สมมุติคู่แฟนชาวญี่ปุ่น ชายหญิงมาเที่ยวที่เชียงใหม่ ผู้ชายชื่อ ยะมาดะ ผู้หญิงชื่อมะสะมิมาท่องเที่ยวปีละครั้ง มากัน 3 ครั้งพบหนุ่มไทยขายของที่ระลึกชื่อ สมบัติพูดคุยกัน ทั้งสามคนอายุไล่เลี่ยกัน หลังจากนั้นผู้หญิงพาครอบครัว(พ่อแม่)ของเธอมาท่องเที่ยวเชียงใหม่อีก 3 ครั้งแต่มาคราวนี้ มะสะมิมาพร้อมพ่อแม่ไม่ได้มาพร้อมแฟนเพราะเขาหยุดงานมาไม่ได้ พ่อแม่ของ มะสะมิคุยกับสมบัติรู้เรื่องเพราะสมบัติพูดภาษาญี่ปุ่นได้ มะสะมิบอก สมบัติว่าอยากจะอยู่ใช้ชีวิตที่เชียงใหม่เพราะที่ญี่ปุ่นเวลาหนาวๆจัดอยู่ลำบากและไม่ค่อยชอบญี่ปุ่น ชอบอยู่ที่เชียงใหม่หาอะไรทำ.....เล็กน้อยๆ เธอบอกสมบัติว่าให้หาที่อยู่และหางานให้เธอทำเล็กๆน้อยๆค่าเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย(ไม่ได้บอกต่อหน้ายะมาดะ)...สมบัติได้ไปที่ญี่ปุ่นได้พบมะสะมิพร้อมครอบครัวและยะมาดะ บางช่วงที่ยะมาดะไม่อยู่ต้องทำงาน มะสะมิซึ่งกินอาหารพร้อมครอบครัวอยู่บอกกับสมบัติว่าอยากจะมาอยู่เชียงใหม่(ไม่ได้บอกต่อหน้ายะมาดะ)เข้าใจว่าไม่อยากให้แฟนรู้...
กรณีนี้ถ้าสมบัติหาที่อยู่ให้มะสะมิและหางานให้เธอทำที่เชียงใหม่ เป็นการทำให้เธอต้องเลิกคบกับแฟนไหม?เพราะแฟนของเธอต้องทำงานที่ญี่ปุ่นยังไงก็มาอยู่ที่เมืองไทยไม่ได้ และถ้าสมบัติและมะสะมิคบกันเป็นแฟนจะผิดศีลธรรมไหม?หรือจะเป็นการแย่งแฟนของยะมาดะไหม?
มีคนเคยบอกว่าถ้าสมบัติหาที่อยู่ที่พักให้กับมะสะมิเป็นการทำให้แฟนเขาเลิกกัน กรณีสมบัติคบกับมะสะมิเป็นแฟนเท่ากับแย่งแฟนของคนอื่น...บาป.ไม่ดี..
สมมุติหนุ่มไทยพบ หญิงชายญี่ปุ่นเป็นแฟนกันแล้วมาเมืองไทยแต่ผู้หญิงอยากจะอยู่เมืองไทยไม่บอกให้แฟนรู้ แต่บอกกับหนุ่มไทย
กรณีนี้ถ้าสมบัติหาที่อยู่ให้มะสะมิและหางานให้เธอทำที่เชียงใหม่ เป็นการทำให้เธอต้องเลิกคบกับแฟนไหม?เพราะแฟนของเธอต้องทำงานที่ญี่ปุ่นยังไงก็มาอยู่ที่เมืองไทยไม่ได้ และถ้าสมบัติและมะสะมิคบกันเป็นแฟนจะผิดศีลธรรมไหม?หรือจะเป็นการแย่งแฟนของยะมาดะไหม?
มีคนเคยบอกว่าถ้าสมบัติหาที่อยู่ที่พักให้กับมะสะมิเป็นการทำให้แฟนเขาเลิกกัน กรณีสมบัติคบกับมะสะมิเป็นแฟนเท่ากับแย่งแฟนของคนอื่น...บาป.ไม่ดี..