คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 38
นี่งงมาก ผมจะมาบอกว่าการถือครองบัตรเครดิตจำนวนมากมันมีผลต่อการขอสินเชื่อแบงค์
This is a fact!!! you know?
ก็ยังจะมีคนเขลาเบาปัญญามาเถียงฉอดๆ ว่าไม่มีผล กรูรวย อยู่ที่เครดิต
ฮัลโลววววววว นั่นคือ your business ถ้าอยากจะโพธนาโม้เหม็นขี้ฟันก็ตามใจ
แต่อย่าให้ข้อมูลผิดๆ ว่าการมีบัตรเครดิตจำนวนมากมันไม่มีผล เพราะมันผิด!!!
คนที่เค้ากำลังวางแผนกู้ซื้อบ้านจะได้รับข้อมูลและแนวทางที่ถูกต้อง
This is a fact!!! you know?
ก็ยังจะมีคนเขลาเบาปัญญามาเถียงฉอดๆ ว่าไม่มีผล กรูรวย อยู่ที่เครดิต
ฮัลโลววววววว นั่นคือ your business ถ้าอยากจะโพธนาโม้เหม็นขี้ฟันก็ตามใจ
แต่อย่าให้ข้อมูลผิดๆ ว่าการมีบัตรเครดิตจำนวนมากมันไม่มีผล เพราะมันผิด!!!
คนที่เค้ากำลังวางแผนกู้ซื้อบ้านจะได้รับข้อมูลและแนวทางที่ถูกต้อง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 61
จริงๆคนที่ให้ข้อมูลผิดคือจขกท.มากกว่าครับ
เพราะจริงๆแล้วส่วนใหญ่ไม่มีผลถ้าไม่มียอดค้างชำระ มีไม่กี่ที่หรอกที่เอามาคิดตรงนี้
จขกท.ยื่นแค่ที่เดียวก็เอามาเป็นข้อเท็จจริงแล้ว ทำให้คนตื่นกลัวกับการมีบัตรเครดิตเยอะ
ถ้าจขกท.คิดว่าการมีบัตรเยอะมีผลจริง คนที่มีวงเงินต่ำๆก็มีผลนะครับ ทั่วๆไปใช้เกณฑ์หนี้40-60%ของรายได้ ไม่เชื่อคุณลองคำนวณดูสิครับ
แล้วตกลงเคสของจขกท.ต้องปิดบัตรเพื่อให้ได้สินเชื่อหรือไม่ ถ้าธนาคารไม่ได้บังคับปิดก็แแสดงว่าไม่ได้มีผลอะไร จริงมั้ย คุณแค่โดนพนักงานขู่มั่วๆไปงั้น คุณยื่นไปกี่แบงค์ ทุกแบงค์พูดเหมือนกันหมดเหรอ
อีกอย่างที่จขกท.และท่านอื่นๆควรรู้คือ พนักงานแบงค์หลายๆคนที่บอกว่ามีผล นี่คือมั่วเอาเองครับ เพราะคนอนุมัติไม่ใช่พนักงานสาขา ขนาดพนักงานที่จขกท.ติดต่อ(ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายไหน)ยังบอกเลยว่าจขกท.กู้เยอะทั้งๆที่จขกท.ไม่ได้กู้ คือพนักงานคนนี้คงดูบูโรไม่เป็น พนักงานบางคนก็ปากเสียไปงั้นเอง ชอบขู่ลูกค้าไม่เข้าท่า เหมือนกับหลายๆคนที่บอกว่าติดblack listบูโร ทั้งๆที่บูโรไม่เคยblack listใคร
