คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 58
แก้ไขอธิบายนะครับ ตามที่ 50-1 ว่านะครับ
คือ คำว่า "บาป" กับคำว่า "ศีลขาด" มันเป็นคนละคำกัน ผมอธิบายเพิ่มไว้ใน คห ย่อย ของ คห 50 แล้วครับ
ทั้งนี้ ในตัวกระทู้ จขกท ไม่ได้เขียนออกมาชัดๆ ว่า ได้ "เย็ก" กันแล้วหรือยังนะครับ ผมขอตรงๆเลย
คือ ถ้ายังไม่ได้ เย็ก กัน เนี่ย ก็นับว่าศีลยังไม่ขาด คือ ศีลข้อสาม ไม่ครบองค์ประกอบ (ข้อ 4 ตาม คห 50)
แต่ถ้า ทุกท่านมีความเห็นตรงกันชัดเจนว่า "เย็ก" แน่นอน ก็แน่นอนว่า ศีลขาดครับ
ส่วนที่ ตห 50 กล่าว ก็บอกไว้ว่า เป็น "บาปกรรม" อันนี้ผมไม่เถียงเลยครับ เพราะถ้ามีจิตเจตนาในทางอกุศล ทำอะไรก็เกิดบาปเป็นวิบากทันทีอยู่แล้วครับ และเรียก กรรม การกระทำนั้นว่า บาปกรรม
เพราะฉะนั้น ศีลจะขาดหรือไม่ ก็ต้องให้ จขกท เป็นผู้ตัดสินเอาเอง
ปล. ศีลขาดทุกครั้งที่ หรรม เสียบเข้า หมี นะครับ ไม่ใช่ว่า ทำครั้งแรกครั้งเดียวแล้วเหมาบุฟเฟ่ คือ ถ้าชั่วแล้วไม่ได้ชั่วทีเดียว ชั่ว 1 2 3 4 5 บวกเข้าไปเรื่อยๆ ที่คนเรามักจะทำชั่วแล้ว ไม่เลิก เพราะคิดว่า ทำแล้วครั้งแรก ไหนๆ เลวแล้วยาวไปเลยแล้วกัน เลวแล้วก็เลวอีกได้เพราะเลวเท่าเดิม อันนี้เข้าใจผิดครับ ถ้าเป็นกฏหมาย ก็ตัดสินโทษตามจำนวนครั้งเลย
อีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าทำผิดแล้วหนึ่งครั้งก็ให้เลิกละเสีย ความผิดเก่าไม่หายไป แต่อย่างน้อยความผิดใหม่ก็ไม่ทับทวีคูณ
การที่ จขกท มาถาม ผมถือว่าเขาก็ยังใส่ใจธรรมะ สงสัยในศีลอยู่ ก็อธิบายไปตามควร ส่วนเขาจะแปดเปื้อนมากน้อย ให้เขาตัดสินเอง
ที่ผมพิมพ์ไว้ จริงๆ ไม่ได้ให้ จขกท อ่าน ผมแค่อาศัยโอกาสที่มีคนถาม แล้วก็เผยแพร่ไปตามที่ได้อ่านศึกษามา
ครั้นจะสนใจเพียง ตำหนิ หรือ ตัดสินโทษคนอื่น ผมไม่ค่อยเห็นว่าจะมีประโยชน์นัก ถ้าจะทำแบบนั้น มักจะเอามาทำกับตัวเองมากกว่า ว่า เราดีพอหรือยัง ชั่วมากแค่ไหนครับ
ลองพิจารณากันดูครับ
---------------------------------------
ตาม คห 50 เลยครับ
ยังถือว่า ศีลไม่ขาดนะครับ
คนที่ด่าๆ ขอให้เข้าใจนิดนึง เพราะถ้าด่าแบบนี้ ก็เข้าสูตรคนทั่วไป คือ เมื่อใจมันไหลแล้ว เห้ยก็ผิดแล้ว ถ้าผิดแล้ว ผิดมาก ผิดน้อย ก็ผิด งั้นช่างแม่ม จองโรงแรมก่อนค่อยว่ากล่าว
