การเดินทางสู่ชีวิตการเป็นออแพร์ 2019

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ เราขอแนะนำตัวก่อนนะ เราชื่อหยก อายุ 22 ปี 
ตอนนี้เรากำลังทำเรื่องในการเป็นออแพร์อเมริกาอยู่ เราเคยตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับเอเจนซี่และการวัดระดับภาษาไปก่อนหน้านี้ ... แต่...
ตอนนี้เราได้ดำเนินเรื่องแล้วเรียบร้อย เราเลยจะมาแชร์ประสบการณ์ ขั้นตอนต่างๆในการเป็นออแพร์ 👍 #ออแพร์คืออะไร ? บางคนอาจจะยังไม่รู้จัก เพื่อนๆสามารถเสิร์ชหาในกูเกิ้ลได้เลยนะคะ ข้อมูลเพียบบบ
เอาล่ะมาเข้าเรื่องเลย .... 
1. เราได้รู้จักและศึกษาหาวิธีเพื่อจะไปเมืองนอก ไปเรียน ไปทำงาน ไปลองใช้ชีวิต มันคือความฝันของเราตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นความฝันอยู่ 55555 เราได้ไปเจอโครงการออแพร์จากคนรู้จัก จากนั้นเราก็เลยเริ่มศึกษาหาข้อมูล หารีวิวมากที่สุดเท่าที่หาได้ เรียกได้ว่าตอนนั้นเราเสพติดออแพร์เลยก็ว่าได้ 5555 ในที่สุดเราก็ได้ตัดสินใจว่าจะไปโครงการนี้ เพราะเป็นโครงการที่เหมาะกับเราที่สุดแล้ว คือ เราชอบเด็กอยู่แล้วอาจจะไม่ได้ชอบทุกคนแต่ก็ไม่ได้ mind ที่จะอยู่กับเด็กอ่ะ เคยเลี้ยงเด็กมาก็เยอะ แล้วค่าโครงการค่าใช้จ่ายต่างๆก็ไม่ได้แพงจนเราเอื้อมไม่ถึง
ฐานะทางบ้านก็คือจน อาจจะไม่ได้จนจนไม่มีไรจะกิน แต่ก็คือทุกวันนี้เช่าบ้านอยู่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง พ่อแม่เราทำอาชีพค้าขายเสื้อผ้าก็ไม่ได้ขายดีทุกวันยิ่งช่วงนี้ยิ่งแทบขายไม่ได้เลย แต่ก็ต้องกัดฟันสู้กันต่อไป เอาล่ะพอเราตัดสินใจแล้วในระหว่างเรียนปี 4 เราก็พยายามฝึกฝนภาษาอังกฤษของตนเอง พร้อมกับศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมไปเรื่อยๆจนถึงเวลาเรียนจบ เราเรียนจบเมื่อ 31 มีนาคม 2562 
ก่อนที่จะไปสมัครกับเอเจนซี่ เราก็ได้ไปทำงานอยู่เนอสเซอรี่แถวบ้านอยู่เดือนนึงเป็นเดือนที่ค่อนข้างโหดสำหรับเรา แต่ก็โอเคสนุกดี
เราทำงานที่นี่วันละ 12 ชม. พอทำได้กลางเดือนเราก็ตัดสินใจไปสมัครกับพี่เอเจนซี่ไทยออแพร์วันที่ 20 หรือ 21 พฤษภานี่แหล่ะ
เมื่อไปถึงพี่ๆก็จะมาแนะนำข้อมูลต่างๆให้เราฟัง แล้วเราก็ตัดสินใจสมัครกับเอเจนนี้โดยโอนเงินให้พี่เค้าวันนั้นเลย
ความพีคในวันนั้นคือเรามีเงินอยู่ในบัญชีแค่ 2,000 บาท แต่ค่าสมัครคือ 6,999 บาทไง 55555 ตังไม่พอจ้าาาาา ยิ้มแห้งสิ
ไม่รอช้าโทรหาพ่อและแม่ทันที ประเด็นคือวันนั้นแม่ไปซื้อของที่อรัญพอดีเมื่อเอามาขาย ทำให้เงินไม่พอ เราเลยต้องใจกล้าหน้าด้านขอพี่เค้าว่าหนูขอโอนให้พี่ก่อน 2,000 ได้มั้ยคะ แล้วพน.หนูจะโอนที่เหลือให้อีกที พี่เค้าก็ใจดีจ้าาาา จากนั้นพี่เค้าก็ให้เอกสารต่างๆที่เราต้องทำเพื่อการเป็นออแพร์พร้อมกับใบสมัคร และอธิบายขั้นตอนต่างๆให้ฟัง ซึ่งใบเอกสารต่างๆก็จะประกอบไปด้วย ...
