ถาม/ระบาย/ขอกำลังใจ นศ.กะเหรี่ยงบัตรสีชมพูสามารถทำประกันสุขภาพอะไรได้บ้าง กับโรคปัสสาวะบ่อยที่ยังไม่ทราบสาเเหตุ3 ปี

สวัสดีค่ะ ไม่รู้ว่าจะเรียกตัวเองว่ายังไงดี หนูหรือเรา อายุจะ 24 ปีแล้วค่ะ ขอเรียกตัวเองว่าเราละกันนะคะ

จริงๆแล้วกระทู้นี้มันไม่ใช่แค่อยากถามนะคะ แต่มันคือ อยากระบาย อยากปรึกษา อยากได้คำแนะนำ อยากขอกำลังใจ มันคือทุกอย่าง เพราะตอนนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ
มันอาจจะยาวหน่อยนะคะ แต่มันมากมายจนไม่รู้ว่าจะมีใครรับฟังเราได้ ให้คำปรึกษาเราได้เท่าที่นี่ไหม หรือถ้าไม่มีใครเข้ามา อย่างน้อยที่สุด เราก็คงได้แค่ระบายมันออกไป 

ต้องเริ่มต้นบอกสาเหตุที่เราอายุเท่านี้แต่ยังเรียนอยู่นะคะ เพราะเราจบม.6 แล้วกะจะซิ่วแค่ปีสองปี ทำงานหาเงินแล้วกลับมาเรียนใหม่ แล้วพอปีที่เราสมัครเรียนปีแรก (ช่วงเมษายน 2016) เราเริ่มมีอาการฉี่บ่อย กลางคืนอย่างเดียวเกือบ5-10 ครั้ง แต่ด้วยมันบ่อยแค่กลางคืน เราก็คิดว่าเราคงกินน้ำเยอะไปแน่ๆเลย  แต่มันก็เพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ มากจนเราเริ่มเรียนไม่ได้ สอบกลางภาคครั้งแรกทำได้แค่2 วันเพราะเข้าไปแล้วปวดฉี่ตลอดเวลาเลย ไม่มีสมาธิ จำได้ว่าน่าจะประมาณ 2-3 เดือนหลังจากนั้น ฉี่เราพุ่งไปถึงวันละร้อยกว่าครั้ง ไม่ถึง 5 นาที ก็ปวด เราแทบไม่ได้พักทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยความที่อยู่ไกล รพ.ที่มีสิทธิ์รักษา (สิทธิ์รักษาเราอยู่ที่ รพ. ของอำเภอของบ้านเรา ซึ่งเราไม่ค่อยอยู่บ้านหรอกค่ะตั้งแต่อายุ 15 เราก็ออกมาอยู่ตัวเมือง เรียน ทำงาน ตลอดเลย แต่ตอนอาการมันแย่เราขายของออนไลน์ เราไม่ต้องลางาน และก็ตัดสินใจหยุดเรียนไป) เราก็เลยไปคลีนิคค่ะช่วงแรก กว่าจะเจอคลีนิคที่เกี่ยวกับปัสสาวะโดยตรงก็ คลีนิคที่ 3 จำได้ว่าตอนพบคุณหมอครั้งแรก คุณหมอถามว่า โห หนูฉี่ขนาดนี้ หนูไม่เหนื่อยหรอ แค่นั้นละ เราร้องออกมาเลย เราเหนื่อยมาก เราแค่ไม่อยากให้คนที่อยู่ด้วย เค้าเครียดไปกับเรา เราไม่ได้นอนทั้งวันทั้งคืน เราบอกหมอว่าแทบไม่ได้นอนมา 4 วัน 4 คืนแล้วค่ะ คุณหมอส่งไปตรวจเลือดและปัสสาวะ พบว่าค่าปกติ คุณหมอก็เลยให้ยา แล้วมียาที่ทำให้หลับด้วยค่ะ เพราะบอกหมอไปว่าทานยาแก้เครียดก็ไม่หลับ หมอเลยให้ยามา เป็นยาที่ลดการปัสสาวะกลางคืนและช่วยให้หลับด้วย (ก่อนจะฉี่บ่อยเราก็หลับยากมาตั้งแต่เด็กแล้ว)

อาการเราก็ดีขึ้นจากร้อยครั้ง แค่สัปดาห์เดียว ลดลงเหลือ 50-60 ครั้ง/วัน และประมาณ 1 เดือน ฉี่เราลดลงประมาณ 30-40 ครั้งต่อวันค่ะ และรักษาที่นั่นเกือบ 6 เดือน ไม่แย่ลง แต่ไม่ดีกว่านี้ คุณหมอบอกปกติคนไข้ทานยาสัก 6 เดือน ก็หายแล้ว ลืมบอกค่ะ คุณหมอวิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นปัสสาวะไวเกิน OAB (Overactive Bladder)

