รีวิวแบบบ้านๆ นะครับ กับ Logitech Slim Combo ตัวนี้ จัดมาจาก Apple Store iConsiam ครับ
พอได้ iPad Air 2019 มาใช้งานก็อยากจะมีคีย์บอร์ด เผื่อจะได้ไม่ต้องพก Macbook หนักๆ ไปที่ทำงาน เพราะส่วนมากผมใช้แต่ Spreadsheet กับโปรแกรม Filemaker ซึ่งจริงๆ ใช้บน iPhone อยู่แล้ว แต่ถ้าได้จอใหญ่ๆ มันก็จะสะดวกขึ้น. คิดอย่างนี้แล้วก็มาลองเขียนความต้องการของตัวเองดูว่าคีย์บอร์ดที่อยากได้มันควรจะเป็นยังไงก็ได้มาแบบนี้ครับ
- ต้องให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับบน Mac ทั้งเลย์เอาท์ของปุ่มและสัมผัสของปุ่ม
- เชื่อมต่อแบบบลูทูธ LE หรือจะให้ดีใช้ Smart Connector ไปเลย เพราะผมขี้เกียจชาร์จแบตบ่อยๆ
- มีช่องใส่ pencil อันนี้สำคัญมากนะ
- จะให้ดีควรเป็นเคสหุ้มทั้งตัว แต่ก็ยังกังวลเรื่องน้ำหนักเวลาใช้โหมดวาดรูป ดังนั้นถ้าถอดแยกเป็นสองส่วนเวลาไม่ใช้คีย์บอร์ดได้ก็ดีนะ
ก่อนหน้านี้ผมลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ keyboard case สำหรับ iPad Air 2019 (10.5") ปรากฏว่ามีพูดถึงกันน้อยมาก ที่เจอส่วนมากจะเป็นเคสสำหรับ iPad gen 6 (9.7") หรือไม่ก็สำหรับ iPad Pro 12.9" ไปเลย พอค้นไปที่เว็บของ Apple ก็จะแนะนำให้ซื้อ Apple Smart Keyboard ซึ่งราคาค่อนข้างสูง แถมได้แต่คีย์บอร์ดที่เป็นฝาปิดด้านหน้าอย่างเดียวอีกต่างหาก เท่ากับต้องหาซื้อถาดหลังเครื่องอีกอันนึง ที่สำคัญคือไม่รู้ว่ามันจะพิมพ์ได้ถนัดไม๊. เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเลยถือโอกาสแวะไปที่ร้าน Apple Store เพื่อไปลองเล่นดู. คือที่ร้าน Apple Store เค้าจะมีอุปกรณ์ที่วางขายตั้งไว้ให้เราลองเล่นได้ตามสบาย ทั้ง iPad, iPhone, Macbook, แม้แต่ Smart Keyboard ก็มีให้ลองนะครับ. ไปถึงก็เดินไปที่เครื่อง iPad Air ที่ต่อกับ keyboard ที่ว่า แล้วลองพิมพ์ข้อความยาวๆ ประมาณ 10+ บรรทัดทันที ปรากฏว่า พิมพ์ผิดบานเลย เพราะแม้ว่าการวางเลย์เอาท์ปุ่มมันจะเหมือนบน Mac แต่ความที่ Smart Keyboard ของ iPad Air มันทำมาพอดีกับตัวเครื่อง เลยมีการบีบขนาดคีย์ให้เล็กลงตามไปด้วย. แถมสัมผัสคีย์มันไม่คุ้นเคยเอาซะเลย ออกจะแข็งๆ หนึบๆ หน่อยครับ ถ้าจะใช้ตัวนี้จริงๆ คงต้องปรับตัวสักระยะ (แล้วเวลาเรากลับไปใช้งาน Mac ที่บ้านจะสับสันไม๊อ่ะ T-T)
หลังจากผมตัดสินใจว่ายังไม่เอา Smart Keyboard ดีกว่า ก็เลยลอง Search ไปเรื่อยๆ ก็พบว่า มันมีตัวนี้ด้วยแฮะ
