หลวงปู่พุทธะอิสระ ตำนาน! อาจารย์ปู่
หลวงปู่พุทธะอิสระ บวชเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2526 เหตุที่เรียกหลวงปู่ มีเรื่องเล่าขานที่ถูกบันทึกไว้ว่า เรื่องนี้หลวงปู่พระพุทธะอิสระเล่าให้ฟังว่า บวชพรรษาแรกก็ตั้งใจจะไปหาอาจารย์เพื่อศึกษาหาความรู้ จึงธุดงค์ไปหา “หลวงปู่แหวน” เมื่อหลวงปู่แหวนเห็น ก็รีบมารับกลด รับบาตร ปูอาสนะให้หลวงปู่นั่งกราบหลวงปู่และเรียกว่า “อาจารย์ปู่”
บังเอิญมีนักเรียนแพทย์ติดตามหลวงปู่ไปด้วยก็เลยเรียกตามๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน ประเด็นนี้มีผู้สงสัยตั้งคำถามไม่เชิงว่าต้องการคำตอบเอาไว้ว่า เมื่อสืบสาวไล่เรียงช่วงวันเวลากันให้ดีๆ น่าสนใจว่า ตามเหตุการณ์ที่กล่าวอ้างเอาไว้ตามข้างต้นนั้น หลวงปู่แหวนน่าจะอยู่ในช่วงอาพาธ จะก้มกราบท่านหลวงปู่ไหวกระนั้นหรือ?
อีกเรื่องราวเล่าขานเกี่ยวพันกับ “พระครูเทพโลกอุดรในร่างของพุทธะอิสระ” เรื่องราวนี้บันทึกเอาไว้ว่า หลวงปู่โง่น ได้เคยกล่าวไว้ว่า คนไทยหลงใหลกันมาก จึงมีหลวงพ่อโลกอุดรปลอม ที่ผู้คนละโมบโลภหลงเอาชื่อท่านมาขายกิน
“ในสังคมไทยไม่รู้ว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรเกิดมาที่ไหน จะสัมผัสได้อย่างไร เห็นก็แต่หลอกลวงกันทั่วไป”
จากคำกล่าวที่เคยพานพบ...“หลวงปู่พระครูเทพโลกอุดร” ปัจจุบันได้มาเกิดเป็นหลวงพ่อพุทธะอิสระ จากคำพูดของหลวงปู่พุทธะอิสระมหาโพธิสัตว์ที่ได้เทศออกอากาศ เมื่อประมาณต้นปี 2550 ก็ได้มีคำพูดของท่านผู้เขียนบันทึกเอาไว้ได้มาลงให้เห็นโดยไม่ได้ตัดตอนแต่อย่างใด
เมื่อกล่าวถึง...ปาฏิหาริย์ของหลวงปู่พุทธะอิสระ ในแง่มุมหนึ่งที่เกี่ยวโยงกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้บอกญาติโยมเกี่ยวกับพระองค์ที่ 10 จะมา ซึ่งหมายถึง พระพุทธเจ้าองค์ที่ 10 หรือเปล่า? นั้น
หลวงปู่ซึ่งไม่ทราบอะไรอยู่ๆก็พบว่า มีผู้คนมายืนมุงดูกันเต็มไปหมด ผู้คนต่างก็เข้ามากราบสอบถามธรรมะกับหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ก็ตอบไปเป็นเวลา 1 วัน กับอีก 1 คืนเต็มๆ ไม่สามารถลุกไปเข้าห้องน้ำได้เลย
ครั้งนี้ยังได้รับบริจาคเงิน ทอง แก้ว แหวน เพชร พลอย เป็นจำนวนมาก ซึ่งหลวงปู่ก็ได้ยกให้ไว้กับทางวัดท่าซุงไปจนหมด เล่าลือกันอีกว่าเวลาที่ท่านจะสรงน้ำในแม่น้ำสะแกกรัง ซึ่งเต็มไปด้วยผักตบชวา ก็ปรากฏว่ากระแสน้ำไหลอย่างไรไม่ทราบ เปิดเป็นช่วงว่างให้ท่านได้ลงไปสรงน้ำ จนเป็นที่น่าอัศจรรย์ของผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ เมื่อวันเวลาผ่านไปกระทั่งมาถึงวันนี้ ปาฏิหาริย์ข้างต้นเหล่านี้ หลายคนยังมีคำถามสำคัญว่า...เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงกันแน่?
