สวัสดีค่ะ เราเพิ่งไปจัดการแก้ไขปัญหาสายตาสั้นและเอียงมา แต่เลือกวิธีจัดการข้างละแบบ เลยอยากมาจะมาแชร์ให้ฟังเผื่อมีใครที่มีปัญหาแบบเรา
ขอเริ่มจากปัญหาก่อน เมื่อสิบกว่าปีก่อนเราติดเชื้อที่ตาซ้ายจากการใส่คอนเทคเลนส์ เรียกกว่าหนักหนาต้องไปนอนโรงพยาบาลกันเป็นอาทิตย์เลย ผลที่ตามมาคือเรามีแผลเป็นวงกลมที่ตาดำข้างซ้าย ซึ่งนั่นคือต้นตอของปัญหาต่างๆๆๆๆๆๆตามมามากมาย
หลังจากนั้นไม่กี่ปีเราก็อยากออกจากวงจรแว่นและคอนเทคเลนส์แบบสุดๆๆๆๆ สายตาเราเริ่มเอียงขึ้นเรื่อยๆๆๆโดยเฉพาะตาซ้ายที่เป็นผลมาจากแผลเป็น เราก็ได้ไปตรวจตาและปรึกษาที่ TRSC กับคุณหมอสบง ซึ่งระบุว่าเราทำเลสิคได้แบบ PRK และน่าจะแก้ได้ไม่หมด น่าจะเหลือเอียงประมาณ 50 ที่ตาซ้าย แต่สุดท้ายรอบนั้นก็ยังไม่ได้ทำ เพราะรู้สึกว่าแพง (ราคาตอนนั้นประมาณ 77,000) และต้องพักฟื้นยาว ยังหาเวลาไม่ได้ สุดท้ายก็ผ่านเลยไป
หลังจากนั้นเราก็มีไปลองปรึกษาที่โรงพยาบาลกลาง เพราะราคาถูกกว่ามากกก และก็เริ่มมีรีวิวเยอะแล้วว่าที่นี่โอเค แต่สุดท้ายคุณหมอที่นี่บอกว่าทำไม่ได้ เพราะมีความเสี่ยงที่กระจกตาซ้ายมีแผลเป็น T T
ตอนแรกก็จะลองกลับไปซบอกคุณหมอสบง ซึ่งตอนนั้นยังลงตรวจที่ศิริราชด้วย (ตอนนี้ล่าสุดเท่าที่เช็คคุณหมอไม่รับเคสแล้ว) ที่ศิริราชจะเป็น iLasik ราคา 60,000 เบาลงมานิด แต่คิวยาวเหยียดมากกกกกกกก สุดท้ายก็เลยไม่ได้นัดอีก
สุดท้ายเราก็ใส่คอนเทคเลนส์รายวันกับใส่แว่นแก้ปัญหาเอา แต่ยิ่งนานวันตาซ้ายที่มีแผลเป็นมันก็ยิ่งแห้งขึ้นเรื่อยๆ จนสัก 2 ปีที่ผ่านมานี่เราใส่คอนเทคได้แค่ตาขวาข้างเดียว เพราะตาซ้ายแห้งหนักมากกกก และตรวจตาทีไรตาซ้ายก็เอียงขึ้นๆๆๆๆจนใกล้ 400 แล้ว ผสมผสานกับวัยที่เริ่มมีสายตายาวเข้ามา หลังๆเลยรู้สึกว่าการมองเห็นแย่ลงไปเยอะ ไม่ค่อยอยากขับรถกลางคืนเท่าไหร่ ตัดแว่นก็ได้ไม่เต็มค่าสายตาเพราะตาซ้ายตาขวาห่างกันเยอะ มันจะปวดตามากเกิน แผนการกลับมาทำเลสิคเลยกลับมาอีกรอบ เริ่มจากที่โรงพยาบาลตาหูคอแต่ก็โดนปฏิเสธว่าทำไม่ได้ ตอนนั้นเริ่มหาข้อมูลเพิ่มละว่าถ้าเลสิคไม่ได้จริงๆมีวิธีไหนอีกมั้ย สรุปคือมีอีกวิธีคือการใส่เลนส์เสริม ICL ที่เหมาะกับคนมีปัญหากระจกตาบาง หรือสั้น ยาว เอียงแบบมากๆ ตัดสินใจว่าจะปรึกษาเรื่องเลสิคกับคุณหมอตุลยาเป็นที่สุดท้ายละ เพราะเท่าที่อ่านมาคุณหมอคือมือหนึ่งเรื่องเลสิคแล้ว ถ้าคุณหมอบอกว่าทำไม่ได้ก็จะเบนเข็มไปทำ ICL ละ (ต้องขอบคุณหลายๆท่านที่มาแชร์ประสบการณ์มากๆด้วยนะคะ เป็นประโยชน์มากๆ เพราะ ICL นี่ไม่ค่อยแพร่หลายเหมือนเลสิคเท่าไหร่)
คุณหมอตุลยาจะลงตรวจหลายที่ (ที่จำได้มีโรงพยาบาลวิภาวดี ศูนย์ท็อปเจริญ โรงพยาบาลปิยเวท) เราเล่าปัญหาให้ทีมผู้ช่วยคุณหมอฟัง ทางทีมผู้ช่วยแนะนำว่าให้ไปที่ศูนย์เลสิคท็อปเจริญดีกว่าเพราะเครื่องมือเหมาะกว่า สุดท้ายเลยมาตรวจตาที่นี่ ซึ่งการเตรียมตัวตรวจตาเพื่อทำเลสิคสำหรับคนที่มีปัญหาแบบเรา คือตาสองข้างต่างกันเยอะ ใส่คอนเทคเลนส์ข้างเดียว อะไรประมาณนี้เราแนะนำให้งดใส่คอนเทคเลนส์ให้ยาวๆๆๆไปเลย (ปกติจะให้งดประมาณ 3 วัน สำหรับคอนเทคเลนส์แบบ soft) แนะนำให้งดมากกว่านั้นเพราะตาเราอาจจะมีค่าสายตาหลอกได้ เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังเพิ่มนะคะ
ผลการตรวจคือ ตาซ้ายทำเลสิคไม่ได้ไม่ว่าจะวิธีใดๆๆๆๆๆจ้า แผลเป็นในตาดำเราเข้าใจว่ามันขยายขึ้นและติดกับขอบตา จนคุณหมอบอกว่าไม่น่าจะหามุมตัดออกได้ T T
ในวันที่ตรวจตาด้วยความหาที่ข้อมูลมาบ้างแล้ว เลยปรึกษาคุณหมอเรื่องการทำ ICL ไปด้วยในตัว ซึ่งคุณหมอที่เราต้องเจอก่อนคุณหมอตุลยาคือคุณหมอธวัชชัย คุณหมอเชี่ยวชาญด้านการฝังเลนส์อยู่แล้วและให้คำปรึกษาดี น่ารักมากกกก แต่ราคา ICL ก็แรงมากกกกกกกเช่นกัน (ที่ท็อปเจริญข้างละ 110,000) คุณหมอแนะนำว่าทำแบบเดียวกันจะดีที่สุด แต่ถ้าอยากประหยัดลงมาหน่อยตาขวาจะทำแบบเลสิคก็ได้ นี่เลยจุดประกายเรามากๆๆๆๆ พอคุณหมอตุลยาบอกว่าตาซ้ายทำเลสิคไม่ได้ เราเลยขอกลับบ้านมาคิดดูหน่อยว่าจะเอายังไงต่อดี ที่นี่จะให้เราแอดไลน์คุณพยาบาลไว้ด้วย มีอะไรก็ปรึกษาได้ตลอด พยาบาลที่ดูแลเราชื่อคุณพยาบาลวี น่ารักมากๆๆๆเช่นกัน
หลังจากกลับมาเราก็มาเสริชหาข้อมูลเรื่อง ICL เพิ่มเติม หลักๆเราดูข้อมูลราคาจากที่นี่ค่ะ
https://medium.com/sara-pahamor/มาดูแพคเกจราคา-สำหรับการรักษาสายตาแบบใส่เลนส์เสริม-icl-ทางเลือกใหม่-สำหรับผู้ที่ไม่สามารถทำเลสิกได้-1361ad559b7d
เราลองโทรเช็คโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้าดูก่อน ICL ถูกกว่าเยอะและใกล้บ้านด้วย แต่แค่จะโทรนัดพบคุณหมอ ทางเจ้าหน้าที่สอบถามปัญหาแล้วก็ปฏิเสธเลยจ้าาาาาาาา บอกว่าไม่แนะนำให้ทำ ไม่รับนัด (เอ่อออออ)
เจอแบบนี้เข้าไปเลยรู้สึกขี้เกียจละ กลับไปศูนย์ท็อปเจริญดีกว่าไม่ต้องตรวจตาใหม่