ผมลองเดินไปดูที่ชั้นวางสินค้าในร้านปรากฏว่าไม่มีวางขาย และไม่มีตัวโชว์ไว้ให้ลองพิมพ์ด้วย มีแต่ของรุ่น 9.7" อย่างเดียว เลยเดินไปถามพนักงานคนนึงว่าตัวสำหรับ iPad 10.5" แบบที่อยู่ในเว็บนี่มีไม๊ พนักงานก็ใจดีเช็คของแล้วบอกว่ามี แต่ไม่มีตั้งโชว์ จะเบิกตัวที่ขายมาให้ดูเลย หลังจากได้ของมา ผมลองกดๆ ดูสเปกต่างๆ แล้วชอบครับ ตัดสินใจซื้อกลับบ้านเลย โดยที่พนักงานก็แนะนำว่าภายใน 14 วันถ้าไม่ชอบ เอากลับมาคืนได้เงินเต็มจำนวนเลยด้วย อันนี้ดีงามมากๆ ยกนิ้วให้ Apple Store เลยครับ
ด้านหน้าของเคส เป็นส่วนของ keyboard ครับ วัสดุเป็นพลาสติกทั้งชิ้นผิวหยาบไม่ทำให้เกิดรอยนิ้วมือง่าย เสียดายไม่ใช่วัสดุหนังเทียมจะดูสวยงามกว่านี้มากครับ
ฝาหลังเป็นถาดหลังเครื่อง iPad มีส่วนของขาตั้งที่พับเก็บแล้วเรียบสนิทไปกับตัวเครื่อง วัสดุเป็นพลาสติกผิวหยาบ ไม่ทำให้เกิดรอยนิ้วมือง่ายเช่นกัน
ตัวขาตั้งนั้นสามารถกางปรับระดับมุมเอียงได้หลายระดับ และทำมุมเอียงได้ค่อนข้างมาก จัดว่าพอเพียงสำหรับการใช้งานในการพิมพ์งานหรือดูหนังก็กำลังดีเลย
ด้านบนเจาะเป็นช่องสำหรับจุดต่ออุปกรณ์ และเซ็นเซอร์ต่างๆ อย่างครบถ้วน ด้านขวาสุดนั้นเป็นปุ่ม power นะครับ ซึ่งทำเป็นปุ่มครอบทับปุ่มจริงไว้อีกที ทำให้กดได้ง่ายขึ้น
ด้านล่าง เจาะช่องไว้สำหรับ speaker กับพอร์ต lightning
ด้านบนทำปุ่มปรับเสียงครอบทับปุ่มจริงไว้. มีทำเป็นช่องเสียบ pencil อันนี้ดีมากๆ จะได้ไม่หล่นหายเพราะไม่มีที่เก็บ
จุดที่แจ่มแจ๋วที่สุดสำหรับคีย์บอร์ดเคส รุ่นนี้ก็คือ มันใช้การเชื่อมต่อผ่านพอร์ต Smart Connector ทำให้ไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตให้คีย์บอร์ดอีกต่อไป การใช้งานแค่แปะติดกับ iPad ก็ใช้พิมพ์ได้ทันทีไม่ต้องกด pair ไม่สิ้นเปลืองพลังงานในการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ตรงจุดเชื่อมต่อนี่ logitech ทำมาเป็นแม่เหล็กดูดติดกับตัว iPad ซึ่งมีแรงดูดมาก (ก.ไก่ล้านตัวเลย) แค่เอาไปจ่อใกล้ๆ ก็ดูดเข้าหากันดังแป๊กเลย ไม่ต้องกลัวมันจะคลอน หรือจะติดเบี้ยว เพราะแปะติดตรงตำแหน่ง แม่นยำ ทุกครั้ง. เลย์เอาท์ของคีย๋บอร์ดออกแบบมาถูกใจคนใช้ Mac แน่นอน เพราะมันถอดแบบมาเด๊ะๆ เลย แม้แต่ปุ่มทิศทางก็ยังเหมือน Macbook Pro ที่ผมใช้งานอยู่ มีเพิ่มมาสองปุ่มคือปุ่ม Home ที่มุมบนซ้าย กับปุ่ม Lock ที่มุมบนขวา
- Home ใช้กดเพื่อกลับไปหน้า Home อันนี้ดีนะ ไม่ต้องเอื้อมมือไปกดปุ่ม Home จริงๆ แต่ถ้าคุณใช้ gesture จนคล่องแล้ว กดหุบนิ้วมือก็สะดวกพอกัน ยิ่งถ้าหลังจากกลับไปหน้า home แล้วยังไงก็ต้องใช้นิ้วจิ้มเลือกแอพที่จะใช้งานต่ออยู่แล้วด้วย
