ในสายน้ำ...ที่ซึ่งกระแสน้ำเย็นและกระแสน้ำอุ่นมาบรรจบกัน ใต้ทะเลสาปโพไซดอน...
หนุ่มแซม ซึ่งถูกเหล่าสมุนของเลโอนีดาสจับโยนลงมาในทะเลสาปแห่งนี้ ถูกสายน้ำเบื้องล่างซึ่งเป็นกระแสน้ำเย็นพัดพามาสู่จุดที่กระแสน้ำอุ่นมาบรรจบ และกระแสน้ำทั้งสองสายรวมกันเป็นกระแสน้ำที่อุ่นพอดีสายเดียว พัดพาเขาเข้าสู่ดินแดนปริศนาซึ่งไม่มีอยู่ในแผนที่ สุดท้าย พระภาดาเขยแห่งองค์ฟาโรห์คูฟูก็มานอนหงายสลบไสลอยู่บนหาดทรายขาวโพลนริมทะเล
เสียงคลื่นทะเลน้อยใหญ่สาดซัดฝั่งเป็ยระลอกๆ เสียงนกนางนวลร้องอยู่บนฟ้าทั้งใกล้และไกล และสายลมโชยกระทบร่างของแซมเป็นระยะๆ
บรรยากาศสบายๆ เช่นนี้ ใครได้มานอนอยู่บนหาดทรายอย่างเขา ก็คงจะอยากนอนหลับให้สบายไปนานๆ ไม่อยากตื่นเป็นแน่
และแซมเองก็เหมือนกัน เขาเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว...
จำได้ว่าชั่วขณะหนึ่งที่ร่างของตนถูกโยนลงทะเลสาป สัมผัสกับน้ำอันเย็นเฉียบปลุกให้ตัวเองรู้สึกตื่นและพบว่าตนถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือก และเมื่อรู้ว่ากำลังอยู่ในน้ำก็พยายามปิดกั้นทวารจมูกและปากด้วยการกลั้นหายใจพร้อมกับสองมือซึ่งถูกมัดไพล่หลังก็พยายามดิ้นรนไขว่คว้าหาปมเชือกเพื่อจะแกะมัน ซึ่งก็เป็นไปด้วยความยากลำบากทุลักทุเล
สุดท้ายด้วยระยะทางยาวไกลของสายน้ำ ทำให้แซมยอมแพ้ หมดสติไป ปล่อยให้กระแสน้ำพัดไปตามยถากรรม แล้วมานอนหงายอยู่บนหาดทรายนี่
เขาสะอึก น้ำทะลักออกจากปาก รีบพลิกตัวคว่ำ สำรอกน้ำออกมา แล้วกลับพลิกตัวนอนหงายอีกครั้ง เป่าปากฟู่
"ยังดวงแข็งอยู่โว้ย ไอ้แซม! หึหึ...แต่นี่มันที่ไหนหว่า ??"
แซมเปิดตา มองฟ้าเบื้องบน เห็นนกทะเลบินว่อน ท้องฟ้าสีครามสดใสมีเมฆประปราย ได้ยินเสียงนกเหล่านั้นร้อง เสียงคลื่นซัดสาด เสียงสายลมโชย และรู้สึกถึงอากาศซึ่งสบายกำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป
เขารู้สึกว่า ที่นี่ เป็นที่ที่มีอากาศดีที่สุดในโลก!
"โอ้.....สวรรค์บนดินชัดๆ เลยที่นี่!" เขาพูดกับตัวเอง
ทันใดนั้นก็สะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งพอได้ยินก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือตัวอะไร ร้องลั่นรัวๆ ไม่ห่างจากตัวเขานัก น่าจะประมาณสองสามวาเท่านั้นเอง!
"เจี๊ยกๆๆๆ เจี๊ยกๆๆๆ เจี๊ยกกก...วี้ด วื้ววว...!!"
มันแถมท้ายด้วยการเป่าปากเสียด้วย!
แซมผลุดลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปทางซ้ายที่ได้ยินเสียงของมัน แล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยปากทักทาย
"เฮ้! ว่าไง เจ้าลิงเผือก! แกอยู่ที่นี่เหรอ ??"
"เจ้าลิงเผือก" ทำหน้าตามึนงง ส่ายหน้า และเอามือข้างหนึ่งเกาหัว บอกให้รู้ว่ามันไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด
"อ้อ....แกฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องสินะ" แซมบอกกับมันพลางใช้ความคิดพิจารณาหาเหตุผล แล้วเปลี่ยนมาพูดภาษาแอตแลนติสเชี่ยนซึ่งได้เรียนมาแล้วพอสมควร "อ่า...ตกลง ฉันพูดภาษาของที่นี่ก็แล้วกัน ภาษาของชาวแอตแลนติส...แก ฟังรู้เรื่องไหมตอนนี้ ?"
แล้วแซมก็ต้องทึ่งและดีใจในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นมันร้องและกระโดดโลดเต้นปรบมือ ตบท้ายด้วยการเป่าปากอีกรอบ!
"เจี๊ยก! เจี๊ยกๆๆๆๆ เจี๊ยก!! วี้ดดดด วิ้วววว !!!"
แซมหัวเราะ แล้วกวักมือเรียกมัน "มานี่มา เจ้าเผือก!"
