เนื่องจากได้รับเมล์แจ้งว่าจะต้องมีประชุมที่ฮานอยด้วยระยะเวลาทราบล่วงหน้าประมาณ 2 สัปดาห์ นึกในใจว่า ถ้าประชุมเสร็จ จะไปไหนต่อดี และเนื่องจากปีที่แล้ว ได้ไปซาปา ฟานซีปันมาแล้ว ก็เลยตัดไปก่อน จะไปฮาลองเบย์ ก็มีความรู้สึกว่าไปไม่ยาก เราะมันมี on-day trip จะไปเมื่อไรก็ได้ เลยเอารอยแผลจากปีที่แล้วที่ตั้งใจจะไปมูกางจ๋ายแต่ไม่ได้ไป เพราะเวลาไม่อำนวยมาปัดฝุ่นใหม่
คราวนี้ก็เริ่มหาข้อมูลว่าจะไปมูกางจ๋ายยังไงดี เนื่องจากไปคนเดียวและขับมอเตอร์ไซด์ไม่เป็นด้วย ซึ่งจากข้อมูลที่อ่านรีวิว หลายคนไปกันเป็นกลุ่มและเหมารถกันไป หรือบางคนขับมอเตอร์ไซด์ไป ก็จะไปง่ายเพราะ control โน่นนี่นั่นได้ แต่เราสิ ถ้าจะไปก็ไปคนเดียว แถมขับมอเตอรืไซดืไม่เป็นอีกตะหาก จะเอายังไงดี เงื่อนไขเดียวที่น่าจะทำได้คือหา local guide ที่นั่น เลยพยายามหาข้อมูล local guide ที่มูกางจ๋าย ก็หาไม่ง่ายอีก มีรายนึงแจ้งมาว่าจะทำ private trip ให้ตั้งแต่ออกเดินทางจากฮานอยไปมูกางจ๋ายและเที่ยวจนถึงกลับมาฮานอย แต่ค่าใช้จ่าย 600 USD นึกในใจว่า ถ้าราคาขนาดนี้ ไปเที่ยวที่อื่นไกลๆได้เลยนะเนี่ย
อย่างไรก็ดี ยังพอมีโชคดีอยู่บ้างที่ไปเจอ local guide ที่อยู่ที่มูกางจ๋ายเลยและพอพูดภาษาอังกฤษได้ (คนที่มูกางจ๋ายที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้นั้น จะมีน้อยมาก คิดในใจว่าถ้าเรามีคนนำทางที่สื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาท้องถิ่นได้ ก็ดีกว่าเราไปมั่วภาษาเวียดนามแน่ๆ) ก็เลยคุยกัน แต่เหมือนคุยไม่รู้เรื่องเท่าไรนัก ไม่รู้เพราะเราอธิบายไม่เข้าใจหรือว่ายังไง เพราะขนาดแค่เรื่องวันเดินทาง คุยแล้วคุยอีก กว่าจะสรุปได้วาเดินทางวันไหน ก็ตอนสายๆของวันที่จะเดินทางนั่นเอง
ทริปของเราเริ่มต้นตอนเย็นวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 62 หลังจากที่ประชุมเสร็จตอนเย็น ไกด์ของเรา (ชื่อคือ Tu ของเรียกว่าพี่ตู้ละกัน) ได้ให้เพื่อนมารับที่โรงแรมเพื่อจะไปขึ้นรถประจำทางและไปเจอเขากลางทางที่เมือง Nghai Lo (เงียโล) เพื่อรับไปมูกางจ๋าย พี่ตู้บอกว่ารถประจำทางจะมาสุดสายที่ Nghai Lo เป็นรถนอน ก็นึกในใจว่าดีแล้ว จะได้นอนพักหรือนอนดูวิวบ้าง ได้มีโอกาสซ้อนมอเตอร์ไซด์ของเพื่อนพี่ตู้ในฮานอย เมืองที่วุ่นวายเรื่องมอเตอร์ไซด์เพื่อไปขึ้นรถ (พอซ้อนมอเตอรืไซด์ในฮานอยแล้ว จะมีความรู้สึกว่า คนชับมอเตอร์ไซด์ในเมืองไทย มีมารยาทมาก) ตอนแรก ก็นึกว่าเขาจะไปส่งที่สถานีขนส่ง แต่ก็ไม่ใช่ ไปส่งระหว่างทางที่รถวิ่งผ่าน ก็คิดในใจว่าสงสัยเราออกมาช้า ไปขึ้นที่สถานีขนส่งไม่ทัน พอรถมาปุ๊ป เด็กรถก็เรียกให้รีบๆขึ้นรถ พอขึ้นรถไปปุ๊ป ......................... คนเต็มรถเลยครับท่าน สภาพน่าจะเปรียบได้กับรถส้มบ้านเราในช่วงเทศกาลเลย