- Lock อันนี้เอาไว้กดเพื่อ lock หน้าจอ (ปิดเครื่อง) อันนี้ดีมาก จะได้ไม่ต้องไปกดที่ปุ่ม power ซึ่งอยู่ไกลมือและอยู่ในตำแหน่งที่อาจจะกดยากกว่ามาก
ส่วนที่น่าสนใจสำหรับคีย์บอร์ดรุ่นนี้ยังเป็นเรื่องของปุ่มที่ทำออกมาให้สัมผัสได้ดีมาก ใกล้เคียงกับปุ่มของ laptop ทั่วไป ปุ่มเด้งสู้นิ้วดี ขนาดและช่องไฟ ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีสำหรับคีย์บอร์ดขนาดเล็กแบบนี้ เท่าที่ลองใช้มาพิมพ์ได้แม่นยำกว่า smart keyboard ของ Apple เองเสียอีก
อีกจุดที่ไม่พูดไม่ได้คือคีย์บอร์ดรุ่นนี้มีไฟส่องใต้ปุ่ม (back light) ด้วยนะครับ สามารถปรับความสว่างได้ 2 ระดับ อันนี้ดีงามมาก เหมาะสำหรับคนชอบพิมพ์ในที่แสงน้อยมากๆ
แต่จุดที่น่าเสียดายคือมันไม่มีคีย์ไทย ถ้าหากคนที่พิมพ์สัมผัสไม่คล่องอาจจะต้องพึ่งสติ๊กเกอร์ไทยมาแปะทับ
สรุป
logitech slim combo จัดว่าเป็นคีย์บอร์ดเคสที่น่าสนใจมากๆ รุ่นหนึ่งเพราะมาครบครันทั้งเคสและคีย์บอร์ด ในส่วนของเคสทำออกมาได้ดูแข็งแรงสวยงามน่าใช้ ในส่วนของคีย์บอร์ดก็ทำออกมาได้ดีสมมาตรฐานของ logitech การเชื่อมต่อกับ iPad ยังใช้ smart connector แถมมีไฟส่องใต้ปุ่มให้อีกด้วย. ตัวคีย์บอร์ดยังสามารถถอดออกจากเคสได้ด้วยการออกแรงดึงนิดเดียว ทำให้เมื่อต้องการจะใช้แต่ iPad ในงานวาดรูปก็จะลดภาระเรื่องของน้ำหนักไปได้มาก แต่จุดความที่เคสชุดนี้ทำออกมาครบครันขนาดนี้ ก็เลยทำให้เมื่อประกอบครบชุดแล้วเลยทำให้มันดูบึกบึนขึ้นมาก อาจจะไม่เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการความบางเบา แถมน้ำหนักรวมๆ ก็พอๆ กับถือ iPad สองตัวเลยทีเดียว ในเรื่องของราคาจัดว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ case keyboard ทั่วๆ ไปในท้องตลอด แต่ถ้าต้องการของที่คุณภาพสมราคาผมว่าตัวนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน (ถ้ารับกับน้ำหนักและความหนาของมันได้นะครับ LOL)
จุดเด่น
- เชื่อมต่อ smart connector ไม่ต้องแพร์ ไม่ต้องชาร์จแบตคีย์บอร์ด แปะติดด้วยแม่เหล็กแรงดูดสูง (มาก)
- วัสดุดูดี แข็งแรง โดยเฉพาะตัวคีย์บอร์ด
- คีย์ทำออกมาได้ดี ให้ความรู้สึกเหมือนใช้บน laptop ไม่ต้องปรับตัวแต่อย่างใด
- มีไฟ back light สำหรับใช้งานในที่แสงน้อย หรือที่มืด
- ปรับระดับเอียงของตัว iPad ได้หลายระดับตามต้องการเหมาะสำหรับงานพิมพ์และการดูหนัง
จุดด้อย
- ไม่มีคีย์ไทย ไม่เหมาะสำหรับคนที่พิมพ์สัมผัสไม่ได้เลย
- ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับ keyboard ทั่วๆ ไปในท้องตลาด
- เมื่อประกอบตัวคีย์บอร์ดเข้ากับเคสครบชุด ทำให้หนาและหนักขึ้นพอสมควร
- ปุ่ม ESC ของผมหาย...
