มักกะสัน จากตำนานรถไฟ สู่ตัวช่วยที่ยิ่งใหญ่ในการพัฒนาเมือง

บางกอกโพสต์ฉบับวันหยุดที่ผ่านมา มีรายงานสั้นเรื่องโรงงานรถไฟมักกะสัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงและแหล่งผลิตหัวรถจักรที่สำคัญของประเทศ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นสุสานรถไฟเก่า ที่ถูกต้องการให้มีการอนุรักษ์ไว้เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของคนรุ่นหลัง


โรงงานมักกะสันเริ่มเปิดดำเนินการเมื่อเดือนมิถุนายน พุทธศักราช 2453 ซึ่งนอกจากเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อนแล้ว ยังเป็นศูนย์ผลิตรถไฟที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับความเสียหายมาก และมีการบูรณะใหม่แล้วเสร็จในปีพ.ศ. 2500


ต่อมาปี 2526 รัฐบาลได้สั่งยุติการผลิตรถจักร เนื่องจากการนำเข้ามีราคาถูกกว่า ความสำคัญของโรงงานแห่งนี้จึงลดน้อยลง ปัจจุบันเรียกได้ว่า โรงงานมักกะสันหลงเหลือหัวรถจักร 3 ขบวน และอาคารโรงซ่อมหลังเก่า ไว้เป็นอนุสรณ์ความรุ่งเรืองในอดีต

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อย่างไรก็ตาม พื้นที่ของการรถไฟในบริเวณมักกะสัน รวมกันมีประมาณเกือบ ๆ 500 ไร่ โดยพื้นที่แปลง A ส่วนที่ใกล้กับแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (สีส้ม) ประมาณ 140 ไร่ จะถูกนำไปพัฒนาในเชิงพาณิชย์ ภายใต้สัญญาให้เอกชนเช่าดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะเวลาสัมปทาน 50 ปี ซึ่งกลุ่มธนโฮลดิ้ง (ซีพี) และพันธมิตร เป็นผู้ชนะการประมูลโครงการ โดยพื้นที่แปลงที่เอกชนได้รับสิทธิ์พัฒนาดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับพื้นที่โรงงานมักกะสัน (สีเหลือง) ตามที่มีการเข้าใจผิดกันมาตลอด


โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นหนึ่งในโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ที่หวังให้ช่วยยกระดับเศรษฐกิจของประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้า ซึ่งจากประสบการณ์ของประเทศในซีกโลกตะวันตกและภูมิภาคเอเชีย ใช้รถไฟความเร็วสูงเป็นตัวเชื่อมโยงในการปรับฐานของเศรษฐกิจและสร้างความเจริญให้แก่ประเทศ ตัวอย่างประเทศจีน ที่มีการพัฒนาด้านคมนาคมทางรางเชื่อมต่อเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งช่วยกระจายความเจริญ ปรับลดความเหลื่อมล้ำ โดยทำให้ความเจริญไม่กระจุกตัวอยู่เฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ


ล่าสุด รายงานจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา จีนได้พัฒนาเส้นทางคมนาคมในประเทศอย่างรวดเร็ว และสามารถเชื่อมโยงโครงข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเมื่อปี 2561 พบว่า จีนเป็นประเทศที่มีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงและถนนที่ยาวที่สุดในโลก โดยถนนทางหลวงทั่วประเทศจีนมีความยาวรวมกันกว่า 4,850,000 กิโลเมตร และเส้นทางรถไฟความเร็วสูงมีความยาวรวม 143,000 กิโลเมตร


สำหรับประเทศไทยนั้น แม้จะเป็นประเทศแรก ๆ ในเอเชียที่มีรถไฟ แต่การเติบโตและพัฒนาการช้ามาก โดยเริ่มมีการศึกษาเรื่องรถไฟความเร็วสูงในปี พ.ศ. 2535 และเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสาย กรุงเทพฯ-ระยอง ได้เริ่มศึกษาในปี 2537 แต่เพิ่งเริ่มเป็นจริงเมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อให้เป็นระบบคมนาคมหลักที่เชื่อมเมืองสู่เมือง และมีระบบการคมนาคมย่อยเชื่อมต่อเส้นทางย่อยจากสถานีหลัก


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่