สภาพข้างในรถจากฮานอยไป Nghai Lo
นั่งกับพื้น ไป Nghai Lo ประมาณ 5 ชั่วโมงจากประมาณทุ่มนึงไปถึง Nghai Lo ตอนราวๆเที่ยงคืน และเนื่องจากเบาะนอนชั้นบน มันไม่ได้สูงมาก หันซ้ายก็เจอตรี๊นส์ หันชวาก็เจอตรี๊นส์ เลยต้องพยายามนั่งสงบเสงี่ยมแบบตัวตรง จะได้หลบเลี่ยงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้
สภาพรถโดยสารที่พาไป Nghai Lo ซึ่งมีจอดระหว่างกลางทาง เพื่อให้เข้าห้องน้ำ
พอเราลงมาเข้าห้องน้ำ เห็นได้ว่าสถานีสุดท้าย มันไม่ใช่ Nghai Lo นี่นา แล้วเราจะลงถูกไหมเนี่ย ว่าต้องลงตรงไหน เลยต้องเอา Google Map มาปักหมุดตรง Nghai Lo Bus Station ก่อนเพื่อความอุ่นใจ จากนั้น ก็ส่งข้อความบอกพี่ตู้และส่งรุปให้ดู พี่ตู้บอกมาว่า Don't worry บอกรถไว้แล้ว และจะรออยู่ที่เงียโลนะ เราก็.....เอาวะเป็นไงเป็นกัน
จากนั้น รถก็วิ่งมาแบบที่เราไม่เเห็นทิศทาง มีเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาบ้างเป็นระยะ และพอเข้าไปใกล้เงียโล เราก็ share location หาพี่ตู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้ว สุดท้ายพี่ตู้ก็ส่ง location ของเขามาเหมือนกันว่าเขาอยู่ตรงไหน เราก็กลัวว่าเดี๋ยวพี่ตู้ไม่รู้อีกว่าเราคนไหน เลยบอกพี่ตู้ไปว่า เผื่อรถไปถึงเงียโล และพี่ตู้ขึ้นรถมานะ เราชื่อ XXX มาจากประเทศไทยนะ สุดท้าย พอถึงเงียโล พี่ตู้ก็ขึ้นมาตระโกนหาเรา ในใจนึกโล่งอกเสียที
ปล. ค่าโดยสารรถจากฮานอยมาเงียโลคือ 150,000 ดอง เราไม่รู้ว่าที่พี่ตู้ไม่ให้เพื่อนไปส่งที่สถานีขนส่งเพราะกลัวเราเห็นว่าไม่มีที่นั่งแล้วเราจะเปลี่ยนใจหรือเปล่า แต่พอมาขึ้นกลางทางแบบนี้ มันเหมือนอ้อยเข้าปากช้าง จะลงมันก็ไม่ได้แล้ว พูดกับเขาไม่รู้เรื่อง อีกอย่าง ไม่รู้ว่าค่าโดยสารเวลาขึ้นกลางทางนี้ มันเข้ากระเป๋าเจ้าของรถหรือกระเป๋าเด็กรถ
Guest House ที่ Nghai Lo ชื่อ Kim Quy Guesthouse ราคาคืนละ 150,000 ดอง ถือว่า OK มาเที่ยวแบบนี้ จะเอาอะไรมากนิ
===========================================
ค่ำคืนวันแรกได้ผ่านพ้นไป เข้าวันที่ 2 พี่ตู้โทรมาปลุกแต่เช้า (ก็ไม่เช้าเท่าไรนัก) เพราะพี่ตู้บอกว่าเราจะต้องเดินทางกันต่อไปมูกางจ๋าย Mù căng Chải พี่ตู้พามากินอาหารเช้า เป็นอาหารพื้นเมืองของเขา (มั๊ง) มันคือข้าวปั้น ก็โอเคนะ กินไม่ยาก หนักท้องอีกตะหาก
