ศรีธ้ญญา ไดอารี่ 3 ...3 มนุษย์เจ้าปัญหา

กระทู้สนทนา
                หลังจากอยู่มาได้สักพักฉันเริ่มปลงใจตัวเองแล้วว่าคงต้องอยู่อีกเป็นเดือน

กัซบอกฉันว่าถ้าพยาบาลเรียกใครไปตรวจเลือดตอนเช้าแสดงว่าอย่างต่ำก็ต้องอยู่อีกเป็นอาทิตย์ ชีวิตฉันผ่านไปกับการนับวันคอยอิสรภาพ แต่ตอนเช้าพยาบาลก็ยังเรียกตรวจเลือดอยู่  ชีวิตประจำวันผ่านไปตามตารางเวลาที่น่าเบื่อ แม่ฉันมาเยี่ยมบ่อย เพราะบ้านอยู่ไม่ไกลโรงพยาบาล

              ไม่กี่วันแรกที่ฉันเข้าโรงพยาบาล แม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ มาเยี่ยม  แม่บอกว่าพ่อเข้าโรงพยาบาลเพราะมีอาการหายใจไม่ออก น้ำตาลในเลือดขึ้นสูงถึง 400 ต้องนอนโรงพยาบาล และคงต้องรอจนกว่าน้ำตาลจะลง จนอยู่ในระดับปลอดภัยถึงจะกลับบ้านได้  ฉันจิตตกแล้วบอกกับแม่ว่า ไม่น่าบอกฉันเลย วันนั้นฉันเป็นห่วงพ่อจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ  แต่ด้วยฤทธิ์ของยามันแรงกว่าที่คิด ความรู้สึกฉันจึงสลับขึ้นลงกับสภาวะปัจจุบัน กับสภาวะเศร้าใจห่วงพ่อ คือขณะที่นั่งคุยกับพรรคพวกขำขันฉันก็ลืมพ่อ แต่อีกสัก 15 นาที ฉันก็กลับไปนั่งคิดเป็นห่วงพ่อ ฉันปรึกษาหมอ  หมอบอกว่าทำใจให้สบายพ่ออยู่ในความดูแลของแพทย์แล้วไม่ต้องเป็นห่วง  แต่ฉันอยากออกไปเยี่ยมพ่อ หมอจดอะไรบางอย่างยิกๆลงในแฟ้ม แล้วหันไปปรึกษากับพยาบาล  ฉันจับใจความได้ว่า Cannabis Positive ฉันรู้ทันทีว่านอกจากฉันต้องบำบัดอาการจิตเวชแล้วฉันต้องเข้ากลุ่มบำบัดยาอีก  เพราะหมอตรวจพบกัญชาในตัวฉัน เฮ้อออ

มนุษย์เจ้าปัญหาคนแรก นที

              ค่ำวันหนึ่งขณะที่ฉันและไอ้โน้ตนั่งดูทีวีอยู่บนเตียงไอ้โน้ต คนไข้คนอื่นนอนดูอยู่ตามเตียงตนเอง บางคนลากเก้าอี้โรงพยาบาลที่มีที่นั่งติดกัน 4 ตัวมาตั้งหน้าทีวีติดผนังเครื่องเดียวในโรงนอน อีกเครื่องอยู่ในโรงอาหาร เตียงไอ้โน้ตติดริมทางเดินจึงเป็นที่ที่ผู้ป่วยคนอื่นนำเก้าอี้มาวางด้านหน้าเพื่อดูทีวี  ไอ้โน้ตเป็นคนหวงเตียง  เตียงมันต้องตึงเรียบอยู่เสมอ มันจะไม่ให้ใครขึ้นเตียงมันเลยนอกจากบางคน  ฉันเป็นคนหนึ่งที่ได้รับการยกเว้น ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับสิ่งบันเทิงสิ่งเดียวของพวกเรา มหันตภัยร้ายเกิดขึ้น นที

บุรุษหนุ่มวัย 35 ขวบปี น้ำหนัก เกือบ 130 กิโลกรัม เขาแก้ผ้าเดินมาจากโรงนอน 1 ผ่านทีวีติดฝาผนัง ตรงโรงนอน 2 อยู่ๆ  นทีก็เดินแบกร่างยักษ์ใหญ่ในสภาพเปลือยเปล่าเดินผ่านทางเดินระหว่างเตียงนอนกับทีวี พร้อมกับขี้ไปด้วย