หลายคนเคยตั้งข้อสงสัยประหนึ่งหมายโจมตี ช่วงต้นปี 2557 มีการเปิดประเด็นสืบสาวประวัติหลวงปู่ที่ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใดว่าแรกเริ่มแต่เดิมนั้นเคยอยู่ที่วัดแถวพระโขนง กระทั่งวัดเริ่มดัง มีชื่อเป็นที่รู้จัก...ว่ากันว่าก็เพราะได้ติดตาม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี แล้วในช่วงหลังๆ ก็เริ่มบอกคนทั่วไปว่าเป็นร่างทรงสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งต้องย้ำดังๆหนักแน่นว่า... เรื่องราวเหล่านี้จะเป็นการปรักปรำ ออกข่าวทำลายชื่อเสียงหลวงปู่ของกลุ่มที่ไม่หวังดีก็เป็นได้
เพราะในช่วงเวลานั้น การอ้างว่าเป็นร่างทรงสมเด็จพระนเรศวรกลับไปถูกจริตพวกนายทหารใหญ่หลายคนเข้าให้อย่างจัง เรียกว่าเป็นพระสายทหารอีกหนึ่งรูปที่อยู่ในกระแสระดับบนๆ
ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น ยังมีคนตามสืบปล่อยข้อมูลออกมาอีกว่า แท้จริงแล้ว พระพุทธะอิสระเองก็เคยสึกเพราะหนีคุกตะรางมาก่อน เพราะโกยอายุพรรษา โกหกว่าบวชมาแล้วเกิน 10 พรรษา เพราะหวังว่าจะได้เป็นเจ้าคณะจังหวัด แต่กลับถูกจับได้ว่าบวชมาแค่ 8 พรรษาเท่านั้น เลยต้องรีบสึกหนีความผิด นอกจากนี้ หลายเสียงยังกล่าวถึงการเป็น “พระ” กับ “การเมือง” ที่หลวงปู่ท่านก็เป็นข่าวอยู่ในระดับแกนนำ อย่างไรเสีย ก็ต้องปราชิกอยู่แล้ว
ฟากฝั่งโจมตีก็ว่าไปอย่างนี้ ฟากฝั่งศรัทธาได้ยินเข้าก็ท้วงติง ด้วยว่า หลวงปู่ท่านเป็นผู้คิดดี อาทิ ซื้อที่ดินปลูกป่า แล้วยกให้กรมป่าไม้ดูแลกลับคืนเป็นสมบัติชาติต่อไป ท่านทำมาอย่างนี้ตลอด ไปปลูกป่า
ประวัติที่ว่าท่านเป็นชาวคลองเตยนั้น มารดาทำงานโรงงานยาสูบ แต่ไม่ได้เสพยา เพราะเกลียดยาเสพติดและสุขภาพก็อ่อนแอ คุณตา คุณยายเป็นแพทย์แผนไทย...ไม่ได้โกงอายุพรรษา แต่เพราะฐานข้อมูลเจ้าคณะตำบลบันทึกปีที่บวชผิดพลาด เรื่องนี้ศาลจังหวัดนครปฐมตัดสินให้ท่านชนะคดี พ้นความผิดทั้งมวลแล้วและผู้กล่าวหาต้องขอขมา...ใครที่กล่าวโทษท่าน รอรับผลกรรมได้เลย
ส่วนเรื่องวัดท่าซุง เสียงที่มีผู้บันทึกเทปเรื่องของพระองค์ที่ 10 ได้ฟังแล้ว เป็นเสียงหลวงปู่พุทธะอิสระแน่นอน เสียง สำเนียง ลีลา การใช้คำ ความชอบไม่ชอบที่ปรากฏในระหว่างการเทศน์ ใช่หลวงปู่พุทธะอิสระเมื่อหนุ่มๆหมดทุกอย่าง ผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่รู้จักท่านเมื่อหนุ่มๆ ก็ยืนยันว่าเป็นท่านแน่นอน
