จากเหตุการณ์รถมาเลย์ชนคนตัดหญ้าเสียชีวิต 5 คนที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา มันทำให้รู้สึกว่าทำไมประเทศไทยถึงเสียเปรียบมาเลเซียขนาดนี้
อำเภอหาดใหญ่ ตั้งแต่จำความได้ ก็เห็นรถป้ายมาเลย์วิ่งกันเยอะ ซึ่งพอมีโอกาสได้ขับรถไปมาเลเซียหลายครั้ง ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ขับไปไกลสุดก็ สุดแหลมมาลายู ที่รัฐโจโฮ ติดกับเกาะสิงคโปร์ ทุกครั้งที่ขับรถไป ก็จะต้องทำตามกฎกติกาของประเทศเค้าคือ
1.ทำประกันภัยชั้น 3 บังคับทำขั้นต่ำ ระยะเวลา 1 เดือน ราคาเกือบ 1 พันบาท ซึ่งจะครอบคลุมชีวิตและทรัพย์สินของคู่กรณีหมด หายห่วงเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝัน คือชนกันแล้วก็ไม่ต้องไปยืนเถียงแน่นอน ประกันซ่อมให้คู่กรณีทุกอย่าง
2.JPJ (ของกรมการขนส่ง) ซึ่งจะต้องขอ ICP Permit (ใบอนุญาตินำรถเข้าประเทศมาเลเซีย) ซึ่งจะต้องชื้อประกันภัยชั้น 3 ฝั่งมาเลเซีย แล้วนำมายื่นที่ JPJ (ตรงด่านชายแดนฝั่งมาเลย์จะมีทุกด่าน) และ JPJ จะตรวจสภาพรถให้ถูกต้องตามกฎหมายของมาเลเซีย
3.พอ Job passport ผ่าน ตม. และศุลกากร แล้วไปต่อก็จะเจอ ด่านตรวจ UPP ซึ่งเป็นหน่วยงานมหาดไทยตรวจสอบสิ่งกฎหมายในรถ
ตัดภาพมาดูฝั่งไทย.... เพราะผมทำงานกับคนมาเลย์ ซึ่งเค้าก็นำรถมาหาดใหญ่อยู่บ่อยครั้ง และผมก็ได้สอบถามว่าเค้ามีขั้นตอนอะไรบ้าง ก็พอจะอธิบายว่าทางการไทยมีขั้นตอนกับรถมาเลเชียที่จะขับมาในไทยได้ดังนี้
1.ทำ พรบ. บังคับทำขั้นต่ำ 1 อาทิตย์ ราคาไม่ถึงร้อย (ซึ่งบางคันก็ลักไก่ไม่ทำ พรบ.)
2.ขับรถเข้าประเทศโดยสบายๆ ไม่มีเจ้าหน้าที่ขนส่งไทยตรวจรถที่ด่านชายแดน
3.พอ Job passport ผ่าน ตม. และศุลกากรแล้ว ก็ขับรถเข้าไทยได้สบายๆ ซึ่งด่านตำรวจไม่ค่อยจะมี หรือถ้ามีก็น้อยมากๆ
แล้วถามว่า แล้วมันจะมีปัญหาอะไรละ ก็คือ รถมาเลย์ขับเข้าไทย มีแต่ พรบ. นั่นก็คือถ้าประสบอุบัติเหตุชนกับรถไทย ก็จะครอบคลุมเฉพาะคนเท่านั้น ไม่รวมถึงทรัพย์สินหรือรถยนต์ของอีกฝั่งหนึ่ง พอจะเห็นภาพใช่มั้ยครับ มันถึงมีเหตุการณ์รถมาเลย์ชนกับรถไทยแล้วหนีก็มีอยู่ให้เห็นหลายครั้ง เสียเปรียบมั้ยละครับ ไปบ้านเค้า เค้าบังคับทำประกันชั้น 3 มาบ้านเราเราบังคับแค่ พรบ. อีกอย่างขนส่งก็ไม่มาตรวจสภาพรถมาเลย์ ที่โพสนี้ก็หวังว่าด่านชายแดนไทยที่ติดต่อกับมาเลเซียควรจะมี กรมการขนส่งทางบกไปอยู่ด้วยเพื่อตรวจรถมาเลย์ และบังคับให้ทำประกันชั้น 3 ขั้นต่ำ 1 เดือนและตรวจสภาพรถมาเลย์ทุกคันจะได้ไม่เสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน
รถมาเลย์ขับรถเข้าไทย...แสนง่าย แต่ รถไทยขับไปมาเลย์...แสนยาก
อำเภอหาดใหญ่ ตั้งแต่จำความได้ ก็เห็นรถป้ายมาเลย์วิ่งกันเยอะ ซึ่งพอมีโอกาสได้ขับรถไปมาเลเซียหลายครั้ง ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ขับไปไกลสุดก็ สุดแหลมมาลายู ที่รัฐโจโฮ ติดกับเกาะสิงคโปร์ ทุกครั้งที่ขับรถไป ก็จะต้องทำตามกฎกติกาของประเทศเค้าคือ
1.ทำประกันภัยชั้น 3 บังคับทำขั้นต่ำ ระยะเวลา 1 เดือน ราคาเกือบ 1 พันบาท ซึ่งจะครอบคลุมชีวิตและทรัพย์สินของคู่กรณีหมด หายห่วงเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝัน คือชนกันแล้วก็ไม่ต้องไปยืนเถียงแน่นอน ประกันซ่อมให้คู่กรณีทุกอย่าง
2.JPJ (ของกรมการขนส่ง) ซึ่งจะต้องขอ ICP Permit (ใบอนุญาตินำรถเข้าประเทศมาเลเซีย) ซึ่งจะต้องชื้อประกันภัยชั้น 3 ฝั่งมาเลเซีย แล้วนำมายื่นที่ JPJ (ตรงด่านชายแดนฝั่งมาเลย์จะมีทุกด่าน) และ JPJ จะตรวจสภาพรถให้ถูกต้องตามกฎหมายของมาเลเซีย
3.พอ Job passport ผ่าน ตม. และศุลกากร แล้วไปต่อก็จะเจอ ด่านตรวจ UPP ซึ่งเป็นหน่วยงานมหาดไทยตรวจสอบสิ่งกฎหมายในรถ
ตัดภาพมาดูฝั่งไทย.... เพราะผมทำงานกับคนมาเลย์ ซึ่งเค้าก็นำรถมาหาดใหญ่อยู่บ่อยครั้ง และผมก็ได้สอบถามว่าเค้ามีขั้นตอนอะไรบ้าง ก็พอจะอธิบายว่าทางการไทยมีขั้นตอนกับรถมาเลเชียที่จะขับมาในไทยได้ดังนี้
1.ทำ พรบ. บังคับทำขั้นต่ำ 1 อาทิตย์ ราคาไม่ถึงร้อย (ซึ่งบางคันก็ลักไก่ไม่ทำ พรบ.)
2.ขับรถเข้าประเทศโดยสบายๆ ไม่มีเจ้าหน้าที่ขนส่งไทยตรวจรถที่ด่านชายแดน
3.พอ Job passport ผ่าน ตม. และศุลกากรแล้ว ก็ขับรถเข้าไทยได้สบายๆ ซึ่งด่านตำรวจไม่ค่อยจะมี หรือถ้ามีก็น้อยมากๆ
แล้วถามว่า แล้วมันจะมีปัญหาอะไรละ ก็คือ รถมาเลย์ขับเข้าไทย มีแต่ พรบ. นั่นก็คือถ้าประสบอุบัติเหตุชนกับรถไทย ก็จะครอบคลุมเฉพาะคนเท่านั้น ไม่รวมถึงทรัพย์สินหรือรถยนต์ของอีกฝั่งหนึ่ง พอจะเห็นภาพใช่มั้ยครับ มันถึงมีเหตุการณ์รถมาเลย์ชนกับรถไทยแล้วหนีก็มีอยู่ให้เห็นหลายครั้ง เสียเปรียบมั้ยละครับ ไปบ้านเค้า เค้าบังคับทำประกันชั้น 3 มาบ้านเราเราบังคับแค่ พรบ. อีกอย่างขนส่งก็ไม่มาตรวจสภาพรถมาเลย์ ที่โพสนี้ก็หวังว่าด่านชายแดนไทยที่ติดต่อกับมาเลเซียควรจะมี กรมการขนส่งทางบกไปอยู่ด้วยเพื่อตรวจรถมาเลย์ และบังคับให้ทำประกันชั้น 3 ขั้นต่ำ 1 เดือนและตรวจสภาพรถมาเลย์ทุกคันจะได้ไม่เสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน