กลายเป็นหนังเรื่องเดียวที่ต้องเขียนถึงสองรอบเลยครับ เพราะรู้สึกเนื้อหามันน่าเอามาพูดถึงจริง ๆ แต่คราวนี้ขอพูดแบบสปอยล์ 100% นะ อย่างไรก็ตามขอบเขตกระทู้เอามาจากในหนัง ไม่ได้ศึกษาประวัติจริง ๆ ใครจะอ้างอิงจุดไหนก็ขอให้เช็คดี ๆ ก่อน แต่ถ้าอยากเสริมข้อมูลตรงไหนก็ยินดีเลยครับ
โลกของนักประดิษฐ์
ค.ศ. 1800 - ประดิษฐ์แบตเตอรี่ของโวลตา
ค.ศ. 1834 - คิดค้นมอเตอร์กระแสตรง
ค.ศ. 1869 - เครื่องผลิตไฟฟ้ากระแสตรง
ค.ศ. 1876 - คิดค้นโทรศัพท์
ค.ศ. 1878 - หลอดไฟฟ้าแบบมีไส้
ค.ศ. 1880 - เครื่องผลิตไฟฟ้ากระแสสลับ, มอเตอร์กระแสสลับ
ค.ศ. 1896 - หลอดฟลูออเรสเซน, หลอดนีออน
ค.ศ. 1946 - คอมพิวเตอร์
เรื่องราวของ The Current War เกิดขึ้นในช่วงหลังจากที่ โทมัส อัลวา เอดิสัน ประดิษฐ์หลอดไฟแบบมีไส้ และต่อยอดความสำเร็จด้วยการเป็นผู้แจกจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่ใดมีกระแสไฟฟ้าที่นั่นมีแสงสว่าง เอดิสัน อิเล็กทริก พ่อมดแห่งเมนโลปาร์ค เนื้อหอมที่สุดในเวลานั้น ส่วน จอร์จ เวสติงเฮาส์ คือนักประดิษฐ์ที่คิดระบบห้ามล้อหรือระบบเบรคของรถไฟ ทำธุรกิจส่งแก๊สตามท่ออยู่แล้วและก็อยากทำธุรกิจส่งกระแสไฟฟ้าด้วย โดยอยากได้เอดิสันเข้ามาเป็นหุ้นส่วน
ปี 1880
เวสติงเฮาส์รู้จักกับ แฟรงคลิน ลีโอนาด โป๊บ วิศวกรไฟฟ้าคนหนึ่งที่เคยอยู่กับโทมัสเอดิสัน เขาส่งบัตรเชิญให้เอดิสันมาร่วมทานมื้อค่ำที่บ้านด้วยกัน ขณะที่ตัวเอดิสันเองมีนัดพบกับเจพีมอร์แกน (นักการเงินการลงทุน) ช่วงกลางวัน ที่เสนอให้เอดิสันผลิตอาวุธเป็นจำนวนเงิน 5 ล้านดอลล่า แต่เอดิสันปฏิเสธประดิษฐ์อาวุธฆ่าคน เขาพยายามโน้มน้าวให้เจพีมอร์แกนลงทุนในธุรกิจจ่ายกระแสไฟฟ้าดีกว่า เงินลงทุนเริ่มต้นที่ 5 แสนดอลล่า สร้างโรงจ่ายกระแสไฟฟ้าที่เมืองนิวยอร์ค แม้การเจรจายังไม่ได้ข้อยุติ แต่วันนั้นดูเหมือนเอดิสันไม่ได้สนใจทานมื้อค่ำกับจอร์จเวสติงเฮาส์แล้ว
"เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขา เขาสามารถเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกได้ แต่เขาไม่ทำ" แฟรงคลิน โป๊บ กล่าว "แล้วสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาคืออะไร?" เวสติงเฮาส์ถาม "เขาเป็นคนที่ต้องเจอเข็มในมหาสมุทรคนแรกก่อนใคร" "แล้วเขารู้ได้ยังไงว่ามีเข็มในมหาสมุทร?" เอดิสันไม่ชื่นชอบการเป็นหุ้นส่วนกับใครนั่นเอง
ปี 1882
โทมัส เอดิสัน สร้างโรงไฟฟ้าแห่งแรกที่นิวยอร์ค และสาธิตการสร้างแสงสว่างจากกระแสไฟฟ้าอย่างยิ่งใหญ่ มีลูกค้าทยอยขอติดตั้งระบบจำนวนมาก เอดิสันระดมพลเหล่าบรรดาหัวกะทิให้มาร่วมงาน รวมทั้ง นิโคล่า เทสล่า หนุ่มอัจฉริยะชาวเซอร์เบียจากเอดิสันสาขาฝรั่งเศส ก็เดินทางมาร่วมงานด้วย
จอร์จ เวสติงเฮาส์ ซึ่งมีประสบการณ์ในระบบขนส่ง คิดว่าหัวใจสำคัญของการขนส่งคือ ระยะทาง เขามองว่าเครื่องปั่นไฟ (ไดนาโม) ของเอดิสันส่งกระแสไฟฟ้าได้ไกลเพียง 1 ไมล์ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นไดนาโมปั่นไฟของซีเมนส์จะสามารถส่งกระแสไฟได้ไกลถึง 6 ไมล์ เวสติงเฮาส์เชื่อว่าเขาโน้มน้าวให้เอดิสันมาร่วมงานกับเขาได้แน่ เขาซื้อสิทธิบัตรเครื่องปั่นไฟและหม้อแปลงจากซีเมนส์ หลอดไฟจากไฮเลม (ถ้าฟังชื่อไม่ผิดนะ) ทำการทดลองส่งกระแสไฟฟ้าระยะทาง 1 ไมล์ไปยังหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง ผลการทดลองสำเร็จอย่างสวยงาม แสงสว่างส่องถึงหมู่บ้านห่างไกล เขาเขียน จ.ม. ถึงเอดิสันอีกครั้ง กระแสไฟฟ้าของผม หลอดไฟฟ้าของคุณ เราต้องเป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่เพอเฟ็กอย่างแน่นอน
สิ่งที่เวสติงเฮาส์ได้รับคือการถูกฟ้องร้องละเมิดสิ่งประดิษฐ์ของเอดิสัน แต่เขาหลุดข้อกล่าวหาเพราะระบบไฟฟ้าไม่เหมือนกัน เขาใช้การส่งไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เอดิสันใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) เทสล่าแนะนำให้เอดิสันใช้ไฟกระแสสลับดีกว่า ตัวแปรสำคัญคือมันสามารถเพิ่มแรงดันไฟให้สูง (โวลต์สูง) ทำให้ส่งได้ไกลกว่า เอดิสันบอกถ้าเปลี่ยนเป็นไฟ ac เพิ่มแรงดันเป็นไฟแรงสูง ส่งได้ไกล แล้วปัญหาคือคุณจะลดระดับแรงดันไฟฟ้าให้ลงมาใช้งานกับมอเตอร์ได้ยังไง? เทสล่าบอกว่าทำได้ แค่ต้องศึกษามันเพิ่ม เอดิสันบอกรอไม่ได้แล้ว ผมมียอดลูกค้ามาแล้ว คุณน่าจะเอาเวลาไปคิดเรื่องที่เรากำลังทำนี้ดีกว่า
ปี 1885
เวสติงเฮาส์ได้ลูกค้าคนแรก เพราะเมื่อเปรียบเทียบแล้ว ระบบของเวสติงเฮาส์สามารถตอบโจทย์เขามากกว่า ไกลกว่า ราคาถูกกว่า ไม่ต้องติดตั้งไดนาโมทุก 1 ไมล์เหมือนไฟกระแสตรง แฟรงคลิน โป๊บ บอกถึงเวลานี้ถึงคุณไม่อยากแข่งก็ไม่ได้แล้ว ในที่สุดเวสติงเฮาส์ก็เข้าสู่สังเวียนเต็มตัว สงครามกระแสไฟฟ้าเริ่มแล้ว ลูกค้าของเวสติงเฮาส์ส่วนมากอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกล (คนจน) ส่วนเอดิสันได้ในพื้นที่ตัวเมือง (คนรวย)
หลังจากร่วมงานกันได้ไม่ถึงปี นิโคล่า เทสล่า ขอลาออก เนื่องจากความเห็นไม่ตรงกัน เอดิสันปฏิเสธจ่ายเงินชดเชย
เอดิสัน ฟ้องเวสติงเฮาส์ว่าใช้หลอดไฟขั้วเกลียวบิดซึ่งเป็นสิทธิบัตรของเอดิสัน เวสติงเฮาส์ประดิษฐ์หลอดแบบล็อคขึ้นมาใช้แทน สงครามยังดำเนินต่อไป
ปี 1886
ขณะที่สงครามกำลังดำเนิน มีการช่วงชิงพื้นที่กันหลายแห่ง ภรรยาของเอดิสันก็ได้เสียชีวิตลงเพราะเลือดคลั่งในสมอง เป็นช่วงเวลาที่เอดิสันพบความสูญเสียอย่างมาก ทั้งเรื่องงาน ความรัก และเงินลงทุน ซามูเอล อินซัล เลขาส่วนตัวของเขาแนะนำว่า คุณติดหลอดไฟตามที่ต่าง ๆ เพื่อให้คนสนใจ จะดีกว่ามั้ยถ้าทำให้คนจำนวนมากเห็นในงานแสดงสินค้าโลก ที่ชิคาโก้ นครแห่งแสงไฟ ลงทุนครั้งเดียวผ่านสายตาคน 30 ล้านคน การลงทุนที่คุ้มค่า ตอนนี้ บริษัทเวสติงเฮาส์ได้เข้าร่วมประมูลแล้ว
เอดิสันซื้อไอเดียนี้เขาต้องการได้เป็นผู้จัดงานแฟร์ โดยใช้ข้อได้เปรียบที่ว่าไฟกระแสตรงของเขาแรงดันน้อยกว่า อันตรายน้อยกว่าไฟกระแสสลับแรงดันสูง เขาสาธิตการใช้ไฟฟ้ากระแสสลับการุณยฆาตม้าแก่ตัวหนึ่ง โดยบอกว่าเครื่องประหารกิโยตินได้ชื่อจาก โยเซฟ กิโยติน ดังนั้น เครื่องประหารไฟฟ้า เรียกตามกระแสไฟฟ้าที่ใช้ (กระแสสลับ) ว่าเป็น เวสติงเฮาส ์แล้วกัน นายแพทย์เซ้าท์วิค ซึ่งกำลังหาเครื่องประหารชีวิตอย่างมีมนุษยธรรมเตะตาเรื่องนี้เข้า ได้ขอให้เอดิสันทำเครื่องให้ แต่เอดิสันปฏิเสธ
กิจการของ เวสติงเฮาส์ กำลังขยายตัวได้ดี แต่มีปัญหาลูกค้าเริ่มมีความต้องการมากขึ้น ผมติดท่อแก๊ส แสงสว่างไม่มีปัญหาสำหรับผม ผมต้องการเครื่องจักร ต้องการจักรเย็บผ้า ต้องการเพิ่มผลผลิต เวสติงเฮาส์รู้ดีว่าเขาต้องใช้มอเตอร์ แต่ระบบไฟฟ้าของเขาไม่สามารถลดแรงดันไฟฟ้าเพื่อใช้งานกับมอเตอร์ในปัจจุบันได้ ทำไมของเอดิสันทำได้ละ? กลายเป็นจุดตายที่เวสติงเฮาส์ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ แฟรงคลืน โป๊บ บอกมันเป็นไปได้สองอย่าง คือมันเป็นไปไม่ได้ (ที่จะลดไฟแรงดันสูง) หรือไม่ ผมก็เก่งไม่พอ ในคืนนั้นได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น แฟรงคลิน โป๊บ เสียชีวิตระหว่างการทดลอง เมื่อมีผู้เสียชีวิต ความหวาดกลัวต่อกระแสไฟของเวสติงเฮาส์ก็มีมากขึ้น ธุรกิจไฟกระแสสลับเริ่มหดตัว เจ.พี.มอร์แกนเสนอเวสติงเฮาส์ให้ขายธุรกิจเพื่อช่วยเหลือคนงาน ในอีกทางหนึ่ง เอดิสันจะได้ไม่มีคู่แข่งในการแข่งขันประมูลจัดงานแฟร์ เวสติงเฮาส์ยืนกรานปฏิเสธ ไม่ สงครามยังดำเนินต่อไป
..ขอพักการเล่าเรื่องสักครู่ หลายคนอาจคิดว่าทำไมเอดิสันถึงไม่เลือกใช้ไฟ ac ที่มีประสิทธิภาพดีกว่า ส่วนตัวคิดว่า 1. ค่อนข้างใหม่ในยุคนั้น 2. สิทธิบัตรอยู่กับเวสติงเฮาส์ ที่เขาไม่ต้องการทำธุรกิจหุ้นส่วน แต่มาคิดอีกที คำว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า บางทีก็อยู่ที่เรามองนะ ไฟกระแสสลับส่งได้ไกลแต่ไม่สามารถใช้ได้กับ วิทยุ จักรเย็บผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ แบบนี้ยังเรียกว่ามีประสิทธิภาพอยู่รึเปล่า ถ้าส่งไฟกระแสตรงก็สามารถใช้ได้เลย แต่เป็นไฟกระแสสลับยังต้องคิดเพิ่ม แล้วถ้าสิ่งสำคัญคือเรื่องแรงดันไฟ ไฟแรงสูงสามารถส่งได้ไกล ไฟกระแสตรงก็สามารถเพิ่มเป็นแรงดันสูงส่งได้ไกลเหมือนกัน แต่ก็จะเจอจุดตายเดียวกันคือหาวิธีลดแรงดันไฟไม่ได้ นี่อาจเป็นสิ่งที่เอดิสันพยายามให้เทสล่าคิด แล้วทำไมเทสล่าถึงคิดว่าลดแรงดันไฟกระแสสลับทำได้ง่ายกว่า ตรงนี้คิดว่าเพราะอุปกรณ์แปลงไฟที่เรารู้จักกันดีสมัยนี้คือ หม้อแปลง ใช้หลักการเหนี่ยวนำไฟฟ้า ไฟฟ้าวิ่งผ่านขดลวดเกิดอำนาจแม่เหล็ก แม่เหล็กเหนี่ยวนำให้ขดลวดอีกฝั่งเกิดกระแสไฟฟ้า แม่เหล็กไฟฟ้ากับไฟกระแสสลับกลายเป็นเรื่องเดียวกัน การพันขดลวดสั้นยาวต่างกันสามารถแบ่งลดแรงดันไฟฟ้าได้ ขณะที่ไฟกระแสตรงไม่มีความสัมพันธ์นี้ เทสล่าครุ่นคิดเรื่องนี้จนไม่มีกะใจกับงานปัจจุบันกับเอดิสัน เหมือนกับเราที่บางทีสนใจเรื่องอื่นมากกว่างานประจำ จึงเป็นเหตุผลให้ต้องแยกทางกัน ทุกคนก็มีเหตุผลของตัวเองประมาณนี่เอง แม้กระทั่งเวสติงเฮาส์ถ้าไม่สามารถแก้ไขระบบไฟกระแสสลับให้ดีขึ้นได้ ก็จะเสื่อมความนิยมลงไปเช่นกัน
ปี 1888
ดร.เซ้าท์วิค ที่ได้นำกระแสไฟฟ้าไปช็อตสัตว์ต่าง ๆ นา ๆ ให้ล้มตาย ได้ยื่นข้อเสนอให้เอดิสัน เพียงแค่ได้คำแนะนำจากเอดิสัน เขายินดีประกาศเรียกเครื่องประหารชนิดนี้ว่าเวสติงเฮาส์ตามที่ต้องการ เซ้าท์วิคได้ผลักดันให้รัฐมีการใช้เครื่องประหารชีวิตด้วยกระแสไฟฟ้าเป็นครั้งแรกกับนักโทษชื่อ วิลเลี่ยม เคมเลอร์ บริษัทเวสติงเฮาส์ฟ้องร้องต่อศาลว่าใช้กระแสไฟฟ้าฆ่าคนเป็นวิธีการที่ทารุณขัดกับกฎหมายรธน. ฝ่ายรัฐเรียกเอดิสันขึ้นให้การในฐานะผู้เชี่ยวชาญ จากผลที่เคยทดสอบกับสัตว์ เขาบอกว่าพวกมันตายแบบไม่ทรมาน รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เอดิสันปฏิเสธการให้ข้อมูลที่เจาะจงกับการใช้กระแสไฟฟ้ากับมนุษย์ เพียงแค่บอกว่าถ้าเป็นไฟฟ้าของเวสติงเฮาส์ มันก็เป็นไปได้
