" ไปเชียงรายแบบไม่เช่ารถก็พอไหว" เรื่องเล่าจากเชียงราย 3 วัน 2 คืน ภาพเยอะ**

จริงๆก็ไปมาต้นๆปีก็นานแล้วพอดีผมเห็นพันทิปมีกิจกรรมร่วมสนุกเดินทางไปเชียงราย 
ผมเลยมาแวะตั้งกระทู้เล่าให้ฟังเผื่อคนที่พลาดแล้วอยากไปเองว่าจริงๆแล้วไปเชียงรายก็ง่ายๆไม่ได้ยากมาก


เชียงรายสำหรับผมเองนิยามสั้นๆว่าเมืองแห่งศิลปเพราะทุกที่มักจะมีผลงานศิลปต่างๆสอดแทรกอยู่ตลอด
ทริปของผมด้วยความอยากรู้ว่าถ้าไม่เช่ารถแล้วจะเที่ยวได้ใหม จริงๆแล้วผมว่าเป็นข้อผิดพลาดของผมเองที่คิดแบบนั้น 

เชียงรายมี grab taxi บริการจริงๆจังๆสามารถเรียกได้แบบปลอดโปร่งโล่งสบายไม่ต้องกังวลแต่...
ไม่ใช่ทุกสถานที่หนะสิที่จะมีรถให้เรียก...

ผมเริ่มต้นเชียงรายด้วยจุดหมายแรกคือดอยตุงเพราะสถานที่ๆผมอยากไปมานานแล้ว พอมีโอกาศเลยได้ไปเยี่ยมชมเพราะผมอยากจะเห็น
สวนของดอยตุงสักครั้งและทางคุณพ่อผมเองก็เป็นคนที่ชอบกล้วยไม้เมืองหนาวความต้องการของเราถึงได้มาตรงกัน ถึงกับจองที่พักข้างบนเลย

เมื่อผมออกจากสนามบิน ผมเดินทางด้วยรถเมล์ไปลงบขส1 จริงๆแล้วมีเพื่อนสมาชิกบอกผมว่าไม่ต้องไปถึงบขส1ก็ได้ ออกจากสนามบินได้
พ้นสนามบินแล้วดักรถเมล์สีเขียวออกนอกเมืองไปก็ได้แต่พอถึงเวลาจริงๆแล้วบรรยากาศดูโล่งๆเลยกังวลสุดท้ายก็ยาวไปบขส 1 เพื่อหารถไปดอยตุง 
ที่บขส1มีรถตู้และรถเมล์ไปถึงดอยตุงได้สุดท้ายผมก็เลยลองนั้งรถเมล์สรุปค่อนข้างช้าไปหน่อยแต่ราคาไม่แพง จริงๆน่าจะนั้งรถตู้มากกว่าอาจจะเร็วกว่า 
เพราะรถเมล์สีเขียวขับช้าและมีการส่งของเป็นระยะๆและอากาศร้อนหน่อยๆด้วย (สรุปแล้วนั้งรถเมล์ย้อนกลับมาทางเดิมดักรถได้จริงๆด้วยสีเขียวๆมีแบบเดียว)

รถเมล์จะมาส่งเราได้แค่ตรงทางขึ้นเท่านั้น เราจะสามารถขึ้นดอยตุงได้ด้วยรถสองแถวเหมาและมอเตอร์ไซค์วินที่คิดเที่ยวละ 70 บาท สามารถโทรเรียกได้
แต่เรามีกระเป๋าใหญ่มากเลยไม่สามารถใช้วินมอเตอร์ไซค์ได้ เราเลยไปถามสองแถวว่าไปดอยตุงกี่บาท สรุปว่าถ้าไปวันธรรมดาแบบผม สองแถวราคา 600 บาทต่อเที่ยว ย้ำ 600 บาทต่อเที่ยว แต่ถ้าไปวันหยุดสามารถหาคนร่วมแชร์ได้ (สรุปสุดท้าย โดนไป 1100 บาท เจ้าของลดให้100 ขากลับ โทรเรียกไปรับ) 

