สวัสดีครับ พบกับผมอีกแล้วกับรีวิวภาพยนตร์กันอีกแล้ว ว้าว เรามาถึงเรื่องที่ 24 ตรงกับเป็นตัวเลขเกิดผมพอดี แต่ว่าก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษสักเท่าไหร่ (แล้วบอกทำไม5555) ผมแค่อยากจะบอกว่าขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และแสดงความคิดเห็นอย่างสนุกสนาน ซึ่งผมก็รับฟังและปรับปรุงอยู่ทุกคนที่เข้ามาใน
รีวิวของผมนะ อย่างเรื่องโคนันนี่ละลานตามาก อยากให้กระทู้ภาพยนตร์คึกคักแบบนี้กันเยอะ ๆ ครับ
เอาล่ะ สำหรับหนังวันนี้เป็นหนังที่ใครหลายคนจะรู้จักกันดีว่า "ดอร่า และเมืองทองคำที่สาบสูญ" สร้างจากซีรีย์ทีวีการ์ตูนอนิเมชันทางการศึกษา ที่เน้นสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนดูสำหรับเด็กชื่อว่า Dora The Explorer หรือ "ดอร่า สาวน้อยนักผจญภัย" ที่ฉายในช่อง Nickelodeon และในเน็ตฟลิกซ์ ที่ถูกหยิบมาเป็นมีมสร้างเสียงฮา ของความรู้สึกช้าของตัวละครหลักอย่างดอร่า เด็กสาวชาวละตินที่อาศัยอยู่ในป่ากับเจ้าลิงพูดได้อย่างบูสต์ที่ซึ่งก็เป็นสีสันดี
ด้วยกระแสที่นิยมของต่างประเทศ จึงเกิดการหยิบยกการ์ตูนเรื่องนี้ มาสร้างเป็นภาพยนตร์คนแสดง โดยมีโครงเรื่องใหม่ ตัวละครเดิม โดยต่อยอดจากเหตุการณ์ในอนิเมชั่นดั้งเดิม ซึ่งทำให้เกิดเสียงของสองฝั่งว่าจะปังหรือจะพัง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญเท่าการได้เข้าไปชมในโรงภาพยนตร์ครับ อย่างที่บอกตัวอย่างอาจจะไม่ได้บอกหมดทุกอย่างก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย เรามาดูเรื่องย่อกันเลยดีกว่า
ดอร่า สาวน้อยนักผจญภัย ตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้ว เธอต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวใช้ชีวิตในสังคมเมืองใหญ่ที่สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปตามที่เธอหวัง ทั้งผู้คน ทั้งสภาพแวดล้อม หนำซ้ำความฝันที่จะเป็นนักสำรวจเพื่อออกตามหา เมืองทองคำที่สาบสูญ ในดินแดนป่าลึกลับที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ก็ถูกขัดขวางโดยทหารรับจ้างที่หวังจะใช้เธอเป็นเครื่องมือเพื่อเข้าถึงมหาขุมทรัพย์ นี่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเธอนั้นคู่ควรกับการเป็นนักสำรวจหรือไม่
แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะต่อยอดจากอนิเมชั่นแต่คนทั่วไปก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพราะเนื้อหาคือใหม่ทั้งหมด เราจะได้พบกับการตามดอร่าไปในทุกหนแห่ง เธอก็ยังเป็นดอร่าที่เรารู้จักกันดี แม้ว่าอายุจะโตขึ้นมาก แต่เธอก็ไม่เคยละทิ้งความเป็นตัวเอง ว่าง่าย ๆ ความโลกสวยซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่เป็นเสน่ห์ของตัวละครเรื่องนี้ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับอนิเมชั่นของค่ายเดียวกันก่อนหน้าอย่าง "