ชื่อเอดิสันกลับมาโด่งดังอีกครั้ง เมื่อเขาผลิตเครื่องบันทึกเสียงออกมาจำหน่าย เป็นอีกครั้งที่สินค้าของเขากลับมาท็อปฮิต แล้วถ้าคุณจะใช้สินค้าของเอดิสัน ก็ต้องใช้ระบบไฟฟ้าของเอดิสันด้วยใช่มั้ยละ
เวสติงเฮาส์จ้างคนให้ขโมยจดหมายที่เอดิสันเคยโต้ตอบกับ ดร.เซ้าวิค และส่งให้หนังสือพิมพ์เพื่อเปิดโปงว่าเขาเป็นผู้ให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลัง เอดิสันเสียเครดิตมากในเรื่องนี้ เขาพยายามโทรหา ดร.เซ้าท์วิค ให้ยกเลิกแผนการประหารนักโทษด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า เพราะทุกอย่างเป็นเพียงการประมาณการคร่าว ๆ แต่เซ้าท์วิคบอกยกเลิกไม่ได้แล้ว เขาคิดว่ามันต้องออกมาดี
ถึงตอนนี้ทั้งคู่เสมอกัน เอดิสันเสียเครดิตว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เวสติงเฮาส์กอบกู้ชื่อเสียงคืนมาได้ แต่ระบบของเขาก็ยังไม่สามารถใช้งานกับสินค้าได้มากมายเหมือนของเอดิสัน และก็ยังมีความเคลือบแคลงเรื่องอันตรายของกระแสไฟฟ้าอยู่เช่นเดิม
นิโคลา เทสล่า ที่ออกมาตั้งบริษัทของตัวเองไปไม่รอด จากนั้นเขาทำอาชีพรับจ้าง และบรรยายวิชาการตามมหาลัยต่าง ๆ ในตอนนี้เขาบอกว่าค้นพบวิธีการส่งไฟฟ้ากระแสสลับ รวมถึงใข้งานมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ เรียบร้อยแล้ว โดยวิธีการแบ่งกระแสไฟฟ้าเป็นหลายเฟส จอร์จ เวสติงเฮาส์ รู้เรื่องนี้เข้าได้ว่าจ้างให้เขามาเป็นที่ปรึกษาของบริษัท และนั่นก็กลายเป็นซุปเปอร์ดีล ในที่สุดไฟฟ้ากระแสสลับแรงสูงก็สามารถปรับลดแรงดันได้ เทสล่ามองไกลไปถึงการผลิตไฟฟ้าปริมาณขนาดใหญ่ที่น้ำตกไนแองการา
ปี 1891
เจ.พี.มอร์แกน ยอมรับว่าความคืบหน้าอย่างไม่น่าเชื่อของบริษัทเวสติงเฮาส์ดึงดูดให้เขาอยากไปลงทุนมากกว่า และผลกระทบที่เอดิสันกล่าวหาก็ยิ่งถูกตีกลับรุนแรงขึ้น ยิ่งเวสติงเฮาส์ทำระบบได้มีประสิทธิภาพเท่าไหร่ ก็ยิ่งตอกย้ำว่าเอดิสันพูดผิด บริษัท เอดิสัน อิเล็กทริค ถูกควบรวมกิจการ ผลการประมูลงานแฟร์ บริษัทเวสติงเฮาส์คือผู้ชนะ ความจริงคือกระแสไฟฟ้าอะไรก็ตามที่เกิน 200 มิลลิแอมป์ ย่อมเป็นอันตรายต่อมนุษย์
ปี 1893
การจัดงานแสดงสินค้าโลกเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่สมชื่อ นครแห่งแสงไฟ อีกด้านหนึ่ง นักโทษประหาร วิลเลี่ยม เคมเลอร์ ที่เข้าเครื่องประหารไฟฟ้าเป็นคนแรกของประวัติศาสตร์ ต้องทุลักทุเลถูกช็อตไฟฟ้าถึง 3 ครั้ง ไฟลุก เป็นภาพที่โหดร้ายทารุณ และเป็นการปิดฉากสงครามกระแสไฟฟ้าลง
..ระบบของเวสติงเฮาส์จะต้องมีอันตราย เป็นสิ่งที่สามารถเล็งเห็นได้เพราะแรงดันไฟฟ้าที่มีความต่างศักย์สูง เอดิสันยังพยากรณ์ได้ถูกต้องด้วยว่ากระแสไฟฟ้าของเวสติงเฮาส์จะต้องฆ่าใครสักคนแน่นอน อย่างไรก็ตาม เป็นอุปสรรครึเปล่ากับการสร้างนวัตกรรม สุดท้าย สิ่งที่ตอบโจทย์มากกว่าก็เป็นผู้ชนะ คิดว่าไงครับ