ฉับพลันก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าตนเองเป็นอิสระจากการถูกมัดแล้ว เชือกที่เคยมัดตัวเขาตอนนี้ถูกวางกองไว้กับพื้นใกล้ๆ ตัวเขานั่นเอง
"แกช่วยฉันเองหรือเนี่ย เจ้าเผือก ?" แซมถามมันพร้อมกับยกมือขวาขึ้นลูบหัวของมันเมื่อมันเข้ามาหาใกล้ๆ แล้วก็ทำตาโตเมื่อมองเห็นชัดเจนถึงเพศของเจ้าลิงเผือก
"โอ๊ะโอ! เธอเป็นตัวเมียนี่นา ต้องเรียกให้เหมาะๆ อืม...เธอนี่ ฉลาดมากนี่นา ฟังภาษาคนออกด้วย มีคนสอนเธอใช่ไหม ?"
มันพยักหน้า ยิ้มกว้างและส่งสายตาชะมดชะม้อยให้เขา
แซมก็ยิ้มโชว์ฟันขาวตอบมัน "ยอดเยี่ยม! อย่ามองฉันแบบนั้น! ฮ่ะๆๆ ชักใจไม่ดีแล้วนะเนี่ย!"
และโดยไม่คาดฝัน มันเข้ามาโอบกอดเขาไว้และก้มลง สบตาเขา
"โอย...แม่เผือกจ๋า! ฉันรู้แล้วว่าเธอชอบฉัน แต่ว่า..." แซมพูดแล้วหยุดหัวเราะ ก่อนจะบอกกับมันต่อไป
"ฉันมีเมียแล้วนะ! สวยด้วย!!"
เท่านั้นเอง แม่ลิงเผือกแยกเขี้ยว สะบัดหน้า ปล่อยมือออกจากการโอบกอดเขาโดยทันที แล้วมองค้อน!
แซมหัวเราะชอบใจ ก่อนจะปลอบใจมัน "เอาน่า....ไม่เป็นไรหรอก! สักวันเธอก็ต้องพบเจอคู่ของเธอจนได้แหละ"
มันส่ายหน้าไปมาเมื่อได้ยินคำนั้นและทำปากเบะ ยิ่งทำให้แซมขำมากยิ่งขึ้น และทึ่งมากขึ้นกับการรู้ภาษาคนของมัน
"เอาละๆ...เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน!" แซมว่า พลางยกนิ้วชี้ตั้งขึ้น "เรามาเป็นพี่น้องกัน ฉันเป็นพี่ชายของเธอ
เธอเป็นน้องสาวของฉัน ตกลงไหม ?"
เจ้าลิงเผือกทำท่าครุ่นคิดอยู่นิดหนึ่ง แล้วแยกเขี้ยวยิ้ม ส่งสายตาอ่อนโยนมองเขา พยักหน้า แล้วเข้ามาโอบกอดเขาอีกครั้ง!
"โอเคๆ...." แซมพูดปนหัวเราะ "น้องสาวคนใหม่" ทำหน้างงๆ มองเขา
"ฉันหมายความว่า ตกลงน่ะ! คำว่า โอเค เป็นภาษาคนอีกดินแดนหนึ่งน่ะจ้ะ"
นางลิงเผือกพยักหน้าหงึกๆ
"นี่เธอ...เข้าใจภาษาคน ฉันหมายถึงชาวแอตแลนติส...ทุกคำเลยหรือ ??" แซมถามมันด้วยความทึ่งและข้องใจ
มันยิ้มและพยักหน้าอีก
"งั้น...เธอก็ต้องมีชื่อ ใช่ไหม ?"
มันพยักหน้าและยิ้มอีกตามเคย
"แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง ว่าเธอชื่ออะไร เพราะเธอพูดไม่ได้นี่นา"
นางลิงเผือกยิ้มอีก แล้วยกนิ้วชี้ตั้งขึ้นเหมือนที่เขาทำเมื่อสักครู่นี้ จากนั้นจึงชี้ไปยังก้อนเมฆบนฟ้า
แซมแหงนหน้าขึ้นมองตาม แล้วหันมาถามมัน "เมฆ ??? เธอชื่อว่าเมฆหรือ ?"
มันส่ายหน้า แล้วยกมือขึ้นชูสองนิ้ว
"ชูสองนิ้ว แปลว่าอะไรเนี่ย เมฆเมฆ ???"
มันส่ายหน้าอีก แล้วยกมือขึ้นทำท่าขยุ้ม นิ้วทั้งหมดขยุ้มเข้าหากันแล้วปล่อยออก แล้วขยุ้มเข้าหากันอีก จากนั้นก็ชี้ไปยังเมฆบนฟ้าอีก
แซมขมวดคิ้ว พยายามตีความหมายที่มันต้องการสื่อ
"เมฆยังไงกันล่ะเนี่ย ? ก้อนเมฆ ??? อ้าวส่ายหน้าไม่ใช่อีก เมฆขาว ?? เมฆน้อย ???"
นางลิงเผือกส่ายหน้าอีก ทำท่าหงุดหงิดเล็กน้อย ยกมือเกาหัวอีกครั้ง แล้วครุ่นคิด สักครู่หนึ่งก็ทำตาโต มองหน้าเขาแล้วยกสองมือขึ้นมา มือซ้ายแบออก มือขวา ทำท่าเขียนหนังสือ! แล้วชี้มือนั้นมาที่เขาเหมือนจะถาม
"หืมมม..???" แซมเลิกคิ้วขึ้น "เธอ....กำลังถามฉันว่า ฉันเขียนหนังสือ หรือว่าอ่านหนังสือได้หรือเปล่า อย่างนั้นใช่ไหม ?"
