เข้าเรื่องเลยนะคะ เรามีแฟนเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ตอนนี้เค้าเปลี่ยนที่ทำงานมารอบหนึ่งแล้วค่ะ
เราสังเกตว่า ทุกครั้งที่เค้าทำอะไรผิดพลาด เค้าจะวิตกกังวลและอาการก็เหมือนจะกำเริบค่ะ
เค้าน่าจะรักษาโรคนี้มาได้ปีกว่าแล้ว แต่ปัญหาคือเวลาที่เค้ารู้สึกดาวน์ๆ เค้าจะไม่ไปทำงาน ปิดเน็ต ปิดโทรศัพท์
อยู่ดีดีก็หาย ทักแชทไปไม่อ่าน จนเราเป็นห่วงมาก ตอนที่เค้าทำงานที่แรกเค้าดูมีความสุขกับงานดีค่ะ
เค้าทำงานเป็นครู และก็ดูเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ เค้าเป็นคนทุ่มเทกับงาน หลังเลิกเรียนก็ไปช่วยครูคนอื่นซ้อมกีฬาให้เด็ก
ซึ่งบางวันคือกลับบ้านเย็นมาก โรงเรียนก็อยู่บนเขาไกลบ้านมาก แต่เค้าก็ยังมีความพยายามขี่รถเครื่องไปกลับทุกวัน (มาถึงตรงนี้มีใครไม่รู้จักรถเครื่องมั้ยคะ555555) เค้าทำงานได้ไม่กี่เดือนเค้าเริ่มมีปัญหา วันนั้นเค้าตื่นสายและไปโรงเรียนไม่ทัน จริงๆวันนั้นเค้าไปเกือบถึงโรงเรียนแล้วแต่อยู่ดีดี
เค้าก็กลัว เหมือนเค้ากลัวว่าคนจะมองเค้า คิดกับเค้าไม่ดี เค้าเลยเลือกที่จะขี่รถกลับบ้านเลย แล้วก็ติดต่อไม่ได้อีก
เวลาที่เค้าเป็นแบบนี้อ่ะ เราต้องรอให้เค้าหายดีและเริ่มโอเคเราถึงจะติดต่อเค้าได้อีกครั้ง ซึ่งมันไม่โอเคเลยค่ะ มันข้ามวันไปเลยอ่ะค่ะ
และหลังจากนั้นเค้าก็มีปัญหาอีก ((ขอไม่พูดรายละเอียดนะคะ กลัวเค้ามาเห็นแล้วรู้ว่าเป็นเรื่องของเค้า))
คือมันเป็นปัญหาที่เวลาเราทำงานต้องเจอ แต่เราสังเกตว่าเค้ามักจะรับมือกับความผิดพลาดไม่ค่อยได้
มันมีผลต่อเค้ามาก เค้าจะเฟลและดาวน์ง่ายมาก และมันทำให้เค้าต้องเปลี่ยนโรงเรียน
ตอนนี้เค้ามีปัญหาอีกครั้ง เราติดต่อเค้าไม่ได้เหมือนเดิมค่ะ เลยโทรเบอร์บ้าน เค้าก็บอกเราว่ามีปัญหานิดหน่อยค่ะเลยไม่ได้ไปทำงาน
และก็ไปหาหมอน่าจะไปรับยาเพิ่ม ซึ่งเราถามถึงปัญหาของเค้า เค้ากลับบอกเราว่า ไม่มีอะไร เค้าไม่อยากเล่า เราถามว่าเราสามารถโทรไปหาได้มั้ย
เค้ากลับถามเราว่ามีอะไร เรื่องของเค้าไม่ได้เป็นอะไร พอมาถึงตรงนี้เรารู้สึกแย่มากเลยค่ะ เราเลยบอกว่างั้นก็ไม่โทรแล้ว
เราคิดว่าเวลาที่แฟนมีปัญหาเราอยากรับฟังและอยากช่วยอะไรเค้าได้บ้าง แต่เค้าเหมือนตัดเราออกจากโลกของเค้า