จนกระทั่งวันหนึ่งเรามีอาการปวดที่หลังค่ะ  หลังด้านขวา เลยไปพบคุณหมอก่อนกำหนด คุณหมอก็ตกใจ บอกกลัวว่าจะเป็นอะไรมากกว่านี้ จึงเขียนประวัติการรักษาให้เรา และให้เรากลับไปรักษาที่รพ. ในอำเภอที่มีสิทธิ์รักษา เพื่อให้เขาส่งตัวมา รพ.จังหวัด เพราะเขาจะตรวจละเอียดกว่า แต่ถ้าเป็นโรคเดียวกัน ยาจะไม่เหมือนกัน (คุณหมอเคยทำงานที่รพ.จังหวัด แต่ตอนนี้ย้ายไปที่ รพ.เอกชนดัง ในจังหวัดแล้ว)

เราไป รพ. ที่มีสิทธิ์รักษา เขาวินิจฉัยโรคไม่ได้ก็ส่งไปที่ รพ.จังหวัด  พบหมอ 3 คน คุณหมอไม่ทราบสาเหตุของโรค เพราะตรวจ เลือด ปัสสาวะ เอ็กเรย์ และอัลตราซาวด์แล้ว แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ อย่างเดียวที่พบคือฉี่บ่อย  สุดท้ายเลยได้พบกับอาจารย์หมอ ของรพ. และได้ยามาทาน เราบอกมหอหมดว่า หมอให้หยุดยา หนูแทบไม่ได้นอนมา5 วันแล้ว หมอก็ให้ยามา ยาที่ให้มา ทานแค่เช้าหลังอาหหาร หรือเช้าเย็นหลังอาหาร เราลืมแล้ว แต่จำได้ว่าเราทรมานมาก ฉี่ไม่ดีขึ้นเลย เพิ่มขึ้นอีก เป็น 60-70รอบต่อวัน แล้วกว่าจะได้นัดอีกครั้งคืออีก1 เดือน เราทานยาจาก รพ. ได้ 2 อาทิตย์ เรากลับไปที่คลีนิคเดิมค่ะ บอกอาการขอยานอน แล้วถามคุณหมอว่าทานคู่กันได้มั้ย อันตรายมั้ย เพราะกว่าจะได้เจออีกตั้ง2 อาทิตย์ คุณหมอก็ให้ยามาและให้กินร่วมกันได้ และ พอกินยารวมกันทั้งสองตัว คลีนิคและ รพ ฉี่เราน้อยลงค่ะ เหลือประมาณ 30 ครั้งต่อวัน  แต่ผลข้างเคียงคือ ฉี่กว่าจะออกนานมาก และเราได้นอน

เมื่อถึงวันนัด เราเอายาจากคลีนิคที่เราทานแล้วดีขึ้นด้วยความดีใจ(แต่รู้แหละค่ะว่าอาจต้องโดนบ่นรึเปล่านะ) ไปบอกคุณหมอค่ะ ว่า "ทานยาที่คุณหมอให้มาตัวเดียวหนูแย่มาก ทรมาน หนูไม่ได้นอน เพราะปกติที่รักษาอยู่ หนูไม่ได้นอน คุณหมอก็จ่ายยาให้ ให้หนูได้นอน หนูเลยไปปรึกษาและทานคู่กันค่ะ แล้วมันดีขึ้นมากเลยค่ะ ที่รี่มียาตัวนี้ไหมคะ"  คุณหมอก็ขอยาไปดูแล้วพูดว่า ยาของคลีนิค กับ รพ เป็นยารักษษโรคเดียวกันค่ะ แต่ รพไม่มียาที่คลีนิคจ่ายให้ หนูเลยถามว่าแล้วมียาที่ช่วยลดการฉี่กลางคืนบ้างมั้ยคะ (ยาคลีนิคมี2 ตัว ) คุณหมอก็บอกว่า ไม่มีค่ะ รพ. มียาตัวนี้ตัวเดียว มีแค่นี้ เลือกเอาค่ะ ว่าจะรักษากับ รพ.ต่อ หรือจะไปคลีนิค