ใช่ คุณฟังไม่ผิด นทีเดินไป ขี้ไป  ขี้เหลวพุ่งจากตูดขณะก้าวเท้าไม่หยุดสายตลอดทางเดิน  (ฮ่าๆๆๆๆ ขอโทษทีนึกถึงภาพนั้นทีไรอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ ที่พิมพ์อยู่นี่ก็หยุดขำไปหลายนาที)  ไอ้โน้ตทำคอขย้อนเหมือนจะอ้วกและเอามือปิดจมูก  ฉันก็ปิดจมูกแต่ขำกับภาพที่เห็น แต่ก็พึมพำ  แม่มเอ๊ยไอ้นที คนอื่นๆ มีทั้งร้องโอดครวญ โหยยยย และทั้งขบขัน  ผู้คุมตะโกนออกมา  “ไอ้นทีขี้อีกแล้ว”  ไม่มีเสียงตอบรับจากนที  มันเดินหายไปในห้องน้ำประมาณ
5 วินาที แล้วเดินออกมาใหม่

ผู้คุมตะโกน “นที เข้าห้องน้ำ” นทีเดินกลับเข้าห้องน้ำ
นัทถูกตามมาอย่างเร่งด่วนมันอยู่นานจนรู้อะไรเป็นอะไรผู้คุมเรียกใช้มันง่ายจึงใช้ให้มันกับกัซอุมัยลี ทำการเก็บกวาดเช็ดถูขี้ให้สะอาดไม่งั้นคงนอนกันไม่ได้ แต่ก่อนอื่นนัทต้องไปล้างตัวล้างตูดให้ไอ้นทีก่อน ส่วนไอ้กัซก็เก็บขี้ทำความสะอาดพื้นไป อ้อ ไม่ต้องห่วง พวกมันมีถุงมือยางอนามัยกับหน้ากาก

               มหกรรมการเก็บกวาดเริ่มและจบลงภายใน 25 นาที เพราะ 2 ทุ่มทุกคนต้องทานยาก่อนนอนและหลับ  แต่กลิ่นก็ไม่เจือจางจนผู้คุมต้องฉีดสเปรย์ดับอากาศ นทีถูกจับขังแยก ในห้องแยกซึ่งมี  2 ห้อง  ซึ่งมีไว้ใช้หลายประโยชน์ แยกคนที่เป็นโรคติดต่อเช่นหวัด แยกคนอาละวาด และแยกบางคนเพื่อสังเกตอาการ รวมถึงผู้ป่วยที่ดื่มน้ำมากเกินไปเพราะฤทธิ์ยาแก้อาการทางจิตเวชที่ทำให้ คอแห้งผาก กระหายน้ำมาก และเมื่อเขาดื่มน้ำมากๆ เข้าไป โซเดียมในร่างกายจะต่ำจนเกิดอาการชักได้  แต่ก็มีบางคนชอบที่จะอยู่ในนั้นจนไม่ยอมออกมานอนข้างนอก

               หลังเหตุการณ์นั้นฉันเรียกนทีว่า “อาวุธชีวภาพ” ภาพขี้พุ่งจากตูดขณะเดินเปลือยกายยังติดตา  นทีเป็นลูกเสี่ยเจ้าของโรงงานไข่เค็ม  บ้านรวยว่างั้น เกือบทุกวันหรือวันเว้นวันพ่อแม่นทีจะมารับไปอาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวหล่อเพื่อออกไปกินข้าวข้างนอกโรงพยาบาล ซึ่งนั่นเป็นปัญหา เพราะนทีอยากกินอะไรพ่อแม่ก็ให้  กินเต็มที่ กลับเข้ามาที่ตึกในโรงพยาบาล ถ้าผู้คุมไม่เอาใจใส่พอด้วยวิธีการให้ไอ้นัทพานทีเข้าห้องส้วมแล้วขัง ไว้ข้างใน (ห้องส้วมเป็นแบบมีกลอนล็อกข้างนอกข้างในล็อกไม่ได้) สัก 15 นาที ถึง 20 นาที ในร่างเปลือยเปล่า  บังคับให้ขี้นั่นแหละเรียกง่ายๆ ถ้านทีไม่ขี้
เหตุการณ์อาวุธชีวภาพอาจเกิดขึ้นในเวลาไหน ที่ไหนก็ได้และส่วนใหญ่ จะเป็นไอ้นัทและไอ้กัซเก็บทำความสะอาดเกือบทุกครั้ง ไอ้กัซเรียกว่า จิตอาสา แต่ถ้าใครเอ่ยปากกับไอ้โน้ต  มันจะบอก “พ่อแม่กูส่งกูมารักษาไม่ได้ให้มาเก็บขี้ใคร” แต่พวกจิตอาสาจะได้ผลตอบแทนซึ่งอาจจะเป็นขนม นม เนย หรือบุหรี่สักตัว ซึ่งไอ้โน๊ตไม่สนใจเพราะมันดูดแต่ยาเส้น