เราเคยพูดกับเค้าว่า "เธอไม่ควรอยู่คนเดียวนะ เพราะทุกครั้งที่เธอมีปัญหาแล้วมันไม่มีใครช่วยกระตุ้นเธอให้ลองสู้กับมันสักครั้ง รึเอาชนะใจตัวเอง ลองขี่รถไปอีกหน่อยก็จะถึงโรงเรียนแล้ว แต่เพราะเธออยู่คนเดียวมันเลยทำให้เธอเลือกที่จะกลับบ้านไป เราคิดว่าจังหวะเธอไม่ดีเลย ถ้าเธอมีปัญหาแล้วแม่เธอรึคนอื่นอยู่ด้วยตอนนั้น น่าจะช่วยเธอได้" ตอนนั้นเราไม่รู้ว่ามันเป็นคำพูดที่แรงมาก เค้าเริ่มดาวน์ลงจนเรารู้สึกได้ เค้าถามเราว่า "เธอลืมไปแล้วหรอว่าเค้าป่วยอยู่ เธอพูดแบบนี้เหมือนว่าเค้าหนีปัญหา" มันทำให้เราหมดคำพูดจริงๆ เราร้องไห้ เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราคิดว่าเรากำลังจะช่วยเค้ามันเป็นการทำร้ายเค้า
เราไม่รู้ว่ามันต้องรับมือยังไงกับโรคนี้ เราอยากให้เค้ากลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ เราอยากช่วยเค้าจริงๆ
แต่เราคิดว่าถ้าเราต้องคอยพูดให้กำลังใจหรือพูดแค่ในสิ่งที่เค้าอยากฟัง มันจะเหมือนการโอ๋ไปรึป่าว คือเราเข้าใจว่าโรคนี้อ่ะคนไข้ต้องพึ่งพาตัวเองอย่างมาก
เราคิดว่าคนที่เป็นโรคนี้แล้วอยากจะหาย เค้าต้องมีความคิดที่จะสู้กับมันอ่ะ มันต้องพยายามไปต่อให้ได้อ่ะ แต่เราเข้าใจเลยว่ามันยากมาก
ไม่ว่าเราจะพูดอะไรมันทำให้เค้าดาวน์ลงไปหมด เราเคยบอกเค้าว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเธอจะทำงานได้มั้ย สมมติว่าต้องมาทำงานสายอาชีพเดียวกับเรา
ซึ่งมันมีทั้งระเบียบและความเครียดมากกว่าอาชีพครูอีก เธอจะรับมันได้มั้ย พอถึงตรงนี้เค้าบอกเราว่า " ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ทุกอาชีพแหละ เค้าคงทำอะไรไม่ได้แล้วแหละ เค้าถึงไม่อยากอยู่ " เราท้อมากเลยค่ะ เราอยากอยู่กับเค้าไปนานๆ เราเคยบอกเค้าตั้งแต่แรกแล้วว่า มันไม่ใช่ภาระ แต่มันเป็นปัญหาที่เราต้องแก้ด้วยกัน แต่ตอนนี้เค้าคงมองว่าตัวเองเป็นภาระ และเค้าก็ไม่เปิดใจพูดปัญหากับใครเลยค่ะ แม้กระทั่งเรา ใครมีวิธีรับมือช่วยแนะนำหน่อยค่ะ
เอาจริงๆตอนนี้เราก็มีปัญหาตัวเองเหมือนกัน เราก็อยากให้เค้าอยู่ข้างๆเราบ้างแต่มันดันเป็นช่วงที่เค้าก็ดาวน์ๆกับตัวเอง เลยกลายเป็นว่า
เรื่องของเราเองเราก็เครียด เรื่องของเค้าเราก็เครียด ไม่รู้จะทำยังไงเลยค่ะ
ปล.คิดว่ากระทู้นี้คงไม่ดัง แต่ก็กลัวว่าเค้าจะมาเห็นแล้วรู้ว่าเป็นเรื่องของเค้า ยังไงก็ไม่อยากให้มีคอมเมนต์ที่ดูเหมือนต่อว่าเค้าเท่าไร(คงไม่มีแหละ ดักไว้ก่อน55) เราไม่รู้ลิมิตว่ามันกระทบกระเทือนกับผู้ป่วยโรคนี้แค่ไหน ขอบคุณค่ะ TT