ข้าวปั้น
พออิ่มท้อง ประมาณ 9 โมง พี่ตู้ก็พาซ้อนมอเตอรืไซด์ของพี่ตู้ ขี่ต๊อกแต๊กต๊อกแต๊กไปตามท้องถนน รถพี่ตู้ก็ไม่ใหม่นักวิงเร็วก็ไม่น่าได้ แต่พี่ตู้ก็เหมาะกับการเป็นนักการฑูต เพราะพี่ตู้บอกว่าจะไม่วิ่งเร็วนะ เพราะเราจะได้มีโอกาสดูวิวข้างๆทาง
ระหว่างการเดินทาง ออกจากเมือง Nghai Lo ได้ซักพัก พี่ตู้ก็พาแวะเข้าไปดูไร่ชาของชาวบ้าน
ไร่ชาของชาวบ้าน ไม่ใหญ่มากมากเท่าไร แต่ก็ not too bad นะ
หลังจากนั้น พี่ตู้ก็พาเรานั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์เดินทางต่อ จนมาถึงแถบๆทูเล (Tú Lệ) พี่ตู้พามาเที่ยวถ้ำก่อน ชื่อ Động Tiên Lữ tú lệ
Động Tiên Lữ tú lệ นี้ พี่ตู้บอกว่าเป็นถ้ำใหม่ ซึ่งถ้ำที่นี่ จะเอาแสงสีมาช่วยให้ดูสวยและมีการแกะสลักเป็นรูปปั้นต่างๆด้านใน ถ้าถามเราแล้ว เราว่าถ้ำนี้เล็ก หินงอกหินย้อยยังไม่เยอะเท่าไร และด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยชอบเที่ยวถ้ำเท่าไรนัก เลยรู้สึกไม่ตื่นตาตื่นใจมาก แต่ข้างในอากาศค่อนข้างน้อยและร้อนมาก
หลังจากที่ออกจากถ้ำ พี่ตู้ก็พาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์คันจ้อยมาแวะหาของกิน เสร็จแล้วก็เดินทางต่อ โดยแวะชอบวิวที่ทูเลมาเรื่อยๆ ทั้งนาขั้นบันไดที่เห็นยาวเป็นแถวและทิวทัศน์โดยรอบทั่วๆไปของทูเล
จุดชมวิวแรกในเมืองมูกางจ๋ายระหว่างทางก่อนเข้าถึงที่พักคือ Che Cu Nha
Che Cu Nha
หลังจากตื่นตาตื่นใจแล้ว พี่ตู้ก็ขับรถพามาเข้าที่พัก ที่ Tub Yaj Guest House
ให้เวลาอาบน้ำ พักผ่อนแล้ว ตอนเย็น พี่ตู้ก็มารับไปกินมื้อเย็น อาหารพื้นๆ แต่ก็รสชาติใช้ได้นะ
พอเสร็จมื้อค่ำ พี่ตู้ก็พานั่งรถชมวิวตอนกลางคืนของมูกางจ๋ายที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ก็น่าค้นหา อยากบอกว่า ที่มูกางจ๋าย แม้เวลาเพียง 2 ทุ่ม แต่ก็สามารถเห็นดาวเต็มฟ้าได้แล้ว แถวช่วงที่เราไปนั้น มีโอกาสเห็นทางช้างเผือกลางๆด้วย แต่น่าเสียดายที่ไอโฟนไม่อาจเก็บภาพได้
===========================================================
วันอาทิตย์ที่ 28 กค. เราเริ่มทริปตั้งแต่ประมาณ 7.30 น. ด้วยการกินอาหารเช้า พี่ตู้บอกว่าวันนี้ เราจะเดิน trekking กันร่วมๆ 20 กิโล ซึ่งเส้นทางที่เราเดินวันนี้ เราขึ้นไปชมความงามที่ Sáng Nhù เป็นจุดแรก
Sáng Nhù
และเดินเท้าต่อไปยังหมู่บ้านม้งที่ชื่อ Chống Màng Mủ เพื่อทานอาหารกลางวันที่นั่น ระหว่างทาง ก็มีมุมสวยๆให้ได้เก็บรุปเป็นระยะๆ
