กระทู้ยาวหน่อยนะคะ😅
คือคนส่วนใหญ่มักมองว่าเราหยิ่ง ซึ่งแต่ก่อนก็จะเถียงกลับแหละว่าไม่ใช่ เราไม่ได้ทำตัวแบบนั้น แต่พอโตคิดเรื่อยๆ มองตัวเองอย่างจริงจัง ก็คิดว่าเราน่าจะเป็นแบบที่โดนว่าจริง เพราะเราดูเข้าถึงยาก เข้ากับแค่คนบางกลุ่มเท่านั้น แบบเราจะเข้าหาเฉพาะคนที่เราอยากเป็นเพื่อนด้วย แถมมีโลกส่วนตัวสูงอีก แค่เพื่อนสนิทที่เราจะเฮฮาปาร์ตี้ บวกกับกรรมพันธุ์หน้าดุ ยิ้มยากด้วย (ฟันไม่สวยไม่มั่นใจ)
ที่นี้เราพยายามเปลี่ยนตัวเอง ตอนช่วงเข้ามหาลัยก็ทำได้แค่ปีแรกๆ พยายามเข้าหาทุกคน คือเรารู้สึกว่าฝืนตัวเองมากช่วงนั้น ต้องหาเพื่อนใหม่ ยังดีที่มีเพื่อนเก่ามาเรียนด้วย สักพักก็ไม่ไหว หยุดความเฟรนลี่ปลอมๆไป
อ่านถึงตอนนี้บางคนอาจคิดว่า ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเอง เราเป็นแบบไหนเรารู้แก่ใจดี ไม่ต้องเปลี่ยนเพื่อใคร (เป็นคำที่เราถูกสอนมานะคะ) แต่เอาเข้าจริงมันก็ต้องมีบ้างที่ต้องเข้าหาผู้อื่น
เราเลยเริ่มมองตัวเอง ปัญหาของเราคิดว่าคือ ความกลัว ขาดความั่นใจ ตั้งแต่เด็ก เรามีปมเรื่องพูดไม่ชัด เพราะงั้นเราเลยไม่ค่อยกล้าพูดกับใคร
แล้วก็ยังมีปัญหาในครอบครัวอีก ไม่แน่ใจว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้บุคลิกเราหยิ่งไหม เพราะว่าเราอยู่กับญาติฝ่ายแม่ที่มีหลายคนมากๆ แต่พี่ๆน้องๆไม่ได้รักใคร่อะไรกัน โดยเฉพาะแม่ คือทางญาติๆไม่เห็นด้วยที่แม่เราจะแต่งกับพ่อ ซึ่งพ่อเราก็มีนิสัยอย่างที่ญาติๆเตือนแม่จริงๆ
ช่วงที่มีปัญหากันเรายังเด็ก เราจำได้ว่าตอนนั้นยังกล้าพูดกล้าแสดงออก แต่หลังจากโดนญาติๆถามเรื่องในครอบครัว (ญาติที่สนิท)แล้วสุดท้ายเขาเอาเรื่องที่หลอกถามเราไม่พูดขยายความใหญ่โต จำได้ว่าช่วงนั้นโดนแม่ว่าหนักเลย โดนห้ามพูดกับญาติๆ ซึ่งเราดันทำจริงซะงั้น555
หลังจากจบเรื่องไปเรารู้สึกว่าช่องว่างเรากับญาติมันห่างขึ้นมากๆ รวมทั้งคนอื่นๆ เราดูนิ่งเงียบ ไม่ค่อยคุยกับใคร(อันนี้ครูประจำชั้นสมัยประถมเป็นคนบอก เขาเรียกแม่เราไปพบ กลัวเราเป็นใบ้555)
ด้วยความที่เป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง พูดแล้วคนฟังไม่เข้าใจ ต้องพูดซ้ำๆ จนบางทีทั้งเราทั้งเขารำคาญ แล้วก็กลัวคุยผิดคนด้วย ยอมรับว่าฝังใจเรื่องญาติ