จบแล้วครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ
หวังว่าเนื้อหาจะเป็นประโยชน์
[CR] รีวิว The Current War (วิเคราะห์ + สปอยล์) กระแสไฟฟ้าเปลี่ยนโลก
โลกของนักประดิษฐ์
ค.ศ. 1800 - ประดิษฐ์แบตเตอรี่ของโวลตา
ค.ศ. 1834 - คิดค้นมอเตอร์กระแสตรง
ค.ศ. 1869 - เครื่องผลิตไฟฟ้ากระแสตรง
ค.ศ. 1876 - คิดค้นโทรศัพท์
ค.ศ. 1878 - หลอดไฟฟ้าแบบมีไส้
ค.ศ. 1880 - เครื่องผลิตไฟฟ้ากระแสสลับ, มอเตอร์กระแสสลับ
ค.ศ. 1896 - หลอดฟลูออเรสเซน, หลอดนีออน
ค.ศ. 1946 - คอมพิวเตอร์
เรื่องราวของ The Current War เกิดขึ้นในช่วงหลังจากที่ โทมัส อัลวา เอดิสัน ประดิษฐ์หลอดไฟแบบมีไส้ และต่อยอดความสำเร็จด้วยการเป็นผู้แจกจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่ใดมีกระแสไฟฟ้าที่นั่นมีแสงสว่าง เอดิสัน อิเล็กทริก พ่อมดแห่งเมนโลปาร์ค เนื้อหอมที่สุดในเวลานั้น ส่วน จอร์จ เวสติงเฮาส์ คือนักประดิษฐ์ที่คิดระบบห้ามล้อหรือระบบเบรคของรถไฟ ทำธุรกิจส่งแก๊สตามท่ออยู่แล้วและก็อยากทำธุรกิจส่งกระแสไฟฟ้าด้วย โดยอยากได้เอดิสันเข้ามาเป็นหุ้นส่วน
ปี 1880
เวสติงเฮาส์รู้จักกับ แฟรงคลิน ลีโอนาด โป๊บ วิศวกรไฟฟ้าคนหนึ่งที่เคยอยู่กับโทมัสเอดิสัน เขาส่งบัตรเชิญให้เอดิสันมาร่วมทานมื้อค่ำที่บ้านด้วยกัน ขณะที่ตัวเอดิสันเองมีนัดพบกับเจพีมอร์แกน (นักการเงินการลงทุน) ช่วงกลางวัน ที่เสนอให้เอดิสันผลิตอาวุธเป็นจำนวนเงิน 5 ล้านดอลล่า แต่เอดิสันปฏิเสธประดิษฐ์อาวุธฆ่าคน เขาพยายามโน้มน้าวให้เจพีมอร์แกนลงทุนในธุรกิจจ่ายกระแสไฟฟ้าดีกว่า เงินลงทุนเริ่มต้นที่ 5 แสนดอลล่า สร้างโรงจ่ายกระแสไฟฟ้าที่เมืองนิวยอร์ค แม้การเจรจายังไม่ได้ข้อยุติ แต่วันนั้นดูเหมือนเอดิสันไม่ได้สนใจทานมื้อค่ำกับจอร์จเวสติงเฮาส์แล้ว
"เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขา เขาสามารถเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกได้ แต่เขาไม่ทำ" แฟรงคลิน โป๊บ กล่าว "แล้วสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาคืออะไร?" เวสติงเฮาส์ถาม "เขาเป็นคนที่ต้องเจอเข็มในมหาสมุทรคนแรกก่อนใคร" "แล้วเขารู้ได้ยังไงว่ามีเข็มในมหาสมุทร?" เอดิสันไม่ชื่นชอบการเป็นหุ้นส่วนกับใครนั่นเอง
ปี 1882
โทมัส เอดิสัน สร้างโรงไฟฟ้าแห่งแรกที่นิวยอร์ค และสาธิตการสร้างแสงสว่างจากกระแสไฟฟ้าอย่างยิ่งใหญ่ มีลูกค้าทยอยขอติดตั้งระบบจำนวนมาก เอดิสันระดมพลเหล่าบรรดาหัวกะทิให้มาร่วมงาน รวมทั้ง นิโคล่า เทสล่า หนุ่มอัจฉริยะชาวเซอร์เบียจากเอดิสันสาขาฝรั่งเศส ก็เดินทางมาร่วมงานด้วย
จอร์จ เวสติงเฮาส์ ซึ่งมีประสบการณ์ในระบบขนส่ง คิดว่าหัวใจสำคัญของการขนส่งคือ ระยะทาง เขามองว่าเครื่องปั่นไฟ (ไดนาโม) ของเอดิสันส่งกระแสไฟฟ้าได้ไกลเพียง 1 ไมล์ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นไดนาโมปั่นไฟของซีเมนส์จะสามารถส่งกระแสไฟได้ไกลถึง 6 ไมล์ เวสติงเฮาส์เชื่อว่าเขาโน้มน้าวให้เอดิสันมาร่วมงานกับเขาได้แน่ เขาซื้อสิทธิบัตรเครื่องปั่นไฟและหม้อแปลงจากซีเมนส์ หลอดไฟจากไฮเลม (ถ้าฟังชื่อไม่ผิดนะ) ทำการทดลองส่งกระแสไฟฟ้าระยะทาง 1 ไมล์ไปยังหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง ผลการทดลองสำเร็จอย่างสวยงาม แสงสว่างส่องถึงหมู่บ้านห่างไกล เขาเขียน จ.ม. ถึงเอดิสันอีกครั้ง กระแสไฟฟ้าของผม หลอดไฟฟ้าของคุณ เราต้องเป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่เพอเฟ็กอย่างแน่นอน