The Wild Thornberrys Movie จิ๋วแสบตะลุยป่า" ที่เคยฉายเมื่อหลายปีก่อน (ปี 2002 นู่น) ซึ่งในช่วงแรกที่จะเน้นถึงปรับตัวของคนที่ต้องย้ายจากป่า เข้าสู่เมืองและต้องเจอกับคนหลายรูปแบบ
นักแสดงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้หนังเป็นที่กล่าวขานอย่าง อิซาเบลา โมเนอร์ ที่ผ่านการแสดงที่เรารู้จักกันดีจาก ทรานฟอร์เมอร์ : อัศวินรุ่นสุดท้าย ที่ร่วมสู้ไปกับมาร์ค วอห์ลเบิร์ก มาในเรื่องนี้เธอมารับบทดอร่า เด็กสาวผมม้ายิ้มกว้างสดใสร่าเริงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ในขณะเดียวกันก็มีมุมเศร้า ๆ เคร่งเครียด ที่ทำให้เชื่อได้ว่าเธอไม่ได้เสแสร้งแกล้งเป็นเด็กอายุ 15 อาจเพราะเธออายุใกล้เคียงด้วยส่วนหนึ่ง, ไมเคิล พีน่า บทไม่ได้แปลกไปจากบทที่เคยเล่นเท่าไหร่ ก็ยังคงรักษามาตรฐานความพูดมากเหมือนเดิม แต่ก็ยังมีความอบอุ่นแบบคนเป็นพ่อที่มีต่อลูก เช่นเดียวกับ อีวา ลองโกเรีย กับบทแม่ของดอร่าที่ทั้งอบอุ่น ใจเย็น แต่ก็มีตบมุกกับเขาด้วย ที่พิเศษคือ ยูจินิโอ เดอเบซ นักแสดงชาวสเปนที่รับบทเพื่อนของดอร่าสุดติ๊งต๊องและจริงจังได้เกือบจะขโมยซีนดอร่าได้ ส่วนตัวละครอื่นก็อยู่ในมาตรฐานที่ดีครับ ช่วยเสริมหนังมากขึ้นด้วย
สิ่งที่ดูจะได้รับการขยายเพิ่มจากเรื่องนั้นคือ การให้ความสำคัญกับการเติบโต และพัฒนาการของตัวละครรอบตัวของดอร่าที่เข้ามามีปฏิสัมพันธ์ด้วย ทั้งในมุมอบอุ่น สงสาร ตลก มีเหตุผล ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมาก เพราะส่วนใหญ่หนังแนว ๆ นี้จะไม่ค่อยแสดงให้เห็นมุมแบบนี้มากนัก ซึ่งคงไม่บอกหรอก รู้กันคร่าว ๆ แค่นี้ แล้วไปดูเองดีกว่า ส่วนนี้คือส่วนที่ดีที่สุดของหนังจริง ๆ
ในส่วนของการผจญภัยเมื่อเข้าป่าก็ดีไม่แพ้กัน หนังก็ยังคงเล่นกับสถานการณ์ได้อย่างชาญฉลาดในการเอาตัวรอดของตัวละครในแบบเด็ก ๆ (นี่มันหนังสำหรับเด็กล่ะนะ) แต่ผู้ใหญ่ก็เพลิดเพลินกับเรื่องนี้ได้ เพราะหนังก็ยังมีความเข้มในระดับหนึ่ง แต่คงไม่ใช่แบบหนังผจญภัยทั่วไป ที่มีเจ็บตัวหนัก ๆ แต่เป็นการเล่นมุก หรือ การข้ามผ่านอุปสรรคไปพร้อม ๆ กันแบบหนังล่าสมบัติ สลับกับฉากไขปริศนาแบบไม่ซับซ้อนเกินไป ฉากแอ็คชั่นก็ออกจะขำ ๆ มากกว่า ว่า เออ มันทำได้วะ ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีอะไรแฝงอีกมากมายในการเดินทางครั้งนี้
สิ่งหนึ่งที่พูดถึงไม่ได้คือ นี่คือหนังที่สร้างจากอนิเมชั่น เพราะงั้นจะไม่แปลกเลยถ้าเราจะได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างที่เราได้เห็นมาแล้วถ้าหากได้ดูมา แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะทำลายความเป็นภาพยนตร์ เพราะหยิบมาใช้ไม่เยอะ แต่ก็ทำให้ขำก๊ากเมื่อนึกถึงในอนิเมชั่นเมื่อตอนที่ได้ดู ในส่วนของซีจีนั้นอยู่ในระดับธรรมดาไม่ได้โดดเด่นเท่าไรเพราะใช้ไม่มาก แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แค่รู้สึกว่ามุมกล้องหนังมันแคบ ๆ ไปหน่อย เกือบจะเป็นภาพยนตร์โทรทัศน์ไปเลย แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นข้อด้อยของเรื่องเท่าไหร่