แฟนเป็นโรคซึมเศร้า ไม่รู้ว่าจะต้องพูดรึทำยังไงเวลาที่เค้ามีปัญหา
เราสังเกตว่า ทุกครั้งที่เค้าทำอะไรผิดพลาด เค้าจะวิตกกังวลและอาการก็เหมือนจะกำเริบค่ะ
เค้าน่าจะรักษาโรคนี้มาได้ปีกว่าแล้ว แต่ปัญหาคือเวลาที่เค้ารู้สึกดาวน์ๆ เค้าจะไม่ไปทำงาน ปิดเน็ต ปิดโทรศัพท์
อยู่ดีดีก็หาย ทักแชทไปไม่อ่าน จนเราเป็นห่วงมาก ตอนที่เค้าทำงานที่แรกเค้าดูมีความสุขกับงานดีค่ะ
เค้าทำงานเป็นครู และก็ดูเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ เค้าเป็นคนทุ่มเทกับงาน หลังเลิกเรียนก็ไปช่วยครูคนอื่นซ้อมกีฬาให้เด็ก
ซึ่งบางวันคือกลับบ้านเย็นมาก โรงเรียนก็อยู่บนเขาไกลบ้านมาก แต่เค้าก็ยังมีความพยายามขี่รถเครื่องไปกลับทุกวัน (มาถึงตรงนี้มีใครไม่รู้จักรถเครื่องมั้ยคะ555555) เค้าทำงานได้ไม่กี่เดือนเค้าเริ่มมีปัญหา วันนั้นเค้าตื่นสายและไปโรงเรียนไม่ทัน จริงๆวันนั้นเค้าไปเกือบถึงโรงเรียนแล้วแต่อยู่ดีดี
เค้าก็กลัว เหมือนเค้ากลัวว่าคนจะมองเค้า คิดกับเค้าไม่ดี เค้าเลยเลือกที่จะขี่รถกลับบ้านเลย แล้วก็ติดต่อไม่ได้อีก
เวลาที่เค้าเป็นแบบนี้อ่ะ เราต้องรอให้เค้าหายดีและเริ่มโอเคเราถึงจะติดต่อเค้าได้อีกครั้ง ซึ่งมันไม่โอเคเลยค่ะ มันข้ามวันไปเลยอ่ะค่ะ
และหลังจากนั้นเค้าก็มีปัญหาอีก ((ขอไม่พูดรายละเอียดนะคะ กลัวเค้ามาเห็นแล้วรู้ว่าเป็นเรื่องของเค้า))
คือมันเป็นปัญหาที่เวลาเราทำงานต้องเจอ แต่เราสังเกตว่าเค้ามักจะรับมือกับความผิดพลาดไม่ค่อยได้
มันมีผลต่อเค้ามาก เค้าจะเฟลและดาวน์ง่ายมาก และมันทำให้เค้าต้องเปลี่ยนโรงเรียน
ตอนนี้เค้ามีปัญหาอีกครั้ง เราติดต่อเค้าไม่ได้เหมือนเดิมค่ะ เลยโทรเบอร์บ้าน เค้าก็บอกเราว่ามีปัญหานิดหน่อยค่ะเลยไม่ได้ไปทำงาน
และก็ไปหาหมอน่าจะไปรับยาเพิ่ม ซึ่งเราถามถึงปัญหาของเค้า เค้ากลับบอกเราว่า ไม่มีอะไร เค้าไม่อยากเล่า เราถามว่าเราสามารถโทรไปหาได้มั้ย
เค้ากลับถามเราว่ามีอะไร เรื่องของเค้าไม่ได้เป็นอะไร พอมาถึงตรงนี้เรารู้สึกแย่มากเลยค่ะ เราเลยบอกว่างั้นก็ไม่โทรแล้ว
เราคิดว่าเวลาที่แฟนมีปัญหาเราอยากรับฟังและอยากช่วยอะไรเค้าได้บ้าง แต่เค้าเหมือนตัดเราออกจากโลกของเค้า