พอเราคอนเฟิร์มว่าจะทำ โดยเลือกสองวิธีผสมกัน คือตาซ้ายทำ ICL กับคุณหมอธวัชชัย ตาขวาทำเลสิคแบบ Femto กับคุณหมอตุลยา ขั้นตอนต่อไปก็คือต้องไปตรวจสายตาเพื่อทำเลนส์ที่บริษัท Filtech ที่เมืองทองธานี เราเข้าใจว่าเลนส์ ICL ทั้งหมดที่ใช้กันในประเทศไทยมาจากบริษัทนี้ ซึ่งต้องสั่งทำที่สวิตเซอร์แลนด์ที่เดียวแล้วส่งกลับมา จะมีบางโรงพยาบาลที่มีเครื่องตรวจของตัวเองไม่ต้องมาศูนย์ เช่นที่ TRSC แต่หลายๆที่คนไข้จะต้องมาที่ศูนย์ Filtech ที่เมืองทองธานีเพื่อตรวจวัดค่ะ ที่ศูนย์ท็อปเจริญนี่เนื่องจากใกล้เมืองทองเค้าจะมีรถตู้พาไปที่ตรวจเลย ก็สะดวกดี ซึ่งวันตรวจตาทำเลนส์นี่ขับรถได้ตามปกติ ไม่ตาพร่าเพราะต้องขยายม่านตาเหมือนตอนตรวจเพื่อทำเลสิค ตรวจตานี่นอกจากจะดูเรื่องค่าสายตาแล้วต้องดูขนาดเลนส์ด้วย อย่างตาเราวัดจากตาดำเป็นขนาดนึง แต่วัดเลนส์ด้านในกับเครื่องของบริษัทจะเล็กกว่า ก็ต้องเลือกตามขนาดดวงตาด้านในค่ะ แต่เค้ามีรับประกันด้วยนะ ถ้าใส่แล้วขนาดไม่พอดีเค้าจะเปลี่ยนให้ใหม่ฟรีค่ะ แต่จุดนี้คงไม่มีใครอยากเปลี่ยนหรอก
ส่วนตาขวานี่ก็ชิวๆไป เพราะตรวจเรียบร้อยไว้หมดแล้ว
มัดจำไปครึ่งนึงแล้วก็รอเลนส์ยาวไปประมาณ 2-3 เดือน ระหว่างนั้นก็หาช่วงเวลาเหมาะๆที่ลางานได้ คุณหมอให้พักอย่างน้อยสองสัปดาห์สำหรับ ICL นะคะ ส่วนเลสิคนี่อาทิตย์เดียว
ทางคุณพยาบาลจะช่วยนัดกับทีมคุณหมอตุลยาด้วย เราผ่าสองวันติดกันเลย วันแรกทำ ICL วันที่สองทำ Femto ที่ท็อปเจริญจะไม่มีห้องพักฟื้นแบบค้างคืน แต่มีโรงแรมติดกับศูนย์อยู่ คุณพยาบาลช่วยจองให้ด้วยสองคืนตกคืนละ 600 บ้านเราอยู่ฝั่งธนขี้เกียจไปๆมาๆ เลยอยู่ตรงนั้นไปเลยสะดวกกว่า ใครจะเลือกทำที่ไหนต้องคิดเผื่อเรื่องการเดินทางและที่พักด้วยนะคะ เท่าที่อ่านมาบางที่จะรวมที่พักในแพคเกจเลย อย่างโรงพยาบาลวิภาวดี แบบนั้นก็สะดวกดีฟ
ถามว่ามีคุณหมอที่สามารถทำได้ทั้ง ICL และเลสิคในคนเดียวกันมั้ย ตอบว่ามีค่ะ แต่สำหรับเราคิดว่าเลือกคุณหมอแบบที่เชี่ยวชาญที่สุดแต่ละเทคนิคไปเลยดีกว่า
และแล้ววันทำ ICL ก็มาถึง ก่อนทำก็มีวัดสายตากันอีกรอบแล้วก็หยอดยาขยายม่านตา เสร็จแล้วก็เข้าห้องผ่าตัด ใช้เวลารวมๆประมาณ 30 นาทีค่ะ สำคัญคือต้องทำใจให้สบายๆๆๆๆๆๆเพราะเวลาผ่าตาต้องนิ่ง เราจะค่อยๆเห็นเลนส์ถูกใส่เข้าไปในตา จะมีอาการปวดตุ๊บๆบ้างตอนคุณหมอหมุนเลนส์แต่ไม่ถึงกับมากมายนัก (ฉีดสิวเจ็บกว่า) หมอและพยาบาลจะคอยให้กำลังใจตลอดการผ่าตัด ไม่นานก็เสร็จค่ะ ตาซ้ายจะถูกปิดไว้ และจากนั้นก็เข้าห้องพักฟื้น ทานข้าว ทานยาลดความดันตาแล้วนอนพักไปประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นก็จะเปิดตาแล้วก็มาตรวจตาอีกรอบ หลังเปิดตาจะยังเห็นไม่ชัดมาก แต่ก็พอมองได้ปกติ ช่วงนี้ต้องระวังเรื่องความดันตาสูง พอคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับบ้านได้ ของเราก็คือกลับที่พัก ซึ่งคุณบุรุษพยาบาลก็เข็นรถเข็นมาเสยให้ถึงหน้าโรงแรมค่ะ
คุณหมอจะให้ยาคลายเครียดมาทานด้วยตั้งแต่หลังผ่าเสร็จเลย แล้วให้กลับบ้านมาด้วย อารมณ์แบบทำเสร็จแล้วก็นอนๆๆๆไป ตื่นมาอีกวัน ลองเปิดที่ครอบตา เช็ดตาเสร็จ โอ้ววววว ตาซ้ายช่างสดใสเหลือเกินนน แต่พอมองสองตาก็มีความงงๆๆอยู่พอสมควร
และวันนี้ก็ถึงคราวตาขวากับคุณหมอตุลยาละ เรามาตรวจตาซ้ายก่อนตอนบ่ายสาม ผลตรวจออกมาโอเค ความดันตาปกติ โล่งไปกับตาซ้าย แต่คุณหมอเริ่มทักละว่าเอียงแก้ไม่หมดนะ เพราะเราเป็นเอียงจากแผลเป็น ทำให้ยังไงก็ไม่สามารถหายไปได้หมด น่าจะเหลือประมาณร้อยนึง
ที่นี้ก็มาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจอีกรอบ เนื่องจากเราเริ่มมีปัญหาสายตายาวแล้ว ก็จะสามารถเลือกได้ว่าจะทำแบบ Mono Vision คือการที่ทำตาข้างนึงชัด 100% แต่ตาอีกข้างให้เหลือค่าสายตาสั้นไว้ เพื่อบาลานซ์กับสายตายาว ทีมคุณหมอตุลยาก็เข้ามาให้คำปรึกษา ให้ลองใส่แว่นดูว่าเราถนัดแบบไหน (ใส่เฉพาะตาขวา) ซึ่งเราก็สรุปที่ตาขวาจะเหลือค่าสายตาสั้นไว้สก 75 เพื่อกลบกับตายาวที่มีประมาณ 100 นึง จุดนี้แหละบอกไว้ตอนต้นว่าต้องระวังกับเคสที่สองตาไม่เท่ากันมากๆแบบเรา เพราะพอทำเสร็จ กลายเป็นตาขวาเราเท่ากับ 0 ไม่เหลือสั้นไว้ 75 แบบที่วางแผนกัน คุณหมออธิบายว่ามันเป็นสายตาหลอก อาจเพราะเราใส่คอนเทคตาขวาข้างเดียวมานาน ดังนั้นคนที่มีปัญหาแบบนี้ต้องระวังมากๆๆๆๆๆๆๆ ปรึกษาคุณหมอดีๆ เพราะถ้าทำตามค่าสายตาจริง อย่างของเราสายตาสั้น 350 ถ้าทำตามนี้เป๊ะๆก็จะกลายเป็นสายตายาวเพิ่มไปอีก เพราะความสั้นจริงๆประมาณ 275
ขั้นตอนการทำ Femto เราคงไม่ลงรายละเอียดนะคะ เพราะมีรีวิวค่อนข้างเยอะแล้ว ตอนทำก็เหมือนเดิมคือต้องจิตนิ่งมากๆๆๆๆ รอบนี้คุณหมอจะให้ทานยาคลายเครียดรอไว้เลย สำหรับเรา ICL มีความน่ากลัวมากกว่านะ เลสิคนี่ดูมาเร็วไปเร็ว ชุดยังไม่ต้องเปลี่ยนเลยแค่ใส่เสื้อคลุม รวมๆเวลาทำแค่ 10 นาที ทำตามที่ทีมแพทย์บอกเป็นอันเรียบร้อยไม่มีอะไรน่ากังวลค่ะ
แต่หลังทำนี่สิ ต่างกับ ICL ที่ออกจะชิว ตาขวาหลังทำพอยาชาหมดฤทธิ์มันจะเริ่มเคืองมากๆๆๆๆน้ำตาไหลตลอด ต้องนอนอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ ใส่ที่ครอบตาแล้วนอนยาวๆๆๆไป
มาถึงวันที่สาม วันนี้เป็นวันตรวจตาข้างขวาซึ่งคุณหมอตุลยาจะฝากเคสกับคุณหมอธวัชชัยไว้ ผลการตรวจออกมาโอเค ยังมีเคืองๆตาขวาอยู่แต่มองเห็นชัดมากกกกก ตอนนั่งรถกลับบ้านมองเห็นป้ายต่างๆแต่ไกลนี่น้ำตาจะไหลด้วยความปลื้มปิติ ส่วนตาซ้ายนี่เรียกได้ว่าแทบไม่มีอาการอะไรเลย แต่ถ้าใช้สายตานานเกินเช่นมองมือถือตาจะเริ่มมัวๆละ เพราะฉะนั้นช่วงแรกๆนี้ควรงดมองจอไปก่อน ทีวีพอดูได้บ้าง แต่เราว่าพักตาไปเลยจะดีที่สุดค่ะ อีกเรื่องที่ต้องระวังมากๆๆๆๆคือน้ำ ห้ามล้างหน้า ห้ามสระผมเอง ห้ามตาโดนน้ำเด็ดขาด เหงื่อด้วย หนึ่งสัปดาห์สำหรับเลสิคและสองสัปดาห์สำหรับ ICL เราใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็คหน้าเอา งดเครื่องสำอางค์ไปก่อน