ประเด็นที่ว่า...เคยสึก ครั้งแรกไปรับราชการทหาร สึกครั้งที่สองเพื่อลดพรรษาลงจากที่เคยเป็นเจ้าอาวาสมาก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องยุ่งเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งเจ้าคณะอะไรๆ ที่คนว่ากันไปแบบมั่วๆ แต่ที่จริงท่านได้เคยไปตรวจสอบเรื่องพระที่ประพฤตินอกรีตและคณะสงฆ์ไม่จัดการ...สั่งให้วางมือ เบื่อมากเข้าก็สึกซะเลย
ว่ากันต่อในเรื่องการสอนธรรมะ ท่านก็สอนธรรมตรง ธรรมแท้ มิใช่ทำมั่วสอน...ไม่ชอบให้ใครถ่ายรูปเพราะถ่ายแล้วก็ตายเหมือนกันไม่ใช่ถ่ายรูปแล้วไม่ตาย ที่สำคัญหลวงปู่ไม่เคยเอาใจใคร มีนิสัยดุ แต่จะเมตตาสั่งสอนหากคนอดทนพอ เหมือนที่หลวงพ่อจรัญเคยบอกศิษย์บางคนว่า...หลวงปู่พุทธะอิสระเป็นพระที่ไม่เอาใจใครและดุ แต่หากไปเป็นศิษย์ท่านแล้วจะได้ธรรมตรงๆ ศิษย์คนหนึ่งได้กล่าวถึงไว้ว่า... “ดิฉันก็ได้ค้นพบตัวเอง ค้นพบความไม่ดีของตัวเองจากการสอนของท่านนี่แหละ พอรู้ความไม่ดีแล้ว เอามาปรบปรุงจนดีขึ้น จึงถือว่าได้ครูบาอาจารย์และกัลยาณมิตรแท้ด้วยความดุ ความตรงของท่านนี่แหละ”
มุมดีหลวงปู่พุทธะอิสระที่ยังอยู่ในหัวใจศิษย์...“จงรู้จักสมมติ ใช้สมมติให้เป็นประโยชน์ ใช้เต็มที่แล้วก็วางสมมตินั้นลง เข้าสู่ปรมัตถ์ อย่ายึดติดกับสมมติ ถ้าเคยศึกษาคำสอนพระป่าและเข้าถึงคำสอนจริง ก็จะรู้ว่านี่คือแนวพระ...อรัญวาสี หรือพระป่าโดยตรง”
หลวงปู่พุทธะอิสระ ตำนาน! อาจารย์ปู่
หลวงปู่พุทธะอิสระ บวชเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2526 เหตุที่เรียกหลวงปู่ มีเรื่องเล่าขานที่ถูกบันทึกไว้ว่า เรื่องนี้หลวงปู่พระพุทธะอิสระเล่าให้ฟังว่า บวชพรรษาแรกก็ตั้งใจจะไปหาอาจารย์เพื่อศึกษาหาความรู้ จึงธุดงค์ไปหา “หลวงปู่แหวน” เมื่อหลวงปู่แหวนเห็น ก็รีบมารับกลด รับบาตร ปูอาสนะให้หลวงปู่นั่งกราบหลวงปู่และเรียกว่า “อาจารย์ปู่”
บังเอิญมีนักเรียนแพทย์ติดตามหลวงปู่ไปด้วยก็เลยเรียกตามๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน ประเด็นนี้มีผู้สงสัยตั้งคำถามไม่เชิงว่าต้องการคำตอบเอาไว้ว่า เมื่อสืบสาวไล่เรียงช่วงวันเวลากันให้ดีๆ น่าสนใจว่า ตามเหตุการณ์ที่กล่าวอ้างเอาไว้ตามข้างต้นนั้น หลวงปู่แหวนน่าจะอยู่ในช่วงอาพาธ จะก้มกราบท่านหลวงปู่ไหวกระนั้นหรือ?
