🌟สามีทิ้งภรรยาไว้ข้างหลัง แล้วกระโดดขึ้นเรือกู้ชีพคนเดียว แต่ความจริงคือ...⁉️
A cruise ship met with an accident at sea.
เรือสำราญลำหนึ่งประสบอุบัติเหตุกลางทะเล
On the ship was a couple.
บนเรือมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง
After having made their way to the lifeboat, they realized that there was only space for one person left.
หลังจากกระ
กระสนไปถึงเรือกู้ชีพ พวกเขาก็ได้รู้ว่าบนเรือกู้ชีพนั้นมีพื้นที่เหลือแค่ที่เดียวเท่านั้น
At this moment, the man pushed the woman behind him and jumped onto the lifeboat himself.
ในวินาทีนั้น ชายหนุ่มผลักคนรักสาวไปข้างหลัง และกระโดดขึ้นเรือกู้ชีพเสียเอง‼️
The lady who was standing on the sinking ship shouted one sentence to her husband.
หญิงสาวผู้ยืนบนเรือที่กำลังอัปปาง ตะโกนประโยคๆ หนึ่งหาสามีเธอ...
The teacher stopped and asked, “What do you think she shouted?”
เล่าถึงตรงนี้ คุณครูหยุด และถามนักเรียนว่า “เด็กๆ คิดว่าเธอจะตะโกนว่าอะไร?”
Most of the students excitedly answered, “I hate you! I was blind!”
นักเรียนส่วนใหญ่ตอบอย่างตื่นเต้นมั่นใจ “ฉันเกลียดคุณ! ชั้นมันตาบอด (ที่รักคุณ) !”
The teacher noticed a boy who was silent throughout.
ทว่าคุณครูสังเกตเด็กชายคนหนึ่งที่นั่งเงียบตลอด
She got him to answer.
เธอเรียกให้เด็กชายตอบ
He replied, “Teacher, I believe she would have shouted – Take care of our child!”
เด็กชายตอบว่า “ครูครับ ผมคิดว่าเธอตะโกนว่า - ดูแลลูกของพวกเราด้วยนะ!”
The teacher was surprised, asking “Have you heard this story before?”
คุณครูรู้สึกประหลาดใจ จึงถามขึ้นว่า “หนูเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่า”
The boy shook his head, “Nope, but that was what my mom told my dad before she died”.
เด็กชายส่ายหัว “ไม่เคยครับ แต่นี่คือสิ่งที่แม่บอกพ่อก่อนที่แม่จะเสีย...”
The teacher answered, “The answer is right”.
คุณครูตอบว่า “เธอตอบถูกต้อง”
The cruise ship sunk.
เรือสำราญลำนั้นก็อัปปางลงในที่สุด...
The man went home and brought up their daughter single-handedly.
ชายหนุ่มกลับบ้าน และเลี้ยงลูกสาวโดนลำพังจนโต
Many years later, the man died.
หลายปีผ่านไป ชายหนุ่มเสียชีวิตลง
While tidying his belongings, their daughter found his diary.
ลูกสาวจัดข้าวของของพ่อ พบไดอารี่ของพ่อ
It turns out that before the parents went onto the cruise ship, the mother was diagnosed with a terminal illness.
ความจริงแล้ว แม่เธอได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ก่อนที่พ่อแม่จะไปเที่ยวเรือสำราญ
At the critical moment, the father rushed to the only chance of survival.
ในช่วงเวลาสำคัญนั้น พ่อจึงฉวยโอกาสรอดเดียวที่มี...
He wrote in his diary... “I wished to sink to the bottom of the ocean with you, but for the sake of our daughter, I can only let you lie forever below the sea alone”.
เขาเขียนในไดอารี่ว่า... “ผมต้องการจมลงไปใต้มหาสมุทรนั่นพร้อมกับคุณ แต่เพราะเห็นแก่ลูกสาวของพวกเรา ผมจึงต้องปล่อยให้คุณนอนอยู่ใต้ทะเลคนเดียวไปตลอดกาล”
The story is finished. The class was silent.
เรื่องราวจบลง ทั้งห้องเงียบกริบ
The students understood the moral of the story.
เด็กๆ ต่างเข้าใจสิ่งที่เรื่องนี้ต้องการสอน
I hope that you do too. 😊
ฉันหวังว่าคุณก็เข้าใจ (สิ่งที่เรื่องนี้ต้องการสอน) เช่นกัน
👉🏻 เรื่องนี้ต้องการบอกทุกคนว่า... อย่าตัดสินการกระทำของคนอื่นแบบผิวเผิน
เพราะหลายครั้งเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการกระทำเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ซับซ้อนมากๆ
คนที่ชอบแย่งจ่ายบิลก่อนอาจไม่ใช่เพราะมีเงินมากที่สุดในโต๊ะ แต่เพราะเค้าให้ความสำคัญของมิตรภาพมากกว่าเงินทอง
คนที่ยินดีทำมากกว่าคนอื่นไม่ใช่เพราะเขาโง่
แต่เพราะเขารู้หน้าที่
คนที่ขอโทษก่อนอาจไม่ใชาเพราะเขาผิด
แต่เขารู้จักทนุถนอมความรู้สึกของคนข้างกาย
คนที่คอยส่งข้างความหาคุณ อาจไม่ใช่เพราะเขาว่างงาน
แต่เขากำลังคิดถึงคุณแบบสุดๆ ต่างหาก
ถ้าใครชอบเรื่องนี้ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ นะคะ ^^
//เรื่องนี้ซึ้งมากๆ จริงๆ ค่ะ ติมฟังครั้งแรกแบบ... น้ำตาจะไหล 😢😢😢
ที่มา:
https://twitter.com/hvgoenka/status/1158646518494068736?s=21
🌟สามีทิ้งภรรยาไว้ข้างหลัง แล้วกระโดดขึ้นเรือกู้ชีพคนเดียว แต่ความจริงคือ...⁉️
A cruise ship met with an accident at sea.