            นิสัยเสียอีกอย่างของนทีคือทุบตีคนอื่นฉันดูอยู่หลายวันจนพอจะเข้าใจตรรกะของนทีว่าจะทุบใคร  ฉันจะยื่นมือให้นทีจับแล้วบอกเพื่อนกัน เพื่อนกัน แบ่งขนมให้กินจนนทีไม่ทำอะไรฉัน  จนฉันค้นพบเหตุผล นทีจะทุบตีคนที่ล่วงล้ำเขาเช่น ไอ้นัทซึ่งชอบแกล้งนที ไอ้ขวัญชายหนุ่มอายุ 20 ปลายๆ บุรุษผู้ไม่ชอบใส่เสื้อ ซึ่งชอบลูบไล้ร่างกายผู้ชาย  มันชอบลูบไล้นที กับคเชนเพราะไม่ค่อยมีอาการโต้กลับเท่าไร  ไอ้นทีก็จะบีบมือไอ้ขวัญแบบแรงๆ ปารองเทาใส่ หรือทุบหลังดังบึ้ก ส่วนถ้าคเชนทร์ก็จะครางฮือๆ ร้องแอ๋ แอ๋

            ฉันเป็นมิตรกับนทีจนผู้คุมให้ฉันเป็นคนอาบน้ำให้นทีได้  จนอยู่มาวันหนึ่งตอนเช้าตี 5 ครึ่งผู้คุมให้ฉันเดินไปปลุกนที  ซึ่งเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่บนเตียง “นที นที” ฉันเรียกพร้อมเขย่าตัว นทีลืมตามอง  ฉันนึกสนุกใช้มือเขี่ยไข่นทีเล่น จนพอพาไปอาบน้ำ นทีทุบหลังฉันบึ้กใหญ่  มันจำคนที่ทำกับมันได้แต่พอฉันจับมือแล้วบอกว่า ไวตามิลค์ นทีมีท่าทีอ่อนลง  นั่นหมายถึงฉันต้องเลี้ยงไวตามิลค์นที 1 ขวดในตอน 9 โมงซึ่งจะมีการให้เบิกเงินที่ญาติฝากไว้ซื้อน้ำอัดลม หรือไวตามิลค์กับขนมปัง เป็นรายได้เสริมของเหล่าผู้คุม  นทีพูดได้ไม่กี่คำเช่น น้ำแก้ว ไวตามิลค์ ผู้คุมมีสายยางฉีดน้ำตัดมาประมาณ 1 ฟุตไว้ขู่นที โดยการฟาดกับโต๊ะ  นอกจากควบคุมไม่ได้จริงๆก็ฟาดหัวเพราะถ้าฟาดตามตัวจะเกิดรอยซึ่งพ่อแม่นทีอาจเห็นได้

            มนุษย์เจ้าปัญหาคนที่ 2 คเชนหรือเชน  ชายหนุ่มหน้าตาดีแต่ไม่มีสติ  เขาไม่เคยพูดกับใคร ข้าวปลาไม่กิน  เขาได้รับอาหารพิเศษเป็นอาหารเส้นพวกก๋วยเตี๋ยวแห้ง มาม่าผัดและปลากระป๋อง  ถึงกระนั้นเชนก็ยังไม่กิน ร่างกายเขาผ่ายผอมแต่เขาหวงอาหารของเขามากทั้งที่ไม่กิน  ศัตรูตัวฉกาจของเขาคือ นที เมื่อผู้คุมเผลอ นทีจะเดินไปหยิบอาหารเส้นจากรถอาหาร  หรือแม้กระทั่งดึงจากมือของเชนซึ่งเชนไม่ยอมร้อง แอ๊ แอ๊  ซึ่งนั่นเป็นเสียงเดียวที่ออกจากปากเขาเมื่อมีใครไปยุ่งเกี่ยวกับเขา  แล้วผู้คุมก็ต้องเข้าไปจัดการ แต่ก็ด้วยอาหารถาดหลุมมันไม่อร่อยจริงๆ  รสไม่รับประทาน
             เชนไม่รู้ประสีประสาไม่ว่าทุกคนจะทำอะไร ไม่ว่ากินข้าว ออกกำลังกาย จนถึงฟังการปฎิบัติตัวจากพยาบาล  เขาจะกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงกำแพงตามมุมที่เขาชอบ แยกโดดเดี่ยว  เชนเป็นอีกคนที่ถูกนำเข้าห้องแยกบ่อยๆ บางครั้งเขาถูก  จับขังรวมกับนที แต่ไม่มีปัญหา พวกเขามีปัญหากันแค่เรื่องของกิน เรื่องอื่นไม่ยุ่งกัน เชนดีกว่านทีตรงที่เข้าห้องน้ำเองเป็น
              คุณอาจจะสงสัยถ้าเชนไม่กินข้าวแล้วเขาจะอยู่ยังไง  พ่อของเชนมาเกือบทุกวันมาป้อนข้าวป้อนน้ำด้วยวิธีการบอกทุกอย่าง อย่างละเอียด อ้าปากนะ งับนะ เคี้ยวนะ กลืนนะ ดูดน้ำนะ ต้องบอกทุกวิธีการ นานๆที พ่อเชนก็จะมาตัดผม โกนหนวดให้ เชนมันจะไม่มีปัญหากับใครเลยนอกจากเรื่อง 2 เรื่อง

