เราเพิ่งมาโสดในวัยสามสิบปลาย เนื่องจากเพิ่งโดนคนรักที่คบกันมาเกือบ 4 ปีบอกเลิก
เหตุผลของเค้ามีมากมาย แต่เหตุผลที่แท้จริงที่เราสืบจนรู้มาคือ...เค้ามีคนอื่น
ตั้งแต่วันแรกที่โดนบอกเลิกจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 6 เดือนแล้วเราค้นหาวิธีเยียวยาตัวเองมากมาย
เพื่อนและครอบครัวเป็นกำลังใจที่ดีมากๆ จริงๆ และกำลังใจที่ดีอีกอย่างคือที่นี่..หลากหลายเรื่องราวและประสบการณ์ของเพื่อนๆ pantip
มันทำให้เราได้รู้ว่ายังมีคนอีกมากมายที่ทุกข์ใจกับความรักเหมือนเรา และยิ่งกว่าเรา
ก็เลยอยากใช้พื้นที่ตรงนี้แบ่งปัน และบอกเล่าประสบการณ์ทำใจบ้าง
ตอนแรกเลยเรากินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้ทุกวัน วันละหลายรอบ
หลับก็ร้อง ตื่นมาก็ร้อง ในฝันยังร้องไห้..คิดถึงแต่วันเวลาเก่าๆ
เวลาคิดถึงคนรักก็มีความรู้สึกหลายอย่างปะปนทั้งรัก ทั้งอาลัย ท้ังโกรธ
เราฟังจากหลาย ๆ คนและอ่านเรื่องราวจาก pantip ก็เลือกวิธีที่เหมาะกับเรามาใช้บ้าง
1. อันดับแรกคือพยายามทำให้หลับให้ได้ก่อนด้วยการ ฟังธรรมมะ/ สวดมนต์
เป็นวิธีการคลาสสิคมากๆ ที่บางคนอาจจะไม่ชอบเลย อยากฟังเพลงอกหักมากกว่า
ให้ลองเปิดฟังธรรมมะก่อนนอน เป้าหมายคือฟังให้ง่วงนอน...หลังจากนั้นหัวเราจะจดจำคำสอนดีๆได้เอง
เราเลือกฟังธรรมมะที่เกี่ยวกับความรักโดยตรง การฟังธรรมะทำให้เรามองทุกอย่างเป็นเหตุผล ไม่ไหลไปตามอารมณ์ของใจโดยง่าย
อาการของคนอกหักมักฟุ้งซ่าน การสวดมนต์ช่วยข่มอารมณ์เหล่านั้นได้
ยิ่งสวดบทยาวๆ สวดเสียงดัง ออกเสียงอักขระให้ชัดถ้อยชัดคำยิ่งทำให้ฟุ้งน้อยลง
สวดมนต์นานๆแล้วง่วงนอนอันนี้ก็เป็นผลพลอยได้ทำให้เราสามารถหลับได้
2. ทำบุญ ทำทาน ทำงานเพื่อสังคม ทำตัวให้มีคุณค่า
เราทำบุญเยอะขึ้นมากคิดว่าจะต้องไปวัดให้ได้เดือนละสองครั้ง ทำบุญบ่อยๆเป็นการมอบความรักความเมตตา
ทำให้เราชดเชยปมด้อยที่เราเคยคิดว่าไร้ค่า เพราะโดนทิ้ง นอกจากสิ่งของ และเงินแต่ละบาทของเราแล้ว
คำพูดดีๆ การช่วยเหลือผู้อื่นด้วยแรงกายแรงใจ ยังมีค่าสำหรับคนอื่นมากมาย
นอกจากนี้เราไปงานบุญบ่อยมากๆ ทุกวันพระ วันสำคัญทางศาสนาเราไปวัดแทบทุกครั้ง และรวมไปถึงงานบวช
เราพบว่าการได้ร่วมกล่าว...อนุโมธนาสาธุเสียงดังๆ ...ในขบวนแห่นาคตอนเดินรอบพระอุโบสถทำให้ใจอิ่มเอมเป็นสุขมากๆ
3. ดูละคร
เป็นแนวทาทางโลกที่ดูขัดแย้งกับหัวข้อทางธรรมข้างบน แต่มันก็ช่วยให้เพลิดเพลินลืมเวลา
ช่วงแรกที่อกหักเป็นช่วงที่มีละครกรงกรรม..เราอินมากที่นางเอกบอกน้องสาวตอนที่อาไช้ทิ้งไปประมาณว่า
เค้าคงเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง...เค้าไปมีความสุข เราก็ควรดีใจกับเค้า..