แต่เราก็ไม่ได้มีปัญหาขนาดอยู่คนเดียวคือเรามีกลุ่มเพื่อนนะคะ เราค่อนข้างโชคดีที่คนเข้าใจ เพียงแต่เพื่อนๆดูสดใสเข้าถึงง่ายมากๆต่างจากเรา มันเลยรู้สึกแย่นิดๆเวลามีคนหาว่า เราหยิ่ง ถึงหลายๆคนจะบอกว่า พอรู้จักจริงๆก็ไม่ได้หยิ่งอะไร
แต่พอโต อยู่มหาลัย เริ่มทำงาน เราต้องเข้าสังคม พอเราทำตัวเข้าถึงยากรู้สึกว่าขาดโอกาสพบสิ่งดีๆไปเยอะ เช่น โมเม้นต์เล็กๆอย่าง ทางเดียวกันไปด้วยกันอะไรประมาณนี้เราเห็นบ่อยๆซึ่งมันเกิดกับคนที่เรารู้จักหลายคนที่เป็นเฟรนลี่ เวลาเดินกลับคนเดียว จุดหมายที่เดียวกันก็มีอาสาไปส่งบ้าง ซึ่งแน่นอนเราไม่มีโมเมนต์แบบนี้เลย(ยอมรับว่าแอบนอยด์ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่พอเห็นบ่อยๆ เริ่มคิดแล้วว่าทำไมไม่มีใครรับเราบ้าง ในเมื่อก็อยู่บ้านเดียวกัน 555)
เคยถามคนที่สนิทเขาก็บอกว่าเราดูเข้าถึงยาก ถึงตัวจริงจะไม่ได้เป็นแบบนั้น ถ้าเขาไม่ลองคุยกับเราก็คิดว่าเราเป็นคนไม่น่าคบ(เพื่อนตอบตรงจนอยากร้องไห้)
เขียนยาวขนาดนี้เพื่อจะถามว่า เราควรพยายามเปลี่ยนตัวเองอีกครั้งดีไหม เพราะจะทำงานต้องเข้าสังคมใหม่ หรือเป็นแบบนี้ต่อไปเพราะเปลี่ยนมารอบหนึ่งก็เปลี่ยนได้ไม่นานอยู่ดี
คนที่ดูหยิ่ง คิดว่าควรเปลี่ยนตัวเองหรือยอมรับดีคะ
คือคนส่วนใหญ่มักมองว่าเราหยิ่ง ซึ่งแต่ก่อนก็จะเถียงกลับแหละว่าไม่ใช่ เราไม่ได้ทำตัวแบบนั้น แต่พอโตคิดเรื่อยๆ มองตัวเองอย่างจริงจัง ก็คิดว่าเราน่าจะเป็นแบบที่โดนว่าจริง เพราะเราดูเข้าถึงยาก เข้ากับแค่คนบางกลุ่มเท่านั้น แบบเราจะเข้าหาเฉพาะคนที่เราอยากเป็นเพื่อนด้วย แถมมีโลกส่วนตัวสูงอีก แค่เพื่อนสนิทที่เราจะเฮฮาปาร์ตี้ บวกกับกรรมพันธุ์หน้าดุ ยิ้มยากด้วย (ฟันไม่สวยไม่มั่นใจ)
ที่นี้เราพยายามเปลี่ยนตัวเอง ตอนช่วงเข้ามหาลัยก็ทำได้แค่ปีแรกๆ พยายามเข้าหาทุกคน คือเรารู้สึกว่าฝืนตัวเองมากช่วงนั้น ต้องหาเพื่อนใหม่ ยังดีที่มีเพื่อนเก่ามาเรียนด้วย สักพักก็ไม่ไหว หยุดความเฟรนลี่ปลอมๆไป
อ่านถึงตอนนี้บางคนอาจคิดว่า ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเอง เราเป็นแบบไหนเรารู้แก่ใจดี ไม่ต้องเปลี่ยนเพื่อใคร (เป็นคำที่เราถูกสอนมานะคะ) แต่เอาเข้าจริงมันก็ต้องมีบ้างที่ต้องเข้าหาผู้อื่น
เราเลยเริ่มมองตัวเอง ปัญหาของเราคิดว่าคือ ความกลัว ขาดความั่นใจ ตั้งแต่เด็ก เรามีปมเรื่องพูดไม่ชัด เพราะงั้นเราเลยไม่ค่อยกล้าพูดกับใคร