              1 เชนชอบช่วยตัวเองและเชนชอบเอาหมอนของใครต่อใครที่หยิบได้ไปสำเร็จความใคร่  เขาแก้ผ้าได้ทุกที่ถ้ามีอารมณ์ทางเพศ และช่วยตัวเองได้ทุกที่ และทุกวัน บางครั้งมากกว่า 1 ครั้ง และบางวันมากกว่า 2-3 ครั้ง

               2 เชนชอบฉีกเสื้อผ้าไม่รู้เป็นอะไรของมันมันฉีกจนขาดเป็นชิ้นๆ  แล้วก็ไปหาตัวเก่าๆที่เขาใช้แล้วจากในถังมาใส่  ปัญหาต่อผู้ป่วยคนอื่นคือเสื้อไม่พอกับจำนวนคน  พอเจ้าหน้าที่แผนกผ้าเอาไปเย็บใหม่บางตัวก็ไม่ได้รูป บางตัวก็ไม่มีกระเป๋า ซึ่งฉันก็ยังสงสัยอยู่ว่ามันฉีกทำไม
               ครั้งหนึ่งฉันเห็นไอ้ขวัญลูบไล้ร่างกายเชนตอนก่อนนอน มันลูบไล้จนล้วงมือไปบี้น้องชายของเชน  เชนครางฮือๆ ไม่รู้ชอบหรือไม่ชอบ  ฉันเอ่ยปากออกไป “ไอ้ขวัญทำอะไรน่ะ”  ไอ้ขวัญตอบเปล่าและหยุดการกระทำแต่พอเผลอสักพักมันก็กลับไปลูบไล้ไอ้เชนใหม่  เรื่องนี้เลยเป็นเรื่องที่ฉันอำไอ้ขวัญประจำแต่มันไม่เคยยอมรับ แต่ฉันเห็นจริงๆ  ฉันสาบานได้

                 2 คนที่เอ่ยถึงอยู่มาก่อนฉันแต่คนที่ 3  มาทีหลังฉันแต่ดูเหมือนจะเคยอยู่มาก่อนดูจากการดูแลของเจ้าหน้าที่และพยาบาล

                  เขาชื่อ คอปเตอร์ เขาเป็นไดโนเสาร์พันธ์แร็ปเตอร์ เขายืนด้วย 2  ขาหลังส่วนมืออันน้อยนิดผอมบางของเขาจะงออยู่บริเวณหน้าอกเปล่งเสียง อ๋า อ๋า  คอปเตอร์ไม่มีปัญหาอะไรมากเขาเป็นเด็กที่สมองไร้การพัฒนาช่วยเหลือตัวเองไมได้ต้องให้คนอื่นช่วยทั้งอาบน้ำ  แต่งตัว กินข้าว ทุกอย่าง ปัญหาเดียวของเขาคือเดินเพล่นพล่านทั้งที่จะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่  ถ้าใครเข้าไปจับแบบไม่ระวังเขาก็จะกัด ฉันเคยโดนครั้งหนึ่ง  ตอนเดินผ่านขณะที่เขานอนงออยู่กับพื้น มันงับข้อเท้าฉัน ฉันเตะและสะบัดขาออก  ไม่มีใครเห็น