มันฟังดูนางเอกมาก แต่ก็เป็นความจริง..มันเป็นสิ่งเดียวที่เราทำให้เค้าได้เป็นครั้งสุดท้าย
อย่างช่วงที่ผ่านมาที่ใครๆก็ติดกลิ่นกาสะลอง แต่เรากลับติดละคร “ลับลวงใจ”
นางเอกคล้ายกับเราที่มีความรักเป็นครั้งแรกและเชื่อว่าเป็นรักจริง แต่สุดท้ายกลับโดนทิ้ง
แต่ต่อมาก็ได้เจอกับพระเอกที่เข้ามาทำให้รู้ว่า ‘รักแท้มีจริง’ เจอคนที่ดีกว่า มีชีวิตที่ดีกว่า
ทำให้เรามีกำลังใจว่าสักวันคงมีคนที่ใช่..เราจะเจอ... ‘คนที่ไว้วางใจได้ในทุกสิ่ง’... เข้ามาในชีวิตถึงแม้จะวัยสามสิบปลายแล้วก็ตาม
คำว่าดูละครแล้วย้อนดูตัว มันเป็นอย่างนี้เอง
4. ทำอะไรที่อยากทำและทำตัวให้พร้อมกับโอกาสในชีวิต
เราชอบเที่ยวก็จะทำงานพิเศษเพื่อเก็บเงินไปเที่ยว เป็นการสร้างเป้าหมายเล็กๆ ที่ทำให้มีแรงใช้ชีวิตในแต่ละวัน
เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือก็เป็นโอกาสดีที่จะได้เอาหนังสือที่ดองไว้มาอ่าน
ตั้งใจว่าจะไปเรียนขับรถ เพราะที่ผ่านมาคุณอดีตแฟนคอยรับส่งตลอด แล้วก็ไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเผื่อจะหางานใหม่
ไปช้อปปิ้งเสื้อผ้าใหม่ ทำผมใหม่ เปลี่ยนการแต่งตัว จากที่มีแฟนชวนกันไปกินแต่บุฟเฟ่ ก็ไปออกกำลังกายแทน
ถึงะเริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ๆตอนแก่...ก็ถือเป็นเรื่องราวดีๆที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเรา
5. คุยกับตัวเอง
อาจจะพูดออกมา หรือเขียนระบายก็ได้ อะไรที่อยากพูดอยากบอกกับเค้าแต่บอกไม่ได้แล้ว.. ก็บอกตัวเอง
คุยไปร้องไห้ไปก็ได้ คุยเรื่องความเศร้าความรัก ความคิดถึงที่จะทำให้ร้องไห้ก็ได้ (แต่อย่าร้องนาน)
บางที เราอยากพูดอยากบอกกับใครบ้างแต่ครอบข้างก็อาจไม่มีเวลา หรืออาจไม่เข้าใจในความเวิ่นเว้อของเรา ก็บอกเรื่องเหล่านั้นกับตัวเองนี่แหละ..