จริงๆ ไม่ครับ เรื่องศีล คือการงดเว้น อ่านตัวอย่างใน คห 50 ได้ แล้วก็ศึกษาเพิ่มสำหรับศีลข้ออื่นๆ นะครับ
คือ ถ้ายังไม่ครบ ก็ยังไม่ขาด (แต่เรียกว่า ด่างๆ ทะลุๆ หมองๆ ละ)
นี่ก็คือ คนมีศีลแล้ว คือ เกรงใจ อายบาป ยังไม่อยากทำ
ส่วนเรื่องว่า จขกท ควรจะทำยังไง ผมบอกเลยครับ ว่า ไม่มีข้อแนะนำ 5555 แต่ก็อย่าศีลขาดเลยดีกว่า
คือ คำว่า "บาป" กับคำว่า "ศีลขาด" มันเป็นคนละคำกัน ผมอธิบายเพิ่มไว้ใน คห ย่อย ของ คห 50 แล้วครับ
ทั้งนี้ ในตัวกระทู้ จขกท ไม่ได้เขียนออกมาชัดๆ ว่า ได้ "เย็ก" กันแล้วหรือยังนะครับ ผมขอตรงๆเลย
คือ ถ้ายังไม่ได้ เย็ก กัน เนี่ย ก็นับว่าศีลยังไม่ขาด คือ ศีลข้อสาม ไม่ครบองค์ประกอบ (ข้อ 4 ตาม คห 50)
แต่ถ้า ทุกท่านมีความเห็นตรงกันชัดเจนว่า "เย็ก" แน่นอน ก็แน่นอนว่า ศีลขาดครับ
ส่วนที่ ตห 50 กล่าว ก็บอกไว้ว่า เป็น "บาปกรรม" อันนี้ผมไม่เถียงเลยครับ เพราะถ้ามีจิตเจตนาในทางอกุศล ทำอะไรก็เกิดบาปเป็นวิบากทันทีอยู่แล้วครับ และเรียก กรรม การกระทำนั้นว่า บาปกรรม
เพราะฉะนั้น ศีลจะขาดหรือไม่ ก็ต้องให้ จขกท เป็นผู้ตัดสินเอาเอง
ปล. ศีลขาดทุกครั้งที่ หรรม เสียบเข้า หมี นะครับ ไม่ใช่ว่า ทำครั้งแรกครั้งเดียวแล้วเหมาบุฟเฟ่ คือ ถ้าชั่วแล้วไม่ได้ชั่วทีเดียว ชั่ว 1 2 3 4 5 บวกเข้าไปเรื่อยๆ ที่คนเรามักจะทำชั่วแล้ว ไม่เลิก เพราะคิดว่า ทำแล้วครั้งแรก ไหนๆ เลวแล้วยาวไปเลยแล้วกัน เลวแล้วก็เลวอีกได้เพราะเลวเท่าเดิม อันนี้เข้าใจผิดครับ ถ้าเป็นกฏหมาย ก็ตัดสินโทษตามจำนวนครั้งเลย
อีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าทำผิดแล้วหนึ่งครั้งก็ให้เลิกละเสีย ความผิดเก่าไม่หายไป แต่อย่างน้อยความผิดใหม่ก็ไม่ทับทวีคูณ
การที่ จขกท มาถาม ผมถือว่าเขาก็ยังใส่ใจธรรมะ สงสัยในศีลอยู่ ก็อธิบายไปตามควร ส่วนเขาจะแปดเปื้อนมากน้อย ให้เขาตัดสินเอง
ที่ผมพิมพ์ไว้ จริงๆ ไม่ได้ให้ จขกท อ่าน ผมแค่อาศัยโอกาสที่มีคนถาม แล้วก็เผยแพร่ไปตามที่ได้อ่านศึกษามา