เรือสำราญลำหนึ่งประสบอุบัติเหตุกลางทะเล
On the ship was a couple.
บนเรือมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง
After having made their way to the lifeboat, they realized that there was only space for one person left.
หลังจากกระกระสนไปถึงเรือกู้ชีพ พวกเขาก็ได้รู้ว่าบนเรือกู้ชีพนั้นมีพื้นที่เหลือแค่ที่เดียวเท่านั้น
At this moment, the man pushed the woman behind him and jumped onto the lifeboat himself.
ในวินาทีนั้น ชายหนุ่มผลักคนรักสาวไปข้างหลัง และกระโดดขึ้นเรือกู้ชีพเสียเอง‼️
The lady who was standing on the sinking ship shouted one sentence to her husband.
หญิงสาวผู้ยืนบนเรือที่กำลังอัปปาง ตะโกนประโยคๆ หนึ่งหาสามีเธอ...
The teacher stopped and asked, “What do you think she shouted?”
เล่าถึงตรงนี้ คุณครูหยุด และถามนักเรียนว่า “เด็กๆ คิดว่าเธอจะตะโกนว่าอะไร?”
Most of the students excitedly answered, “I hate you! I was blind!”
นักเรียนส่วนใหญ่ตอบอย่างตื่นเต้นมั่นใจ “ฉันเกลียดคุณ! ชั้นมันตาบอด (ที่รักคุณ) !”
The teacher noticed a boy who was silent throughout.
ทว่าคุณครูสังเกตเด็กชายคนหนึ่งที่นั่งเงียบตลอด
She got him to answer.
เธอเรียกให้เด็กชายตอบ
He replied, “Teacher, I believe she would have shouted – Take care of our child!”
เด็กชายตอบว่า “ครูครับ ผมคิดว่าเธอตะโกนว่า - ดูแลลูกของพวกเราด้วยนะ!”
The teacher was surprised, asking “Have you heard this story before?”
คุณครูรู้สึกประหลาดใจ จึงถามขึ้นว่า “หนูเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่า”
The boy shook his head, “Nope, but that was what my mom told my dad before she died”.
เด็กชายส่ายหัว “ไม่เคยครับ แต่นี่คือสิ่งที่แม่บอกพ่อก่อนที่แม่จะเสีย...”
The teacher answered, “The answer is right”.
คุณครูตอบว่า “เธอตอบถูกต้อง”
The cruise ship sunk.
เรือสำราญลำนั้นก็อัปปางลงในที่สุด...
The man went home and brought up their daughter single-handedly.
ชายหนุ่มกลับบ้าน และเลี้ยงลูกสาวโดนลำพังจนโต
Many years later, the man died.
หลายปีผ่านไป ชายหนุ่มเสียชีวิตลง
While tidying his belongings, their daughter found his diary.
ลูกสาวจัดข้าวของของพ่อ พบไดอารี่ของพ่อ
It turns out that before the parents went onto the cruise ship, the mother was diagnosed with a terminal illness.
ความจริงแล้ว แม่เธอได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ก่อนที่พ่อแม่จะไปเที่ยวเรือสำราญ
At the critical moment, the father rushed to the only chance of survival.
ในช่วงเวลาสำคัญนั้น พ่อจึงฉวยโอกาสรอดเดียวที่มี...
He wrote in his diary... “I wished to sink to the bottom of the ocean with you, but for the sake of our daughter, I can only let you lie forever below the sea alone”.
เขาเขียนในไดอารี่ว่า... “ผมต้องการจมลงไปใต้มหาสมุทรนั่นพร้อมกับคุณ แต่เพราะเห็นแก่ลูกสาวของพวกเรา ผมจึงต้องปล่อยให้คุณนอนอยู่ใต้ทะเลคนเดียวไปตลอดกาล”
The story is finished. The class was silent.
เรื่องราวจบลง ทั้งห้องเงียบกริบ
The students understood the moral of the story.
เด็กๆ ต่างเข้าใจสิ่งที่เรื่องนี้ต้องการสอน
I hope that you do too. 😊
ฉันหวังว่าคุณก็เข้าใจ (สิ่งที่เรื่องนี้ต้องการสอน) เช่นกัน
👉🏻 เรื่องนี้ต้องการบอกทุกคนว่า... อย่าตัดสินการกระทำของคนอื่นแบบผิวเผิน
เพราะหลายครั้งเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการกระทำเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ซับซ้อนมากๆ
คนที่ชอบแย่งจ่ายบิลก่อนอาจไม่ใช่เพราะมีเงินมากที่สุดในโต๊ะ แต่เพราะเค้าให้ความสำคัญของมิตรภาพมากกว่าเงินทอง
คนที่ยินดีทำมากกว่าคนอื่นไม่ใช่เพราะเขาโง่
แต่เพราะเขารู้หน้าที่
คนที่ขอโทษก่อนอาจไม่ใชาเพราะเขาผิด
แต่เขารู้จักทนุถนอมความรู้สึกของคนข้างกาย
คนที่คอยส่งข้างความหาคุณ อาจไม่ใช่เพราะเขาว่างงาน
แต่เขากำลังคิดถึงคุณแบบสุดๆ ต่างหาก
ถ้าใครชอบเรื่องนี้ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ นะคะ ^^
//เรื่องนี้ซึ้งมากๆ จริงๆ ค่ะ ติมฟังครั้งแรกแบบ... น้ำตาจะไหล 😢😢😢
ที่มา: https://twitter.com/hvgoenka/status/1158646518494068736?s=21