จากการที่พี่แจ้เวียนว่ายในวัฎสงสาร...ตลาดหุ้นไทยเข้าปีที่ 10 เลยเอามุมมองตลาดหุ้นมาแชร์ในแบบชาวสวน
ชาวสวนมีข้อสังเกตกับตลาดหุ้นไทยแลนด์แดนออฟสไมล์ ดังนี้
1.เราต้องเชื่อทฤษฎี หลักความไม่แน่นอนของตลาดหุ้น เพราะมีสองกลุ่มคือ กลุ่มซื้อหุ้นแล้วคิดว่าหุ้นจะขึ้นตลอด
กับกลุ่มสายย่อเล่นเฟลก เปิดสัญญาแล้วคิดว่าจะลงแล้วกินเหลา ความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นของไทยมีสูงมาก
สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดเรามีความไม่แน่นอนสูงมาก มีวันที่ +20 จุด วันถัดมา - 20 จุด บางวันบวกหรือลบไม่ถึง 1 จุด
2.เราต้องไม่เชื่อหลักการคณิตศาตร์เช่น บัญญัติไตรยางค์ หรือ เลขยกกำลังไม่สามารถใช้ได้ในตลาดหุ้นได้ เช่น
ซื้อหุ้น A ราคา 5 บาท 100 หุ้น ขายที่ 10 บาท หักค่าคอมกำไรเกือบ 5 บาท/หุ้นกำไร 500 บาท
ถ้าเรามีสัก 10,000 หุ้น เราน่าจะมีเงินกินเหลาเกือบ 50,000 บาท ชีวิตจริงมันไม่ใช่...มันใช่
ซื้อหุ้น B ราคา 0.15 บาท 100,000หุ้น ขายที่ 0.30 บาท กำไรเกือบ 1 เด้ง กำไร 15,000 บาท
พอกินเหลาตอกไข่หลายวัน ชีวิตจริงมันไม่ใช่...มันใช่
พักสายตา...
3.ต้องไม่เชื่อ ทฤษฎีความตรงไปตรงมาของตลาดหุ้น
เช่น ถ้าเกิดเหตุการณ์ A>>>B>>>C......Z ตรงไปตรงมาเรียงลำดับกันไป
ตลาดหุ้นอาจเกิดเหตุการณ์ S>>>>L>>>>G....A สลับกันไปมา จนทำให้เรามึนงง ละลายทรัพย์เราได้
4.ต้องไม่เชื่อข่าว....ไม่ว่าข่าวดีหรือข่าวร้าย..ต้องใช้สติ คิด วิเคราะห์แยกแยะ เพราะข่าว
>>>จะเป็นจริงก็ต่อเมื่อคนปล่อยข่าวหรือคนอยู่เบื้องหลังได้ประโยชน์เท่านั้น
>>>จะไม่เป็นจริงก็ต่อเมื่อคนปล่อยข่าวหรือคนอยู่เบื้องหลังเสียประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายสุดๆ
5. ต้องเชื่อในมุมมองว่า....ขาขึ้นมันสั้นนักเหมือนฮันนีมูนหลังแต่งงานมันจะสั้นๆไม่เกิน -ครึ่งปี
ส่วนขาลงนั้นยาวนานนัก...เหมือนชีวิตหลังแต่งงานเข้าสู่โลกแห่งความจริง หรือบรรยากาศมาคุ
6.วิเคราะห์เทคนิค พื้นฐาน แล้วอย่าลืมวิเคราะห์ผู้บริหารและพฤติกรรมบริษัทด้วย
ผู้บริหารมีสองพวก คือ