ตอนนั้นความคิดเราคือ รักษา รพ. เราไม่เสียตัง แต่ว่า เราเดินทางไกล และ ไม่ดีขึ้นเลยสักนิด แย่ลง ไม่ได้นอน แต่ยาคลีนิค เสียเงินแต่เราได้นอน ได้พัก เราเลยตัดสินใจรักษากับคลีนิคค่ะ

แล้วเราก็รักษามาหลายเดือน อาการดีขึ้นเราก็มีความหวังว่าจะหาย เรากลับมาเรียน(ตามความฝันให้พ่อกับแม่ ที่อยากให้ลูกทุกคนจบ ป.ตรี แม้จะเป็นกะเหรี่ยง) จากนั้นเราก็มาเรียนที่มหาวิทยาลัยหนึ่งแถวศาลายา แล้วเลือกที่จะกลับคลีนิคที่จังหวัดตัวเอง 2 สัปดาห์ครั้งไปเอายา ทานต่อเนื่องมาเป็นปี อาการก็ไม่ดีขึ้น คุณหมอก็งง ตอนอาการดีขึ้น คุณหมอบอกให้หยุดยา ปรากฎว่ากลับมาเป็นเหมือนเดิม เลยต้องทานยาต่อ สุดท้ายเราเหนื่อยเดินทาง และเห็นว่าไม่ดีขึ้น พี่สมาชิกที่โบสถ์ก็เลยแนะนำให้ไปรักษากับคุณหมอทางเดินปัสสาวะที่ศูนย์การแพทย์กาญจนา มหาวิทยาลัยมหิดล  ได้ยากินจากที่นี่ 3 ตัว และยานอนหลับหากนอนไม่หลับหลายวันติดกัน  ตลอดเวลา 1 ปี มันก็คงที่อยู่ที่ 30-35ครั้ง แต่ไม่ดีกว่านี้ พอครบ 1 ปี คุณหมอบอกว่า ทานยามา1 ปีแล้วไม่ดีขึ้นแบบนี้ อยากให้ไปศิริราช (ในใจคือแบบ หนูอยากเลิกทานยานานมากแล้วค่ะ) แล้วก็ส่งตัวไปศิริราช ทีนี้คุณหมอบอกว่า ถ้าไปที่นั่น ค่าใช้จ่ายปกติอาจเท่ากัน คือไปหาครั้งนึงได้ยามา ครั้งนึงเราจะเสียประมาณ 1,000 กว่าบาท  แต่ถ้าไปศิริราชหากมีตรวจที่มากกว่าที่เคยตรวจๆมา จะค่อนข้างเสียเงินเยอะกว่านี้ คุณหมอเลยเขียนประวัติการรักษา แล้วให้เราไปทำเรื่องขอใบส่งตัว จาก รพ.ที่มีสิทธิ์รักษาอยู่ ไปศิริราช 

พอกลับไปบ้าน เข้าไปสอบถามฝ่ายที่เกี่ยวกับเอกสาร ว่าขอเราสามารถขอใบส่งตัวไปศิริราชได้ไหม เราเข้าไปถามเขาดีๆ เรามั่นใจ และเข้าไปถามด้วยความนอบน้อม เพราะเรารู้ตัวดี ว่าถ้าเป็นกะเหรี่ยง บัตรสีชมพูเนี๊ยะ มีโอกาสที่เขาจะคุยไม่ค่อยดี สรุปคือ บอกว่า ส่งให้ไม่ได้นะคะน้อง ทางเราส่งให้ได้แค่รพ.จังหวัด แบบนี้ก็ได้ แต่คำพูดที่พูดกับเรามันประมาณว่า "น้องต้องเข้าใจนะคะ น้องไม่ใช่คนไทย แล้วอยู่ๆจะมาบอกให้ส่งตัวไปศิริราช ทำไม่ได้ค่ะ ส่งได้แค่ รพ.จังหวัด  อยู่ๆน้องมาบอกให้ส่งตัวไปที่นั่น นั่นคือหมายความว่าน้องจะมาบอกให้ รพ. ออกเงินให้น้อง คือ ไม่ได้ค่ะ น้องต้องเข้าใจด้วยนะคะ บัตรน้องมันบัตรชาวเขาค่ะ ไม่ใช่คนไทย"  ตอนนั้นความคิดในใจคือโกรธมากกกกก ในใจมันมีคำถามว่า หนูมาบอกบังคับให้ส่งตัวให้ตรงไหน หนูแค่เข้ามาถามว่า ส่งตัวให้ได้มั้ยเฉยๆ  เราไม่ใช่สัญชาติไทยค่ะ แต่เราเกิด เติบโต และศึกษาในไทย ใช้ภาษาไทย พอรู้เรื่องบ้าง ถึงเรา หรือคนอื่นๆที่เป็นกะเหรี่ยง เขามาใช้สิทธิ์30 บาท สำหรับชาวเขาได้ ถึงไม่เสียภาษาเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ พวกเราอยู่ในไทย สินค้าทุกชิ้นมีภาษีของมันอยู่แล้ว พวกเราจ่ายค่าภาษีให้สินค้าทุกชนิดที่เราซื้อในประเทศไทย แต่ทำไมมาพูดจากับพวกเราแบบนี้ก็ไม่รู้ ตอนนั้นก่อนจะมาขอใบส่งตัว พ่อกับแม่เราพูดว่า ถ้าขอใบส่งตัวได้ก็ดีลูก จะได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะลูก ยังไงเราก็ต้องช่วยกัน ยังไงหนูต้องหาย แต่แค่เราน้อยใจ ว่าทำไมต้องพูดแบบนี้ ด้วยน้ำเสียงแบบนั้น แต่ชั่งเถอะค่ะ มันผ่านไปแล้ว (ขอไม่เอ่ยชื่อรพ.นะคะ มันอาจจะผิด พรบ.คอมฯ