อีกอย่างที่ควรพูดกับตัวเองบ่อยๆ คือ ชื่นชมตัวเราเองบ้าง วันไหนที่ร้องไห้น้อยลง หรือไม่ร้องไห้ ก็ชมตัวเองสักครั้ง
วันไหนที่ยิ้มได้ วันไหนที่กินข้าวได้มาก ก็ให้ขอบคุณร่างกายเรา ...ขอบคุณหัวใจเราที่ยังเต้นอยู่ทุกวัน...
บอกตัวเองให้ยอมรับความจริง...บอกตัวเองว่าเราทำเต็มที่แล้ว...เราทำดีที่สุดแล้ว..
- - - - - - - - - - - -
ทั้งหมดนี้เป็นแค่บางส่วนจากหลายๆอย่างที่เราลองทำ แต่ละคนอาจมีจุดสนใจที่ไม่เหมือนกัน
แต่คุณลองทำอะไรก็ได้ทำไปเรื่อยๆจนกว่าคุณจะฟุ้งซ่านน้อยลง
ที่เล่ามาเหมือนจะสตรองแต่จริงๆแล้วเรายังอ่อนแอมาก..ยังพร้อมร้องไห้ได้ตลอดเวลาถ้ามีเรื่องของเค้ามากระทบใจ
ดังนั้นคนขี้แงอย่างเราก็ยังร้องไห้อยู่ แต่จากร้องทุกวันก็เป็นวันเว้นวัน วันเว้นสองวัน หวังว่าวันนึงจะค่อยๆหายไป
จากที่นอนแล้วผวา เพราะเคยชินที่มีมีเค้าอยู่ด้วยเสมอ ก็กลายเป็นหลับได้นานขึ้น จนหลับได้ดีตลอดคืน
เราหวังว่ามันจะดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะวันละเล็กวันละน้อย แต่อย่างน้อยมันก็ดีขึ้นละน่า
เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่กำลังอ่อนแอนะคะ..แล้วถ้ามีโอกาสเราจะกลับมาดูอีกครั้งว่า
วันเวลาจะพาเราเดินไปถึงไหน
(เขียนเสร็จแล้วไปร้องไห้ต่อ 555)
แบ่งปันวิธีรักษาใจเมื่อถูกบอกเลิก
เหตุผลของเค้ามีมากมาย แต่เหตุผลที่แท้จริงที่เราสืบจนรู้มาคือ...เค้ามีคนอื่น
ตั้งแต่วันแรกที่โดนบอกเลิกจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 6 เดือนแล้วเราค้นหาวิธีเยียวยาตัวเองมากมาย
เพื่อนและครอบครัวเป็นกำลังใจที่ดีมากๆ จริงๆ และกำลังใจที่ดีอีกอย่างคือที่นี่..หลากหลายเรื่องราวและประสบการณ์ของเพื่อนๆ pantip
มันทำให้เราได้รู้ว่ายังมีคนอีกมากมายที่ทุกข์ใจกับความรักเหมือนเรา และยิ่งกว่าเรา
ก็เลยอยากใช้พื้นที่ตรงนี้แบ่งปัน และบอกเล่าประสบการณ์ทำใจบ้าง
ตอนแรกเลยเรากินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้ทุกวัน วันละหลายรอบ
หลับก็ร้อง ตื่นมาก็ร้อง ในฝันยังร้องไห้..คิดถึงแต่วันเวลาเก่าๆ
เวลาคิดถึงคนรักก็มีความรู้สึกหลายอย่างปะปนทั้งรัก ทั้งอาลัย ท้ังโกรธ
เราฟังจากหลาย ๆ คนและอ่านเรื่องราวจาก pantip ก็เลือกวิธีที่เหมาะกับเรามาใช้บ้าง
1. อันดับแรกคือพยายามทำให้หลับให้ได้ก่อนด้วยการ ฟังธรรมมะ/ สวดมนต์