สิ่งที่เวสติงเฮาส์ได้รับคือการถูกฟ้องร้องละเมิดสิ่งประดิษฐ์ของเอดิสัน แต่เขาหลุดข้อกล่าวหาเพราะระบบไฟฟ้าไม่เหมือนกัน เขาใช้การส่งไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เอดิสันใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) เทสล่าแนะนำให้เอดิสันใช้ไฟกระแสสลับดีกว่า ตัวแปรสำคัญคือมันสามารถเพิ่มแรงดันไฟให้สูง (โวลต์สูง) ทำให้ส่งได้ไกลกว่า เอดิสันบอกถ้าเปลี่ยนเป็นไฟ ac เพิ่มแรงดันเป็นไฟแรงสูง ส่งได้ไกล แล้วปัญหาคือคุณจะลดระดับแรงดันไฟฟ้าให้ลงมาใช้งานกับมอเตอร์ได้ยังไง? เทสล่าบอกว่าทำได้ แค่ต้องศึกษามันเพิ่ม เอดิสันบอกรอไม่ได้แล้ว ผมมียอดลูกค้ามาแล้ว คุณน่าจะเอาเวลาไปคิดเรื่องที่เรากำลังทำนี้ดีกว่า
ปี 1885
เวสติงเฮาส์ได้ลูกค้าคนแรก เพราะเมื่อเปรียบเทียบแล้ว ระบบของเวสติงเฮาส์สามารถตอบโจทย์เขามากกว่า ไกลกว่า ราคาถูกกว่า ไม่ต้องติดตั้งไดนาโมทุก 1 ไมล์เหมือนไฟกระแสตรง แฟรงคลิน โป๊บ บอกถึงเวลานี้ถึงคุณไม่อยากแข่งก็ไม่ได้แล้ว ในที่สุดเวสติงเฮาส์ก็เข้าสู่สังเวียนเต็มตัว สงครามกระแสไฟฟ้าเริ่มแล้ว ลูกค้าของเวสติงเฮาส์ส่วนมากอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกล (คนจน) ส่วนเอดิสันได้ในพื้นที่ตัวเมือง (คนรวย)
หลังจากร่วมงานกันได้ไม่ถึงปี นิโคล่า เทสล่า ขอลาออก เนื่องจากความเห็นไม่ตรงกัน เอดิสันปฏิเสธจ่ายเงินชดเชย
เอดิสัน ฟ้องเวสติงเฮาส์ว่าใช้หลอดไฟขั้วเกลียวบิดซึ่งเป็นสิทธิบัตรของเอดิสัน เวสติงเฮาส์ประดิษฐ์หลอดแบบล็อคขึ้นมาใช้แทน สงครามยังดำเนินต่อไป
ปี 1886
ขณะที่สงครามกำลังดำเนิน มีการช่วงชิงพื้นที่กันหลายแห่ง ภรรยาของเอดิสันก็ได้เสียชีวิตลงเพราะเลือดคลั่งในสมอง เป็นช่วงเวลาที่เอดิสันพบความสูญเสียอย่างมาก ทั้งเรื่องงาน ความรัก และเงินลงทุน ซามูเอล อินซัล เลขาส่วนตัวของเขาแนะนำว่า คุณติดหลอดไฟตามที่ต่าง ๆ เพื่อให้คนสนใจ จะดีกว่ามั้ยถ้าทำให้คนจำนวนมากเห็นในงานแสดงสินค้าโลก ที่ชิคาโก้ นครแห่งแสงไฟ ลงทุนครั้งเดียวผ่านสายตาคน 30 ล้านคน การลงทุนที่คุ้มค่า ตอนนี้ บริษัทเวสติงเฮาส์ได้เข้าร่วมประมูลแล้ว
เอดิสันซื้อไอเดียนี้เขาต้องการได้เป็นผู้จัดงานแฟร์ โดยใช้ข้อได้เปรียบที่ว่าไฟกระแสตรงของเขาแรงดันน้อยกว่า อันตรายน้อยกว่าไฟกระแสสลับแรงดันสูง เขาสาธิตการใช้ไฟฟ้ากระแสสลับการุณยฆาตม้าแก่ตัวหนึ่ง โดยบอกว่าเครื่องประหารกิโยตินได้ชื่อจาก โยเซฟ กิโยติน ดังนั้น เครื่องประหารไฟฟ้า เรียกตามกระแสไฟฟ้าที่ใช้ (กระแสสลับ) ว่าเป็น เวสติงเฮาส ์แล้วกัน นายแพทย์เซ้าท์วิค ซึ่งกำลังหาเครื่องประหารชีวิตอย่างมีมนุษยธรรมเตะตาเรื่องนี้เข้า ได้ขอให้เอดิสันทำเครื่องให้ แต่เอดิสันปฏิเสธ
