เรื่องสั้น....รักสามเศร้า.....11





ถุงน้ำเกลือกับถุงเลือดถูกแขวนไว้ข้างๆเตียง ตอนนี้ถุงกำลังบีบตัวเข้าหากันเพราะเลือดกับน้ำเกลือที่หยดลงตลอดเวลากำลังจะหมด รอเวลาหมอเอาถุงใหม่มาเปลี่ยนถัดไปเป็นจอแสดงการเต้นของหัวใจ เป็นเส้นวิ่งขึ้นลงสลับฟันปลา

บูมนอนหลับใหลอยู่บนเตียง ในห้องรวมไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตื่นขึ้นมาเลย หมอที่ผ่าตัดบอกว่าอาการทรงตัว ร่างกายยังไม่ตอบสนองต่อการรักษา แต่ถือว่าปลอดภัยแล้ว พรุ่งนี้คงได้ย้ายไปอยู่ห้องพิเศษ เพราะห้องว่างพรุ่งนี้ ถึงยังไงยังต้องอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิด

เจี๊ยบนั่งเก้าอี้ที่ทางโรงพยาบาลจัดให้ข้างๆลูกชาย ไม่ยอมห่างไปไหน นั่งเอามือจับมือลูกชายมาแนบกับแก้มตัวเอง เธออดที่จะมองจอชีพจรการเต้นของหัวใจบูมไม่ได้เลย เขาคิดไปถึงถ้าอยู่ๆมันเกิดเป็นเส้นตรงขึ้นมาเธอจะทำอย่างไร ชีวิตนี้เธอจะอยู่ได้อย่างไร หากแก้วตาดวงใจของเธอแค่คนเดียวต้องมาจากไปไม่มีวันกลับมาเมื่อคิดแบบนั้นก็น้ำตาไหลไม่รู้ตัว ท่ามกลางเสียงดังเพราะการสนทนาของญาติๆที่มาเยี่ยมไข้ผู้ป่วยเตียงอื่น เธอคิดดีแล้วที่ไม่ให้พ่อแม่ญาติๆมาเยี่ยมบูมตอนนี้

“ลูกเราไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้บูมมันก็ฟื้นแล้ว”

“พี่บูรณ์ฉันกลัว”

“หมอบอกว่าลูกเราพ้นขีดอันตรายแล้ว ปลอดภัยแล้วนะแม่ มองโลกในแง่ดีไว้สิ”

วิบูรณ์เห็นภรรยาร้องไห้ก็เข้ามายืนใกล้ๆ เอามือตบไหล่ภรรยาเบาๆ พูดปลอบใจกันสองคนผัวเมีย ตัวเองก็แอบมองจอชีพจรตลอด และอดคิดแบบภรรยาไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้ถ้าเขาแสดงความอ่อนแอร์ออกมาอีกคน ใครจะมาเป็นที่พึ่งจิตใจให้ภรรยาบองเขาได้เล่า

เนสตอนนี้ไม่สบายใจเลย อยากไปเยี่ยมก็ไปไม่ได้ ทำได้แค่ภาวนาขอให้ยายจันทร์อยากไปเยี่ยมบูมบ้าง ถ้าจะขอไปกับยายก้านก็ยังไงอยู่ ถ้าจะไปเองก็ไปไม่ถูก จะเดินทางไปยังไง ตอนนี้รู้ข่าวจากยายก้านแค่ว่าบูมออกมาจากห้องไอซียูแล้ว ซึ่งแปลว่าปลอดภัย

เนสนึกไปถึงเพื่อนๆของบูมจะรู้ข่าวนี้หรือยัง ถ้าเธอรู้จักเพื่อนๆของบูมสักคน เธอคงจะได้ทราบอาการของบูมมากกว่านี้ หรือเธออาจจะได้ไปเยี่ยมบูมด้วยตัวเองก็ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงเข้าไปค้นเฟซบุ๊กของบูมอีกครั้ง ค้นหาโพสต์ที่มีการแท็ก ถึงแม้เธอไม่เคยเห็นตัวจริง แต่เธอก็รู้ว่าใครเป็นเพื่อนสนิทบูม