ตอนนี้ผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว ส่วนตัวเราคิดว่าตาสองข้างมันค่อยๆปรับตัว ภาพไม่คมกริ๊บเหมือนตอนทำใหม่ๆแต่ก็อยู่ในระดับที่โอเคมากแล้วสำหรับเรา สามารถอ่านตัวอักษรบนเส้นแดงที่ใช้วัดค่าสายตาได้ มองระยะอ่านหนังสือได้ ขับรถได้สบายๆๆๆๆๆ เพลง A Whole New World ดังในหัวตลอดเวลา 5555. แต่ๆๆๆๆตาซ้ายที่ทำ ICL ยังมองเห็นขอบเลนส์อยู่ จะมองเห็นทุกอย่างทรงกลดไปหมด 555 โดยเฉพาะเวลาเริ่มใช้ตาเยอะๆ เท่าที่อ่านดูเห็นหลายๆท่านก็เป็นกัน คุณหมอบอกว่าเดี๋ยวจะดีขึ้นเองค่ะ
ในเรื่องค่าใช้จ่าย
ตาซ้าย ICL 110,000 บาท
ตาขวา Femto Lasik 56,600 (สองข้าง 77,000 ข้างเดียวแพงเชียว ฮืออออ)
เราแนะนำสำหรับคนที่คิดจะทำนะคะ ไม่ว่าจะเลสิคหรือ ICL อยากให้ลองปรึกษาดูหลายๆที่ เลือกที่ๆคุณหมอให้คำปรึกษา ตอบคำถามได้เต็มที่ เพื่อความสบายใจของเรานะคะ โดยเฉพาะเคสที่มีปัญหาแบบเรานี่ต้องคุย ต้องทำความเข้าใจเยอะ มันมีทั้งผลดีและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย ลองเลือกที่เรารู้สึกสบายใจที่สุดค่ะ
แชร์ประสบการณ์แก้ปัญหาสายตาแบบข้างละวิธี (ใส่เลนส์เสริม ICL กับ Femto Lasik)
ขอเริ่มจากปัญหาก่อน เมื่อสิบกว่าปีก่อนเราติดเชื้อที่ตาซ้ายจากการใส่คอนเทคเลนส์ เรียกกว่าหนักหนาต้องไปนอนโรงพยาบาลกันเป็นอาทิตย์เลย ผลที่ตามมาคือเรามีแผลเป็นวงกลมที่ตาดำข้างซ้าย ซึ่งนั่นคือต้นตอของปัญหาต่างๆๆๆๆๆๆตามมามากมาย
หลังจากนั้นไม่กี่ปีเราก็อยากออกจากวงจรแว่นและคอนเทคเลนส์แบบสุดๆๆๆๆ สายตาเราเริ่มเอียงขึ้นเรื่อยๆๆๆโดยเฉพาะตาซ้ายที่เป็นผลมาจากแผลเป็น เราก็ได้ไปตรวจตาและปรึกษาที่ TRSC กับคุณหมอสบง ซึ่งระบุว่าเราทำเลสิคได้แบบ PRK และน่าจะแก้ได้ไม่หมด น่าจะเหลือเอียงประมาณ 50 ที่ตาซ้าย แต่สุดท้ายรอบนั้นก็ยังไม่ได้ทำ เพราะรู้สึกว่าแพง (ราคาตอนนั้นประมาณ 77,000) และต้องพักฟื้นยาว ยังหาเวลาไม่ได้ สุดท้ายก็ผ่านเลยไป
หลังจากนั้นเราก็มีไปลองปรึกษาที่โรงพยาบาลกลาง เพราะราคาถูกกว่ามากกก และก็เริ่มมีรีวิวเยอะแล้วว่าที่นี่โอเค แต่สุดท้ายคุณหมอที่นี่บอกว่าทำไม่ได้ เพราะมีความเสี่ยงที่กระจกตาซ้ายมีแผลเป็น T T