บทเพลงก็ตามสไตล์ดอร่าครับ ฟังเพลิน ๆ แอบขำด้วย
โอ้เราทำได้แล้วนิ (We did it) เวอร์ชั่นภาพยนตร์คือดีงามครับ
แต่ยังมีเพลงอื่นสอดแทรกด้วยนะ
ประเด็นของเรื่องที่น่าสนใจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จงเป็นตัวเอง และมอบแต่ความหวังดีให้กับทุกคน แล้วทุกคนก็จะแฮปปี้กับเรา ฟังดูโลกสวยนะ แต่ถ้าคนทุกวันเป็นแบบนี้ โลกคงสดใสแบบในเรื่อง
สมบัติที่สำคัญที่สุด คือ "มิตรภาพและครอบครัว" ซึ่งดอร่าเก็บประเด็นจากในอนิเมชั่นมาต่อยอดได้อย่างน่าประทับใจตามแบบที่เป็น
แต่ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน เพราะรู้สึกว่า ตัวละครบางตัวก็ไม่ได้สำคัญกับเนื้อเรื่องสักเท่าไหร่ คือปูว่าเป็นแบบนี้ในช่วงแรก แต่บทก็หายไปดื้อ ๆ แล้วเทไปหาอีกคนแบบเต็ม ๆ แล้วก็ไม่โผล่มาอีกเลย ซึ่งนี่เป็นส่วนที่น่าเสียดาย เพราะรู้สึกว่าหนังจะแน่นกว่านี้หากให้ความสำคัญ อีกทั้งเพราะหนังทำมาเพื่อกลุ่มเด็ก จึงอาจจะดูสดใส ลัลล้า การไขปริศนาดูธรรมดาบ้าง เลยอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ของคนที่อยากเห็นการผจญภัยตื่นเต้นเร้าใจเท่าที่ควร แต่ทั้งหมดทั้งมวลหนังก็ยังอยู่ในระดับที่ดีเกินคาดที่น่า
จูงลูกจูงหลาน จูงพ่อจูงแม่จูงเพื่อนจูงแฟนจูงเพื่อนไปดูกันในวันหยุด หรือ วันว่าง เพราะหนังเรื่องนี้จะทำให้รักกันมากขึ้น
ส่วนคนธรรมดาไปดูก็ไม่เสียดายเงินที่จ่ายแน่นอน
7.5/10
ไปดูกันเยอะ ๆ นะครับ
นายมหรรณพัน
เรื่องที่ 24 : Dora and the Lost City of Gold - ว้าว! โตแล้วนี่นาดอร่า
สวัสดีครับ พบกับผมอีกแล้วกับรีวิวภาพยนตร์กันอีกแล้ว ว้าว เรามาถึงเรื่องที่ 24 ตรงกับเป็นตัวเลขเกิดผมพอดี แต่ว่าก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษสักเท่าไหร่ (แล้วบอกทำไม5555) ผมแค่อยากจะบอกว่าขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และแสดงความคิดเห็นอย่างสนุกสนาน ซึ่งผมก็รับฟังและปรับปรุงอยู่ทุกคนที่เข้ามาใน
รีวิวของผมนะ อย่างเรื่องโคนันนี่ละลานตามาก อยากให้กระทู้ภาพยนตร์คึกคักแบบนี้กันเยอะ ๆ ครับ
เอาล่ะ สำหรับหนังวันนี้เป็นหนังที่ใครหลายคนจะรู้จักกันดีว่า "ดอร่า และเมืองทองคำที่สาบสูญ" สร้างจากซีรีย์ทีวีการ์ตูนอนิเมชันทางการศึกษา ที่เน้นสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนดูสำหรับเด็กชื่อว่า Dora The Explorer หรือ "ดอร่า สาวน้อยนักผจญภัย" ที่ฉายในช่อง Nickelodeon และในเน็ตฟลิกซ์ ที่ถูกหยิบมาเป็นมีมสร้างเสียงฮา ของความรู้สึกช้าของตัวละครหลักอย่างดอร่า เด็กสาวชาวละตินที่อาศัยอยู่ในป่ากับเจ้าลิงพูดได้อย่างบูสต์ที่ซึ่งก็เป็นสีสันดี
