เพลงของ bnk ที่เป็นเพลงหลักรอง และ เพลงในเธียเตอร์บางส่วนล้วนเป็นเพลงให้กำลังใจกับคนฟัง และ คนร้อง
jabaja ให้เราปลง และไม่ยึดติดกับทุกข์สุข ดีร้าย ให้เราทำใจให้แจ่มใสคึกคัก
ทิ้งสิ่งไม่ดีไว้กับเมื่อวาน และเริ่มต้นใหม่ กับชีวิตที่เรายังมี ที่ยังต้องวนเวียนไปกับทุกข์สุขกันทุกคน
river ให้เราก้ามข้าวอุปสรรคที่กั้นขวาง ไม่ยอมแพ้ you can do it
reborn ให้เราปรับมุมมอง ดีหรือร้ายแค่ต่างกันเหมือนแผ่นกระดาษบางๆ
ลบเลือนความทรงจำที่ไม่ดีออกไป ปรับความคิดตัวเองใหม่เริ่มใหม่ปรับเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นและเริ่มต้นใหม่ได้ในทุกๆวัน
beginner ให้เรามองว่าทุกสิ่งคือการกระทำที่อาจจะผิดพลาดแต่มันก็จะพ้นไปเป็นอดีต เป็นความหลัง เหมือนสายลมที่พัดผ่านไป
มีบางครั้งพลาดไป จำมันไว้ให้ขึ้นใจ อาจจะมีที่ผิดหวังเกิดเจ็บปวดเป็นบาดแผล
เราจะไม่ยอมให้เรื่องที่เรานั้นพลาดไปกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งเป็นผู้ใหญ่กันได้แล้ว
ยอมรับในการกระทำ แล้วหาเส้นทางใหม่ ไม่ย้ำเส้นทางใคร เริ่มกันใหม่ได้ทุกเวลา we can be reborn all the time
ผมเติมกำลังใจให้ตัวเองข้ามผ่านเรื่องที่รู้สึกไม่สบายใจด้วยเพลงของวงนี้ อยากให้เพื่อนๆใช้วิธีเดียวกัน ฟังแล้วคิดตาม
จะพ้นจากลูปการย่ำหรือจมกับความทุกข์ได้ไวขึ้น กลายเป็นคนที่ไม่จมทุกข์เช่นแต่ก่อน
ผมจะเปรียบเทียบให้ฟังสักหน่อยว่า การปฏิบัติธรรม คือการทำสภาวะจิตให้เป็นกลาง ไม่จมทุกข์ ไม่ลอยไปกับความสุข
คอยดึงจิตใจตัวเองมาอยู่ตรงกลางให้เห็นว่านั่นทุกข์นั่นสุขที่เกิดขึ้นในใจเรา มันมีเกิดตั้งอยู่และดับไป ในทุกสรรพสิ่ง
เมื่อเห็นแล้วก็ปลงมันลงวางมันลง อย่าไปยึดถือมันนานไปทั้งสองอย่าง
เปรียบดังคนเราเดินบนผิวโลก เพื่อไปข้างหน้า การเจอทุกข์แล้วไม่ยอมทิ้งทุกข์
ก็เหมือนการที่เราลากรถเข็นแล้วเติมก้อนหินแห่งความทุกข์ (พลังลบ) ลงไปเรื่อยๆ ไม่ยอมทิ้งมันไป เราก็จะยิ่งหนัก ยิ่งไปได้ช้าลง
การมีความสุขก็เหมือนการถือบอลลูนที่ทำให้ตัวคุณลอยขึ้นจากผืนดินได้ (พลังบวก)
หากรู้จักใช้บอลลูนให้ช่วยยกตัวคุณเบาให้เดินได้หรือกระโดดไปข้างหน้าได้ไกลขึ้นมันก็ดี
แต่หากหลงสุขมากๆก็เหมือนเติมแก๊สให้บอลลูนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนพาคุณลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งสูงมากเมื่อความสุขขั้นมันหักหลักคุณ คุณก็จะตกมาจากที่สูงยิ่งเจ็บตัวมากด้วยเช่นกัน
ดังนั้นคนที่ฝึกใจตัวเองดีแล้ว จะมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งคือ ลืมว่าทุกข์ได้ไว ไม่หลงสุขจนเกินไป
พร้อมรับกับการหมุนเวียนของทุกข์และสุขตลอดเวลาคือการรักษาระดับตันเองให้อยู่ใกล้พื้น
และพร้อมจะปล่อยวางของหนักที่รู้ว่ากำลังลากอยู่ได้ในทุกๆเวลา
นั่นเป็นการทำให้ตัวเองเข้าสู่ความเป็นกลาง ระหว่างทุกข์และสุขนั่นเอง
ใครฝึกได้มากเท่าไหร่ ก็จะลืมสิ่งที่ทำให้เสียใจได้ไวขึ้นเท่านั้น
ฝากเพื่อนๆใช้ประโยชน์จากเพลงให้กำลังใจที่แฝงธรรมะเหล่านี้ด้วยนะครับ เราจะได้มีวันข้างหน้าที่รอเราอยู่
ให้เราต้องสู้ไปด้วยกันทั้ง อฟช แฟนคลับ และ เมมเบอร์ ทุกคน