"เจี๊ยกๆๆ!" มันร้องออกมาพร้อมกับปรบมืออย่างลิงโลด
"อ๋อ...ได้สิ! ฉันเรียนภาษาของที่นี่ ก็ต้องเรียนการเขียนด้วย....เฮ้!" แซมพูดแล้วหยุด จ้องตามัน "
อย่าบอกนะ ว่าเธอ เขียนหนังสือเป็น!"
แล้วเขาก็ต้องขนลุก! เมื่อเห็นมันพยักหน้าพร้อมด้วยยิ้มกว้าง จากนั้น มันจิ้มนิ้วชี้ลงไปบนผืนทราย แล้วขีดเขียนอักษรแอตแลนติสเชี่ยนให้เขาดู!
แซมค่อยๆ อ่าน สะกดไปตามเส้นที่มันลาก
"ฉ...ฉัน.....ช....ชื่อ....ป...ปุย....ม....เม...เมฆ !!!"
"ปุยเมฆ !!!"
"เจี๊ยกๆๆๆ" นางลิงเผือกส่งเสียงร้องและปรบมือ
"ชื่อเพราะมาก!"
มันยิ้มให้กับคำชมนั้น แล้วยกนิ้วชี้ขึ้นมาอีกครั้ง ชี้มาที่ตัวเขา
"จะถามว่า ฉันชื่ออะไร ใช่ไหม ?"
เจ้าปุยเมฆพยักหน้าหงึก
"ฉันชื่อ แซม!" เขาบอกกับมัน พร้อมกับเอานิ้วชี้ขีดเขียนอักษรแอตแลนติสเชี่ยนบนผืนทรายให้มันดูด้วย
มันมองตาม แล้วก็หันมายิ้ม พยักหน้าให้เขาอีกครั้ง จากนั้นจึงเป็นฝ่ายเขียนอีก ถามเขา
"หิว ไหม พี่ แซม ?"
แซมอ่านคำถามด้วยความประหลาดใจสุดๆ ว่าผู้ที่สอนมันสอนมันให้ฉลาดได้ถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ก่อนจะพูดตอบมันไป
"หิวไหมเหรอ ? ก็นิดหน่อยจ้ะ แต่ไม่มากเท่าไร"
เจ้าปุยเมฆพยักหน้าอีกครั้ง แล้วเอามือลบข้อความบนผืนทรายเป็นการ "เคลียร์กระดาน" ก่อนจะเริ่มเขียนใหม่
"ไป กับ ฉัน เดี๋ยว ฉัน จะ หา อะ ไร ให้ กิน!"
แซมทำตาโต ไม่รู้ว่าตัวเองทึ่งกับเจ้าปุยเมฆเป็นครั้งที่เท่าไรแล้ว
พอเขียนเสร็จ เจ้าปุยเมฆก็คว้าข้อมือของแซมหมับเข้าให้แล้วพยักหน้าให้เขาเหมือนจะบอกว่า "ไปกันเถอะ" แล้วออกเดินลากจูงแขนเขาไปจากหาดทรายตรงนั้น
แซมจำต้องปล่อยให้มันจูงเขาไปแต่โดยดี เพราะมันตัวโตสูงใหญ่กว่าเขา มีพละกำลังมิใช่น้อยทีเดียว!
ทั้งลิงทั้งคนเดินไปด้วยกันเป็นระยะทางร่วมสองกิโล ในที่สุด เจ้าปุยเมฆพาแซมมาถึงดงต้นมะพร้าว!
มีต้นมะพร้าวสูงใหญ่ ใหญ่มากชนิดคนเดียวโอบรอบต้นไม่ได้ ต้องสองคนถึงจะโอบได้ บางต้นต้องใช้ถึงสามคนด้วยซ้ำ หลายสิบต้นยืนต้นอยู่ละลานตา และหลายต้นออกผลให้เห็น ซึ่งอยู่ที่ปลายต้นอันสูงลิบลิ่ว
เจ้าปุยเมฆชี้ไปที่ต้นหนึ่ง แล้วหันกลับมาชี้ตัวเขา จบด้วยการชี้ลงพื้นสองสามที
"ให้ฉันรออยู่ตรงนี้สินะ ?" แซมถาม และมันก็พยักหน้า ก่อนจะผละจากเขาไปยังต้นมะพร้าวต้นนั้นแล้วกระโดดเกาะต้นมะพร้าว ปีนป่ายขึ้นไปอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถึงยอดต้น สองมือจับผลมะพร้าวขนาดใหญ่มากสำหรับแซม แต่ไม่ใหญ่สำหรับมันเลย กระชากหลุดจากขั้ว แล้วปล่อยให้มันตกลงสู่พื้นดังตุ้บหนักๆ จากนั้นก็ปลิดออกจากขั้วมาอีกหนึ่งลูก ทิ้งลงมาสู่พื้น แล้วตัวมันจึงปีนลงมาจากต้นมะพร้าว หอบมะพร้าวสองลูกนั้นกลับมาหาแซมซึ่งยืนดูอยู่ด้วยความทึ่งจนไม่รู้จะทึ่งไปอีกกี่ครั้งกี่หน
"เธอเก่งมากๆเลย ปุยเมฆ" เขากล่าวชมมันเมื่อมันเดินมาถึงตัว "มะพร้าวที่นี่ มีขนาดใหญ่โตอย่างเหลือเชื่อ แต่ว่า...เธอจะทำอย่างไร เราจึงจะสามารถกินน้ำและเนื้อข้างในมันได้ล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอมีมีดพร้า! เพราะถ้าเธอมี ฉันว่าเธอคงเป็นคนกลับชาติมาเกิดเป็นลิง! ไม่อย่างนั้น ก็คงเป็นลิงมาจากต่างดาวแน่ๆ เลยละ!"
