ลูกเราเรียนอยู่ชั้น ป.1 ร.ร เอกชนแห่งหนึ่งที่ค่าเทอมแพงที่สุดในจังหวัด แต่ที่เลือกเรียนที่นี่เพราะใกล้บ้าน เข้าเรียนที่นี่ตั้งแต่ 3 ขวบและที่ผ่านมาก็ไม่เคยเจอปัญหาอะไรเลย
แต่พอขึ้นป.1 รู้สึกปัญหาจุกจิกเยอะมาก จนต้องสอนลูกเรื่องการปรับตัวหลายอย่างในการอยู่ร่วมกันในสังคม อีกอย่างคือในห้องมีนักเรียน 60 คนและแน่นอนว่า ครูคงดูแลเด็กไม่ทั่วถึง อะไรที่พอทำได้ก็ต้องช่วยๆกัน
ปัญหาแรกที่เจอคือของหาย ซึ่งบางครั้งลูกเราอาจจะวางลืมไว้ใต้โต๊ะ หรือแนบไว้กับสมุด อันนี้เรื่องธรรมดา แต่พักหลังก็หายน้อยลง
แต่ของที่หายเพราะโดนขโมยนี่น่าหนักใจ อันนี้แม่ก็ใช้เวลาสืบอยู่ 2 สัปดาห์จนจับได้ว่าคนนี้ล่ะขโมย ไม่ขอลงรายละเอียดค่ะ ยาวเกิน ด้วยความเป็นห่วงเพราะลูกเรานั่งใกล้เด็กคนนี้ เมื่อจับได้แม่ก็ขึ้นไปพบครูประจำชั้น ครูก็บอกว่าเด็กคนนี้เป็นแบบนี้ล่ะ ของและเงินเพื่อนๆก็หายบ่อย เดี๋ยวคงเรียกผู้ปกครองมาพบ เค้านั่งใกล้ใครมีปัญหาตลอด
หลังจากนั้นของลูกก็หายเรื่อยๆ ทั้งที่เก็บไว้ใต้ลิ้นชักโต๊ะ ส่วนของชิ้นไหนคิดว่าต้องระวังเป็นพิเศษก็จะใส่ช่องใหญ่และลอคกุญแจ แต่บางครั้งชม.เร่งรีบ เช่น พัก 20 นาทีลูกอาจจะเผลอวางไว้ใต้ลิ้นชักโต๊ะ แล้วออกไปพัก พอกลับมาก็หายค่ะ และวันหลังไปค้นเจอในกระเป๋าของเด็กคนนั้น
สำหรับเราไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย สอนแต่ให้ลูกแบ่งปันคนอื่นตลอด ไม่อยากไปพบครูบ่อยเดี๋ยวจะมองว่าจุกจิกเกินไปเพราะล่าสุดก็ไปพบครูประจำชั้นมา ในเรื่ิองที่ลูกโดนเพื่อนวิ่งชน จนตกบันไดและได้นอนรพ. และก็ถือโอกาสเล่าปัญหาต่างๆให้ฟังหมด แต่เมื่อมาเจอเหตุการณ์แบบนี้รู้สึกว่าถูกล่วงล้ำสิทธิเกินไป ถ้าลูกเราวางสิ่งของทิ้งเกะกะแล้วคนอื่นหยิบเอาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่คิเอาเก็บไว้ใต้ลินชัก แต่ก็ยังโดนขโมย
นั่งคิดวนเวียนไป ไม่รู้จะแก้อย่างไร เราแก้ที่ลูกแล้ว สุดท้ายที่ครูแนะนำ บอกว่าทำไมไม่ให้เรียนห้องepคะ เพราะเด็กห้องนี้เป็นห้องคละ ปัญหาจะเยอะแบบนี้ ส่วนห้อง ep เด็กจะอีกเกรดหนึ่ง ยอมจ่ายค่าเทอมเยอะขึ้นเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นมั้ย เราแค่ตอบว่าส่วนตัวไม่อยากเร่งลูกค่ะ เพราะภาษาอังกฤษ แม่ก็สอนได้ (และคิดในใจว่าไม่จำเป็นที่จะไปจ้างคนอื่นสอน)