ต่อๆนะคะ จากนั้นเราก็เริ่มมารักษาที่ศิริราช ครั้งแรกเจอคุณหมอ เอาใบส่งตัวจาก รพ.เดิม ให้ คุณหมอยังไม่อ่านแล้วถามอาการก่อน คุณหมอบอกว่าเราไม่ได้เป็น OAB ค่ะ แต่เราเป็น Bladder Outlet Obstruction อารมณ์ประมาณมีสิ่งกีดขวางทางออกปัสสาวะ ทำให้ฉี่บ่อย ครั้งละน้อย ฉี่ออกไม่หมด เลยรู้สึกปวดตลอดเวลาแล้วต้องมาฉี่บ่อยๆ หมอให้ยาไปครั้งแรก ดีใจมาก เสียค่ารัษา 100 กว่าบาท คุณหมอบอกถ้าใช่จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เราทานยาไปประมาณ1 สัปดาห์ ปัสสาวะบ่อยขึ้นค่ะ จาก30--40 กลายเป็น เกือบ50 ครั้งแทยทุกวัน จน3 วันสุดท้ายก่อนพบคุณหมอ เราจดเวลาที่ฉี่แต่ละคัร้งไปให้หมอดูด้วยค่ะ  มันพุ่งไป50-55 ครั้ง ใน3 วันนั้น

พอถึงกำหนดพบคุณหมอ บอกว่าแย่ลง ฉี่มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณหมอบอกเราเอาไว้แล้วว่าจะฉี่เยอะขึ้นนะ ยาทำให้ฉี่ออกมาเยอะขึ้น เราก็บอกว่าเราไม่ได้นอนเลย มันบ่อยมาก คุณหมอก็เลยให้กินยาเดิมแต่เพิ่มยาใหม่มาอีกตัว (คราวนี้เสีย700กว่าบาท แต่ัยงดีไม่ถึงพัน) เราถามคุณหมอให้แน่ใจก่อนกลับว่า ยาตัวนี้จะทำให้หนูฉี่ลดลงแล้วใช่ไหมคะ คุณหมอบอกว่าใช่ 

แต่ปรากฎว่าเราทานได้อาทิตย์กว่า ฉี่เราพุ่งไปที่50-60 ครั้ง และอีก3-4 วันก่อนที่เราจะไปพบหมอก่อนกำหนด คือ 60-70ครั้ง เราพบหมอก่อนกำหนด 1 สัปดาห์ (วันนัดนัด 3 สัปดาห์) พร้อมกับข้อมูลที่ได้เพิ่มหลังกลับไปพักผ่อนที่บ้านในวันหยุด คือ ตอน 2 ขวบ เราเคยผ่าตัดช่องคลอด เพราะตอนเด็กไม่มีช่องคลอด (เพิ่งทราบจากย่า เลยไปถามรายละเอียดจากพ่อและแม่อีกทีค่ะ)