            จนกระทั่งถึงตอนที่ฉันออกมาจากโรงพยาบาล ค๊อปเต้อร์ นที เชนก็คงยังอยู่ในนั้น โดยนทีจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด  ฉันทราบมาว่าพ่อแม่นทีจ่ายเงินก้อนหนึ่งทุกเดือนให้เจ้าหน้าที่ทั้งชั้นไปแบ่งกันมีการเบิกเงินไปใช้สบายๆ  ถึงว่าทั้งผู้คุมทั้งพยาบาลจึงดูแลนทีอย่างดี

             นทีเคยได้บทเรียนครั้งนึงจากไอ้โน้ต เวลาช่วงกลางวัน  ไอ้โน้ตนั่งข้างฉันคุยกัน นทีนั่งอยู่ไม่ห่างจากไอ้โน้ต อยู่ๆ นทีตบเปรี้ยงเข้าหน้าไอ้โน้ต ไอ้โน้ตสวนกลับทันควันเปรี้ยงเข้าหน้านที  นทีดูมึนงงไม่เคยมีใครทำอะไรเขาแบบนี้ ไอ้โน้ตโวยวาย “กูทำอะไรให้ มาตบกูทำไม”  นทีสวนกลับด้วยการตีอีกครั้ง ไอ้โน้ตลุกขึ้นเตะปากนที เพี๊ย นทีวิ่งหนีออกจากห้องไป  ฉันหัวเราะแล้วบอกกับไอ้โน้ตว่า “ไปทำมันทำไม” ไอ้โน้ตตอบ “มันรู้  รู้มากว่าไม่มีใครกล้าทำอะไรมัน สม จะได้รู้สึกซะบ้าง” ฉันหัวเราะ แต่สักพัก ได้เวลาซื้อขนม น้ำอัดลม ไวตามิลค์ สำหรับคนที่มีคูปองที่ญาติฝากเงินไว้ให้  ไอ้โน้ตแบ่งขนมให้นทีกิน ฉันเอ่ยปาก “สงสารมันล่ะสิ” ไอ้โน้ตพยักหน้า ฉันหัวเราะ

ช่วงนั้นเป็นช่วงทดสอบการวินิจฉัยโรคจากนักศึกษาพยาบาล  ก่อนหน้านั้นเคยมีการแยกตัวไปพูดคุยกับนักศึกษาก่อนแล้ว ตัวต่อตัว  แต่ครั้งนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญเพราะใกล้สอบการฝึกของนักศึกษา  หลายคนแย่งตัวฉันเพื่อทำเป็นเคสวิจัยถึงขั้นแย่งกัน จนนักศึกษาหญิงคนนึงได้ตัวฉัน  เธอเป็นคนแรกที่เรียกฉันเข้าไปคุยเมื่อครั้งก่อนที่จะมีการทดสอบ ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะแต่ฉันว่าฉันมีสติมากที่สุดในนั้น  คือฉันพูดคุยรู้เรื่อง เรียบเรียงเรื่องราวถูก รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร และรู้สึกตัวตลอดแต่บางครั้งควบคุมตัวเองไม่ได้แต่ก็ไม่ถึงขั้นอาละวาด  เมื่อแยกตัวออกมาสงบจิตใจสักพักฉันก็จะเข้าสู่สภาวะปกติ นักศึกษาหลายคนเอ่ยปากเสียดายที่ไม่ได้วิจัยเคสฉัน

             นักศึกษาหญิงที่วิจัยฉันเพื่อการสอบคุยกับฉันหลายเรื่องวันละชั่วโมงสองชั่วโมงในช่วงบ่ายของทุกวัน  จนค่อนข้างไว้ใจกัน  เธอชอบถามเรื่องความรู้สึกตอนมีอาการ หรือความรู้สึกตอนใช้ยาเสพติดรวมทั้งเวลาที่ยาเสพติดออกฤทธิ์  เพราะฉันเสพมาเกือบทุกอย่าง  และตัวเธอเองก็ไม่เคยเสพสักอย่างเลยไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ซึ่งฉันก็คิดว่าแม้แต่หมอเองก็ไม่รู้หรอกว่าเวลายาเสพติดออกฤทธิ์มันเป็นยังไง  เพราะยังไงหมอก็เรียนมาแต่ภาคทฤษฏี  จะมีหมอคนไหนไหมที่ลองฉีดเฮโรอีนเพื่อเรียนรู้ว่ามันเป็นยังไงใช่ป่ะ ฮ่าๆ  เธอชอบบอกให้ฉันคิดเลิกสูบบุหรี่เพราะเธอเคยถามฉันว่าอ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งเรื่องสั้น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่