กิจการของ เวสติงเฮาส์ กำลังขยายตัวได้ดี แต่มีปัญหาลูกค้าเริ่มมีความต้องการมากขึ้น ผมติดท่อแก๊ส แสงสว่างไม่มีปัญหาสำหรับผม ผมต้องการเครื่องจักร ต้องการจักรเย็บผ้า ต้องการเพิ่มผลผลิต เวสติงเฮาส์รู้ดีว่าเขาต้องใช้มอเตอร์ แต่ระบบไฟฟ้าของเขาไม่สามารถลดแรงดันไฟฟ้าเพื่อใช้งานกับมอเตอร์ในปัจจุบันได้ ทำไมของเอดิสันทำได้ละ? กลายเป็นจุดตายที่เวสติงเฮาส์ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ แฟรงคลืน โป๊บ บอกมันเป็นไปได้สองอย่าง คือมันเป็นไปไม่ได้ (ที่จะลดไฟแรงดันสูง) หรือไม่ ผมก็เก่งไม่พอ ในคืนนั้นได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น แฟรงคลิน โป๊บ เสียชีวิตระหว่างการทดลอง เมื่อมีผู้เสียชีวิต ความหวาดกลัวต่อกระแสไฟของเวสติงเฮาส์ก็มีมากขึ้น ธุรกิจไฟกระแสสลับเริ่มหดตัว เจ.พี.มอร์แกนเสนอเวสติงเฮาส์ให้ขายธุรกิจเพื่อช่วยเหลือคนงาน ในอีกทางหนึ่ง เอดิสันจะได้ไม่มีคู่แข่งในการแข่งขันประมูลจัดงานแฟร์ เวสติงเฮาส์ยืนกรานปฏิเสธ ไม่ สงครามยังดำเนินต่อไป
..ขอพักการเล่าเรื่องสักครู่ หลายคนอาจคิดว่าทำไมเอดิสันถึงไม่เลือกใช้ไฟ ac ที่มีประสิทธิภาพดีกว่า ส่วนตัวคิดว่า 1. ค่อนข้างใหม่ในยุคนั้น 2. สิทธิบัตรอยู่กับเวสติงเฮาส์ ที่เขาไม่ต้องการทำธุรกิจหุ้นส่วน แต่มาคิดอีกที คำว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า บางทีก็อยู่ที่เรามองนะ ไฟกระแสสลับส่งได้ไกลแต่ไม่สามารถใช้ได้กับ วิทยุ จักรเย็บผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ แบบนี้ยังเรียกว่ามีประสิทธิภาพอยู่รึเปล่า ถ้าส่งไฟกระแสตรงก็สามารถใช้ได้เลย แต่เป็นไฟกระแสสลับยังต้องคิดเพิ่ม แล้วถ้าสิ่งสำคัญคือเรื่องแรงดันไฟ ไฟแรงสูงสามารถส่งได้ไกล ไฟกระแสตรงก็สามารถเพิ่มเป็นแรงดันสูงส่งได้ไกลเหมือนกัน แต่ก็จะเจอจุดตายเดียวกันคือหาวิธีลดแรงดันไฟไม่ได้ นี่อาจเป็นสิ่งที่เอดิสันพยายามให้เทสล่าคิด แล้วทำไมเทสล่าถึงคิดว่าลดแรงดันไฟกระแสสลับทำได้ง่ายกว่า ตรงนี้คิดว่าเพราะอุปกรณ์แปลงไฟที่เรารู้จักกันดีสมัยนี้คือ หม้อแปลง ใช้หลักการเหนี่ยวนำไฟฟ้า ไฟฟ้าวิ่งผ่านขดลวดเกิดอำนาจแม่เหล็ก แม่เหล็กเหนี่ยวนำให้ขดลวดอีกฝั่งเกิดกระแสไฟฟ้า แม่เหล็กไฟฟ้ากับไฟกระแสสลับกลายเป็นเรื่องเดียวกัน การพันขดลวดสั้นยาวต่างกันสามารถแบ่งลดแรงดันไฟฟ้าได้ ขณะที่ไฟกระแสตรงไม่มีความสัมพันธ์นี้ เทสล่าครุ่นคิดเรื่องนี้จนไม่มีกะใจกับงานปัจจุบันกับเอดิสัน เหมือนกับเราที่บางทีสนใจเรื่องอื่นมากกว่างานประจำ จึงเป็นเหตุผลให้ต้องแยกทางกัน ทุกคนก็มีเหตุผลของตัวเองประมาณนี่เอง แม้กระทั่งเวสติงเฮาส์ถ้าไม่สามารถแก้ไขระบบไฟกระแสสลับให้ดีขึ้นได้ ก็จะเสื่อมความนิยมลงไปเช่นกัน
ปี 1888
ดร.เซ้าท์วิค ที่ได้นำกระแสไฟฟ้าไปช็อตสัตว์ต่าง ๆ นา ๆ ให้ล้มตาย ได้ยื่นข้อเสนอให้เอดิสัน เพียงแค่ได้คำแนะนำจากเอดิสัน เขายินดีประกาศเรียกเครื่องประหารชนิดนี้ว่าเวสติงเฮาส์ตามที่ต้องการ เซ้าท์วิคได้ผลักดันให้รัฐมีการใช้เครื่องประหารชีวิตด้วยกระแสไฟฟ้าเป็นครั้งแรกกับนักโทษชื่อ วิลเลี่ยม เคมเลอร์ บริษัทเวสติงเฮาส์ฟ้องร้องต่อศาลว่าใช้กระแสไฟฟ้าฆ่าคนเป็นวิธีการที่ทารุณขัดกับกฎหมายรธน. ฝ่ายรัฐเรียกเอดิสันขึ้นให้การในฐานะผู้เชี่ยวชาญ จากผลที่เคยทดสอบกับสัตว์ เขาบอกว่าพวกมันตายแบบไม่ทรมาน รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เอดิสันปฏิเสธการให้ข้อมูลที่เจาะจงกับการใช้กระแสไฟฟ้ากับมนุษย์ เพียงแค่บอกว่าถ้าเป็นไฟฟ้าของเวสติงเฮาส์ มันก็เป็นไปได้