เมื่อเนสค้นเจอแท็กที่บูมแท็กโต้ง เนสจึงจัดการเพิ่มเพื่อนโต้งไป ไม่นานโต้งก็รับเพื่อน ด้วยความอยากไปหาบูม อยากรู้ว่าบูมเป็นยังไงบ้าง จึงทักไปบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบูมให้โต้งฟัง พร้อมแนะนำตัวเองให้เขารู้จัก ถึงอย่างไรเนสก็ไม่กล้าบอกหรอกว่าตัวเองเป็นใคร บอกแค่ว่าเป็นญาติของบูมเท่านั้น

เนสหวังแค่ว่าถึงแม้ตัวเองจะไม่ได้ไปเยี่ยม เพื่อนๆของบูมคงไป และเธอขอแค่ดูรูปของบูมผ่านโซเชียลก็พอ แค่นี้ก็พอใจสำหรับเธอแล้ว เนสลืมนึกไปถึงอาร์ หากเธอเห็นอาร์อยู่ใกล้บูม เธอทำใจได้จริงหรือ

เนสนอนไม่หลับอีกคืนแล้ว ตั้งแต่วันเกิดเรื่อง เธอนอนผวาตลอด นอนฝันเห็นบูมโดนทำร้ายทุกคืน เป็นเพราะเธอห่วงบูมมาก หรือเป็นเพราะเธอไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนกันแน่ เนสอยู่ที่กรุงเทพตั้งแต่เด็กๆ ไม่เคยได้ไปดูหมอลำอะไรแบบนี้เลย มีเคยไปยืนดูนักร้องที่มาโชว์ในห้าง ด้วยความบังเอิญอยู่บ้าง เคยได้ยินเรื่องราววัยรุ่นต่างจังหวัดแบบนี้มาเหมือนกัน แต่ไม่เคยมาอยู่ในสถานการณ์จริงแบบนี้ นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอยังนอนผวามาจนถึงคืนนี้

กลางดึกของคืนนี้เนสมองดูนาฬิกาที่หัวเตียงเป็นเวลาแค่ตีสอง มันคิดถึงบูมเหลือเกิน บูมจะฟื้นหรือยังก็ไม่รู้ เนสลุกไปเข้าห้องน้ำในตัวบ้าน บ้านเนสมีห้องน้ำสองห้อง นอกบ้านกับในบ้าน เมื่อเดินมาถึงห้องน้ำก็ทำให้นึกถึงเรื่องราววันนั้นกับบูม เธอกำลังมีความสุขกับบูมทำไมเรื่องร้ายๆต้องมาเกิดขึ้นด้วย ครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่เธอแอบร้องไห้เพราะคิดถึงและเป็นห่วงบูม

เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จเนสกลับเข้ามานอน เธอไหว้พระอีกครั้ง เนสขอให้เพื่อนๆของบูมไปเยี่ยมบูมด้วยเถิดพรุ่งนี้ เมื่อตอนหัวค่ำก่อนเข้านอน เธอก็ขอพรไหว้พระเรื่องนี้แล้ว แต่อยากให้คำขอเป็นจริง เธอเลยไหว้อีกครั้ง รู้ทั้งรู้ว่าความเป็นไปได้ไม่มีเลย มันไม่ใช่โรงพยาบาลประจำจังหวัด มันเป็นโรงพยาบาลศูนย์ต้องนั่งรถไปอีกสองจังหวัดกว่าจะถึง แต่บางทีเพื่อนๆบูมอาจจะไปก็ได้ ต้องรอลุ้นกันพรุ่งนี้

เหมือนสวรรค์มาโปรดเนส ขอบคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพราะเนสไม่ใช่คริสเตียน ยายก้านได้รับข่าวจากพ่อบูมว่า บูมได้ย้ายเข้าไปนอนห้องพิเศษแล้ว และวันนี้ยายก้านกับตาสนจะพากันเข้าไปเยี่ยมบูม ซึ่งยายจันทร์ขอไปด้วย นั่นแปลว่าเนสก็ต้องได้ไป

เนสรีบอาบน้ำแต่งตัวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทำตัวให้พร้อมตลอดไม่ให้ยายก้านกับตาสนต้องรอ เมื่อทุกคนแต่งตัวกันเสร็จแล้วก็พากันออกเดินทาง ด้วยรถปาเจโร่ของพ่อบูมนั้นแหละ ที่ให้ลุงพรขับกลับบ้านตอนอยู่โรงพยาบาลประจำอำเภอ แล้วตัวเองกับภรรยาก็ขึ้นรถแอมบูแลมป์ไปกับบูม