แล้วก็ยังมีปัญหาในครอบครัวอีก ไม่แน่ใจว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้บุคลิกเราหยิ่งไหม เพราะว่าเราอยู่กับญาติฝ่ายแม่ที่มีหลายคนมากๆ แต่พี่ๆน้องๆไม่ได้รักใคร่อะไรกัน โดยเฉพาะแม่ คือทางญาติๆไม่เห็นด้วยที่แม่เราจะแต่งกับพ่อ ซึ่งพ่อเราก็มีนิสัยอย่างที่ญาติๆเตือนแม่จริงๆ
ช่วงที่มีปัญหากันเรายังเด็ก เราจำได้ว่าตอนนั้นยังกล้าพูดกล้าแสดงออก แต่หลังจากโดนญาติๆถามเรื่องในครอบครัว (ญาติที่สนิท)แล้วสุดท้ายเขาเอาเรื่องที่หลอกถามเราไม่พูดขยายความใหญ่โต จำได้ว่าช่วงนั้นโดนแม่ว่าหนักเลย โดนห้ามพูดกับญาติๆ ซึ่งเราดันทำจริงซะงั้น555
หลังจากจบเรื่องไปเรารู้สึกว่าช่องว่างเรากับญาติมันห่างขึ้นมากๆ รวมทั้งคนอื่นๆ เราดูนิ่งเงียบ ไม่ค่อยคุยกับใคร(อันนี้ครูประจำชั้นสมัยประถมเป็นคนบอก เขาเรียกแม่เราไปพบ กลัวเราเป็นใบ้555)
ด้วยความที่เป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง พูดแล้วคนฟังไม่เข้าใจ ต้องพูดซ้ำๆ จนบางทีทั้งเราทั้งเขารำคาญ แล้วก็กลัวคุยผิดคนด้วย ยอมรับว่าฝังใจเรื่องญาติ
แต่เราก็ไม่ได้มีปัญหาขนาดอยู่คนเดียวคือเรามีกลุ่มเพื่อนนะคะ เราค่อนข้างโชคดีที่คนเข้าใจ เพียงแต่เพื่อนๆดูสดใสเข้าถึงง่ายมากๆต่างจากเรา มันเลยรู้สึกแย่นิดๆเวลามีคนหาว่า เราหยิ่ง ถึงหลายๆคนจะบอกว่า พอรู้จักจริงๆก็ไม่ได้หยิ่งอะไร
แต่พอโต อยู่มหาลัย เริ่มทำงาน เราต้องเข้าสังคม พอเราทำตัวเข้าถึงยากรู้สึกว่าขาดโอกาสพบสิ่งดีๆไปเยอะ เช่น โมเม้นต์เล็กๆอย่าง ทางเดียวกันไปด้วยกันอะไรประมาณนี้เราเห็นบ่อยๆซึ่งมันเกิดกับคนที่เรารู้จักหลายคนที่เป็นเฟรนลี่ เวลาเดินกลับคนเดียว จุดหมายที่เดียวกันก็มีอาสาไปส่งบ้าง ซึ่งแน่นอนเราไม่มีโมเมนต์แบบนี้เลย(ยอมรับว่าแอบนอยด์ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่พอเห็นบ่อยๆ เริ่มคิดแล้วว่าทำไมไม่มีใครรับเราบ้าง ในเมื่อก็อยู่บ้านเดียวกัน 555)
เคยถามคนที่สนิทเขาก็บอกว่าเราดูเข้าถึงยาก ถึงตัวจริงจะไม่ได้เป็นแบบนั้น ถ้าเขาไม่ลองคุยกับเราก็คิดว่าเราเป็นคนไม่น่าคบ(เพื่อนตอบตรงจนอยากร้องไห้)
เขียนยาวขนาดนี้เพื่อจะถามว่า เราควรพยายามเปลี่ยนตัวเองอีกครั้งดีไหม เพราะจะทำงานต้องเข้าสังคมใหม่ หรือเป็นแบบนี้ต่อไปเพราะเปลี่ยนมารอบหนึ่งก็เปลี่ยนได้ไม่นานอยู่ดี