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
[CR] รีวิว Logitech Slim Combo เคสคีย์บอร์ดสำหรับ iPad Air 2019
รีวิวแบบบ้านๆ นะครับ กับ Logitech Slim Combo ตัวนี้ จัดมาจาก Apple Store iConsiam ครับ
พอได้ iPad Air 2019 มาใช้งานก็อยากจะมีคีย์บอร์ด เผื่อจะได้ไม่ต้องพก Macbook หนักๆ ไปที่ทำงาน เพราะส่วนมากผมใช้แต่ Spreadsheet กับโปรแกรม Filemaker ซึ่งจริงๆ ใช้บน iPhone อยู่แล้ว แต่ถ้าได้จอใหญ่ๆ มันก็จะสะดวกขึ้น. คิดอย่างนี้แล้วก็มาลองเขียนความต้องการของตัวเองดูว่าคีย์บอร์ดที่อยากได้มันควรจะเป็นยังไงก็ได้มาแบบนี้ครับ
- ต้องให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับบน Mac ทั้งเลย์เอาท์ของปุ่มและสัมผัสของปุ่ม
- เชื่อมต่อแบบบลูทูธ LE หรือจะให้ดีใช้ Smart Connector ไปเลย เพราะผมขี้เกียจชาร์จแบตบ่อยๆ
- มีช่องใส่ pencil อันนี้สำคัญมากนะ
- จะให้ดีควรเป็นเคสหุ้มทั้งตัว แต่ก็ยังกังวลเรื่องน้ำหนักเวลาใช้โหมดวาดรูป ดังนั้นถ้าถอดแยกเป็นสองส่วนเวลาไม่ใช้คีย์บอร์ดได้ก็ดีนะ
ก่อนหน้านี้ผมลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ keyboard case สำหรับ iPad Air 2019 (10.5") ปรากฏว่ามีพูดถึงกันน้อยมาก ที่เจอส่วนมากจะเป็นเคสสำหรับ iPad gen 6 (9.7") หรือไม่ก็สำหรับ iPad Pro 12.9" ไปเลย พอค้นไปที่เว็บของ Apple ก็จะแนะนำให้ซื้อ Apple Smart Keyboard ซึ่งราคาค่อนข้างสูง แถมได้แต่คีย์บอร์ดที่เป็นฝาปิดด้านหน้าอย่างเดียวอีกต่างหาก เท่ากับต้องหาซื้อถาดหลังเครื่องอีกอันนึง ที่สำคัญคือไม่รู้ว่ามันจะพิมพ์ได้ถนัดไม๊. เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเลยถือโอกาสแวะไปที่ร้าน Apple Store เพื่อไปลองเล่นดู. คือที่ร้าน Apple Store เค้าจะมีอุปกรณ์ที่วางขายตั้งไว้ให้เราลองเล่นได้ตามสบาย ทั้ง iPad, iPhone, Macbook, แม้แต่ Smart Keyboard ก็มีให้ลองนะครับ. ไปถึงก็เดินไปที่เครื่อง iPad Air ที่ต่อกับ keyboard ที่ว่า แล้วลองพิมพ์ข้อความยาวๆ ประมาณ 10+ บรรทัดทันที ปรากฏว่า พิมพ์ผิดบานเลย เพราะแม้ว่าการวางเลย์เอาท์ปุ่มมันจะเหมือนบน Mac แต่ความที่ Smart Keyboard ของ iPad Air มันทำมาพอดีกับตัวเครื่อง เลยมีการบีบขนาดคีย์ให้เล็กลงตามไปด้วย. แถมสัมผัสคีย์มันไม่คุ้นเคยเอาซะเลย ออกจะแข็งๆ หนึบๆ หน่อยครับ ถ้าจะใช้ตัวนี้จริงๆ คงต้องปรับตัวสักระยะ (แล้วเวลาเรากลับไปใช้งาน Mac ที่บ้านจะสับสันไม๊อ่ะ T-T)
หลังจากผมตัดสินใจว่ายังไม่เอา Smart Keyboard ดีกว่า ก็เลยลอง Search ไปเรื่อยๆ ก็พบว่า มันมีตัวนี้ด้วยแฮะ