ไปเยี่ยบบูมวันนี้ไปกันสองคันรถ แต่คนไปไม่เยอะนะ ที่ไปกันสองคันคือ เอารถไปให้พ่อบูมด้วย รถปาเจโร่มีตาสนยายก้านน้องเบส เนส ยายจันทร์ ลุงพร ภรรยาลุงพร และพี่เอ็ม

คันที่สองรถกระบะดีแม็ก เป็นครอบครัวน้องสาวของตาสนและลูกๆ รวมแล้วสามคนกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับน้องเบสหนึ่งคน

ทั้งสองคันออกเดินทางแต่เช้าขับตามกันไป ต้องผ่านอำเภอเมืองก่อน จากอำเภอที่เนสอยู่วิ่งเข้าสู่อำเภอเมืองใช้เวลาชั่วโมงกว่า ลุงพรใช้เส้นทางนอกเมืองที่เขาเรียกว่าบายพาร์ต มุ่งหน้าสู่อีกอำเภอที่เป็นของจังหวัดเดียวกัน ไกลเหมือนกันนะจังหวัดที่จะไป โรงพยาบาลที่ว่าน่ะ เนสคิดในใจ ตอนนี้ไม่เครียด ไม่ทุกข์แล้ว เพราะจะได้เจอบูมแล้วในอีกไม่กี่ชั่วโมงที่จะถึง

รถสองคันกำลังวิ่งในอำเภออีกอำเภอที่ขึ้นกับจังหวัดติดกัน ระหว่างทางก็มีรถบัสโดยสารสีชมพูวิ่งผ่าน มีชื่อเขียนข้างๆตัวรถ จากต้นทางถึงปลายทาง มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนที่นี่ที่เห็นทุกวัน บางทีมันดูไม่น่าตื่นเต้นด้วยซ้ำ หาความตื่นเต้นไม่มีเลย ก็แค่รถประจำทางคันนึง แต่กับเนสเธอตื่นเต้นมาก ที่เห็นรถบัสโดยสารคันนี้ เพียงเพราะมันเขียนปลายทางเป็นชื่อจังหวัดที่เธอกำลังจะไป

ระหว่างทางรถได้วิ่งข้ามอำเภอที่ขึ้นกับจังหวัดที่ติดกันกับจังหวัดบ้านเนสแล้ว กำลังวิ่งเข้าตัวเมืองจังหวัดปลายทาง มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่ว่านั้น เมื่อเข้าสู่ตัวเมือง รถมันติดมาก ไฟแดงก็ถี่กันอย่างกับในกรุงเทพเลย ไม่ต่างกันสักนิด ความร้อนใจของเนสเกิดขึ้นอีกครั้ง ที่เนสรู้ว่าเป็นจังหวัดนี้เพราะได้ยิน แม่พี่เอ็มบ่นให้ไฟแดงเหมือนกัน

เมื่อผ่านตัวเมืองไปแล้วก็จะเป็นการมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลนั้นอย่างเดียว ก่อนจะถึงโรงพยาบาลมันต้องผ่านมหาลัยด้วย เนสมองรอบๆบริเวณเห็นนักศึกษา เห็นตึกคณะบางคณะ มันช่างน่าหลงใหล ชวนให้มาเป็นนิสิตที่นี่จริงๆ ต้องสอบเข้าที่นี่ให้ได้เนสสัญญากับตัวเอง

สักพักรถเคลื่นเข้ามาจอดที่ลาดจอดรถของโรงพยาบาล ทุกคนเปิดประตูลงจากรถ บิดขี้เกียจคนละท่าสองท่าให้เลือดไหลเหวียนได้สะดวก จากที่นั่งงอเข่าในรถเป็นเวลาหลายชั่วโมง

ยายก้านกับยายจันทร์ขนข้าวของที่เตียมมาให้พ่อกับแม่บูม ส่วนญาติๆก็พากันขนเอากับข้าวกับปลาที่เตรียมมาแต่บ้านลงจากรถ เดินมุ่งหน้าไปยังตึกประชาสัมพันธ์ ไม่ต้องถามเพราะพ่อของบูมลงมารอหน้าตึกแล้ว