ตอนแรกก็จะลองกลับไปซบอกคุณหมอสบง ซึ่งตอนนั้นยังลงตรวจที่ศิริราชด้วย (ตอนนี้ล่าสุดเท่าที่เช็คคุณหมอไม่รับเคสแล้ว) ที่ศิริราชจะเป็น iLasik ราคา 60,000 เบาลงมานิด แต่คิวยาวเหยียดมากกกกกกกก สุดท้ายก็เลยไม่ได้นัดอีก
สุดท้ายเราก็ใส่คอนเทคเลนส์รายวันกับใส่แว่นแก้ปัญหาเอา แต่ยิ่งนานวันตาซ้ายที่มีแผลเป็นมันก็ยิ่งแห้งขึ้นเรื่อยๆ จนสัก 2 ปีที่ผ่านมานี่เราใส่คอนเทคได้แค่ตาขวาข้างเดียว เพราะตาซ้ายแห้งหนักมากกกก และตรวจตาทีไรตาซ้ายก็เอียงขึ้นๆๆๆๆจนใกล้ 400 แล้ว ผสมผสานกับวัยที่เริ่มมีสายตายาวเข้ามา หลังๆเลยรู้สึกว่าการมองเห็นแย่ลงไปเยอะ ไม่ค่อยอยากขับรถกลางคืนเท่าไหร่ ตัดแว่นก็ได้ไม่เต็มค่าสายตาเพราะตาซ้ายตาขวาห่างกันเยอะ มันจะปวดตามากเกิน แผนการกลับมาทำเลสิคเลยกลับมาอีกรอบ เริ่มจากที่โรงพยาบาลตาหูคอแต่ก็โดนปฏิเสธว่าทำไม่ได้ ตอนนั้นเริ่มหาข้อมูลเพิ่มละว่าถ้าเลสิคไม่ได้จริงๆมีวิธีไหนอีกมั้ย สรุปคือมีอีกวิธีคือการใส่เลนส์เสริม ICL ที่เหมาะกับคนมีปัญหากระจกตาบาง หรือสั้น ยาว เอียงแบบมากๆ ตัดสินใจว่าจะปรึกษาเรื่องเลสิคกับคุณหมอตุลยาเป็นที่สุดท้ายละ เพราะเท่าที่อ่านมาคุณหมอคือมือหนึ่งเรื่องเลสิคแล้ว ถ้าคุณหมอบอกว่าทำไม่ได้ก็จะเบนเข็มไปทำ ICL ละ (ต้องขอบคุณหลายๆท่านที่มาแชร์ประสบการณ์มากๆด้วยนะคะ เป็นประโยชน์มากๆ เพราะ ICL นี่ไม่ค่อยแพร่หลายเหมือนเลสิคเท่าไหร่)
คุณหมอตุลยาจะลงตรวจหลายที่ (ที่จำได้มีโรงพยาบาลวิภาวดี ศูนย์ท็อปเจริญ โรงพยาบาลปิยเวท) เราเล่าปัญหาให้ทีมผู้ช่วยคุณหมอฟัง ทางทีมผู้ช่วยแนะนำว่าให้ไปที่ศูนย์เลสิคท็อปเจริญดีกว่าเพราะเครื่องมือเหมาะกว่า สุดท้ายเลยมาตรวจตาที่นี่ ซึ่งการเตรียมตัวตรวจตาเพื่อทำเลสิคสำหรับคนที่มีปัญหาแบบเรา คือตาสองข้างต่างกันเยอะ ใส่คอนเทคเลนส์ข้างเดียว อะไรประมาณนี้เราแนะนำให้งดใส่คอนเทคเลนส์ให้ยาวๆๆๆไปเลย (ปกติจะให้งดประมาณ 3 วัน สำหรับคอนเทคเลนส์แบบ soft) แนะนำให้งดมากกว่านั้นเพราะตาเราอาจจะมีค่าสายตาหลอกได้ เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังเพิ่มนะคะ
ผลการตรวจคือ ตาซ้ายทำเลสิคไม่ได้ไม่ว่าจะวิธีใดๆๆๆๆๆจ้า แผลเป็นในตาดำเราเข้าใจว่ามันขยายขึ้นและติดกับขอบตา จนคุณหมอบอกว่าไม่น่าจะหามุมตัดออกได้ T T
ในวันที่ตรวจตาด้วยความหาที่ข้อมูลมาบ้างแล้ว เลยปรึกษาคุณหมอเรื่องการทำ ICL ไปด้วยในตัว ซึ่งคุณหมอที่เราต้องเจอก่อนคุณหมอตุลยาคือคุณหมอธวัชชัย คุณหมอเชี่ยวชาญด้านการฝังเลนส์อยู่แล้วและให้คำปรึกษาดี น่ารักมากกกก แต่ราคา ICL ก็แรงมากกกกกกกเช่นกัน (ที่ท็อปเจริญข้างละ 110,000) คุณหมอแนะนำว่าทำแบบเดียวกันจะดีที่สุด แต่ถ้าอยากประหยัดลงมาหน่อยตาขวาจะทำแบบเลสิคก็ได้ นี่เลยจุดประกายเรามากๆๆๆๆ พอคุณหมอตุลยาบอกว่าตาซ้ายทำเลสิคไม่ได้ เราเลยขอกลับบ้านมาคิดดูหน่อยว่าจะเอายังไงต่อดี ที่นี่จะให้เราแอดไลน์คุณพยาบาลไว้ด้วย มีอะไรก็ปรึกษาได้ตลอด พยาบาลที่ดูแลเราชื่อคุณพยาบาลวี น่ารักมากๆๆๆเช่นกัน