ชื่อเอดิสันกลับมาโด่งดังอีกครั้ง เมื่อเขาผลิตเครื่องบันทึกเสียงออกมาจำหน่าย เป็นอีกครั้งที่สินค้าของเขากลับมาท็อปฮิต แล้วถ้าคุณจะใช้สินค้าของเอดิสัน ก็ต้องใช้ระบบไฟฟ้าของเอดิสันด้วยใช่มั้ยละ
เวสติงเฮาส์จ้างคนให้ขโมยจดหมายที่เอดิสันเคยโต้ตอบกับ ดร.เซ้าวิค และส่งให้หนังสือพิมพ์เพื่อเปิดโปงว่าเขาเป็นผู้ให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลัง เอดิสันเสียเครดิตมากในเรื่องนี้ เขาพยายามโทรหา ดร.เซ้าท์วิค ให้ยกเลิกแผนการประหารนักโทษด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า เพราะทุกอย่างเป็นเพียงการประมาณการคร่าว ๆ แต่เซ้าท์วิคบอกยกเลิกไม่ได้แล้ว เขาคิดว่ามันต้องออกมาดี
ถึงตอนนี้ทั้งคู่เสมอกัน เอดิสันเสียเครดิตว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เวสติงเฮาส์กอบกู้ชื่อเสียงคืนมาได้ แต่ระบบของเขาก็ยังไม่สามารถใช้งานกับสินค้าได้มากมายเหมือนของเอดิสัน และก็ยังมีความเคลือบแคลงเรื่องอันตรายของกระแสไฟฟ้าอยู่เช่นเดิม
นิโคลา เทสล่า ที่ออกมาตั้งบริษัทของตัวเองไปไม่รอด จากนั้นเขาทำอาชีพรับจ้าง และบรรยายวิชาการตามมหาลัยต่าง ๆ ในตอนนี้เขาบอกว่าค้นพบวิธีการส่งไฟฟ้ากระแสสลับ รวมถึงใข้งานมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ เรียบร้อยแล้ว โดยวิธีการแบ่งกระแสไฟฟ้าเป็นหลายเฟส จอร์จ เวสติงเฮาส์ รู้เรื่องนี้เข้าได้ว่าจ้างให้เขามาเป็นที่ปรึกษาของบริษัท และนั่นก็กลายเป็นซุปเปอร์ดีล ในที่สุดไฟฟ้ากระแสสลับแรงสูงก็สามารถปรับลดแรงดันได้ เทสล่ามองไกลไปถึงการผลิตไฟฟ้าปริมาณขนาดใหญ่ที่น้ำตกไนแองการา
ปี 1891
เจ.พี.มอร์แกน ยอมรับว่าความคืบหน้าอย่างไม่น่าเชื่อของบริษัทเวสติงเฮาส์ดึงดูดให้เขาอยากไปลงทุนมากกว่า และผลกระทบที่เอดิสันกล่าวหาก็ยิ่งถูกตีกลับรุนแรงขึ้น ยิ่งเวสติงเฮาส์ทำระบบได้มีประสิทธิภาพเท่าไหร่ ก็ยิ่งตอกย้ำว่าเอดิสันพูดผิด บริษัท เอดิสัน อิเล็กทริค ถูกควบรวมกิจการ ผลการประมูลงานแฟร์ บริษัทเวสติงเฮาส์คือผู้ชนะ ความจริงคือกระแสไฟฟ้าอะไรก็ตามที่เกิน 200 มิลลิแอมป์ ย่อมเป็นอันตรายต่อมนุษย์
ปี 1893
การจัดงานแสดงสินค้าโลกเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่สมชื่อ นครแห่งแสงไฟ อีกด้านหนึ่ง นักโทษประหาร วิลเลี่ยม เคมเลอร์ ที่เข้าเครื่องประหารไฟฟ้าเป็นคนแรกของประวัติศาสตร์ ต้องทุลักทุเลถูกช็อตไฟฟ้าถึง 3 ครั้ง ไฟลุก เป็นภาพที่โหดร้ายทารุณ และเป็นการปิดฉากสงครามกระแสไฟฟ้าลง
..ระบบของเวสติงเฮาส์จะต้องมีอันตราย เป็นสิ่งที่สามารถเล็งเห็นได้เพราะแรงดันไฟฟ้าที่มีความต่างศักย์สูง เอดิสันยังพยากรณ์ได้ถูกต้องด้วยว่ากระแสไฟฟ้าของเวสติงเฮาส์จะต้องฆ่าใครสักคนแน่นอน อย่างไรก็ตาม เป็นอุปสรรครึเปล่ากับการสร้างนวัตกรรม สุดท้าย สิ่งที่ตอบโจทย์มากกว่าก็เป็นผู้ชนะ คิดว่าไงครับ
หวังว่าเนื้อหาจะเป็นประโยชน์
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้