เป็นวิธีการคลาสสิคมากๆ ที่บางคนอาจจะไม่ชอบเลย อยากฟังเพลงอกหักมากกว่า
ให้ลองเปิดฟังธรรมมะก่อนนอน เป้าหมายคือฟังให้ง่วงนอน...หลังจากนั้นหัวเราจะจดจำคำสอนดีๆได้เอง
เราเลือกฟังธรรมมะที่เกี่ยวกับความรักโดยตรง การฟังธรรมะทำให้เรามองทุกอย่างเป็นเหตุผล ไม่ไหลไปตามอารมณ์ของใจโดยง่าย
อาการของคนอกหักมักฟุ้งซ่าน การสวดมนต์ช่วยข่มอารมณ์เหล่านั้นได้
ยิ่งสวดบทยาวๆ สวดเสียงดัง ออกเสียงอักขระให้ชัดถ้อยชัดคำยิ่งทำให้ฟุ้งน้อยลง
สวดมนต์นานๆแล้วง่วงนอนอันนี้ก็เป็นผลพลอยได้ทำให้เราสามารถหลับได้
2. ทำบุญ ทำทาน ทำงานเพื่อสังคม ทำตัวให้มีคุณค่า
เราทำบุญเยอะขึ้นมากคิดว่าจะต้องไปวัดให้ได้เดือนละสองครั้ง ทำบุญบ่อยๆเป็นการมอบความรักความเมตตา
ทำให้เราชดเชยปมด้อยที่เราเคยคิดว่าไร้ค่า เพราะโดนทิ้ง นอกจากสิ่งของ และเงินแต่ละบาทของเราแล้ว
คำพูดดีๆ การช่วยเหลือผู้อื่นด้วยแรงกายแรงใจ ยังมีค่าสำหรับคนอื่นมากมาย
นอกจากนี้เราไปงานบุญบ่อยมากๆ ทุกวันพระ วันสำคัญทางศาสนาเราไปวัดแทบทุกครั้ง และรวมไปถึงงานบวช
เราพบว่าการได้ร่วมกล่าว...อนุโมธนาสาธุเสียงดังๆ ...ในขบวนแห่นาคตอนเดินรอบพระอุโบสถทำให้ใจอิ่มเอมเป็นสุขมากๆ
3. ดูละคร
เป็นแนวทาทางโลกที่ดูขัดแย้งกับหัวข้อทางธรรมข้างบน แต่มันก็ช่วยให้เพลิดเพลินลืมเวลา
ช่วงแรกที่อกหักเป็นช่วงที่มีละครกรงกรรม..เราอินมากที่นางเอกบอกน้องสาวตอนที่อาไช้ทิ้งไปประมาณว่า
เค้าคงเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง...เค้าไปมีความสุข เราก็ควรดีใจกับเค้า..
มันฟังดูนางเอกมาก แต่ก็เป็นความจริง..มันเป็นสิ่งเดียวที่เราทำให้เค้าได้เป็นครั้งสุดท้าย
อย่างช่วงที่ผ่านมาที่ใครๆก็ติดกลิ่นกาสะลอง แต่เรากลับติดละคร “ลับลวงใจ”
นางเอกคล้ายกับเราที่มีความรักเป็นครั้งแรกและเชื่อว่าเป็นรักจริง แต่สุดท้ายกลับโดนทิ้ง
แต่ต่อมาก็ได้เจอกับพระเอกที่เข้ามาทำให้รู้ว่า ‘รักแท้มีจริง’ เจอคนที่ดีกว่า มีชีวิตที่ดีกว่า
ทำให้เรามีกำลังใจว่าสักวันคงมีคนที่ใช่..เราจะเจอ... ‘คนที่ไว้วางใจได้ในทุกสิ่ง’... เข้ามาในชีวิตถึงแม้จะวัยสามสิบปลายแล้วก็ตาม
คำว่าดูละครแล้วย้อนดูตัว มันเป็นอย่างนี้เอง
4. ทำอะไรที่อยากทำและทำตัวให้พร้อมกับโอกาสในชีวิต
เราชอบเที่ยวก็จะทำงานพิเศษเพื่อเก็บเงินไปเที่ยว เป็นการสร้างเป้าหมายเล็กๆ ที่ทำให้มีแรงใช้ชีวิตในแต่ละวัน
เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือก็เป็นโอกาสดีที่จะได้เอาหนังสือที่ดองไว้มาอ่าน
ตั้งใจว่าจะไปเรียนขับรถ เพราะที่ผ่านมาคุณอดีตแฟนคอยรับส่งตลอด แล้วก็ไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเผื่อจะหางานใหม่
ไปช้อปปิ้งเสื้อผ้าใหม่ ทำผมใหม่ เปลี่ยนการแต่งตัว จากที่มีแฟนชวนกันไปกินแต่บุฟเฟ่ ก็ไปออกกำลังกายแทน
ถึงะเริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ๆตอนแก่...ก็ถือเป็นเรื่องราวดีๆที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเรา
5. คุยกับตัวเอง
อาจจะพูดออกมา หรือเขียนระบายก็ได้ อะไรที่อยากพูดอยากบอกกับเค้าแต่บอกไม่ได้แล้ว.. ก็บอกตัวเอง
คุยไปร้องไห้ไปก็ได้ คุยเรื่องความเศร้าความรัก ความคิดถึงที่จะทำให้ร้องไห้ก็ได้ (แต่อย่าร้องนาน)
บางที เราอยากพูดอยากบอกกับใครบ้างแต่ครอบข้างก็อาจไม่มีเวลา หรืออาจไม่เข้าใจในความเวิ่นเว้อของเรา ก็บอกเรื่องเหล่านั้นกับตัวเองนี่แหละ..
อีกอย่างที่ควรพูดกับตัวเองบ่อยๆ คือ ชื่นชมตัวเราเองบ้าง วันไหนที่ร้องไห้น้อยลง หรือไม่ร้องไห้ ก็ชมตัวเองสักครั้ง
วันไหนที่ยิ้มได้ วันไหนที่กินข้าวได้มาก ก็ให้ขอบคุณร่างกายเรา ...ขอบคุณหัวใจเราที่ยังเต้นอยู่ทุกวัน...
บอกตัวเองให้ยอมรับความจริง...บอกตัวเองว่าเราทำเต็มที่แล้ว...เราทำดีที่สุดแล้ว..
- - - - - - - - - - - -
ทั้งหมดนี้เป็นแค่บางส่วนจากหลายๆอย่างที่เราลองทำ แต่ละคนอาจมีจุดสนใจที่ไม่เหมือนกัน
แต่คุณลองทำอะไรก็ได้ทำไปเรื่อยๆจนกว่าคุณจะฟุ้งซ่านน้อยลง
ที่เล่ามาเหมือนจะสตรองแต่จริงๆแล้วเรายังอ่อนแอมาก..ยังพร้อมร้องไห้ได้ตลอดเวลาถ้ามีเรื่องของเค้ามากระทบใจ
ดังนั้นคนขี้แงอย่างเราก็ยังร้องไห้อยู่ แต่จากร้องทุกวันก็เป็นวันเว้นวัน วันเว้นสองวัน หวังว่าวันนึงจะค่อยๆหายไป
จากที่นอนแล้วผวา เพราะเคยชินที่มีมีเค้าอยู่ด้วยเสมอ ก็กลายเป็นหลับได้นานขึ้น จนหลับได้ดีตลอดคืน
เราหวังว่ามันจะดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะวันละเล็กวันละน้อย แต่อย่างน้อยมันก็ดีขึ้นละน่า
เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่กำลังอ่อนแอนะคะ..แล้วถ้ามีโอกาสเราจะกลับมาดูอีกครั้งว่า
วันเวลาจะพาเราเดินไปถึงไหน
(เขียนเสร็จแล้วไปร้องไห้ต่อ 555)