เจ้าปุยเมฆส่ายหน้าว่าไม่ใช่ทั้งสองอย่าง แล้วทำท่าทางพยักเพยิดให้เขาเดินออกจากดงต้นมะพร้าว ตามมันไปยังหาดทรายอีกที่หนึ่ง
แซมเดินตามมันไป และพบว่าที่นั่นมีโขดหินน้อยใหญ่มากมาย
"สงสัยมันคงจะใช้หินฉีกผลมะพร้าวแน่เลย" แซมนึกในใจ
แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคาดคิด เจ้าปุยเมฆไปถึงโขดหินแห่งหนึ่ง มีหินแหลมก้อนหนึ่งอยู่ข้างบน มันยกมะพร้าวลูกหนึ่งขึ้นแล้วทุ่มมะพร้าวลูกนั้นเข้ากับปลายแหลมของหินนั้น เปลือกมะพร้าวถูกฉีกออก จากนั้นใช้สองมือฉีกเปลือกมะพร้าวออกจนเหลือลูกมะพร้าวข้างใน เขย่าๆดู ได้ยินเสียงน้ำมะพร้าวดังจากข้างในอย่างชัดเจน!
เจ้าปุยเมฆหันมายิ้มให้เขาทีหนึ่ง แล้วคว้าก้อนหินขนาดเขื่องก้อนหนึ่งทุบกระโหลกมะพร้าวแตกดังโพละ ลูกมะพร้าวนั้นโบ๋เป็นช่อง น้ำมะพร้าวกระฉอกออกมาให้เห็น นางลิงเผือกแสนรู้อุ้มมะพร้าวลูกนั้นเดินมายื่นให้เขาทันที พยักหน้าให้เขาเหมือนบอกว่า "ดื่มสิ!"
"ขอบใจมากจ้ะ ปุยเมฆ" แซมบอกกับมันขณะที่รับมะพร้าวมา ยกขึ้นดื่มน้ำมะพร้าว
เจ้าปุยเมฆ เอียงคอมองดูเขา เหมือนจะถามว่า "รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง อร่อยไหม ?"
แซมดื่มไปหลายอึก ก่อนจะหยุดแล้วบอกมัน "หอมหวานเย็นสดชื่นดีมากเลย ปุยเมฆ! ฉันไม่เคยดื่มน้ำมะพร้าวอร่อยอย่างนี้มาก่อนเลย สุดยอดมาก!"
มันพยักหน้าและยิ้มให้ตามเคย พอเห็นเขาดื่มน้ำมะพร้าวจนหมดแล้วก็ยกมะพร้าวอีกลูกหนึ่งขึ้นมา ชี้ที่ลูกมะพร้าวและเอียงคอมองเขาเหมือนถามเขาว่า "เอาลูกนี้อีกไหม ?"
แซมยิ้มพลางส่ายหน้าและตอบ "พอแล้วจ้ะ ฉันอิ่มแล้วหละ เธอกินลูกนั้นเถอะนะ"
เจ้าปุยเมฆก็ยิ้ม พยักหน้าหงึก แล้วเดินอุ้มมะพร้าวลูกนั้นไปจัดการเพื่อตัวมันเอง
"นี่เป็นเรื่องสุดแสนมหัศจรรย์จริงๆ" แซมนึกในใจขณะที่กำลังมองดูเจ้าปุยเมฆจัดการกับมะพร้าวลูกนั้น "ใครกันหนอ เป็นเจ้าของหรือผู้สอนมัน ? ต้องเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาแน่นอน!"
ดื่มน้ำมะพร้าวหมดแล้ว เจ้าปุยเมฆก็มาจูงมือเขาออกเดินอีกครั้ง ไปยังสถานที่พำนักของอาจารย์ และศิษย์ผู้พี่ของมัน!
แซมเดินไปกับมันอย่างสบายใจ และตื่นเต้น อยากรู้เหลือเกินว่า มันจะพาตนไปที่ไหน ไปพบกับใคร...
***************************************************************************************
ข้างบน....เหนือขึ้นไปจากแดนอันเป็นดุจสวรรค์บนดินอย่างที่แซมว่า ภรรยาของเขากำลังเดินดุ่มมาตามทาง จนถึงบริเวณที่อดีตศิษย์ผู้พี่และศิษย์ผู้น้องคือฟรีด้ากับออเรเคิลเคยต่อสู้กัน...
"เหนื่อยจัง...เดินมาตั้งไกลแล้ว ยังไม่เจอใครซักคน มันมีคนอยู่ไม๊เนี่ยแถวเนี้ย!"
สาวจอยบ่นราวกับหมีกินผึ้ง
"ปวดประจำเดือนขึ้นมาอีกแระ โอ๊ยย!
ทำไมผู้หญิงต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ รำคาญชะมัด!! นี่ถ้ากัปตันไม่มากระตุ้นก็คงไม่มาไวแบบนี้หรอก!!!"