ด้วยกระแสที่นิยมของต่างประเทศ จึงเกิดการหยิบยกการ์ตูนเรื่องนี้ มาสร้างเป็นภาพยนตร์คนแสดง โดยมีโครงเรื่องใหม่ ตัวละครเดิม โดยต่อยอดจากเหตุการณ์ในอนิเมชั่นดั้งเดิม ซึ่งทำให้เกิดเสียงของสองฝั่งว่าจะปังหรือจะพัง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญเท่าการได้เข้าไปชมในโรงภาพยนตร์ครับ อย่างที่บอกตัวอย่างอาจจะไม่ได้บอกหมดทุกอย่างก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย เรามาดูเรื่องย่อกันเลยดีกว่า
ดอร่า สาวน้อยนักผจญภัย ตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้ว เธอต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวใช้ชีวิตในสังคมเมืองใหญ่ที่สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปตามที่เธอหวัง ทั้งผู้คน ทั้งสภาพแวดล้อม หนำซ้ำความฝันที่จะเป็นนักสำรวจเพื่อออกตามหา เมืองทองคำที่สาบสูญ ในดินแดนป่าลึกลับที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ก็ถูกขัดขวางโดยทหารรับจ้างที่หวังจะใช้เธอเป็นเครื่องมือเพื่อเข้าถึงมหาขุมทรัพย์ นี่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเธอนั้นคู่ควรกับการเป็นนักสำรวจหรือไม่
แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะต่อยอดจากอนิเมชั่นแต่คนทั่วไปก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพราะเนื้อหาคือใหม่ทั้งหมด เราจะได้พบกับการตามดอร่าไปในทุกหนแห่ง เธอก็ยังเป็นดอร่าที่เรารู้จักกันดี แม้ว่าอายุจะโตขึ้นมาก แต่เธอก็ไม่เคยละทิ้งความเป็นตัวเอง ว่าง่าย ๆ ความโลกสวยซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่เป็นเสน่ห์ของตัวละครเรื่องนี้ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับอนิเมชั่นของค่ายเดียวกันก่อนหน้าอย่าง "The Wild Thornberrys Movie จิ๋วแสบตะลุยป่า" ที่เคยฉายเมื่อหลายปีก่อน (ปี 2002 นู่น) ซึ่งในช่วงแรกที่จะเน้นถึงปรับตัวของคนที่ต้องย้ายจากป่า เข้าสู่เมืองและต้องเจอกับคนหลายรูปแบบ
นักแสดงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้หนังเป็นที่กล่าวขานอย่าง อิซาเบลา โมเนอร์ ที่ผ่านการแสดงที่เรารู้จักกันดีจาก ทรานฟอร์เมอร์ : อัศวินรุ่นสุดท้าย ที่ร่วมสู้ไปกับมาร์ค วอห์ลเบิร์ก มาในเรื่องนี้เธอมารับบทดอร่า เด็กสาวผมม้ายิ้มกว้างสดใสร่าเริงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ในขณะเดียวกันก็มีมุมเศร้า ๆ เคร่งเครียด ที่ทำให้เชื่อได้ว่าเธอไม่ได้เสแสร้งแกล้งเป็นเด็กอายุ 15 อาจเพราะเธออายุใกล้เคียงด้วยส่วนหนึ่ง, ไมเคิล พีน่า บทไม่ได้แปลกไปจากบทที่เคยเล่นเท่าไหร่ ก็ยังคงรักษามาตรฐานความพูดมากเหมือนเดิม แต่ก็ยังมีความอบอุ่นแบบคนเป็นพ่อที่มีต่อลูก เช่นเดียวกับ อีวา ลองโกเรีย กับบทแม่ของดอร่าที่ทั้งอบอุ่น ใจเย็น แต่ก็มีตบมุกกับเขาด้วย ที่พิเศษคือ ยูจินิโอ เดอเบซ นักแสดงชาวสเปนที่รับบทเพื่อนของดอร่าสุดติ๊งต๊องและจริงจังได้เกือบจะขโมยซีนดอร่าได้ ส่วนตัวละครอื่นก็อยู่ในมาตรฐานที่ดีครับ ช่วยเสริมหนังมากขึ้นด้วย