ครั้นจะสนใจเพียง ตำหนิ หรือ ตัดสินโทษคนอื่น ผมไม่ค่อยเห็นว่าจะมีประโยชน์นัก ถ้าจะทำแบบนั้น มักจะเอามาทำกับตัวเองมากกว่า ว่า เราดีพอหรือยัง ชั่วมากแค่ไหนครับ
ลองพิจารณากันดูครับ
---------------------------------------
ตาม คห 50 เลยครับ
ยังถือว่า ศีลไม่ขาดนะครับ
คนที่ด่าๆ ขอให้เข้าใจนิดนึง เพราะถ้าด่าแบบนี้ ก็เข้าสูตรคนทั่วไป คือ เมื่อใจมันไหลแล้ว เห้ยก็ผิดแล้ว ถ้าผิดแล้ว ผิดมาก ผิดน้อย ก็ผิด งั้นช่างแม่ม จองโรงแรมก่อนค่อยว่ากล่าว
จริงๆ ไม่ครับ เรื่องศีล คือการงดเว้น อ่านตัวอย่างใน คห 50 ได้ แล้วก็ศึกษาเพิ่มสำหรับศีลข้ออื่นๆ นะครับ
คือ ถ้ายังไม่ครบ ก็ยังไม่ขาด (แต่เรียกว่า ด่างๆ ทะลุๆ หมองๆ ละ)
นี่ก็คือ คนมีศีลแล้ว คือ เกรงใจ อายบาป ยังไม่อยากทำ
ส่วนเรื่องว่า จขกท ควรจะทำยังไง ผมบอกเลยครับ ว่า ไม่มีข้อแนะนำ 5555 แต่ก็อย่าศีลขาดเลยดีกว่า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
อย่าเอาลูกมาเป็นข้ออ้างในการทำผิดศีลธรรมเลยค่ะ
ยอมรับความจริง ฐานะสามี ภรรยา สามารถเลิกรากันได้ตามกฏหมาย
แต่ความเป็น พ่อ แม่ ลูก ที่คุณจะต้องรับผิดชอบนั้น คือสิ่งที่ไม่อาจ
ละเลยได้
ถ้าคุณไม่อยากให้คนใหม่ของคุณ อยู่ในฐานะชู้รัก ก็ควรจะทำเรื่องต่างๆ
ให้ถูกต้อง ถ้าเป็นไปอย่างที่คุณโพสมาว่า ต่างคนต่างเข้าใจ และ มีคนใหม่กันแล้ว
ถ้าไม่ทำให้ถูกต้อง แล้วจะปรับสีหน้า และ เสียงหัวเราะในบ้านแบบจริงใจให้ลูกได้
อย่างไร คิดไม่ออกเลยจริงๆ เด็กเขาเข้าใจนะคะ อธิบายไปตามความจริง
ตัวอย่างก็มีให้เห็นมากมาย
ยอมรับความจริง ฐานะสามี ภรรยา สามารถเลิกรากันได้ตามกฏหมาย
แต่ความเป็น พ่อ แม่ ลูก ที่คุณจะต้องรับผิดชอบนั้น คือสิ่งที่ไม่อาจ
ละเลยได้
ถ้าคุณไม่อยากให้คนใหม่ของคุณ อยู่ในฐานะชู้รัก ก็ควรจะทำเรื่องต่างๆ
ให้ถูกต้อง ถ้าเป็นไปอย่างที่คุณโพสมาว่า ต่างคนต่างเข้าใจ และ มีคนใหม่กันแล้ว
ถ้าไม่ทำให้ถูกต้อง แล้วจะปรับสีหน้า และ เสียงหัวเราะในบ้านแบบจริงใจให้ลูกได้
อย่างไร คิดไม่ออกเลยจริงๆ เด็กเขาเข้าใจนะคะ อธิบายไปตามความจริง
ตัวอย่างก็มีให้เห็นมากมาย
แสดงความคิดเห็น
สามีภรรยาที่หมดรักต่อกันแล้ว ทุกวันทำหน้าที่รับผิดชอบแค่ลูก แต่ต่างฝ่ายต่างมีคนใหม่ จะผิดไหม???