#เอกสารที่เราจะได้หลังจากสมัครออแพร์ 
1.1 ใบส่งตัวเก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็ก 
1.2 ใบ Child care reference  2 ใบ. (สามารถถ่ายเอกสารเพิ่มได้ถ้าเรามีประสบการณ์มากกว่า 2 ที่ )
1.3 ใบคำแนะนำขั้นตอนต่างๆ. 2 ฉบับ
1.4 ใบตรวจสุขภาพเป็นภาษาอังกฤษ 
1.5 ชุดเอกสารสำหรับตอบคำถามจำนวน 4 หน้า (ตอบเป็นภาษาไทย)
1.6 ตัวอย่างการออกใบรับรองการเลี้ยงเด็กแบบเป็นทางการ 
1.7 คู่มือและคำศัพท์เพื่อการเตรียมตัวเป็นออแพร์ 1 เล่ม
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราจะได้หลังจากสมัครแล้ว และเราก็ได้เริ่มดำเนินการตามขั้นตอนในคู่มือที่ได้มา เริ่มจากเก็บชั่วโมงก่อนเลย พอเราทำงานได้ครบเดือนก็นำเอกสารใบส่งตัวพร้อมกับใบ Child care reference ให้กับทางเนอสเซอรี่เซ็นรับรอง พร้อมออกใบรับรองแบบเป็นทางการมาให้ ซึ่งเอเจนซี่เรากำหนดว่าควรมีชั่วโมงการเลี้ยงเด็กไม่ต่ำกว่า 300 ชั่วโมง แบบเป็นทางการ 200 ชั่วโมง แบบไม่เป็นทางการ 100 ชั่วโมง หรือมากกว่า 300 ชั่วโมงก็ยิ่งดี 
เนื่องจากเรามีชั่วโมงเลี้ยงเด็กอยู่แล้วจากเนอสเซอรี่และจากเพื่อนบ้าน เราได้จากเนอสเซอรี่ 240 ชม. จากเพื่อนบ้าน 2000 ชม.
หลังจากที่ออกจากเนอสเซอรี่เราก็ว่างงานเลยทำเอกสารไปพรางๆรอหางานทำ เพื่อเป็นใบรับรองเราในขั้นตอนการสัมภาษณ์วีซ่าว่าเราไม่ใช่คนว่างงาน
แล้วเราก็ได้ไปเจองานครูผู้ช่วยครูต่างชาติเราเลยรีบสมัครและไปสัมภาษณ์เลยจ้ะ เพื่อจะได้ฝึกภาษาของตัวเองด้วยเลยตัดสินใจทำงานนี้
เราเป็นผู้ช่วยครูฟิลิปปินส์ อยู่ 3 เดือน เนื่องจากครูเค้ามีสัญญาเหลือแค่ 3 เดือนกับทางรร. เราเลยได้ทำงานแค่ 3 เดือน แต่ก็โอเคอย่างน้อยก็ได้พัฒนาภาษามาระดับนึง ดีกว่าเดิมแต่ไม่ได้เก่ง ก็ยังมีออกเสียงผิดบ้าง ในระหว่างที่ทำเอกสารของทางเอเจนพร้อมกับทำวิดีโอและกรอกข้อมูลออนไลน์ ก็จะมีพี่ทางเอเจนโทรมาเพื่อสัมภาษณ์วัดระดับภาษากับเรา วันนั้นตื่นเต้นมากแต่พี่เค้าก็จะชวนคุยเล่นๆก่อนจากนั้นก็เริ่มยิงคำถามรัวๆเลยจ้าาา
แต่ก็ไม่ได้ถามเยอะมากไม่ได้ยากมากแต่ก็ทำเราแถสีข้างถลอกอยู่นะ 55555 สัมภาษณ์เสร็จพี่เค้าก็บอกโอเคผ่านนะพี่ไม่ห่วงเราเรื่องภาษานะ ไปฝึกเพิ่มอีกนิดหน่อย ในใจคือไม่นิดค่ะพี่ 55555 คือถ้าไม่เตรียมตัวมาบอกเลยเราคงไม่ผ่านตอบอะไรไม่ได้คิดคำไม่ออก แต่พอดีฝึกมาเยอะไงพูดกับตัวเองทุกวัน