เนสสวัสดีพ่อของบูม สังเกตดูสีหน้าแล้วบูมคงไม่เป็นอะไรแล้วมั่ง ดูไม่เครียดเลย จริงๆมันเป็นแบบนั้นแหละ บูมตอบสนองต่อการรักษาแล้ว หมอบอกว่าไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ก็น่าจะฟื้น

วันนี้มันควรจะเป็นวันที่เนสมีความสุขสิ เพราะบูมปลอดภัยเกือบร้อยเปอร์เซ็นแล้ว ได้มาเยี่ยมบูมด้วยตัวเองอีก หากแต่ว่าพ่อของบูมไม่บอกว่าเพื่อนๆของบูมก็พากันมาเยี่ยมบูมด้วยวันนี้ ไม่รู้พากันรู้ข่าวจากใคร เพราะพ่อของบูมยังไม่ได้ไปขอลาเรียนจากทางโรงเรียนให้บูมเลย ดีที่เนสขอร้องว่าถ้าใครถามว่ารู้ข่าวได้ยังไง ห้ามบอกว่าเป็นเธอบอก

เนสภาวะนาขอให้อาร์ไม่มาด้วย เพราะเธอไม่รู้ว่าเธอเองจะทำตัวยังไง ถ้าบูมฟื้นขึ้นมาเวลานี้วันนี้ จะเป็นยังไง บูมจะคุยกับใคร ถ้าบูมคุยกับเธออาร์คงไม่คิดมากหรอกเพราะไม่รู้ ในสายตาอาร์เธอเป็นญาติบูม แต่สำหรับเนสเองถ้าบูมเลือกสนใจอาร์เธอจะรู้สึกยังไง



อาร์ทราบข่าวบูมจากโต้งก็เป็นอันกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถึงว่าทำไมโทรไปไม่รับ ไลน์ไปไม่อ่าน ทำให้อาร์คิดมากร้อนใจ คิดไปไกลต่างๆนาๆ อาร์อยากไปเยี่ยมบูม อาร์ขอแม่ เล่าความจริงให้แม่ฟังเรื่องบูม อาร์ขอไปเยี่ยม แม่อนุญาติทันที แต่อย่ากลับค่ำแค่นั้น ส่วนพ่อแม่แก้ตัวให้เอง

อาร์แชทไลน์กลุ่มบอกเพื่อนๆทุกคน ว่าจะไปหาบูม ใครจะไปบ้าง ถ้าไม่มีใครไปเธอก็จะไปคนเดียว เธออยู่ไม่ได้ เธอเป็นห่วงบูมมาก เมื่อคืนรู้ข่าวจากโต้งนอนไม่หลับเลย มาหลับเอาไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะเช้านี่เอง

เพื่อนๆทุกคนตกลงกันว่าจะไปเยี่ยมบูม เพื่อนทั้งคน เพื่อนสนิทกันด้วย ไม่ไปก็ยังไงอยู่ ดังนั้นทุกคนนัดกันที่ บ.ข.ส. รอกันมาครบค่อยซื้อตั๋ว อาร์ตื่นตั้งแต่ตีห้า เพราะเป็นคนนัดเพื่อนให้ออกไปหกโมงเช้า ทันรถสองแถวรอบแรกในหมู่บ้านของอาร์เอง

เมื่อมากันครบห้าคนแล้วก็พากันซื้อตั๋ว สายของจังหวัดนี้จะเป็นรถตู้ ไปลง บขส ในตัวเมือง ถ้าไปนั่งรถบัสจะได้ไปลง บขส.3 ต้องนั่งรถกลับเข้ามาในเมืองอีก เสียเวลา

อาร์มีสีหน้าเศร้าตลอดทาง ไม่รู้เลยว่าแฟนตัวเองโดนอะไร เธอไม่อยากจะคิดว่าถ้าบูมเป็นอะไร หรือเสียชีวิต เธอจะทำยังไง วันก่อนก็พึ่งมาส่งกันที่ บขส นี่เอง วันนี้กลับได้ข่าวไม่ดี ต่อไปนี้อาร์จะให้เวลาบูมมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ปล่อยให้บูมต้องรอเธออยู่ฝ่ายเดียว เพราะเธอรู้แล้วว่าการจากลามันไม่เคยเตือนใครก่อน ครั้งนี้อาจจะดวงดี แต่ถ้าวันนี้บูมไม่รอดละเธอจะทำยังไง อาร์นั่งเบาะติดกระจกหน้าต่างรถ สายตามองออกไปยังท้องนาข้างทาง ต้องกลั่นเก็บความรู้สึกเก็บน้ำตาไว้