ผมลองเดินไปดูที่ชั้นวางสินค้าในร้านปรากฏว่าไม่มีวางขาย และไม่มีตัวโชว์ไว้ให้ลองพิมพ์ด้วย มีแต่ของรุ่น 9.7" อย่างเดียว เลยเดินไปถามพนักงานคนนึงว่าตัวสำหรับ iPad 10.5" แบบที่อยู่ในเว็บนี่มีไม๊ พนักงานก็ใจดีเช็คของแล้วบอกว่ามี แต่ไม่มีตั้งโชว์ จะเบิกตัวที่ขายมาให้ดูเลย หลังจากได้ของมา ผมลองกดๆ ดูสเปกต่างๆ แล้วชอบครับ ตัดสินใจซื้อกลับบ้านเลย โดยที่พนักงานก็แนะนำว่าภายใน 14 วันถ้าไม่ชอบ เอากลับมาคืนได้เงินเต็มจำนวนเลยด้วย อันนี้ดีงามมากๆ ยกนิ้วให้ Apple Store เลยครับ
ด้านหน้าของเคส เป็นส่วนของ keyboard ครับ วัสดุเป็นพลาสติกทั้งชิ้นผิวหยาบไม่ทำให้เกิดรอยนิ้วมือง่าย เสียดายไม่ใช่วัสดุหนังเทียมจะดูสวยงามกว่านี้มากครับ
ฝาหลังเป็นถาดหลังเครื่อง iPad มีส่วนของขาตั้งที่พับเก็บแล้วเรียบสนิทไปกับตัวเครื่อง วัสดุเป็นพลาสติกผิวหยาบ ไม่ทำให้เกิดรอยนิ้วมือง่ายเช่นกัน
ตัวขาตั้งนั้นสามารถกางปรับระดับมุมเอียงได้หลายระดับ และทำมุมเอียงได้ค่อนข้างมาก จัดว่าพอเพียงสำหรับการใช้งานในการพิมพ์งานหรือดูหนังก็กำลังดีเลย
ด้านบนเจาะเป็นช่องสำหรับจุดต่ออุปกรณ์ และเซ็นเซอร์ต่างๆ อย่างครบถ้วน ด้านขวาสุดนั้นเป็นปุ่ม power นะครับ ซึ่งทำเป็นปุ่มครอบทับปุ่มจริงไว้อีกที ทำให้กดได้ง่ายขึ้น
ด้านล่าง เจาะช่องไว้สำหรับ speaker กับพอร์ต lightning
ด้านบนทำปุ่มปรับเสียงครอบทับปุ่มจริงไว้. มีทำเป็นช่องเสียบ pencil อันนี้ดีมากๆ จะได้ไม่หล่นหายเพราะไม่มีที่เก็บ
จุดที่แจ่มแจ๋วที่สุดสำหรับคีย์บอร์ดเคส รุ่นนี้ก็คือ มันใช้การเชื่อมต่อผ่านพอร์ต Smart Connector ทำให้ไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตให้คีย์บอร์ดอีกต่อไป การใช้งานแค่แปะติดกับ iPad ก็ใช้พิมพ์ได้ทันทีไม่ต้องกด pair ไม่สิ้นเปลืองพลังงานในการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ตรงจุดเชื่อมต่อนี่ logitech ทำมาเป็นแม่เหล็กดูดติดกับตัว iPad ซึ่งมีแรงดูดมาก (ก.ไก่ล้านตัวเลย) แค่เอาไปจ่อใกล้ๆ ก็ดูดเข้าหากันดังแป๊กเลย ไม่ต้องกลัวมันจะคลอน หรือจะติดเบี้ยว เพราะแปะติดตรงตำแหน่ง แม่นยำ ทุกครั้ง. เลย์เอาท์ของคีย๋บอร์ดออกแบบมาถูกใจคนใช้ Mac แน่นอน เพราะมันถอดแบบมาเด๊ะๆ เลย แม้แต่ปุ่มทิศทางก็ยังเหมือน Macbook Pro ที่ผมใช้งานอยู่ มีเพิ่มมาสองปุ่มคือปุ่ม Home ที่มุมบนซ้าย กับปุ่ม Lock ที่มุมบนขวา
- Home ใช้กดเพื่อกลับไปหน้า Home อันนี้ดีนะ ไม่ต้องเอื้อมมือไปกดปุ่ม Home จริงๆ แต่ถ้าคุณใช้ gesture จนคล่องแล้ว กดหุบนิ้วมือก็สะดวกพอกัน ยิ่งถ้าหลังจากกลับไปหน้า home แล้วยังไงก็ต้องใช้นิ้วจิ้มเลือกแอพที่จะใช้งานต่ออยู่แล้วด้วย