(ต่อจ้ะ) ^^
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 15 🚀💫🕛💫
หนุ่มแซม ซึ่งถูกเหล่าสมุนของเลโอนีดาสจับโยนลงมาในทะเลสาปแห่งนี้ ถูกสายน้ำเบื้องล่างซึ่งเป็นกระแสน้ำเย็นพัดพามาสู่จุดที่กระแสน้ำอุ่นมาบรรจบ และกระแสน้ำทั้งสองสายรวมกันเป็นกระแสน้ำที่อุ่นพอดีสายเดียว พัดพาเขาเข้าสู่ดินแดนปริศนาซึ่งไม่มีอยู่ในแผนที่ สุดท้าย พระภาดาเขยแห่งองค์ฟาโรห์คูฟูก็มานอนหงายสลบไสลอยู่บนหาดทรายขาวโพลนริมทะเล
เสียงคลื่นทะเลน้อยใหญ่สาดซัดฝั่งเป็ยระลอกๆ เสียงนกนางนวลร้องอยู่บนฟ้าทั้งใกล้และไกล และสายลมโชยกระทบร่างของแซมเป็นระยะๆ
บรรยากาศสบายๆ เช่นนี้ ใครได้มานอนอยู่บนหาดทรายอย่างเขา ก็คงจะอยากนอนหลับให้สบายไปนานๆ ไม่อยากตื่นเป็นแน่
และแซมเองก็เหมือนกัน เขาเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว...
จำได้ว่าชั่วขณะหนึ่งที่ร่างของตนถูกโยนลงทะเลสาป สัมผัสกับน้ำอันเย็นเฉียบปลุกให้ตัวเองรู้สึกตื่นและพบว่าตนถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือก และเมื่อรู้ว่ากำลังอยู่ในน้ำก็พยายามปิดกั้นทวารจมูกและปากด้วยการกลั้นหายใจพร้อมกับสองมือซึ่งถูกมัดไพล่หลังก็พยายามดิ้นรนไขว่คว้าหาปมเชือกเพื่อจะแกะมัน ซึ่งก็เป็นไปด้วยความยากลำบากทุลักทุเล
สุดท้ายด้วยระยะทางยาวไกลของสายน้ำ ทำให้แซมยอมแพ้ หมดสติไป ปล่อยให้กระแสน้ำพัดไปตามยถากรรม แล้วมานอนหงายอยู่บนหาดทรายนี่
เขาสะอึก น้ำทะลักออกจากปาก รีบพลิกตัวคว่ำ สำรอกน้ำออกมา แล้วกลับพลิกตัวนอนหงายอีกครั้ง เป่าปากฟู่
"ยังดวงแข็งอยู่โว้ย ไอ้แซม! หึหึ...แต่นี่มันที่ไหนหว่า ??"
แซมเปิดตา มองฟ้าเบื้องบน เห็นนกทะเลบินว่อน ท้องฟ้าสีครามสดใสมีเมฆประปราย ได้ยินเสียงนกเหล่านั้นร้อง เสียงคลื่นซัดสาด เสียงสายลมโชย และรู้สึกถึงอากาศซึ่งสบายกำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป
เขารู้สึกว่า ที่นี่ เป็นที่ที่มีอากาศดีที่สุดในโลก!
"โอ้.....สวรรค์บนดินชัดๆ เลยที่นี่!" เขาพูดกับตัวเอง
ทันใดนั้นก็สะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งพอได้ยินก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือตัวอะไร ร้องลั่นรัวๆ ไม่ห่างจากตัวเขานัก น่าจะประมาณสองสามวาเท่านั้นเอง!
"เจี๊ยกๆๆๆ เจี๊ยกๆๆๆ เจี๊ยกกก...วี้ด วื้ววว...!!"
มันแถมท้ายด้วยการเป่าปากเสียด้วย!
แซมผลุดลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปทางซ้ายที่ได้ยินเสียงของมัน แล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยปากทักทาย
"เฮ้! ว่าไง เจ้าลิงเผือก! แกอยู่ที่นี่เหรอ ??"
"เจ้าลิงเผือก" ทำหน้าตามึนงง ส่ายหน้า และเอามือข้างหนึ่งเกาหัว บอกให้รู้ว่ามันไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด
"อ้อ....แกฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องสินะ" แซมบอกกับมันพลางใช้ความคิดพิจารณาหาเหตุผล แล้วเปลี่ยนมาพูดภาษาแอตแลนติสเชี่ยนซึ่งได้เรียนมาแล้วพอสมควร "อ่า...ตกลง ฉันพูดภาษาของที่นี่ก็แล้วกัน ภาษาของชาวแอตแลนติส...แก ฟังรู้เรื่องไหมตอนนี้ ?"
แล้วแซมก็ต้องทึ่งและดีใจในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นมันร้องและกระโดดโลดเต้นปรบมือ ตบท้ายด้วยการเป่าปากอีกรอบ!
"เจี๊ยก! เจี๊ยกๆๆๆๆ เจี๊ยก!! วี้ดดดด วิ้วววว !!!"
แซมหัวเราะ แล้วกวักมือเรียกมัน "มานี่มา เจ้าเผือก!"