“อาร์ บูมมันไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อเรานะญาติมันที่ส่งข้าวโต้งก็บอกแล้วว่ามันปลอดภัยแล้ว”

เพื่อนผู้หญิงที่นั่งเบาะข้างๆกับอาร์ปลอบใจที่เห็นสีหน้าเพื่อนดูซึมๆ  และเหมือนจะร้องไห้ ก็เพื่อนสนิทกันทำไมจะไม่รู้ว่าตอนนี้เพื่อนคิดอะไรอยู่ เพื่อนที่ดีเลยต้องทำหน้าที่เพื่อนปลอบใจกัน

เมื่อรถตู้มาจอดเทียบท่าที่ บขส แล้วทั้งห้าคนนั่งรถสองแถวสีน้ำเงินออกม่วงสายแปดเข้าไปยังโรงพยาบาลที่ว่านั้น สายนี้มันจอดหน้าโรงพยาบาลพอดี เมื่อสอบถามจากคนขับรถสองแถวแล้ว เขาแนะนำให้มาขึ้นสายแปด

เมื่อมาถึงก็พากันเดินไปยังประชาสัมพันธ์ บอกชื่อของบูมไปสักพักพยายบาลก็บอกข้อมูลว่าพักที่ห้องไหน ทั้งห้าคนไม่รีรอพากันไปตามที่บอก อาร์มาถึงก่อนเนสชั่วโมงนึงได้ เพราะเดินทางใกล้กว่า เมื่อมาถึงแล้วอาร์ไม่กล้าเข้าไปในห้อง กลัวพ่อแม่บูม กลัวทุกอย่าง ไม่กล้าเข้าไป

เสียงคุยกันดังเข้าไปข้างในห้อง ทำให้พ่อของบูมต้องออกมาดู ก็เห็นพวกอาร์ยืนอยู่หน้าห้อง วิบูรณ์จำแก็บกับโต้งได้ แต่ผู้หญิงสามคนที่มาด้วยกันไม่คุ้นเลยแก็บสวัสดีแนะนำเพื่อนผู้หญิงให้กับวิบูรณ์ แจ้งความประสงค์ว่ามาเยี่ยมบูม ทุกคนไม่ได้บอกว่าอาร์เป็นใครเพราะถูกอาร์ขอร้องไว้

ทั้งห้าคนเข้าไปในห้องพักฟื้นของบูม อุปกรณ์ที่ช่วยยื้อชีวิตบูมยังอยู่ครบทุกอย่าง ถุงน้ำเกลือ ถุงให้เลือด จอแสดงการเต้นของหัวใจ ยังไม่ถูกนำออกจากตัวบูม หากบูมฟื้นถึงจะนำออกได้เป็นบางอย่าง

อาร์เห็นสภาพบูมที่นอนอยู่บนเตียง พร้อมมีสายอะไรต่อมิอะไรมากมายติดตามตัว ทำให้เกือบเข่าอ่อนล้มลงไปนั่งกับฟื้น แต่ต้องเก็บอาการไว้ ไม่ใช่แค่อาร์ เพื่อนๆทุกคนที่เห็นสภาพบูมนอนอยู่บนเตียง แทบจะทรุดกันทุกคน

“ไอ้บูมฟื้นเร็วๆนะเว้ย ข้าไม่มีคนให้ลอกการบ้าน ข้านั่งโต๊ะคนเดียวข้าเหงา”

แก็บพูดขึ้น พร้อมยื่นมือตัวเองไปจับมือบูม เพื่อนๆทุกคนยิ้มกับคำพูดของแก็บ คนเฮฮามันก็เฮฮาได้ทุกสถานการณ์จริงๆ

อาร์อยากเข้าไปใกล้บูมกว่านี้แต่ไม่กล้า ต้องเว้นระยะห่างไว้ ไม่อยากเป็นที่สงสัยของพ่อแม่บูม ทุกคนเข้าไปยืนคุยกับบูมที่หลับอยู่บนเตียง อาร์ด้วยแต่ทำอะไรไม่ได้มาก ไม่อยากเป็นจุดสนใจของพ่อแม่บูม

มีต่อค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่