หมดพื้นที่แล้ว เจอกันต่อในคอมเม้นท์อีกนิดเดียวครับ
ลุยเดี่ยวเที่ยวมูกางจ๋าย (Mu Cang Chai) ขับมอเตอร์ไซด์ไม่เป็น
คราวนี้ก็เริ่มหาข้อมูลว่าจะไปมูกางจ๋ายยังไงดี เนื่องจากไปคนเดียวและขับมอเตอร์ไซด์ไม่เป็นด้วย ซึ่งจากข้อมูลที่อ่านรีวิว หลายคนไปกันเป็นกลุ่มและเหมารถกันไป หรือบางคนขับมอเตอร์ไซด์ไป ก็จะไปง่ายเพราะ control โน่นนี่นั่นได้ แต่เราสิ ถ้าจะไปก็ไปคนเดียว แถมขับมอเตอรืไซดืไม่เป็นอีกตะหาก จะเอายังไงดี เงื่อนไขเดียวที่น่าจะทำได้คือหา local guide ที่นั่น เลยพยายามหาข้อมูล local guide ที่มูกางจ๋าย ก็หาไม่ง่ายอีก มีรายนึงแจ้งมาว่าจะทำ private trip ให้ตั้งแต่ออกเดินทางจากฮานอยไปมูกางจ๋ายและเที่ยวจนถึงกลับมาฮานอย แต่ค่าใช้จ่าย 600 USD นึกในใจว่า ถ้าราคาขนาดนี้ ไปเที่ยวที่อื่นไกลๆได้เลยนะเนี่ย
อย่างไรก็ดี ยังพอมีโชคดีอยู่บ้างที่ไปเจอ local guide ที่อยู่ที่มูกางจ๋ายเลยและพอพูดภาษาอังกฤษได้ (คนที่มูกางจ๋ายที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้นั้น จะมีน้อยมาก คิดในใจว่าถ้าเรามีคนนำทางที่สื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาท้องถิ่นได้ ก็ดีกว่าเราไปมั่วภาษาเวียดนามแน่ๆ) ก็เลยคุยกัน แต่เหมือนคุยไม่รู้เรื่องเท่าไรนัก ไม่รู้เพราะเราอธิบายไม่เข้าใจหรือว่ายังไง เพราะขนาดแค่เรื่องวันเดินทาง คุยแล้วคุยอีก กว่าจะสรุปได้วาเดินทางวันไหน ก็ตอนสายๆของวันที่จะเดินทางนั่นเอง
ทริปของเราเริ่มต้นตอนเย็นวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 62 หลังจากที่ประชุมเสร็จตอนเย็น ไกด์ของเรา (ชื่อคือ Tu ของเรียกว่าพี่ตู้ละกัน) ได้ให้เพื่อนมารับที่โรงแรมเพื่อจะไปขึ้นรถประจำทางและไปเจอเขากลางทางที่เมือง Nghai Lo (เงียโล) เพื่อรับไปมูกางจ๋าย พี่ตู้บอกว่ารถประจำทางจะมาสุดสายที่ Nghai Lo เป็นรถนอน ก็นึกในใจว่าดีแล้ว จะได้นอนพักหรือนอนดูวิวบ้าง ได้มีโอกาสซ้อนมอเตอร์ไซด์ของเพื่อนพี่ตู้ในฮานอย เมืองที่วุ่นวายเรื่องมอเตอร์ไซด์เพื่อไปขึ้นรถ (พอซ้อนมอเตอรืไซด์ในฮานอยแล้ว จะมีความรู้สึกว่า คนชับมอเตอร์ไซด์ในเมืองไทย มีมารยาทมาก) ตอนแรก ก็นึกว่าเขาจะไปส่งที่สถานีขนส่ง แต่ก็ไม่ใช่ ไปส่งระหว่างทางที่รถวิ่งผ่าน ก็คิดในใจว่าสงสัยเราออกมาช้า ไปขึ้นที่สถานีขนส่งไม่ทัน พอรถมาปุ๊ป เด็กรถก็เรียกให้รีบๆขึ้นรถ พอขึ้นรถไปปุ๊ป ......................... คนเต็มรถเลยครับท่าน สภาพน่าจะเปรียบได้กับรถส้มบ้านเราในช่วงเทศกาลเลย