หลังจากกลับมาเราก็มาเสริชหาข้อมูลเรื่อง ICL เพิ่มเติม หลักๆเราดูข้อมูลราคาจากที่นี่ค่ะ https://medium.com/sara-pahamor/มาดูแพคเกจราคา-สำหรับการรักษาสายตาแบบใส่เลนส์เสริม-icl-ทางเลือกใหม่-สำหรับผู้ที่ไม่สามารถทำเลสิกได้-1361ad559b7d
เราลองโทรเช็คโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้าดูก่อน ICL ถูกกว่าเยอะและใกล้บ้านด้วย แต่แค่จะโทรนัดพบคุณหมอ ทางเจ้าหน้าที่สอบถามปัญหาแล้วก็ปฏิเสธเลยจ้าาาาาาาา บอกว่าไม่แนะนำให้ทำ ไม่รับนัด (เอ่อออออ)
เจอแบบนี้เข้าไปเลยรู้สึกขี้เกียจละ กลับไปศูนย์ท็อปเจริญดีกว่าไม่ต้องตรวจตาใหม่
พอเราคอนเฟิร์มว่าจะทำ โดยเลือกสองวิธีผสมกัน คือตาซ้ายทำ ICL กับคุณหมอธวัชชัย ตาขวาทำเลสิคแบบ Femto กับคุณหมอตุลยา ขั้นตอนต่อไปก็คือต้องไปตรวจสายตาเพื่อทำเลนส์ที่บริษัท Filtech ที่เมืองทองธานี เราเข้าใจว่าเลนส์ ICL ทั้งหมดที่ใช้กันในประเทศไทยมาจากบริษัทนี้ ซึ่งต้องสั่งทำที่สวิตเซอร์แลนด์ที่เดียวแล้วส่งกลับมา จะมีบางโรงพยาบาลที่มีเครื่องตรวจของตัวเองไม่ต้องมาศูนย์ เช่นที่ TRSC แต่หลายๆที่คนไข้จะต้องมาที่ศูนย์ Filtech ที่เมืองทองธานีเพื่อตรวจวัดค่ะ ที่ศูนย์ท็อปเจริญนี่เนื่องจากใกล้เมืองทองเค้าจะมีรถตู้พาไปที่ตรวจเลย ก็สะดวกดี ซึ่งวันตรวจตาทำเลนส์นี่ขับรถได้ตามปกติ ไม่ตาพร่าเพราะต้องขยายม่านตาเหมือนตอนตรวจเพื่อทำเลสิค ตรวจตานี่นอกจากจะดูเรื่องค่าสายตาแล้วต้องดูขนาดเลนส์ด้วย อย่างตาเราวัดจากตาดำเป็นขนาดนึง แต่วัดเลนส์ด้านในกับเครื่องของบริษัทจะเล็กกว่า ก็ต้องเลือกตามขนาดดวงตาด้านในค่ะ แต่เค้ามีรับประกันด้วยนะ ถ้าใส่แล้วขนาดไม่พอดีเค้าจะเปลี่ยนให้ใหม่ฟรีค่ะ แต่จุดนี้คงไม่มีใครอยากเปลี่ยนหรอก
ส่วนตาขวานี่ก็ชิวๆไป เพราะตรวจเรียบร้อยไว้หมดแล้ว
มัดจำไปครึ่งนึงแล้วก็รอเลนส์ยาวไปประมาณ 2-3 เดือน ระหว่างนั้นก็หาช่วงเวลาเหมาะๆที่ลางานได้ คุณหมอให้พักอย่างน้อยสองสัปดาห์สำหรับ ICL นะคะ ส่วนเลสิคนี่อาทิตย์เดียว