>>>ผู้บริหารลูกจ้างมืออาชีพ เป็นพวกไม่มีนามสกุลตรงกับผู้ถือหุ้นใหญ่ >>> อยู่ได้ด้วยผลงาน ถ้าผลงานไม่ดีโดนเด้ง ถ้ายังอยู่ได้
ต้องหลีกเลี่ยงหุ้นพวกนี้เพราะเขาน่าจะกินเส้น..หมี่แห้งพิเศษ
>>>ผู้บริหารสืบทอดทางทะเบียนราษฎ ไม่ว่าอาเฮีย อาตี๋ใหญ่ตี๋เล็ก >>> อยู่ได้ด้วยนามสกุลตรงกับผู้ถือหุ้นใหญ่
ผลงานไม่ดีก็อยู่ได้ เพราะพวกเลียวกันกับผู้ถือหุ้นใหญ่ ถ้าขาดทุนซ้ำซาก อย่าหวังจะเทินอะลาวมาได้ เทินได้ไม่เกิน
ไตรมาส หลังจากนั้นร่วงยาว...พี่แจ้ไม่เอาเงินไปช่วยกลุ่มนี้เพราะเติมไม่เต็ม แต่ก็มีบางบริษัทที่เจ้าของตั้งใจทำลองหาดู
7.ต้องเชื่อในข่าวเล็กๆ ข้อมูลของตลาดหุ้นที่คนไม่ค่อยสนใจ ที่ไม่เป็นข่าวแต่จะส่งผลกระทบต่อหุ้น
อย่าเสพหนังสือพิมพ์เชียร์หัน เวป กลุ่มไลด์ เฟส อย่างเดียว
เช่น >> การขายหุ้นของเจ้าของบริษัท ที่ถือหุ้นใหญ่ออกมาเยอะๆ มันต้องมีอะไรแน่นวล
ส่วนการซื้อ มันเป็นการโชว์เรียกว่า ซื้อให้เด็กมันดู เผื่อเด็กมันคึกจะซื้อตาม
>>การเพิ่มทุนไม่ว่า แบบเจาะจง หรือ ออก Warrant อันนี้ต้องระวังโดยเฉพาะ
บริษัทที่ขาดทุนต่อเนื่อง มีขาดทุนสะสม เพิ่มทุน ความหมายคือ การขอรับบริจาค
ราคาหลังเพิ่มทุนราคาจะไหลยาวๆๆๆๆๆ
ยกเว้นเอาไปขยายกิจการเหมือน GPSC อันนี้เขาดเอาไปใช้หนี้ที่เทคกิจการชัดเจน
แต่เราจะมีเงินเพิ่มทุน หรือราคาหลังเพิ่มทุนจะต่ำกว่าราคาเพิ่มทุนหรือไม่ตอบไม่ได้
>>> เราต้องดูว่าหุ้นที่เราถือมีธุรกรรมฮิตของเจ้ามือหรือไม่ เช่น บล็อกเทรด ชอร์ทเซลหรือไม่
เช่น พี่ปอ กับพี่ปูนใหญ่ ช่วงหลังมีชอร์ทเซลวันละ 10-15% ราคาไหลลงไม่โงหัว แต่เป็นหุ้น
ที่ปันผลเลยทนดอยได้ ถ้าเราดูข้อมูลซอร์ทเซลทุกเช้าในกระมู้ของชาวสินธรก็จะพอเดาได้
ว่าเมื่อวานทำไมเซตเขียว แต่หุ้นโดนชอร์ทมันลงแบบไม่อ่านไลด์กลุ่ม ลองไปดูข้อมูล
บางบริษัทโดนทุกวัน เช่นหุ้นปู หุ้นว๊า ราคาไม่ไปไหน เด้งขึ้นเด้งลง และอีกหลายๆตัว
ฝากไว้เป็นข้อสังเกต อาจจะจริงหรือไม่ ลองดูครับ เป็นข้อสังเกตของ ชาวสวนทนรวยแบบพี่แจ้
ไม่มีทฤษฎีรองรับเกิดจากการมโนล้วนๆ ครับ
อันนี้ไม่ต้องเชื่อ สัมผัสด้วยจิต
สาวลำปาง..หนา...ครับ สวย ดุ พี่แจ้รับรอง ว่าจริงแท้แน่นอน-5555