เราบอกอาการที่แย่ลงและเรื่องผ่าตัดกับคุณหมอ คุณหมอสั่งให้หยุดยาทันทีและส่งตรวจที่มันเขียนว่า ตรวจ หัตถาร VUDS ซึ่งต้องตรวจคือ 30 สิงหาคม (เดือนหน้า) ซึ่งหมอบอกว่าเป็นคิวที่เร็วที่สุดแล้ว คุณหมอบอกว่าอาจจะวินิจฉัยผิดมาทั้งหมด ถ้าไม่ตรวจอันนี้ ก็สั่งผ่าตัดอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่รู้สาเหตุทีแท้จริงของโรค และเราต้องจ่ายเงินเอง ค่าใช้จ่าย7-8 พันโดยประมาณ เพราะเราไม่มีสิทธิ์รักษา หรือ ประกันสุขภาพใดๆ เพราะเราเคยถาม เคยไปทำประกันสุขภาพกับธนาคารก็ทำไม่ได้ เคย Inbox ไปสอบถาม facebook fanpage ของบริษัทประกันมา 2-3 บริษัท มีที่นึง เค้าบอกว่าต้องมี  work permit แต่เราไม่ได้ทำงาน เราเรียน บัตรสีชมพูของเราไปหาสมัครทำงาน Part-time ห้างแถวนี้ ตอนอาการดีกว่านี้ยังยากเลย แล้วพอวันนึงเราถูกรับเข้าทำงานขายของอาการก็มาแย่ลงอีก ขายของออนไลน์ตอนนี้มันก็ไม่ดีมา2-3 ปี แล้ว และเราเรียนทุกวัน จันทร์-ศุกร์

แบบ โรคนี้มันไม่เจ็บปวดมันใช่แหละค่ะ แต่เราแทบจะไม่นอน มันกลืนกินเวลาชีวิตของเราทุกอย่าง นอนกว่าจะหลับ ตี3-7โมงเช้าแล้วแต่วัน หลังจากหลับแล้วก็ตื่นมาฉี่ทุกๆ 30นาที บางช่วงแย่ๆก็20นาที  โชคดีก็ เป็นชั่วโมง จันทร์-ศุกร์ เราต้องตื่น 8 โมงเพราะเรามีเรียน 9 โมง สมาธิจะทำอะไรไม่มี แม้แต่หนังสือนิยาย วรรณกรรม หนังสืออ่านเล่น ประเภทที่เราเคยชอบอ่าน เรายังไม่มีสมาธิจะอ่านเลย เราร้องไห้ทุกวันตอนอยู่คนเดียว หรือร้องไห้แค่ให้กับแฟนเราเห็น แค่ไม่มีบัตร หางานยาก มาป่วย เพิ่มภาระพวกเขา ช่วยอะไรก็ไม่ได้ นึกถึงตอนยังไม่ป่วย ตอนที่ทำงานได้และซื้อของให้พ่อแม่ น้องๆ เมื่อไหร่เราจะผ่านมันไป

ตอนนี้คือเราอยากสอบถามว่ามีประกันของบริษัทอะไรบ้าง ใครรู้บ้าง ช่วยบอกเราหน่อยได้ไหมคะ มันเสียเยอะมากๆ นี่แค่ตรวจหัตถาร ก็7-8 พันแล้ว แต่ถ้าผ่าตัดก็เสียมากกว่านี้ อาจจะถึง 50,000เลย เราอยากมีทางเลือกมากกว่าที่จะให้พ่อแม่เราไปหายืมใครเค้าให้  แต่ตอนนี้เราต้องอดทนอีก 1 เดือน คุณหมอบอกเราว่าก็ต้องอดทน เคยทนมาได้แล้วนี่ แต่เราอาการไม่ถึง 60 มาสองปีแล้ว และตอน60-70 แบบนี้ หรือที่พุ่งไปถึง 100 ตอนนั้นคือปีแรกๆที่เราไม่ได้เรียน ตอนนี้ก็จะสอบกลางภาค แบบ มันเหมือน ทรมานมากๆเลยสำหรับเรา แต่คุณหมอก็ยังทำอะไรให้ไม่ได้จริงๆเพราะหาสาเหตุที่แท้จริงยังไม่เจอ

ขอโทษที่อาจจะยาวหน่อยนะคะ แต่เราไม่รู้จะปรึกษาใครได้จริงๆ อยากรู้เรื่องประกันมากๆตอนนี้ ติดต่อเราเข้ามาหน่อยนะคะ ขอบคุณพื้นที่ตรงนี้ที่ทำให้เราได้ระบาย และสอบถามและแบ่งปันโรคของเรา และใครมีอาการเหมือนเรา หรือมีความรู้โรคของเรา เข้ามาแบ่งปันเราหน่อยนะคะ  TT ขอบคุณมากๆค่ะ

ปล. เรื่องของแท็กถ้าผิดประการใด อยากให้ทราบไว้นะคะว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่