แม่ๆจะทำอย่างไร เมื่อเพื่อนร่วมชั้นของลูกเป็นหัวขโมย
แต่พอขึ้นป.1 รู้สึกปัญหาจุกจิกเยอะมาก จนต้องสอนลูกเรื่องการปรับตัวหลายอย่างในการอยู่ร่วมกันในสังคม อีกอย่างคือในห้องมีนักเรียน 60 คนและแน่นอนว่า ครูคงดูแลเด็กไม่ทั่วถึง อะไรที่พอทำได้ก็ต้องช่วยๆกัน
ปัญหาแรกที่เจอคือของหาย ซึ่งบางครั้งลูกเราอาจจะวางลืมไว้ใต้โต๊ะ หรือแนบไว้กับสมุด อันนี้เรื่องธรรมดา แต่พักหลังก็หายน้อยลง
แต่ของที่หายเพราะโดนขโมยนี่น่าหนักใจ อันนี้แม่ก็ใช้เวลาสืบอยู่ 2 สัปดาห์จนจับได้ว่าคนนี้ล่ะขโมย ไม่ขอลงรายละเอียดค่ะ ยาวเกิน ด้วยความเป็นห่วงเพราะลูกเรานั่งใกล้เด็กคนนี้ เมื่อจับได้แม่ก็ขึ้นไปพบครูประจำชั้น ครูก็บอกว่าเด็กคนนี้เป็นแบบนี้ล่ะ ของและเงินเพื่อนๆก็หายบ่อย เดี๋ยวคงเรียกผู้ปกครองมาพบ เค้านั่งใกล้ใครมีปัญหาตลอด
หลังจากนั้นของลูกก็หายเรื่อยๆ ทั้งที่เก็บไว้ใต้ลิ้นชักโต๊ะ ส่วนของชิ้นไหนคิดว่าต้องระวังเป็นพิเศษก็จะใส่ช่องใหญ่และลอคกุญแจ แต่บางครั้งชม.เร่งรีบ เช่น พัก 20 นาทีลูกอาจจะเผลอวางไว้ใต้ลิ้นชักโต๊ะ แล้วออกไปพัก พอกลับมาก็หายค่ะ และวันหลังไปค้นเจอในกระเป๋าของเด็กคนนั้น
สำหรับเราไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย สอนแต่ให้ลูกแบ่งปันคนอื่นตลอด ไม่อยากไปพบครูบ่อยเดี๋ยวจะมองว่าจุกจิกเกินไปเพราะล่าสุดก็ไปพบครูประจำชั้นมา ในเรื่ิองที่ลูกโดนเพื่อนวิ่งชน จนตกบันไดและได้นอนรพ. และก็ถือโอกาสเล่าปัญหาต่างๆให้ฟังหมด แต่เมื่อมาเจอเหตุการณ์แบบนี้รู้สึกว่าถูกล่วงล้ำสิทธิเกินไป ถ้าลูกเราวางสิ่งของทิ้งเกะกะแล้วคนอื่นหยิบเอาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่คิเอาเก็บไว้ใต้ลินชัก แต่ก็ยังโดนขโมย
นั่งคิดวนเวียนไป ไม่รู้จะแก้อย่างไร เราแก้ที่ลูกแล้ว สุดท้ายที่ครูแนะนำ บอกว่าทำไมไม่ให้เรียนห้องepคะ เพราะเด็กห้องนี้เป็นห้องคละ ปัญหาจะเยอะแบบนี้ ส่วนห้อง ep เด็กจะอีกเกรดหนึ่ง ยอมจ่ายค่าเทอมเยอะขึ้นเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นมั้ย เราแค่ตอบว่าส่วนตัวไม่อยากเร่งลูกค่ะ เพราะภาษาอังกฤษ แม่ก็สอนได้ (และคิดในใจว่าไม่จำเป็นที่จะไปจ้างคนอื่นสอน)