เราเคยพูดกับเค้าว่า "เธอไม่ควรอยู่คนเดียวนะ เพราะทุกครั้งที่เธอมีปัญหาแล้วมันไม่มีใครช่วยกระตุ้นเธอให้ลองสู้กับมันสักครั้ง รึเอาชนะใจตัวเอง ลองขี่รถไปอีกหน่อยก็จะถึงโรงเรียนแล้ว แต่เพราะเธออยู่คนเดียวมันเลยทำให้เธอเลือกที่จะกลับบ้านไป เราคิดว่าจังหวะเธอไม่ดีเลย ถ้าเธอมีปัญหาแล้วแม่เธอรึคนอื่นอยู่ด้วยตอนนั้น น่าจะช่วยเธอได้" ตอนนั้นเราไม่รู้ว่ามันเป็นคำพูดที่แรงมาก เค้าเริ่มดาวน์ลงจนเรารู้สึกได้ เค้าถามเราว่า "เธอลืมไปแล้วหรอว่าเค้าป่วยอยู่ เธอพูดแบบนี้เหมือนว่าเค้าหนีปัญหา" มันทำให้เราหมดคำพูดจริงๆ เราร้องไห้ เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราคิดว่าเรากำลังจะช่วยเค้ามันเป็นการทำร้ายเค้า
เราไม่รู้ว่ามันต้องรับมือยังไงกับโรคนี้ เราอยากให้เค้ากลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ เราอยากช่วยเค้าจริงๆ
แต่เราคิดว่าถ้าเราต้องคอยพูดให้กำลังใจหรือพูดแค่ในสิ่งที่เค้าอยากฟัง มันจะเหมือนการโอ๋ไปรึป่าว คือเราเข้าใจว่าโรคนี้อ่ะคนไข้ต้องพึ่งพาตัวเองอย่างมาก
เราคิดว่าคนที่เป็นโรคนี้แล้วอยากจะหาย เค้าต้องมีความคิดที่จะสู้กับมันอ่ะ มันต้องพยายามไปต่อให้ได้อ่ะ แต่เราเข้าใจเลยว่ามันยากมาก
ไม่ว่าเราจะพูดอะไรมันทำให้เค้าดาวน์ลงไปหมด เราเคยบอกเค้าว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเธอจะทำงานได้มั้ย สมมติว่าต้องมาทำงานสายอาชีพเดียวกับเรา
ซึ่งมันมีทั้งระเบียบและความเครียดมากกว่าอาชีพครูอีก เธอจะรับมันได้มั้ย พอถึงตรงนี้เค้าบอกเราว่า " ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ทุกอาชีพแหละ เค้าคงทำอะไรไม่ได้แล้วแหละ เค้าถึงไม่อยากอยู่ " เราท้อมากเลยค่ะ เราอยากอยู่กับเค้าไปนานๆ เราเคยบอกเค้าตั้งแต่แรกแล้วว่า มันไม่ใช่ภาระ แต่มันเป็นปัญหาที่เราต้องแก้ด้วยกัน แต่ตอนนี้เค้าคงมองว่าตัวเองเป็นภาระ และเค้าก็ไม่เปิดใจพูดปัญหากับใครเลยค่ะ แม้กระทั่งเรา ใครมีวิธีรับมือช่วยแนะนำหน่อยค่ะ
เอาจริงๆตอนนี้เราก็มีปัญหาตัวเองเหมือนกัน เราก็อยากให้เค้าอยู่ข้างๆเราบ้างแต่มันดันเป็นช่วงที่เค้าก็ดาวน์ๆกับตัวเอง เลยกลายเป็นว่า
เรื่องของเราเองเราก็เครียด เรื่องของเค้าเราก็เครียด ไม่รู้จะทำยังไงเลยค่ะ
ปล.คิดว่ากระทู้นี้คงไม่ดัง แต่ก็กลัวว่าเค้าจะมาเห็นแล้วรู้ว่าเป็นเรื่องของเค้า ยังไงก็ไม่อยากให้มีคอมเมนต์ที่ดูเหมือนต่อว่าเค้าเท่าไร(คงไม่มีแหละ ดักไว้ก่อน55) เราไม่รู้ลิมิตว่ามันกระทบกระเทือนกับผู้ป่วยโรคนี้แค่ไหน ขอบคุณค่ะ TT