคริสตจักรได้ประกาศอย่างเป็นทางการ นั่นจึงจะชอบธรรมทั้งพฤตินัยและนิตินัย
4.... อามไปอยู่บ้านเตยได้ไหม ?
อามเป็นลูกชายโทน เราจึงจะแต่งสะไภ้เข้าบ้านเท่านั้นไม่แต่งออก สะไภ้ต้องมาอยู่บ้านเรา ที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นใคร ยากดีมีจน หรือมาจากครอบครัวที่เลี้ยงมาแบบใหนก็ตาม ต้องเรียนรู้และปฏิบัติตามวิถีของครอบครัวของเรา แนวความเชื่อแบบที่เรามี ..
แม่กับพ่อเปิดกว้างเสมอ ไม่เคยกีดกั้น แต่เพียงต้องการให้ทุกอย่างถูกต้องและอยู่ในเวลาอันสมควรเท่านั้น
** ที่ถูกต้องเหมาะสมในเวลาอันสมควร ** มันก็ขึ้นอยู่กับเตยว่าเตยพร้อมจะเข้าใจและยอมรับสิ่งที่ครอบครัวเราเป็นได้แค่ใหน ถ้าเตยพร้อมจะเข้าใจและยอมรับ ก็ต้องมาคุยกันทั้งฝ่ายเตยและฝ่ายอาม และให้อาจารย์ที่โบสถ์จัดการเรื่องทุกอย่างให้ถูกต้อง..
แต่ขอบอกไว้ ณ.วันนี้เลยว่า สามีภรรยาคริสเตียนจะไม่มีวันแยกกันจนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะล้มหายตายจาก ฉะนั้นถ้าคิดว่าอยู่กันไปไม่ดีไม่ถูกใจจะเลิกกันเหมือนคนทั่วไปไม่ได้เป็นอันขาด...