ประสบการณ์การทำงานใน J-MAT

ส่วนตัวอยากจะรีวิวประสบการณ์ตรง จากการทำงาน  J-MAT ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเราเป็น J-MAT รุ่นที่ 34 แน่นอนว่าวันนี้ เราไม่ได้จะมาเป็นหน้าม้าขององค์กร หรือขายตัวโครงการ แต่ต้องการจะมาแชร์ประสบการณ์จากการได้เป็นส่วนหนึ่งของ J-MAT จริงๆ let’s goooooo

ก่อนอื่นขอพูดคร่าวๆเกี่ยวกับ J-MAT ก่อนว่าคืออะไร? 

J-MAT (Junior Marketing Association of Thailand) หรือ ชมรมยุวสมาชิกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เป็นเครือข่ายตัวแทนนิสิต/นักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกจากคนที่เข้ามาสมัครที่มีความสนใจด้านการตลาดจากมหาลัยทั่วประเทศ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถแก่นิสิต/นักศึกษา 

โดย J-MAT จะรับสมัครนักศึกษาตั้งแต่ปี 2-4 ทั้งคนที่เรียนสาขาการตลาดโดยตรงและคนที่เรียนสาขาอื่น แต่มีความสนใจทางด้านการตลาด และมีความต้องการที่อยากจะมาพัฒนาศักยภาพตนเอง โดยให้เด็กได้ฝึกศักยภาพตนเอง ภายในระยะเวลา 1 ปีเต็มๆ ผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการ J-MAT Sharing Together, โครงการสัมมนาสู่เส้นทางการตลาด, โครงการ J-MAT Award, โครงการ Marketing Trainee และโครงการ J-MAT Next Gen ซึ่งจะมีการแบ่งฝ่ายการทำงานตามความต้องการของแต่ละคน โดยปีเรามีทั้งหมด 5 ฝ่าย คือ Brand Management, Strategic Management, Markeeting Communication, CRM และ International

มันเป็นโอกาสครั้งสำคัญมาก ที่ได้เข้าไปทำงานร่วมกับนักศึกษาจากหลายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ที่คัดมาเหลือแค่ประมาณ 60-80 คนต่อปี สิ่งแรกที่เราได้จากการเข้ามา J-MAT คือเราได้ connection กับเพื่อนๆจากต่างมหาลัย และรุ่นพี่ที่เก่งๆใน J-MAT รุ่นก่อนๆ ได้เรียนรู้และฝึกทักษะความคิดและกระบวนการในการทำงานจริงๆ  

โดยกิจกรรมแรกคือไปค่าย Sharing Together ที่จัดขึ้น ณ รีสอร์ทที่นครนายก 3 วัน 2 คืน ซึ่งค่ายนี้เป็นกิจกรรมที่ช่วยละลายพฤติกรรมทุกคนให้รู้จักและสนิทกันมากขึ้นก่อนที่จะมาทำงานด้วยกันจริงๆ อีก 4 โครงการ นอกจากนั้นภายในค่ายยังมีการเชิญวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถมาให้ความรู้ที่จะใช้ในการทำงานอีกด้วย

ต่อมาก็เริ่มเข้าสู่โครงการสัมมนาสู่เส้นทางการตลาด(โครงการแรกที่ทำ)และโครงการอื่นๆที่ต้องมาช่วยกันคิดและวางแผนโดยเราจะมีการประชุมกันเสาร์เว้นเสาร์ เวลาประชุมทุกคนจะเริ่มใช้ความคิดและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไปมาทำให้ค่อนข้างปวดหัวนิดๆ555แต่ก็สนุกดี เพราะเพื่อนแต่ละคนที่มาทำงานคือมีไฟหมดเลย ทำให้เห็นถึงความคิด ความรู้และความสามารถของเพื่อนๆแต่ละคนในรุ่น ซึ่งทุกคนจะรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน แต่จะคัดกรองความคิดเห็นที่ดีที่สุดมาใช้ เพื่อให้ได้งานที่ออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด  

