ถ้าอายุเริ่มเยอะ จะเข้าใจค่ะว่าการเลือกซื้อสกินแคร์เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ อย่างเราเองเนี่ยกว่าจะซื้อได้แต่ละชิ้น แต่ละขวด ต้องเอาแว่นขยายส่องดูส่วนประกอบ ดูสารสกัดตาแทบหลุด(เพราะตัวเล็กจัด) แถมบางตัวอ่านแล้วไม่รู้จักก็ต้องไปหาข้อมูลมาเพิ่ม เพราะเงินแต่ละบาทที่ลงทุนไปจะต้องคุ้มค่าที่สุด
และที่สุดแห่งความคุ้มค่าวันนี้ ก็กลายมาเป็นกระทู้นี้อีกทอดนึงค่ะ เพราะเราคัดสกินแคร์ออกมาฉะ เอามาปะทะ ชนๆ สู้ๆ กันไปเลย 2 แบรนด์
แบรนด์แรกตั้งต้นกันด้วยของแพงแต่ดีLANCOME และตามมาติดๆด้วยของถูกแต่ดีเช่นกันPOND’S ซึ่งพลิกหลังขวด 2 ตัวนี้ เทียบดูกันจะๆแล้ว เบเนฟิตค่อนข้างใกล้เคียงกันเลย และมี Active Ingrediants ที่คล้ายๆกันด้วย
แต่ในด้านการใช้งานจริง และส่วนประกอบบางตัว ก็มีความแตกต่างกันอยู่นะ กระทู้นี้จึงเกิดขึ้น ในฐานะที่เราเองใช้มาแล้วทั้งสองตัวแบบหมดขวดแล้วซื้อซ้ำ เลยจะเอามารีวิวให้ดูกันเพื่อยืนยันว่าของแพงมันดีงามยังไง และของถูกมันดีงามยังไงเช่นกัน สาวๆทั้งสองงบประมาณ จะได้ไปตำมาลองกันได้ถ้วนหน้าทุกระดับราคา!!
สภาพผิวเดิมของเรา ก็จะเป็นผิวที่เริ่มมีริ้วรอยร่องเล็กๆ จากการประเมินของเราเอง คิดว่าริ้วรอยประมาณนี้น่าจะยังไม่ต้องพึ่งมีดหมอ(มั้ง) เพราะมันพึ่งจะเริ่มๆมีเอ๊งงง แถวๆหน้าผาก ร่องแก้ม(ถ้าเรียกร่องน้ำหมากคนจะเอาอายุได้มั้ย5555) และใต้ตานิดๆหน่อยๆ บวกกับผิวที่แห้งเลยเกิดเป็นริ้วรอยง่ายขึ้น มีกระหน้าแก้มประมาณนึงไม่เข้มมากค่ะ ทาแป้งพัฟก็พอปิดได้อยู่
LANCÔME Advanced Génifique Youth Activating Concentrate ปริมาณ 30 มล. ราคา 4,100 บาท
POND’S Age Miracle Ultimate Youth Essence ปริมาณ 30 มล. ราคา 599 บาท
*เป็นพรีเซรั่มที่เน้นในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ลงทั้งคู่
แพคเกจ
ทั้งคู่เป็นขวดแก้ว หัวดรอปเปอร์เหมือนกัน
แต่แตกต่างกันที่ดีไซน์ เรื่องความสวยงาม ขวด Lancome มีความหรูหรากว่านิดหน่อยตามสไตล์
ก็ใช้สะดวกด้วยกันทั้งคู่
ดรอปเปอร์แบบปั๊ม ใช้สะดวกด้วยกันทั้งคู่ค่ะ
แพคเกจแบบนี้จะรักษาคุณค่าของสารสกัด และความสะอาดได้ดี
กล่องบรรจุภัณฑ์ด้านนอก
กล่องบรรจุภัณฑ์ด้านบน
ส่วนประกอบที่เหมือนกัน
เรื่องที่เราเองอยากนำเสนอที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องส่วนประกอบนี่แหละค่ะ เราจะมาเริ่มจากส่วนประกอบที่ทั้งสองตัวมีเหมือนกันก่อนนะคะ และคาดว่าเป็นส่วนประกอบหลักๆเลยที่จะช่วยในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอยค่ะ