หลังจากนั้นก็ไปทำพาสปอร์ต ตรวจสุขภาพ และทำวิดีโอพรีเซนต์  กรอกข้อมูลทางออนไลน์ให้ครบถ้วน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ใช้เงินของตัวเองจากเงินเดือนที่ได้จากเนอสเซอรี่และการเป็นครูผู้ช่วย ซึ่งการตรวจสุขภาพเราเสียไปไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะเราไปเอกซเรย์กับเจาะเลือดที่โรงพยาบาลปทุมธานีใกล้บ้านเสียไปทั้งหมด 600 บาท แล้วก็ไปฉีดวัคซีนที่สถานเสาวภาสภากาชาด เสียไปทั้งหมด 1600 บาท หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จก็นัดพี่เอเจนเพื่อส่งเอกสาร
ซึ่งในวันที่ไปส่งนั้นพี่เอเจนซี่ก็จะสัมภาษณ์วัดระดับภาษารอบไฟนอลกับเราอีกครั้ง
เราโดนถามเยอะมากตั้งตัวไม่ทันขนาดเตรียมตัวมายังเหว๋อเลย คือนึกคำศัพท์ไม่ออกอ่ะตันไปหมด ตอบได้บ้างไม่ได้บ้างออกเสียงผิดก็เยอะแต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้อีก 5555 พี่เค้าก็แนะนำให้ไปฝึกฟังแล้วออกเสียงตามบ่อยๆ แล้วก็ให้หาไอเดียในการตอบคำถามให้เยอะขึ้น
จากนั้นพี่เค้าก็จะส่งอีเมลมาให้เรา 2 ฉบับ 
อันแรก เป็นข้อสอบจิตวิทยาที่เราต้องทำ
อันที่สอง เป็นขั้นตอนต่างๆหลังจากส่งเอกสารแล้ว
แล้วพี่เค้าก็แนะนำให้เราไปเอาชม.จากการเป็นครูผู้ช่วยมาอีกเพื่อเป็นเครดิตให้เรา อ่ะเราก็ต้องกลับไปเพื่อให้ทางรร.เซ็นใบรับรองมาให้
แล้วคือช่วงนั้นติดรับปริญญาอีกเลยทำให้การส่งเอกสารล่าช้า หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว เราก็ได้ส่งเอกสารรับรองให้พี่เค้าทางไลน์โดยการสแกนเลยได้บวกเพิ่มชั่วโมงไปอีก เราได้ทั้งหมด 2490 ชั่วโมง จากทั้งเนอสเซอรี่ เพื่อนบ้าน และรร. เราส่งเอกสารทั้งหมดในวันที่ 20 สิงหาคม 2562
เราใช้เวลา 3 เดือนในการทำเอกสารต่างๆ... 
สรุปค่าใช้จ่ายในขั้นตอนที่เราทำในตอนนี้ 
1. ค่าใบสมัคร 6,999 เราให้พ่อแม่ช่วยออก 3,000 เราออก 4,000
2. ค่าพาสปอร์ต เราออกเอง 1,000
3. ค่าตรวจสุขภาพเราออกเอง 2,200 บาท รวม = 10,199 บาท
ปล. ตอนนี้เราส่งเอกสารและกำลังรอทางอเมริกา approve การออนไลน์โปรไฟล์ให้เรา ถ้าได้ออนไลน์ได้แมชเมื่อไหร่จะมาอัพเดทนะจ๊ะทุกคน  😁😁😁😁
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่