แบงค์ยุคใหม่ ถ้าไม่ได้ค้างชำระจะไม่เอามาคิดครับ ไม่ต้องไปวุ่นวายปิดบัตรให้ปวดหัว สู้เปลี่ยนแบงค์ที่กู้ใหม่ดีกว่า เพราะอะไร เพราะว่าพอลูกค้าก็ได้แล้ว ก็สามารถไปทำบัตรเครดิตได้ปรกติ ไม่ได้มีผลอะไร การเอาเกณฑ์บัตรเครดิตเยอะแต่ไม่มียอดค้างมาปฏิเสธไม่ให้สินเชื่อเคหะกับลูกค้า แบงค์ส่วนใหญ่จึงไม่ทำกันครับ ถ้าแบงค์ไหนยังคิดอยู่แสดงว่าเกณฑ์ที่คิดของแบงค์นั้นไม่เข้าท่า ผู้บริหารควรพิจารณาตัวเองดูละกันว่ายอดสินเชื่อหายไปเท่าไหรกับเกณฑ์การคิดแบบนี้
ข่าวลือ ถือบัตรเครดิตเยอะถึงแม้จะไม่ได้ใช้จะทำให้กู้บ้านไม่ผ่าน ข่าวนี้ลือกันมาเป็น10ปีแล้วครับ ตอนผมกู้เมื่อ10ปีก่อน ก็มีแบงค์เดียวที่พูดเหมือนกันว่าถือบัตรเยอะ แต่ผมก็ไม่ปิดหรอกเพราะผมรู้ว่ามันไม่ได้มีผลอะไร ถ้ามีผลจริงก็เปลี่ยนแบงค์แค่นั้นเอง สุดท้ายก็เห็นผ่านหมดไม่เห็นมีที่ไหนบังคับปิดถึงจะได้สินเชื่อ แนวคิดของแบงค์ยุคนี้ไม่ได้มาแนวหาเรื่องปฏิเสธสินเชื่อเพราะกลัวหนี้เสียกันครับ มีแต่ยัดเยียดสินเชื่อเพื่อเอายอดขายกันทั้งนั้น ใครที่ถือบัตรเยอะๆแต่ไม่มีหนี้ไม่ต้องตื่นตูมไปนะครับ
เพราะจริงๆแล้วส่วนใหญ่ไม่มีผลถ้าไม่มียอดค้างชำระ มีไม่กี่ที่หรอกที่เอามาคิดตรงนี้
จขกท.ยื่นแค่ที่เดียวก็เอามาเป็นข้อเท็จจริงแล้ว ทำให้คนตื่นกลัวกับการมีบัตรเครดิตเยอะ
ถ้าจขกท.คิดว่าการมีบัตรเยอะมีผลจริง คนที่มีวงเงินต่ำๆก็มีผลนะครับ ทั่วๆไปใช้เกณฑ์หนี้40-60%ของรายได้ ไม่เชื่อคุณลองคำนวณดูสิครับ
แล้วตกลงเคสของจขกท.ต้องปิดบัตรเพื่อให้ได้สินเชื่อหรือไม่ ถ้าธนาคารไม่ได้บังคับปิดก็แแสดงว่าไม่ได้มีผลอะไร จริงมั้ย คุณแค่โดนพนักงานขู่มั่วๆไปงั้น คุณยื่นไปกี่แบงค์ ทุกแบงค์พูดเหมือนกันหมดเหรอ
อีกอย่างที่จขกท.และท่านอื่นๆควรรู้คือ พนักงานแบงค์หลายๆคนที่บอกว่ามีผล นี่คือมั่วเอาเองครับ เพราะคนอนุมัติไม่ใช่พนักงานสาขา ขนาดพนักงานที่จขกท.ติดต่อ(ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายไหน)ยังบอกเลยว่าจขกท.กู้เยอะทั้งๆที่จขกท.ไม่ได้กู้ คือพนักงานคนนี้คงดูบูโรไม่เป็น พนักงานบางคนก็ปากเสียไปงั้นเอง ชอบขู่ลูกค้าไม่เข้าท่า เหมือนกับหลายๆคนที่บอกว่าติดblack listบูโร ทั้งๆที่บูโรไม่เคยblack listใคร
แบงค์ยุคใหม่ ถ้าไม่ได้ค้างชำระจะไม่เอามาคิดครับ ไม่ต้องไปวุ่นวายปิดบัตรให้ปวดหัว สู้เปลี่ยนแบงค์ที่กู้ใหม่ดีกว่า เพราะอะไร เพราะว่าพอลูกค้าก็ได้แล้ว ก็สามารถไปทำบัตรเครดิตได้ปรกติ ไม่ได้มีผลอะไร การเอาเกณฑ์บัตรเครดิตเยอะแต่ไม่มียอดค้างมาปฏิเสธไม่ให้สินเชื่อเคหะกับลูกค้า แบงค์ส่วนใหญ่จึงไม่ทำกันครับ ถ้าแบงค์ไหนยังคิดอยู่แสดงว่าเกณฑ์ที่คิดของแบงค์นั้นไม่เข้าท่า ผู้บริหารควรพิจารณาตัวเองดูละกันว่ายอดสินเชื่อหายไปเท่าไหรกับเกณฑ์การคิดแบบนี้