ฉับพลันก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าตนเองเป็นอิสระจากการถูกมัดแล้ว เชือกที่เคยมัดตัวเขาตอนนี้ถูกวางกองไว้กับพื้นใกล้ๆ ตัวเขานั่นเอง
"แกช่วยฉันเองหรือเนี่ย เจ้าเผือก ?" แซมถามมันพร้อมกับยกมือขวาขึ้นลูบหัวของมันเมื่อมันเข้ามาหาใกล้ๆ แล้วก็ทำตาโตเมื่อมองเห็นชัดเจนถึงเพศของเจ้าลิงเผือก
"โอ๊ะโอ! เธอเป็นตัวเมียนี่นา ต้องเรียกให้เหมาะๆ อืม...เธอนี่ ฉลาดมากนี่นา ฟังภาษาคนออกด้วย มีคนสอนเธอใช่ไหม ?"
มันพยักหน้า ยิ้มกว้างและส่งสายตาชะมดชะม้อยให้เขา
แซมก็ยิ้มโชว์ฟันขาวตอบมัน "ยอดเยี่ยม! อย่ามองฉันแบบนั้น! ฮ่ะๆๆ ชักใจไม่ดีแล้วนะเนี่ย!"
และโดยไม่คาดฝัน มันเข้ามาโอบกอดเขาไว้และก้มลง สบตาเขา
"โอย...แม่เผือกจ๋า! ฉันรู้แล้วว่าเธอชอบฉัน แต่ว่า..." แซมพูดแล้วหยุดหัวเราะ ก่อนจะบอกกับมันต่อไป
"ฉันมีเมียแล้วนะ! สวยด้วย!!"
เท่านั้นเอง แม่ลิงเผือกแยกเขี้ยว สะบัดหน้า ปล่อยมือออกจากการโอบกอดเขาโดยทันที แล้วมองค้อน!
แซมหัวเราะชอบใจ ก่อนจะปลอบใจมัน "เอาน่า....ไม่เป็นไรหรอก! สักวันเธอก็ต้องพบเจอคู่ของเธอจนได้แหละ"
มันส่ายหน้าไปมาเมื่อได้ยินคำนั้นและทำปากเบะ ยิ่งทำให้แซมขำมากยิ่งขึ้น และทึ่งมากขึ้นกับการรู้ภาษาคนของมัน
"เอาละๆ...เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน!" แซมว่า พลางยกนิ้วชี้ตั้งขึ้น "เรามาเป็นพี่น้องกัน ฉันเป็นพี่ชายของเธอ เธอเป็นน้องสาวของฉัน ตกลงไหม ?"
เจ้าลิงเผือกทำท่าครุ่นคิดอยู่นิดหนึ่ง แล้วแยกเขี้ยวยิ้ม ส่งสายตาอ่อนโยนมองเขา พยักหน้า แล้วเข้ามาโอบกอดเขาอีกครั้ง!
"โอเคๆ...." แซมพูดปนหัวเราะ "น้องสาวคนใหม่" ทำหน้างงๆ มองเขา
"ฉันหมายความว่า ตกลงน่ะ! คำว่า โอเค เป็นภาษาคนอีกดินแดนหนึ่งน่ะจ้ะ"
นางลิงเผือกพยักหน้าหงึกๆ
"นี่เธอ...เข้าใจภาษาคน ฉันหมายถึงชาวแอตแลนติส...ทุกคำเลยหรือ ??" แซมถามมันด้วยความทึ่งและข้องใจ
มันยิ้มและพยักหน้าอีก
"งั้น...เธอก็ต้องมีชื่อ ใช่ไหม ?"
มันพยักหน้าและยิ้มอีกตามเคย
"แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง ว่าเธอชื่ออะไร เพราะเธอพูดไม่ได้นี่นา"
นางลิงเผือกยิ้มอีก แล้วยกนิ้วชี้ตั้งขึ้นเหมือนที่เขาทำเมื่อสักครู่นี้ จากนั้นจึงชี้ไปยังก้อนเมฆบนฟ้า
แซมแหงนหน้าขึ้นมองตาม แล้วหันมาถามมัน "เมฆ ??? เธอชื่อว่าเมฆหรือ ?"
มันส่ายหน้า แล้วยกมือขึ้นชูสองนิ้ว
"ชูสองนิ้ว แปลว่าอะไรเนี่ย เมฆเมฆ ???"
มันส่ายหน้าอีก แล้วยกมือขึ้นทำท่าขยุ้ม นิ้วทั้งหมดขยุ้มเข้าหากันแล้วปล่อยออก แล้วขยุ้มเข้าหากันอีก จากนั้นก็ชี้ไปยังเมฆบนฟ้าอีก
แซมขมวดคิ้ว พยายามตีความหมายที่มันต้องการสื่อ
"เมฆยังไงกันล่ะเนี่ย ? ก้อนเมฆ ??? อ้าวส่ายหน้าไม่ใช่อีก เมฆขาว ?? เมฆน้อย ???"
นางลิงเผือกส่ายหน้าอีก ทำท่าหงุดหงิดเล็กน้อย ยกมือเกาหัวอีกครั้ง แล้วครุ่นคิด สักครู่หนึ่งก็ทำตาโต มองหน้าเขาแล้วยกสองมือขึ้นมา มือซ้ายแบออก มือขวา ทำท่าเขียนหนังสือ! แล้วชี้มือนั้นมาที่เขาเหมือนจะถาม
"หืมมม..???" แซมเลิกคิ้วขึ้น "เธอ....กำลังถามฉันว่า ฉันเขียนหนังสือ หรือว่าอ่านหนังสือได้หรือเปล่า อย่างนั้นใช่ไหม ?"