สุดท้ายเราก็มาถึงดอยตุงได้ในที่สุด สองแถวพาไปส่งถึงหน้าโรงแรมดอยตุง ลอดจ์(โรงแรมของดอยตุง)
**ช่วงที่มาจากเชียงรายต้องเตรียมบัตรประชาชนด้วยเราต้องผ่านด่านตรวจของตำรวจด้วยนะทั้งไปและกลับ
ผมก็อธิบายไม่ถูกว่าด่านนี้คืออะไรเหมือนกัน


ดอยตุงจะมีอยู่ 4 ส่วนหลักๆแหละคือ
- พระตำหนักดอยตุง อันนี้คือที่ทรงงานของสมเด็จย่าของพวกเรานี่แหละก็ไม่ได้ถ่ายรุปมา
เขาไม่อนุญาติ ก็จะมีประวัติ เรื่องราวต่างๆให้ชม
- สวนแม่ฟ้าหลวง คือที่ผมอยากมานานมาแล้ว
- หอพระราชประวัติ อันนี้ดูไม่ทัน
- สวนพฤศาสตร์ ไม่มีรถไปไปไม่ทันด้วย
มีบัตรเหมา220บาทแต่ผมไม่มีเวลามากเลยซื้อมา2จุดคือ พระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง

ร้านอาหารมีอยู่1ที่คือร้านพระตำหนักซึ่งเป็นจุดแรกที่ผมใช้บริการเลย
รสชาติอาหารอยู่ในจุดที่ทุกคนสามารถทานได้นั้นละไม่แย่ที่ดีมากคือวัตถุดิบในการทำอาหาร
ค่อนข้างดีมากคาดว่าน่าจะมาจากในส่วนที่ปลูกเองรอบๆดอยตุงนี่แหละ

ตรงกลางไม่ใช่กระเทียมแต่เป็นถั่วคืออร่อยดี

จากนั้นผมก็ซื้อบัตรเข้าไปชมสวนแม่ฟ้าหลวง 

ส่วนแม่ฟ้าหลวงเนี่ยหลักๆคือจะมีดอกไม้เมืองหนาวซึ่งเยอะและสวยดี มีร้านกาแฟ มีชิปไลน์ชมป่าแต่เสียเงินเพิ่ม 150 บาท 
กดหาข้อมูลได้เลยมีหลายคลิบมาใน youtube 


พวกดอกไม้เมืองหนาวก็คือเลี้ยงได้แบบสุดๆอะคือสวยและสมบูรณ์มากๆ ใครชอบน่าจะถูกใจที่นี่สุดๆ

แล้วก็อย่างที่บอกสุดท้ายก็มาดื่มชาเชียวพักเหนื่อยสูดอากาศต่ออีกนิดหน่อย


วนไปวนมาถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้จนสุดท้ายเกือบลืมว่าเราต้องไปชมพระตำหนักก่อนก็เลยไปชมช่วงท้ายๆกำลังจะปิดพอดีเกือบซวย 

พอถึงช่วงเย็นร้านอาหารก็ยังคงต้องกินที่ร้านพระตำหนักเหมือนเดิมแต่เราเลือกจะไปกินที่บนห้องอะเพราะว่าอยากไปนั้งดูซีรี่เกาหลีและรับลมด้านนู้นบ้าง
ก็เลยสั่งไปกินที่พัก 