เป็นแฟนเพลง BNK48 ทั้งที ขอให้เราลองฝึกตนให้เป็นไปตามเพลงของวงนี้กันหน่อย
jabaja ให้เราปลง และไม่ยึดติดกับทุกข์สุข ดีร้าย ให้เราทำใจให้แจ่มใสคึกคัก
ทิ้งสิ่งไม่ดีไว้กับเมื่อวาน และเริ่มต้นใหม่ กับชีวิตที่เรายังมี ที่ยังต้องวนเวียนไปกับทุกข์สุขกันทุกคน
river ให้เราก้ามข้าวอุปสรรคที่กั้นขวาง ไม่ยอมแพ้ you can do it
reborn ให้เราปรับมุมมอง ดีหรือร้ายแค่ต่างกันเหมือนแผ่นกระดาษบางๆ
ลบเลือนความทรงจำที่ไม่ดีออกไป ปรับความคิดตัวเองใหม่เริ่มใหม่ปรับเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นและเริ่มต้นใหม่ได้ในทุกๆวัน
beginner ให้เรามองว่าทุกสิ่งคือการกระทำที่อาจจะผิดพลาดแต่มันก็จะพ้นไปเป็นอดีต เป็นความหลัง เหมือนสายลมที่พัดผ่านไป
มีบางครั้งพลาดไป จำมันไว้ให้ขึ้นใจ อาจจะมีที่ผิดหวังเกิดเจ็บปวดเป็นบาดแผล
เราจะไม่ยอมให้เรื่องที่เรานั้นพลาดไปกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งเป็นผู้ใหญ่กันได้แล้ว
ยอมรับในการกระทำ แล้วหาเส้นทางใหม่ ไม่ย้ำเส้นทางใคร เริ่มกันใหม่ได้ทุกเวลา we can be reborn all the time
ผมเติมกำลังใจให้ตัวเองข้ามผ่านเรื่องที่รู้สึกไม่สบายใจด้วยเพลงของวงนี้ อยากให้เพื่อนๆใช้วิธีเดียวกัน ฟังแล้วคิดตาม
จะพ้นจากลูปการย่ำหรือจมกับความทุกข์ได้ไวขึ้น กลายเป็นคนที่ไม่จมทุกข์เช่นแต่ก่อน
ผมจะเปรียบเทียบให้ฟังสักหน่อยว่า การปฏิบัติธรรม คือการทำสภาวะจิตให้เป็นกลาง ไม่จมทุกข์ ไม่ลอยไปกับความสุข
คอยดึงจิตใจตัวเองมาอยู่ตรงกลางให้เห็นว่านั่นทุกข์นั่นสุขที่เกิดขึ้นในใจเรา มันมีเกิดตั้งอยู่และดับไป ในทุกสรรพสิ่ง
เมื่อเห็นแล้วก็ปลงมันลงวางมันลง อย่าไปยึดถือมันนานไปทั้งสองอย่าง
เปรียบดังคนเราเดินบนผิวโลก เพื่อไปข้างหน้า การเจอทุกข์แล้วไม่ยอมทิ้งทุกข์
ก็เหมือนการที่เราลากรถเข็นแล้วเติมก้อนหินแห่งความทุกข์ (พลังลบ) ลงไปเรื่อยๆ ไม่ยอมทิ้งมันไป เราก็จะยิ่งหนัก ยิ่งไปได้ช้าลง
การมีความสุขก็เหมือนการถือบอลลูนที่ทำให้ตัวคุณลอยขึ้นจากผืนดินได้ (พลังบวก)
หากรู้จักใช้บอลลูนให้ช่วยยกตัวคุณเบาให้เดินได้หรือกระโดดไปข้างหน้าได้ไกลขึ้นมันก็ดี
แต่หากหลงสุขมากๆก็เหมือนเติมแก๊สให้บอลลูนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนพาคุณลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งสูงมากเมื่อความสุขขั้นมันหักหลักคุณ คุณก็จะตกมาจากที่สูงยิ่งเจ็บตัวมากด้วยเช่นกัน
ดังนั้นคนที่ฝึกใจตัวเองดีแล้ว จะมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งคือ ลืมว่าทุกข์ได้ไว ไม่หลงสุขจนเกินไป
พร้อมรับกับการหมุนเวียนของทุกข์และสุขตลอดเวลาคือการรักษาระดับตันเองให้อยู่ใกล้พื้น
และพร้อมจะปล่อยวางของหนักที่รู้ว่ากำลังลากอยู่ได้ในทุกๆเวลา
นั่นเป็นการทำให้ตัวเองเข้าสู่ความเป็นกลาง ระหว่างทุกข์และสุขนั่นเอง
ใครฝึกได้มากเท่าไหร่ ก็จะลืมสิ่งที่ทำให้เสียใจได้ไวขึ้นเท่านั้น
ฝากเพื่อนๆใช้ประโยชน์จากเพลงให้กำลังใจที่แฝงธรรมะเหล่านี้ด้วยนะครับ เราจะได้มีวันข้างหน้าที่รอเราอยู่
ให้เราต้องสู้ไปด้วยกันทั้ง อฟช แฟนคลับ และ เมมเบอร์ ทุกคน