#### มโนศาสตร์กับตลาดหุ้น #### ข้อสังเกต 7 ประการ เพื่อเข้าใจ เข้าถึง...ตลาดหุ้นไตแลนด์
ชาวสวนมีข้อสังเกตกับตลาดหุ้นไทยแลนด์แดนออฟสไมล์ ดังนี้
1.เราต้องเชื่อทฤษฎี หลักความไม่แน่นอนของตลาดหุ้น เพราะมีสองกลุ่มคือ กลุ่มซื้อหุ้นแล้วคิดว่าหุ้นจะขึ้นตลอด
กับกลุ่มสายย่อเล่นเฟลก เปิดสัญญาแล้วคิดว่าจะลงแล้วกินเหลา ความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นของไทยมีสูงมาก
สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดเรามีความไม่แน่นอนสูงมาก มีวันที่ +20 จุด วันถัดมา - 20 จุด บางวันบวกหรือลบไม่ถึง 1 จุด
2.เราต้องไม่เชื่อหลักการคณิตศาตร์เช่น บัญญัติไตรยางค์ หรือ เลขยกกำลังไม่สามารถใช้ได้ในตลาดหุ้นได้ เช่น
ซื้อหุ้น A ราคา 5 บาท 100 หุ้น ขายที่ 10 บาท หักค่าคอมกำไรเกือบ 5 บาท/หุ้นกำไร 500 บาท
ถ้าเรามีสัก 10,000 หุ้น เราน่าจะมีเงินกินเหลาเกือบ 50,000 บาท ชีวิตจริงมันไม่ใช่...มันใช่
ซื้อหุ้น B ราคา 0.15 บาท 100,000หุ้น ขายที่ 0.30 บาท กำไรเกือบ 1 เด้ง กำไร 15,000 บาท
พอกินเหลาตอกไข่หลายวัน ชีวิตจริงมันไม่ใช่...มันใช่
พักสายตา...
3.ต้องไม่เชื่อ ทฤษฎีความตรงไปตรงมาของตลาดหุ้น
เช่น ถ้าเกิดเหตุการณ์ A>>>B>>>C......Z ตรงไปตรงมาเรียงลำดับกันไป
ตลาดหุ้นอาจเกิดเหตุการณ์ S>>>>L>>>>G....A สลับกันไปมา จนทำให้เรามึนงง ละลายทรัพย์เราได้
4.ต้องไม่เชื่อข่าว....ไม่ว่าข่าวดีหรือข่าวร้าย..ต้องใช้สติ คิด วิเคราะห์แยกแยะ เพราะข่าว
>>>จะเป็นจริงก็ต่อเมื่อคนปล่อยข่าวหรือคนอยู่เบื้องหลังได้ประโยชน์เท่านั้น
>>>จะไม่เป็นจริงก็ต่อเมื่อคนปล่อยข่าวหรือคนอยู่เบื้องหลังเสียประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายสุดๆ
5. ต้องเชื่อในมุมมองว่า....ขาขึ้นมันสั้นนักเหมือนฮันนีมูนหลังแต่งงานมันจะสั้นๆไม่เกิน -ครึ่งปี
ส่วนขาลงนั้นยาวนานนัก...เหมือนชีวิตหลังแต่งงานเข้าสู่โลกแห่งความจริง หรือบรรยากาศมาคุ
6.วิเคราะห์เทคนิค พื้นฐาน แล้วอย่าลืมวิเคราะห์ผู้บริหารและพฤติกรรมบริษัทด้วย
ผู้บริหารมีสองพวก คือ