พอรุ่งเช้าก็ออกไปชมวิว 


ลมแรงหนาวหน่อยๆอากาศดีมากแต่มองวิวไม่ค่อยเห็นต้นไม้มันบังเยอะอะ ต้องไปยืนดูในศาลาหรือจุดกินบุฟเฟ่ต์ตอนเช้า 
จริงๆแล้วเราคิดว่าไม่มีคนพักที่ใหนได้พอช่วงกินข้าวคนมาบานเลยสงสัยไปเที่ยวกันอยู่ อาหารบุฟเฟ่เป็นแบบอเมริกันทั่วไปกับผลไม้และผักดีๆจากผลผลิตดอยตุงนี่ละ คนที่ถูกใจจริงๆคือคุณพ่อมากกว่าอีกสำหรับดอยตุง 555 ทั้งกล้วยไม้ ทั้งผักสดดีๆ อากาศดีๆ 

พอเราอื่มเราก็รีบเช็คเอ้าออกเราก็โทรเรียกรถสองแถวแหละโดนไปอีก500 บาท แล้วเราก็ลงมาฝั่งตรงข้ามของทางเข้ามาดักรอรถเมล์เขียวๆเพื่อเข้าเมือง จริงๆใกล้ๆนี่มีบ้านดำคืออยากไปมากแต่ก็นั้นละไม่มีรถไง แท็กซี่ก็ไม่มีอีก เลยกะว่าเดี่ยวไว้รอบหน้าเช่ารถดีกว่า มีอีกจุดที่อยากไปคือภูชี้ฟ้าไงไม่มีเวลา 

เรารีบเข้าเมืองเพราะอยากจะนั้งรถรางของเชียงรายชมเมืองอะ สรุปว่ารถโดนจองด้วยกลุ่มนักศึกษาเต็มจนพรุ่งนี้คือวันที่เรากลับอะพลาดไปไว้รอบหน้าๆ 
พอเราเข้าพักที่โรงแรมสบายเชียงรายแล้ว เราก็เลยเรียก grab ไปที่วัดร่องขุ่นจุดที่ใครๆเขาก็ว่ากันว่าสวย 


วัดร่องขุ่นเนี่ย เอาจริงๆคือไม่ได้หาข้อมูลเลยเพราะใจจริงอยากไปดูแค่งานศิลปเป็นแฟนคลับลับๆของท่านอาจารย์เฉลิมชัยไงแต่พอเข้าไปในโบสถ์เจอหุ่นขึ้นผึ้งเราก็เลยสงสัยกันว่าท่านคือใครสรุป คือพลวงพ่อไสวที่เป็นอดีตเจ้าอาวาสของที่นี่นั้นเอง  

วัดร่องขุ่นผมสรุปให้เลยคือจุดสำคัญๆมีอยู่4 จุด คือตัวโบสถ์ตรงกลางขาวๆนั้นละ ของจริงลายเซ็นงานศิลปสวยมากอะ 
จุดที่สองคือ 
อาคารสีทองที่อยู่ข้างหลังเป็นที่โชว์ผลงานทางพระพิฆเนศ
ข้างในมีของขาย มีผลงานโชว์อยู่ 

จุดที่สามคือหอศิลปอาจารย์เฉลิมชัยย้ำว่าห้ามพลาดคือสวยมาก อาคารอยู่ริมซ้ายถ้ามองจากริมถนนเข้าไป มีผลงานอาจารย์อยู่เยอะ 
หอที่เป็นวงเวียนที่อยู่ในเมืองก็น่าจะใช่ผลงานอาจารย์มั้ง ดูอย่างเดียวถ่ายไม่ได้

จุดที่สี่คือห้องน้ำ 

พอเสร็จแล้วผมก็เดินทางต่อไปที่ไร่สิงห์เพราะมันไม่ไกลจากที่นี่ ด้วยgrab ก็เป็นแท็กซี่เขียวเหลืองมารับ แสดงว่าแท็กซี่ที่นี่
ก็ปรับตัวได้ดีพอสมควร 