การทำงานในแต่ละโครงการจะมีการคิดวางแผนตั้งแต่การคิด concept ของโครงการ , การวาง action plan ของโครงการ การแบ่งหน้าที่กันไปทำงานให้ได้ตาม plan ที่วางไว้ ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายมากๆสำหรับเด็กมหาลัยอย่างเรา เพราะมันคือการทำงานจริงเหมือนกับการทำงานจริงๆในบริษัทเลย ทำให้ทุกอย่างที่ทำจะต้องละเอียดและรอบคอบมากๆ

ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าเราจะมีการนัดทำงานกันทุกวันเสาร์เว้นเสาร์ ที่ตึกลุมพินีเทาว์เวอร์หรือสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ดังนั้นมันจึงทำให้เราต้องมีความอดทนและความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายอย่างมากและแบ่งเวลาเพื่อให้สามารถทำงานของทั้งที่มหาลัยและงานของ J-MAT ไปด้วยกันให้ดีที่สุด 

สุดท้ายนี้เราอยากจะแชร์ว่าสิ่งที่เราได้จริงๆจากการมาทำ J-MAT ในครั้งนี้คือ 

ได้มิตรภาพจากเพื่อนๆหลายสิบมหาลัย ได้ลองทำงานกับคนใหม่ๆ 

ได้ฝึกศักยภาพในการทำงานของตนเอง ได้ลองทำอะไรหลายๆอย่างที่ไม่เคยได้ทำ และที่สำคัญคือเราได้ลงมือทำงานจริงๆ ภายใต้แรงกดดันและงบประมาณของทางสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เพราะงั้นทุกอย่างจะต้องรอบคอบและเป็นระบบ เพราะถ้าเราทำผิดพลาด มันไม่ใช่แค่ได้คะแนนมากหรือน้อยเหมือนในห้องเรียน แต่มันคือภาพลักษณ์ขององค์กร และการขาดทุนหรือได้กำไร ดังนั้นสำหรับเรา เรามองว่า J-MAT เป็นอีกสนามทดลองที่ดี ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาอย่างเราที่มีความสนใจในด้านการตลาด มาลองทำอะไรใหม่ๆที่ออกมาเป็นชิ้นงานจริงๆ 

ได้ฝึกความอดทน,การบริหารจัดการเวลาและฝึกเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับคนอื่น เพราะบางช่วงงานค่อนข้างหนักทำให้เราต้องแบ่งเวลาในการทำงานของทั้งที่มหาวิทยาลัยและงาน J-MAT ไปพร้อมกัน ดังนั้นคนที่คิดว่าอยากจะทำงานร่วมกับ J-MAT จริงๆต้องมีความรับผิดชอบค่อนข้างมากและพร้อมที่จะเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วยเพราะการทำงาน J-MAT มันคือการทำงานเป็นทีม ดังนั้นทีมเวิร์คจึงสำคัญมากๆ 

ดังนั้นโครงการนี้เป็นโครงการที่ช่วยเปิดโลก เปลี่ยนมุมมองและทัศนคติตัวเองให้มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ในการทำงานมากขึ้น เสมือนกุญแจดอกนึงที่ให้เราได้เปิดประตูไปเจอสังคมการทำงานข้างนอก ก่อนออกไปทำงานจริงๆ

ระหว่างทางเราอาจจะลำบากกว่าเพื่อน มีงานรับผิดชอบมากกว่าเพื่อน แต่สุดท้ายสิ่งที่เราได้เจอและได้รับ มันคุ้มค่ากับสิ่งที่เราทุ่มเทมา 1 ปีเต็มๆจริงๆ ซึ่งมันหาไม่ได้จากที่ไหนแล้วนอกจาก J-MAT (ชมรมยุวสมาชิกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย) 

ปล. ขออภัยที่ลงกระทู้ผิดนะ เนื่องจากการยืนยันตัวตนในพันทิปยากนิดนึง

(J-MAT รุ่นที่ 34)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่