อีกเรื่องราวเล่าขานเกี่ยวพันกับ “พระครูเทพโลกอุดรในร่างของพุทธะอิสระ” เรื่องราวนี้บันทึกเอาไว้ว่า หลวงปู่โง่น ได้เคยกล่าวไว้ว่า คนไทยหลงใหลกันมาก จึงมีหลวงพ่อโลกอุดรปลอม ที่ผู้คนละโมบโลภหลงเอาชื่อท่านมาขายกิน
“ในสังคมไทยไม่รู้ว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรเกิดมาที่ไหน จะสัมผัสได้อย่างไร เห็นก็แต่หลอกลวงกันทั่วไป”
จากคำกล่าวที่เคยพานพบ...“หลวงปู่พระครูเทพโลกอุดร” ปัจจุบันได้มาเกิดเป็นหลวงพ่อพุทธะอิสระ จากคำพูดของหลวงปู่พุทธะอิสระมหาโพธิสัตว์ที่ได้เทศออกอากาศ เมื่อประมาณต้นปี 2550 ก็ได้มีคำพูดของท่านผู้เขียนบันทึกเอาไว้ได้มาลงให้เห็นโดยไม่ได้ตัดตอนแต่อย่างใด
เมื่อกล่าวถึง...ปาฏิหาริย์ของหลวงปู่พุทธะอิสระ ในแง่มุมหนึ่งที่เกี่ยวโยงกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้บอกญาติโยมเกี่ยวกับพระองค์ที่ 10 จะมา ซึ่งหมายถึง พระพุทธเจ้าองค์ที่ 10 หรือเปล่า? นั้น
หลวงปู่ซึ่งไม่ทราบอะไรอยู่ๆก็พบว่า มีผู้คนมายืนมุงดูกันเต็มไปหมด ผู้คนต่างก็เข้ามากราบสอบถามธรรมะกับหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ก็ตอบไปเป็นเวลา 1 วัน กับอีก 1 คืนเต็มๆ ไม่สามารถลุกไปเข้าห้องน้ำได้เลย
ครั้งนี้ยังได้รับบริจาคเงิน ทอง แก้ว แหวน เพชร พลอย เป็นจำนวนมาก ซึ่งหลวงปู่ก็ได้ยกให้ไว้กับทางวัดท่าซุงไปจนหมด เล่าลือกันอีกว่าเวลาที่ท่านจะสรงน้ำในแม่น้ำสะแกกรัง ซึ่งเต็มไปด้วยผักตบชวา ก็ปรากฏว่ากระแสน้ำไหลอย่างไรไม่ทราบ เปิดเป็นช่วงว่างให้ท่านได้ลงไปสรงน้ำ จนเป็นที่น่าอัศจรรย์ของผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ เมื่อวันเวลาผ่านไปกระทั่งมาถึงวันนี้ ปาฏิหาริย์ข้างต้นเหล่านี้ หลายคนยังมีคำถามสำคัญว่า...เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงกันแน่?
หลายคนเคยตั้งข้อสงสัยประหนึ่งหมายโจมตี ช่วงต้นปี 2557 มีการเปิดประเด็นสืบสาวประวัติหลวงปู่ที่ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใดว่าแรกเริ่มแต่เดิมนั้นเคยอยู่ที่วัดแถวพระโขนง กระทั่งวัดเริ่มดัง มีชื่อเป็นที่รู้จัก...ว่ากันว่าก็เพราะได้ติดตาม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี แล้วในช่วงหลังๆ ก็เริ่มบอกคนทั่วไปว่าเป็นร่างทรงสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งต้องย้ำดังๆหนักแน่นว่า... เรื่องราวเหล่านี้จะเป็นการปรักปรำ ออกข่าวทำลายชื่อเสียงหลวงปู่ของกลุ่มที่ไม่หวังดีก็เป็นได้
เพราะในช่วงเวลานั้น การอ้างว่าเป็นร่างทรงสมเด็จพระนเรศวรกลับไปถูกจริตพวกนายทหารใหญ่หลายคนเข้าให้อย่างจัง เรียกว่าเป็นพระสายทหารอีกหนึ่งรูปที่อยู่ในกระแสระดับบนๆ
ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น ยังมีคนตามสืบปล่อยข้อมูลออกมาอีกว่า แท้จริงแล้ว พระพุทธะอิสระเองก็เคยสึกเพราะหนีคุกตะรางมาก่อน เพราะโกยอายุพรรษา โกหกว่าบวชมาแล้วเกิน 10 พรรษา เพราะหวังว่าจะได้เป็นเจ้าคณะจังหวัด แต่กลับถูกจับได้ว่าบวชมาแค่ 8 พรรษาเท่านั้น เลยต้องรีบสึกหนีความผิด นอกจากนี้ หลายเสียงยังกล่าวถึงการเป็น “พระ” กับ “การเมือง” ที่หลวงปู่ท่านก็เป็นข่าวอยู่ในระดับแกนนำ อย่างไรเสีย ก็ต้องปราชิกอยู่แล้ว
ฟากฝั่งโจมตีก็ว่าไปอย่างนี้ ฟากฝั่งศรัทธาได้ยินเข้าก็ท้วงติง ด้วยว่า หลวงปู่ท่านเป็นผู้คิดดี อาทิ ซื้อที่ดินปลูกป่า แล้วยกให้กรมป่าไม้ดูแลกลับคืนเป็นสมบัติชาติต่อไป ท่านทำมาอย่างนี้ตลอด ไปปลูกป่า
ประวัติที่ว่าท่านเป็นชาวคลองเตยนั้น มารดาทำงานโรงงานยาสูบ แต่ไม่ได้เสพยา เพราะเกลียดยาเสพติดและสุขภาพก็อ่อนแอ คุณตา คุณยายเป็นแพทย์แผนไทย...ไม่ได้โกงอายุพรรษา แต่เพราะฐานข้อมูลเจ้าคณะตำบลบันทึกปีที่บวชผิดพลาด เรื่องนี้ศาลจังหวัดนครปฐมตัดสินให้ท่านชนะคดี พ้นความผิดทั้งมวลแล้วและผู้กล่าวหาต้องขอขมา...ใครที่กล่าวโทษท่าน รอรับผลกรรมได้เลย
ส่วนเรื่องวัดท่าซุง เสียงที่มีผู้บันทึกเทปเรื่องของพระองค์ที่ 10 ได้ฟังแล้ว เป็นเสียงหลวงปู่พุทธะอิสระแน่นอน เสียง สำเนียง ลีลา การใช้คำ ความชอบไม่ชอบที่ปรากฏในระหว่างการเทศน์ ใช่หลวงปู่พุทธะอิสระเมื่อหนุ่มๆหมดทุกอย่าง ผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่รู้จักท่านเมื่อหนุ่มๆ ก็ยืนยันว่าเป็นท่านแน่นอน
ประเด็นที่ว่า...เคยสึก ครั้งแรกไปรับราชการทหาร สึกครั้งที่สองเพื่อลดพรรษาลงจากที่เคยเป็นเจ้าอาวาสมาก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องยุ่งเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งเจ้าคณะอะไรๆ ที่คนว่ากันไปแบบมั่วๆ แต่ที่จริงท่านได้เคยไปตรวจสอบเรื่องพระที่ประพฤตินอกรีตและคณะสงฆ์ไม่จัดการ...สั่งให้วางมือ เบื่อมากเข้าก็สึกซะเลย
ว่ากันต่อในเรื่องการสอนธรรมะ ท่านก็สอนธรรมตรง ธรรมแท้ มิใช่ทำมั่วสอน...ไม่ชอบให้ใครถ่ายรูปเพราะถ่ายแล้วก็ตายเหมือนกันไม่ใช่ถ่ายรูปแล้วไม่ตาย ที่สำคัญหลวงปู่ไม่เคยเอาใจใคร มีนิสัยดุ แต่จะเมตตาสั่งสอนหากคนอดทนพอ เหมือนที่หลวงพ่อจรัญเคยบอกศิษย์บางคนว่า...หลวงปู่พุทธะอิสระเป็นพระที่ไม่เอาใจใครและดุ แต่หากไปเป็นศิษย์ท่านแล้วจะได้ธรรมตรงๆ ศิษย์คนหนึ่งได้กล่าวถึงไว้ว่า... “ดิฉันก็ได้ค้นพบตัวเอง ค้นพบความไม่ดีของตัวเองจากการสอนของท่านนี่แหละ พอรู้ความไม่ดีแล้ว เอามาปรบปรุงจนดีขึ้น จึงถือว่าได้ครูบาอาจารย์และกัลยาณมิตรแท้ด้วยความดุ ความตรงของท่านนี่แหละ”
มุมดีหลวงปู่พุทธะอิสระที่ยังอยู่ในหัวใจศิษย์...“จงรู้จักสมมติ ใช้สมมติให้เป็นประโยชน์ ใช้เต็มที่แล้วก็วางสมมตินั้นลง เข้าสู่ปรมัตถ์ อย่ายึดติดกับสมมติ ถ้าเคยศึกษาคำสอนพระป่าและเข้าถึงคำสอนจริง ก็จะรู้ว่านี่คือแนวพระ...อรัญวาสี หรือพระป่าโดยตรง”