เมื่อผมถึงไร่สิงห์ผมก็เลยไปซื้อบัตรฟาร์มทัวร์ ก็จะใช้รถรางยาวๆพาเที่ยวนะเมื่อยังไม่ถึงเวลาก็เลยหาอะไรดื่มเลยไปเจอร้านนี้
ไอนี่คือดีงามมากขนาดผมเองเป็นคนอ้วนที่ไม่ค่อยชอบกินของหวานมากนักนานๆกินที
แต่ผมกินไอนี่ได้สบายๆ ตอนนี้ไม่ได้ง้อแล้ว ร้านนี้มาเปิดที่ตึกสิงห์ตรงอโศกอยากผมก็ไปกินที่นั้นเอง555
รถก็เริ่มวิ่งไปตามจุด รถแบบเนี่ยนะ 

จุดแรกเนี่ยก็มีหงส์กับมีปลาให้ดู อยากให้อาหารก็มีเจ้าหน้าที่ขายแถวนั้นละ 

มันก็จะผ่านหลายๆจุดที่สีสันสดใส

ก็จะมีจุดทีให้ยืมชุดไปถ่ายเล่นบ้าง ชิมชาบ้าง 

แต่ที่ประทับใจที่สุดคือชาถังเช่าที่เขาบอกแพงนักแพงนา มาทำเป็นชาให้ได้ชืม

สรุปคือบอกไม่ถูกผ่านไปแล้วกัน 555 


อีกจุดนึงที่ผมประทับใจ(จำได้ว่ามีสิบจุด ) 
คือแถวๆนี้ มีวัวและม้าให้ดูตัวเป็นๆ 


คือเขาคุยว่าวัวเขาใหญ่ไงก็ใหญ่จริงแหละ ส่วนม้าแคระหรือเขาเรียกโพนี่เนี่ยเขาให้ขี่ได้นะเห็นมีเด็กขี่เล่นอยู่แต่คงต้องเฉพาะมีรถมาเองแหละ
หรือปั่นจักรยานมา

จุดเกือบสุดท้ายก็จะมาแถวๆร้านนี้นะ เอาง่ายๆจุดที่จัดงานบอลลูน งานดนตรีอะไรนั้นละคนเคยไปน่าจะเข้าใจ แล้วก็ข้างๆมีซิบไลน์ใหญ่ๆ 
เครื่องบินนี่ร้านไอติมนะไม่รู้ย้ายไปใหนยัง
 
 จุดสุดท้ายก็คือจอดหน้าร้านขายของที่ระลึก ตรงข้ามกับโลโก้สิงห์ตัวใหญ่ๆนั้นละ ผมจัดแยมองุ่นมากับชามาก็ดีนะถ้าถามว่าไปเชียงรายครั้งหน้า
แวะใหมบอกเลยแวะแน่นอนถ่ายสิงห์เป็นที่ระลึกหน่อยก่อนไปต่อ

จริงๆแล้วเราอยากจะแวะกินข้าวที่ร้านภูภิรมย์แต่รถฟาร์มทัวร์ไม่ได้ผ่านอะ พอเราไม่มีรถมาเองก็เลยไม่รู้ทำยังไงเหมือนกันเลยไม่ได้ทานไว้ไปลองครั้งหน้าแล้วกัน

ปัญหาเกิดขึ้นจากตอนนี้ เราไม่สามารถเรียก Grab มารับเราได้เพราะมันไม่มีรถเลย เราเลยต้องโทรเรียนแท็กซี่มารับโดนตรงซึ่งกว่าจะมาก็ค่อนข้างนานเพราะแถวๆนี้มีการซ่อมๆสร้างๆรอนานพอสมควรกว่าจะได้กลับ ผมก็เลยกลับไปแถวที่พักแล้วหาอะไรกิน แล้วก็แวะสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายซะหน่อย


จริงๆแล้วตอนกลางคืนออกมาเซเว่นก็แอบมาแวะมาอีกรอบก็ยังมีหลายท่านมาอยู่สรุปไม่เปลี่ยวมาเมื่อไรก็ได้

ต่อเม้น2
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่