- Lock อันนี้เอาไว้กดเพื่อ lock หน้าจอ (ปิดเครื่อง) อันนี้ดีมาก จะได้ไม่ต้องไปกดที่ปุ่ม power ซึ่งอยู่ไกลมือและอยู่ในตำแหน่งที่อาจจะกดยากกว่ามาก
ส่วนที่น่าสนใจสำหรับคีย์บอร์ดรุ่นนี้ยังเป็นเรื่องของปุ่มที่ทำออกมาให้สัมผัสได้ดีมาก ใกล้เคียงกับปุ่มของ laptop ทั่วไป ปุ่มเด้งสู้นิ้วดี ขนาดและช่องไฟ ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีสำหรับคีย์บอร์ดขนาดเล็กแบบนี้ เท่าที่ลองใช้มาพิมพ์ได้แม่นยำกว่า smart keyboard ของ Apple เองเสียอีก
อีกจุดที่ไม่พูดไม่ได้คือคีย์บอร์ดรุ่นนี้มีไฟส่องใต้ปุ่ม (back light) ด้วยนะครับ สามารถปรับความสว่างได้ 2 ระดับ อันนี้ดีงามมาก เหมาะสำหรับคนชอบพิมพ์ในที่แสงน้อยมากๆ
แต่จุดที่น่าเสียดายคือมันไม่มีคีย์ไทย ถ้าหากคนที่พิมพ์สัมผัสไม่คล่องอาจจะต้องพึ่งสติ๊กเกอร์ไทยมาแปะทับ
สรุป
logitech slim combo จัดว่าเป็นคีย์บอร์ดเคสที่น่าสนใจมากๆ รุ่นหนึ่งเพราะมาครบครันทั้งเคสและคีย์บอร์ด ในส่วนของเคสทำออกมาได้ดูแข็งแรงสวยงามน่าใช้ ในส่วนของคีย์บอร์ดก็ทำออกมาได้ดีสมมาตรฐานของ logitech การเชื่อมต่อกับ iPad ยังใช้ smart connector แถมมีไฟส่องใต้ปุ่มให้อีกด้วย. ตัวคีย์บอร์ดยังสามารถถอดออกจากเคสได้ด้วยการออกแรงดึงนิดเดียว ทำให้เมื่อต้องการจะใช้แต่ iPad ในงานวาดรูปก็จะลดภาระเรื่องของน้ำหนักไปได้มาก แต่จุดความที่เคสชุดนี้ทำออกมาครบครันขนาดนี้ ก็เลยทำให้เมื่อประกอบครบชุดแล้วเลยทำให้มันดูบึกบึนขึ้นมาก อาจจะไม่เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการความบางเบา แถมน้ำหนักรวมๆ ก็พอๆ กับถือ iPad สองตัวเลยทีเดียว ในเรื่องของราคาจัดว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ case keyboard ทั่วๆ ไปในท้องตลอด แต่ถ้าต้องการของที่คุณภาพสมราคาผมว่าตัวนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน (ถ้ารับกับน้ำหนักและความหนาของมันได้นะครับ LOL)
จุดเด่น
- เชื่อมต่อ smart connector ไม่ต้องแพร์ ไม่ต้องชาร์จแบตคีย์บอร์ด แปะติดด้วยแม่เหล็กแรงดูดสูง (มาก)
- วัสดุดูดี แข็งแรง โดยเฉพาะตัวคีย์บอร์ด
- คีย์ทำออกมาได้ดี ให้ความรู้สึกเหมือนใช้บน laptop ไม่ต้องปรับตัวแต่อย่างใด
- มีไฟ back light สำหรับใช้งานในที่แสงน้อย หรือที่มืด
- ปรับระดับเอียงของตัว iPad ได้หลายระดับตามต้องการเหมาะสำหรับงานพิมพ์และการดูหนัง
จุดด้อย
- ไม่มีคีย์ไทย ไม่เหมาะสำหรับคนที่พิมพ์สัมผัสไม่ได้เลย
- ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับ keyboard ทั่วๆ ไปในท้องตลาด
- เมื่อประกอบตัวคีย์บอร์ดเข้ากับเคสครบชุด ทำให้หนาและหนักขึ้นพอสมควร
- ปุ่ม ESC ของผมหาย...
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้