>>>ผู้บริหารลูกจ้างมืออาชีพ เป็นพวกไม่มีนามสกุลตรงกับผู้ถือหุ้นใหญ่ >>> อยู่ได้ด้วยผลงาน ถ้าผลงานไม่ดีโดนเด้ง ถ้ายังอยู่ได้
ต้องหลีกเลี่ยงหุ้นพวกนี้เพราะเขาน่าจะกินเส้น..หมี่แห้งพิเศษ
>>>ผู้บริหารสืบทอดทางทะเบียนราษฎ ไม่ว่าอาเฮีย อาตี๋ใหญ่ตี๋เล็ก >>> อยู่ได้ด้วยนามสกุลตรงกับผู้ถือหุ้นใหญ่
ผลงานไม่ดีก็อยู่ได้ เพราะพวกเลียวกันกับผู้ถือหุ้นใหญ่ ถ้าขาดทุนซ้ำซาก อย่าหวังจะเทินอะลาวมาได้ เทินได้ไม่เกิน
ไตรมาส หลังจากนั้นร่วงยาว...พี่แจ้ไม่เอาเงินไปช่วยกลุ่มนี้เพราะเติมไม่เต็ม แต่ก็มีบางบริษัทที่เจ้าของตั้งใจทำลองหาดู
7.ต้องเชื่อในข่าวเล็กๆ ข้อมูลของตลาดหุ้นที่คนไม่ค่อยสนใจ ที่ไม่เป็นข่าวแต่จะส่งผลกระทบต่อหุ้น
อย่าเสพหนังสือพิมพ์เชียร์หัน เวป กลุ่มไลด์ เฟส อย่างเดียว
เช่น >> การขายหุ้นของเจ้าของบริษัท ที่ถือหุ้นใหญ่ออกมาเยอะๆ มันต้องมีอะไรแน่นวล
ส่วนการซื้อ มันเป็นการโชว์เรียกว่า ซื้อให้เด็กมันดู เผื่อเด็กมันคึกจะซื้อตาม
>>การเพิ่มทุนไม่ว่า แบบเจาะจง หรือ ออก Warrant อันนี้ต้องระวังโดยเฉพาะ
บริษัทที่ขาดทุนต่อเนื่อง มีขาดทุนสะสม เพิ่มทุน ความหมายคือ การขอรับบริจาค
ราคาหลังเพิ่มทุนราคาจะไหลยาวๆๆๆๆๆ
ยกเว้นเอาไปขยายกิจการเหมือน GPSC อันนี้เขาดเอาไปใช้หนี้ที่เทคกิจการชัดเจน
แต่เราจะมีเงินเพิ่มทุน หรือราคาหลังเพิ่มทุนจะต่ำกว่าราคาเพิ่มทุนหรือไม่ตอบไม่ได้
>>> เราต้องดูว่าหุ้นที่เราถือมีธุรกรรมฮิตของเจ้ามือหรือไม่ เช่น บล็อกเทรด ชอร์ทเซลหรือไม่
เช่น พี่ปอ กับพี่ปูนใหญ่ ช่วงหลังมีชอร์ทเซลวันละ 10-15% ราคาไหลลงไม่โงหัว แต่เป็นหุ้น
ที่ปันผลเลยทนดอยได้ ถ้าเราดูข้อมูลซอร์ทเซลทุกเช้าในกระมู้ของชาวสินธรก็จะพอเดาได้
ว่าเมื่อวานทำไมเซตเขียว แต่หุ้นโดนชอร์ทมันลงแบบไม่อ่านไลด์กลุ่ม ลองไปดูข้อมูล
บางบริษัทโดนทุกวัน เช่นหุ้นปู หุ้นว๊า ราคาไม่ไปไหน เด้งขึ้นเด้งลง และอีกหลายๆตัว
ฝากไว้เป็นข้อสังเกต อาจจะจริงหรือไม่ ลองดูครับ เป็นข้อสังเกตของ ชาวสวนทนรวยแบบพี่แจ้
ไม่มีทฤษฎีรองรับเกิดจากการมโนล้วนๆ ครับ
อันนี้ไม่ต้องเชื่อ สัมผัสด้วยจิต
สาวลำปาง..หนา...ครับ สวย ดุ พี่แจ้รับรอง ว่าจริงแท้แน่นอน-5555