ใบไม้ที่ปลิดปลิวกับตอนจบที่เปลี่ยนไป

มีคนสปอยไว้ตั้งแต่แรกว่ายังไงนิราก็ต้องฆ่าตัวตายในที่สุด ซึ่งเราก็คิดว่าแบบนั้นมาตลอด (ดีนะที่ตอนจบดูสด ไม่งั้นโดนสปอยเละเลย เข้า Facebook เจอโพส "สรุปนิราไม่ตายนะ!" จบเลย) ประกอบกับชื่อเรื่อง "ใบไม้ที่ปลิดปลิว" แล้วด้วยทำให้คิดว่าตายแน่ๆจนถึงตอนนอนอยู่บนเตียง นึกว่าทุกคนมาลาศพซะอีก สุดท้ายรอดตาย บินกลับอังกฤษซะยังงั้น

ยังไงก็ตาม เราชอบที่บทถูกปรับนะ ชอบที่สุดคือบทพูดของนิราในนาทีสุดท้าย

มันเรียลมากๆ เราไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วคนที่ฆ่าตัวตายเขาอาจจะอยากได้โอกาสครั้งที่สองในการใช้ชีวิตอีกหรือไม่ ในนาทีสุดท้ายก่อนขาดใจอาจจะรู้สึกอยากเปลี่ยนใจหรือเปล่า เพราะหลังจากนาทีนั้นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเกิดการตายคือการหลุดออกจากร่าง สมมติว่ายังอยู่แล้วมองเห็นคนรอบตัวเศร้ากับการกระทำของเรา เราจะอยากย้อนเวลากลับไปไหม เหมือนที่ทุกคนร้องไห้เสียใจกับนิราในตอนนั้น

ชวนให้นึกถึงหนังเรื่อง Ghost ที่พระเอกถูกผู้ร้ายฆ่าตาย แต่วิญญานยังอยู่รอบๆตัวนางเอก เฝ้าดูด้วยความเป็นห่วง ถึงจะไม่ใช้เคสฆ่าตัวตายแต่ถ้าคิดย้อนกลับไปได้ เขาอาจจะอยากหนีไปแทนที่จะพยายามสู้กับคนร้ายจนถูกฆ่าตายในที่สุด ฉากที่พยายามจะแตะนางเอกแต่ก็ทำได้แค่มองคือสะเทือนอารมณ์มากๆ การเห็นคนที่เรารักเสียใจจากการจากไปของเรา มันคงเป็นบาดแผลที่ไม่มีวันรักษาได้เลยจริงๆ ถ้าคนที่จากไปแล้วมองจากมุมนี้อาจจะอยากเปลี่ยนใจไหมนะ 

รู้สึกว่าพักหลังนี้ข่าวฆ่าตัวตายเยอะขึ้นเรื่อยๆเนอะ เราว่าที่ละครปรับบทแบบนี้ดีแล้ว มันอาจจะช่วยทำให้คนที่กำลังคิดสั้นฉุกคิดขึ้นมาได้นะว่าตราบใดที่เรามีชีวิตอยู่ เรายังมีโอกาสเสมอ ปัญหาที่นิราสร้างไว้มันเยอะมากก็จริง และการตื่นขึ้นมาเผชิญหน้าก็ไม่ง่าย ทั้งการโกหกพ่อ โกหกอาชัช ทั้งกระแสสังคม แต่นิราก็ยังสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้จากการเฟดตัวเองออกมา แล้วเวลาก็ช่วยรักษาได้จริงๆ อย่างกระแสที่โจมตีนาง ว่าโป๊ะแตกต่างๆนาๆ สุดท้ายกระแสตีกลับไปหวยออกที่มะนาวที่ทำเกินไปซะยังงั้น ยังไงคนก็พร้อมเข้าใจและให้อภัยแหละ ในนิยายไม่มีบทมะนาวก็จริงแต่เราชอบที่นางโผล่มานะ เป็นตัวละครที่แฝงตัวอยู่ในทุกวงการจริงๆ เลื่อยขาเก้าอี้เก่ง จีบปากจีบคอเก่ง 555 เม่าชอปปิ้ง

ละครเรื่องนี้พูดถึงสื่อ social ได้ดีทีเดียว ทั้งการให้สัมภาษณ์นักข่าว การสร้างกระแส (ชอบตอนที่นิราส่งดอกไม้สีทองมาให้ตัวเอง นางอยู่เป็นค่ะแม่) คำพูดที่ใช้ การขุดเรื่องต่างๆมาแฉ เรื่องเล็กๆตีข่าวไปมาแป๊ปๆก็ติดเทรนด์ twitter ซะยังงั้น จากเมื่อก่อนที่มีแค่ magazine ซุบซิบดารา เม้าท์กันปากต่อปาก ไม่ไปเดินตามตลาดก็คงไม่ได้ยิน แต่เดี๋ยวนี้ด่ากันในพื้นที่ social ด้วยความที่มันเป็น "พื้นที่สาธารณะ" คนเห็นเยอะกว่าแปะป้ายประจานซะอีก กดเข้ามาดูทีคงสะเทือนไปสามปี (ถึงจะบอกว่าก็อย่ากดเข้าไปดูสิ แต่ใครมันจะไปทนได้จริงไหม เม่าฝึกจิต)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่