ข่าวลือ ถือบัตรเครดิตเยอะถึงแม้จะไม่ได้ใช้จะทำให้กู้บ้านไม่ผ่าน ข่าวนี้ลือกันมาเป็น10ปีแล้วครับ ตอนผมกู้เมื่อ10ปีก่อน ก็มีแบงค์เดียวที่พูดเหมือนกันว่าถือบัตรเยอะ แต่ผมก็ไม่ปิดหรอกเพราะผมรู้ว่ามันไม่ได้มีผลอะไร ถ้ามีผลจริงก็เปลี่ยนแบงค์แค่นั้นเอง สุดท้ายก็เห็นผ่านหมดไม่เห็นมีที่ไหนบังคับปิดถึงจะได้สินเชื่อ แนวคิดของแบงค์ยุคนี้ไม่ได้มาแนวหาเรื่องปฏิเสธสินเชื่อเพราะกลัวหนี้เสียกันครับ มีแต่ยัดเยียดสินเชื่อเพื่อเอายอดขายกันทั้งนั้น ใครที่ถือบัตรเยอะๆแต่ไม่มีหนี้ไม่ต้องตื่นตูมไปนะครับ
แสดงความคิดเห็น
อีกหนึ่งข้อเสียของบัตรเครดิต ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้
ใช้ตลอด จ่ายเต็ใทุกงวด มีความสุขมาก
จากสิทธิประโยชน์ต่างๆของบัตรที่ผมถือ
ซึ่งแย่นอนว่าผมวางแผนมาเป็นอย่างดี
ว่าจะใช้บัตรนี้เพื่ออะไร ลด แลก แจก แถม ผมได้หมด
จนผมรู้สึกว่าการมีบัตรเยอะๆ ถ้าเราจ่ายเต็มน่าจะมีแต่ปนะโยชน์
จนกระทั้ง...
ผมจะกู้ขอสินเชื่อบ้าน
ผมยื่นเอกสารทุกแย่างไปตามขั้นตอน
ผ่านขั้นตอนต่างๆมาได้อย่างราบรื่นเนื่องจากประวัติดี
จนถึงช่วงจนท.โทรมาซักประวัติ
“ทำไมคุณกู้ขอสินเชื่อเยอะจัง”
ผมงง ผมไม่เคยกู้ขอสินเชื่อผมมีแต่บัตรเครดิต
จนท.บอกว่า รู้ไหม ว่าถ้ายื่นขอสินเชื่อบ้านแล้วมีบัตรเครดิตเยอะ ไม่ว่าคุณจะจ่ายเต็มทุกงวด มันมีผลต่อการประเมิน
เพราะธนาคารจะหักวงเงินสินเชื่อออกจากวงเงินบัตรเครดิตที่คุณมี
เนื่องจากธนาคารมองว่ามันคือภาระที่คุณมีโอกาสเป็นหนี้ได้ในทุกเดือน ไม่ว่าคุณจะจ่ายเต็ม หรือไม่ใช้เลยก็ตาม
เช่น ถ้าคุณมีบัตรวงเงิน 1 ล้านบาท 9 ใบ
เท่ากับเหมือนคุณติดวงเงินสินเชื่ออยู่ 9 ล้านบาท
ถ้าคุณขอกู้ซื้อบ้าน 10 ล้าน เท่ากับวงเงินที่จะเหลือนุมัติจะเหลือเพียงแค่ 1 ล้านบาทเท่านั้น
นี่คือwrost case ที่มีโอกาสเกินขึ้นได้
ถ้าธนาคารโหดมากขริงๆ คุณก็อาจจะกู้ไม่ผ่านมาแบบงงๆ ทั้งๆที่คุณประวัติดี
ดังนั้นถ้าหากคุณมีประวัติดี แต่มีบัตรเครดิตเยอะ
บัตรไหนที่ไม่จำเป็น ก็ปิดมันเถอะครับ
นอกจากคุณไม่ได้มีแผนจะขอสินเชื่อก้อนใหญ่
เลยนำเรื่องนี้มาแชร์กัน เผื่อใครยังไม่ทราบ
ว่าการมีบัตรเครดิตเยอะมันส่งผลต่อการสินเชื่อบ้านอย่างไม่น่าเชื่อ