"เจี๊ยกๆๆ!" มันร้องออกมาพร้อมกับปรบมืออย่างลิงโลด
"อ๋อ...ได้สิ! ฉันเรียนภาษาของที่นี่ ก็ต้องเรียนการเขียนด้วย....เฮ้!" แซมพูดแล้วหยุด จ้องตามัน "อย่าบอกนะ ว่าเธอ เขียนหนังสือเป็น!"
แล้วเขาก็ต้องขนลุก! เมื่อเห็นมันพยักหน้าพร้อมด้วยยิ้มกว้าง จากนั้น มันจิ้มนิ้วชี้ลงไปบนผืนทราย แล้วขีดเขียนอักษรแอตแลนติสเชี่ยนให้เขาดู!
แซมค่อยๆ อ่าน สะกดไปตามเส้นที่มันลาก
"ฉ...ฉัน.....ช....ชื่อ....ป...ปุย....ม....เม...เมฆ !!!"
"ปุยเมฆ !!!"
"เจี๊ยกๆๆๆ" นางลิงเผือกส่งเสียงร้องและปรบมือ
"ชื่อเพราะมาก!"
มันยิ้มให้กับคำชมนั้น แล้วยกนิ้วชี้ขึ้นมาอีกครั้ง ชี้มาที่ตัวเขา
"จะถามว่า ฉันชื่ออะไร ใช่ไหม ?"
เจ้าปุยเมฆพยักหน้าหงึก
"ฉันชื่อ แซม!" เขาบอกกับมัน พร้อมกับเอานิ้วชี้ขีดเขียนอักษรแอตแลนติสเชี่ยนบนผืนทรายให้มันดูด้วย
มันมองตาม แล้วก็หันมายิ้ม พยักหน้าให้เขาอีกครั้ง จากนั้นจึงเป็นฝ่ายเขียนอีก ถามเขา
"หิว ไหม พี่ แซม ?"
แซมอ่านคำถามด้วยความประหลาดใจสุดๆ ว่าผู้ที่สอนมันสอนมันให้ฉลาดได้ถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ก่อนจะพูดตอบมันไป
"หิวไหมเหรอ ? ก็นิดหน่อยจ้ะ แต่ไม่มากเท่าไร"
เจ้าปุยเมฆพยักหน้าอีกครั้ง แล้วเอามือลบข้อความบนผืนทรายเป็นการ "เคลียร์กระดาน" ก่อนจะเริ่มเขียนใหม่
"ไป กับ ฉัน เดี๋ยว ฉัน จะ หา อะ ไร ให้ กิน!"
แซมทำตาโต ไม่รู้ว่าตัวเองทึ่งกับเจ้าปุยเมฆเป็นครั้งที่เท่าไรแล้ว
พอเขียนเสร็จ เจ้าปุยเมฆก็คว้าข้อมือของแซมหมับเข้าให้แล้วพยักหน้าให้เขาเหมือนจะบอกว่า "ไปกันเถอะ" แล้วออกเดินลากจูงแขนเขาไปจากหาดทรายตรงนั้น
แซมจำต้องปล่อยให้มันจูงเขาไปแต่โดยดี เพราะมันตัวโตสูงใหญ่กว่าเขา มีพละกำลังมิใช่น้อยทีเดียว!
ทั้งลิงทั้งคนเดินไปด้วยกันเป็นระยะทางร่วมสองกิโล ในที่สุด เจ้าปุยเมฆพาแซมมาถึงดงต้นมะพร้าว!
มีต้นมะพร้าวสูงใหญ่ ใหญ่มากชนิดคนเดียวโอบรอบต้นไม่ได้ ต้องสองคนถึงจะโอบได้ บางต้นต้องใช้ถึงสามคนด้วยซ้ำ หลายสิบต้นยืนต้นอยู่ละลานตา และหลายต้นออกผลให้เห็น ซึ่งอยู่ที่ปลายต้นอันสูงลิบลิ่ว
เจ้าปุยเมฆชี้ไปที่ต้นหนึ่ง แล้วหันกลับมาชี้ตัวเขา จบด้วยการชี้ลงพื้นสองสามที
"ให้ฉันรออยู่ตรงนี้สินะ ?" แซมถาม และมันก็พยักหน้า ก่อนจะผละจากเขาไปยังต้นมะพร้าวต้นนั้นแล้วกระโดดเกาะต้นมะพร้าว ปีนป่ายขึ้นไปอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถึงยอดต้น สองมือจับผลมะพร้าวขนาดใหญ่มากสำหรับแซม แต่ไม่ใหญ่สำหรับมันเลย กระชากหลุดจากขั้ว แล้วปล่อยให้มันตกลงสู่พื้นดังตุ้บหนักๆ จากนั้นก็ปลิดออกจากขั้วมาอีกหนึ่งลูก ทิ้งลงมาสู่พื้น แล้วตัวมันจึงปีนลงมาจากต้นมะพร้าว หอบมะพร้าวสองลูกนั้นกลับมาหาแซมซึ่งยืนดูอยู่ด้วยความทึ่งจนไม่รู้จะทึ่งไปอีกกี่ครั้งกี่หน
"เธอเก่งมากๆเลย ปุยเมฆ" เขากล่าวชมมันเมื่อมันเดินมาถึงตัว "มะพร้าวที่นี่ มีขนาดใหญ่โตอย่างเหลือเชื่อ แต่ว่า...เธอจะทำอย่างไร เราจึงจะสามารถกินน้ำและเนื้อข้างในมันได้ล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอมีมีดพร้า! เพราะถ้าเธอมี ฉันว่าเธอคงเป็นคนกลับชาติมาเกิดเป็นลิง! ไม่อย่างนั้น ก็คงเป็นลิงมาจากต่างดาวแน่ๆ เลยละ!"