สิ่งที่ดูจะได้รับการขยายเพิ่มจากเรื่องนั้นคือ การให้ความสำคัญกับการเติบโต และพัฒนาการของตัวละครรอบตัวของดอร่าที่เข้ามามีปฏิสัมพันธ์ด้วย ทั้งในมุมอบอุ่น สงสาร ตลก มีเหตุผล ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมาก เพราะส่วนใหญ่หนังแนว ๆ นี้จะไม่ค่อยแสดงให้เห็นมุมแบบนี้มากนัก ซึ่งคงไม่บอกหรอก รู้กันคร่าว ๆ แค่นี้ แล้วไปดูเองดีกว่า ส่วนนี้คือส่วนที่ดีที่สุดของหนังจริง ๆ
ในส่วนของการผจญภัยเมื่อเข้าป่าก็ดีไม่แพ้กัน หนังก็ยังคงเล่นกับสถานการณ์ได้อย่างชาญฉลาดในการเอาตัวรอดของตัวละครในแบบเด็ก ๆ (นี่มันหนังสำหรับเด็กล่ะนะ) แต่ผู้ใหญ่ก็เพลิดเพลินกับเรื่องนี้ได้ เพราะหนังก็ยังมีความเข้มในระดับหนึ่ง แต่คงไม่ใช่แบบหนังผจญภัยทั่วไป ที่มีเจ็บตัวหนัก ๆ แต่เป็นการเล่นมุก หรือ การข้ามผ่านอุปสรรคไปพร้อม ๆ กันแบบหนังล่าสมบัติ สลับกับฉากไขปริศนาแบบไม่ซับซ้อนเกินไป ฉากแอ็คชั่นก็ออกจะขำ ๆ มากกว่า ว่า เออ มันทำได้วะ ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีอะไรแฝงอีกมากมายในการเดินทางครั้งนี้
สิ่งหนึ่งที่พูดถึงไม่ได้คือ นี่คือหนังที่สร้างจากอนิเมชั่น เพราะงั้นจะไม่แปลกเลยถ้าเราจะได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างที่เราได้เห็นมาแล้วถ้าหากได้ดูมา แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะทำลายความเป็นภาพยนตร์ เพราะหยิบมาใช้ไม่เยอะ แต่ก็ทำให้ขำก๊ากเมื่อนึกถึงในอนิเมชั่นเมื่อตอนที่ได้ดู ในส่วนของซีจีนั้นอยู่ในระดับธรรมดาไม่ได้โดดเด่นเท่าไรเพราะใช้ไม่มาก แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แค่รู้สึกว่ามุมกล้องหนังมันแคบ ๆ ไปหน่อย เกือบจะเป็นภาพยนตร์โทรทัศน์ไปเลย แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นข้อด้อยของเรื่องเท่าไหร่
บทเพลงก็ตามสไตล์ดอร่าครับ ฟังเพลิน ๆ แอบขำด้วย
โอ้เราทำได้แล้วนิ (We did it) เวอร์ชั่นภาพยนตร์คือดีงามครับ
แต่ยังมีเพลงอื่นสอดแทรกด้วยนะ
ประเด็นของเรื่องที่น่าสนใจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน เพราะรู้สึกว่า ตัวละครบางตัวก็ไม่ได้สำคัญกับเนื้อเรื่องสักเท่าไหร่ คือปูว่าเป็นแบบนี้ในช่วงแรก แต่บทก็หายไปดื้อ ๆ แล้วเทไปหาอีกคนแบบเต็ม ๆ แล้วก็ไม่โผล่มาอีกเลย ซึ่งนี่เป็นส่วนที่น่าเสียดาย เพราะรู้สึกว่าหนังจะแน่นกว่านี้หากให้ความสำคัญ อีกทั้งเพราะหนังทำมาเพื่อกลุ่มเด็ก จึงอาจจะดูสดใส ลัลล้า การไขปริศนาดูธรรมดาบ้าง เลยอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ของคนที่อยากเห็นการผจญภัยตื่นเต้นเร้าใจเท่าที่ควร แต่ทั้งหมดทั้งมวลหนังก็ยังอยู่ในระดับที่ดีเกินคาดที่น่า
จูงลูกจูงหลาน จูงพ่อจูงแม่จูงเพื่อนจูงแฟนจูงเพื่อนไปดูกันในวันหยุด หรือ วันว่าง เพราะหนังเรื่องนี้จะทำให้รักกันมากขึ้น
ส่วนคนธรรมดาไปดูก็ไม่เสียดายเงินที่จ่ายแน่นอน
7.5/10
ไปดูกันเยอะ ๆ นะครับ
นายมหรรณพัน