**ส่วนประกอบที่เหมือนกัน (อาจแตกต่างกันที่ปริมาณและความเข้มข้น)
● Sodium Hyaluronate (Moisturizing ช่วยสำหรับคนที่มีริ้วรอยเล็กๆหรือเริ่มมีริ้วรอย
เพราะเป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้นได้ดีมาก ความชุ่มชื้นจะส่งผลให้ริ้วรอยดูจางลง เหมาะกับทุกสภาพผิว
และดีมากต่อคนที่ผิวแห้ง และผิวขาดน้ำ)
- ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง
- ช่วยกักเก็บน้ำให้ผิว สามารถป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากผิวหนัง
- ช่วยปลอบประโลมผิว (Soothing effect) โดยจะลดอุณหภูมิที่ผิวหนังลง เหมาะมากที่จะใช้เวลาผิวโดนแดดแรงๆ หรือไหม้เสียมา
- ช่วยให้ชั้นผิวแข็งแรงขึ้น
- มาในรูปแบบของ Sodium Hyaluronate คือเป็นรูปเกลือของ Hyaluronic acid ทำให้มีขนาดโมเลกุลเล็กลง
สามารถซึมเข้าผิวได้ดีมากขึ้น และเสถียรมากขึ้นค่ะ
● Bifida Ferment Lysate (Anti-Aging เมื่อก่อนสารตัวนี้มีสิทธิบัตรให้ใช้ได้แต่ในแบรนด์ Lancome และ Estee Luader
แต่ตอนนี้สิทธิบัตรหมดอายุแล้ว แบรนด์อื่นๆจึงเริ่มนำมาใช้ได้ค่ะ ซึ่งเราเซอไพรส์มากที่ Pond’s นำมาใช้ในเพราะสารตัวนี้
ราคาค่อนข้างสูง เมื่อก่อนมีแต่ในเคาเตอร์แบรนด์ เราเลยเลือกซื้อ Pond’s มาใช้นี่แหละค่า โดยเค้าจะมีจุดเด่นมากๆ
ในเรื่องของการซ่อมแซมผิวที่สึกหรอ เป็น Anti-Aging ที่ดีมากๆ)
- สามารถลดเลือนริ้วรอยได้
- กระตุ้นให้ผิวเกิดการซ่อมแซมตัวเองได้ถึงระดับ DNA (มีงานวิจัยรองรับ) ส่วนนี้จะช่วยซ่อมแซมได้ทั้งผิวที่ถูกทำลาย
จากแสงแดด และผิวที่สึกหรอไปตามอายุอีกด้วยค่ะ
*** ในเรื่องของสารสกัด/ส่วนประกอบที่เหมือนกัน เราเองค่อนข้างรู้สึกว่า มันทำให้เรามีทางเลือกในการซื้อสกินแคร์มากขึ้น (บางครั้ง)เราเองก็อยากใช้ของดีๆในราคาที่ถูกกว่า แต่ต้องถูกกว่าแบบมีคุณภาพด้วยนะ ซึ่ง POND’S ก็เป็นสกินแคร์ที่เชื่อถือและไว้ใจได้มีขายมานาน เราเลยไม่ลังเลที่จะตัดสินใจซื้อมาใช้ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทาง LANCOME ก็ยังถือเป็นสกินแคร์ที่มี Bifida Ferment Lysate ในปริมาณสูงสุดในท้องตลาดตอนนี้ (อ้างอิงจากรีวิวท่านอื่นๆ และลำดับสารสกัดหลังกล่องค่ะ) แน่นอนว่าปริมาณของสารสกัดก็แปรผันตามราคาด้วย ราคาถูกกว่าก็แน่นอนว่าใส่น้อยกว่า
[CR] ฉะแหลก!! รีวิวเปรียบเทียบช็อตต่อช็อต Lancôme Génifique กับ Pond’s Age Miracle Essence
และที่สุดแห่งความคุ้มค่าวันนี้ ก็กลายมาเป็นกระทู้นี้อีกทอดนึงค่ะ เพราะเราคัดสกินแคร์ออกมาฉะ เอามาปะทะ ชนๆ สู้ๆ กันไปเลย 2 แบรนด์
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้