เจ้าปุยเมฆส่ายหน้าว่าไม่ใช่ทั้งสองอย่าง แล้วทำท่าทางพยักเพยิดให้เขาเดินออกจากดงต้นมะพร้าว ตามมันไปยังหาดทรายอีกที่หนึ่ง
แซมเดินตามมันไป และพบว่าที่นั่นมีโขดหินน้อยใหญ่มากมาย
"สงสัยมันคงจะใช้หินฉีกผลมะพร้าวแน่เลย" แซมนึกในใจ
แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคาดคิด เจ้าปุยเมฆไปถึงโขดหินแห่งหนึ่ง มีหินแหลมก้อนหนึ่งอยู่ข้างบน มันยกมะพร้าวลูกหนึ่งขึ้นแล้วทุ่มมะพร้าวลูกนั้นเข้ากับปลายแหลมของหินนั้น เปลือกมะพร้าวถูกฉีกออก จากนั้นใช้สองมือฉีกเปลือกมะพร้าวออกจนเหลือลูกมะพร้าวข้างใน เขย่าๆดู ได้ยินเสียงน้ำมะพร้าวดังจากข้างในอย่างชัดเจน!
เจ้าปุยเมฆหันมายิ้มให้เขาทีหนึ่ง แล้วคว้าก้อนหินขนาดเขื่องก้อนหนึ่งทุบกระโหลกมะพร้าวแตกดังโพละ ลูกมะพร้าวนั้นโบ๋เป็นช่อง น้ำมะพร้าวกระฉอกออกมาให้เห็น นางลิงเผือกแสนรู้อุ้มมะพร้าวลูกนั้นเดินมายื่นให้เขาทันที พยักหน้าให้เขาเหมือนบอกว่า "ดื่มสิ!"
"ขอบใจมากจ้ะ ปุยเมฆ" แซมบอกกับมันขณะที่รับมะพร้าวมา ยกขึ้นดื่มน้ำมะพร้าว
เจ้าปุยเมฆ เอียงคอมองดูเขา เหมือนจะถามว่า "รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง อร่อยไหม ?"
แซมดื่มไปหลายอึก ก่อนจะหยุดแล้วบอกมัน "หอมหวานเย็นสดชื่นดีมากเลย ปุยเมฆ! ฉันไม่เคยดื่มน้ำมะพร้าวอร่อยอย่างนี้มาก่อนเลย สุดยอดมาก!"
มันพยักหน้าและยิ้มให้ตามเคย พอเห็นเขาดื่มน้ำมะพร้าวจนหมดแล้วก็ยกมะพร้าวอีกลูกหนึ่งขึ้นมา ชี้ที่ลูกมะพร้าวและเอียงคอมองเขาเหมือนถามเขาว่า "เอาลูกนี้อีกไหม ?"
แซมยิ้มพลางส่ายหน้าและตอบ "พอแล้วจ้ะ ฉันอิ่มแล้วหละ เธอกินลูกนั้นเถอะนะ"
เจ้าปุยเมฆก็ยิ้ม พยักหน้าหงึก แล้วเดินอุ้มมะพร้าวลูกนั้นไปจัดการเพื่อตัวมันเอง
"นี่เป็นเรื่องสุดแสนมหัศจรรย์จริงๆ" แซมนึกในใจขณะที่กำลังมองดูเจ้าปุยเมฆจัดการกับมะพร้าวลูกนั้น "ใครกันหนอ เป็นเจ้าของหรือผู้สอนมัน ? ต้องเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาแน่นอน!"
ดื่มน้ำมะพร้าวหมดแล้ว เจ้าปุยเมฆก็มาจูงมือเขาออกเดินอีกครั้ง ไปยังสถานที่พำนักของอาจารย์ และศิษย์ผู้พี่ของมัน!
แซมเดินไปกับมันอย่างสบายใจ และตื่นเต้น อยากรู้เหลือเกินว่า มันจะพาตนไปที่ไหน ไปพบกับใคร...
***************************************************************************************
ข้างบน....เหนือขึ้นไปจากแดนอันเป็นดุจสวรรค์บนดินอย่างที่แซมว่า ภรรยาของเขากำลังเดินดุ่มมาตามทาง จนถึงบริเวณที่อดีตศิษย์ผู้พี่และศิษย์ผู้น้องคือฟรีด้ากับออเรเคิลเคยต่อสู้กัน...
"เหนื่อยจัง...เดินมาตั้งไกลแล้ว ยังไม่เจอใครซักคน มันมีคนอยู่ไม๊เนี่ยแถวเนี้ย!"
สาวจอยบ่นราวกับหมีกินผึ้ง
"ปวดประจำเดือนขึ้นมาอีกแระ โอ๊ยย! ทำไมผู้หญิงต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ รำคาญชะมัด!! นี่ถ้ากัปตันไม่มากระตุ้นก็คงไม่มาไวแบบนี้หรอก!!!"
(ต่อจ้ะ) ^^