ทางคุณพยาบาลจะช่วยนัดกับทีมคุณหมอตุลยาด้วย เราผ่าสองวันติดกันเลย วันแรกทำ ICL วันที่สองทำ Femto ที่ท็อปเจริญจะไม่มีห้องพักฟื้นแบบค้างคืน แต่มีโรงแรมติดกับศูนย์อยู่ คุณพยาบาลช่วยจองให้ด้วยสองคืนตกคืนละ 600 บ้านเราอยู่ฝั่งธนขี้เกียจไปๆมาๆ เลยอยู่ตรงนั้นไปเลยสะดวกกว่า ใครจะเลือกทำที่ไหนต้องคิดเผื่อเรื่องการเดินทางและที่พักด้วยนะคะ เท่าที่อ่านมาบางที่จะรวมที่พักในแพคเกจเลย อย่างโรงพยาบาลวิภาวดี แบบนั้นก็สะดวกดีฟ
ถามว่ามีคุณหมอที่สามารถทำได้ทั้ง ICL และเลสิคในคนเดียวกันมั้ย ตอบว่ามีค่ะ แต่สำหรับเราคิดว่าเลือกคุณหมอแบบที่เชี่ยวชาญที่สุดแต่ละเทคนิคไปเลยดีกว่า
และแล้ววันทำ ICL ก็มาถึง ก่อนทำก็มีวัดสายตากันอีกรอบแล้วก็หยอดยาขยายม่านตา เสร็จแล้วก็เข้าห้องผ่าตัด ใช้เวลารวมๆประมาณ 30 นาทีค่ะ สำคัญคือต้องทำใจให้สบายๆๆๆๆๆๆเพราะเวลาผ่าตาต้องนิ่ง เราจะค่อยๆเห็นเลนส์ถูกใส่เข้าไปในตา จะมีอาการปวดตุ๊บๆบ้างตอนคุณหมอหมุนเลนส์แต่ไม่ถึงกับมากมายนัก (ฉีดสิวเจ็บกว่า) หมอและพยาบาลจะคอยให้กำลังใจตลอดการผ่าตัด ไม่นานก็เสร็จค่ะ ตาซ้ายจะถูกปิดไว้ และจากนั้นก็เข้าห้องพักฟื้น ทานข้าว ทานยาลดความดันตาแล้วนอนพักไปประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นก็จะเปิดตาแล้วก็มาตรวจตาอีกรอบ หลังเปิดตาจะยังเห็นไม่ชัดมาก แต่ก็พอมองได้ปกติ ช่วงนี้ต้องระวังเรื่องความดันตาสูง พอคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับบ้านได้ ของเราก็คือกลับที่พัก ซึ่งคุณบุรุษพยาบาลก็เข็นรถเข็นมาเสยให้ถึงหน้าโรงแรมค่ะ
คุณหมอจะให้ยาคลายเครียดมาทานด้วยตั้งแต่หลังผ่าเสร็จเลย แล้วให้กลับบ้านมาด้วย อารมณ์แบบทำเสร็จแล้วก็นอนๆๆๆไป ตื่นมาอีกวัน ลองเปิดที่ครอบตา เช็ดตาเสร็จ โอ้ววววว ตาซ้ายช่างสดใสเหลือเกินนน แต่พอมองสองตาก็มีความงงๆๆอยู่พอสมควร
และวันนี้ก็ถึงคราวตาขวากับคุณหมอตุลยาละ เรามาตรวจตาซ้ายก่อนตอนบ่ายสาม ผลตรวจออกมาโอเค ความดันตาปกติ โล่งไปกับตาซ้าย แต่คุณหมอเริ่มทักละว่าเอียงแก้ไม่หมดนะ เพราะเราเป็นเอียงจากแผลเป็น ทำให้ยังไงก็ไม่สามารถหายไปได้หมด น่าจะเหลือประมาณร้อยนึง
ที่นี้ก็มาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจอีกรอบ เนื่องจากเราเริ่มมีปัญหาสายตายาวแล้ว ก็จะสามารถเลือกได้ว่าจะทำแบบ Mono Vision คือการที่ทำตาข้างนึงชัด 100% แต่ตาอีกข้างให้เหลือค่าสายตาสั้นไว้ เพื่อบาลานซ์กับสายตายาว ทีมคุณหมอตุลยาก็เข้ามาให้คำปรึกษา ให้ลองใส่แว่นดูว่าเราถนัดแบบไหน (ใส่เฉพาะตาขวา) ซึ่งเราก็สรุปที่ตาขวาจะเหลือค่าสายตาสั้นไว้สก 75 เพื่อกลบกับตายาวที่มีประมาณ 100 นึง จุดนี้แหละบอกไว้ตอนต้นว่าต้องระวังกับเคสที่สองตาไม่เท่ากันมากๆแบบเรา เพราะพอทำเสร็จ กลายเป็นตาขวาเราเท่ากับ 0 ไม่เหลือสั้นไว้ 75 แบบที่วางแผนกัน คุณหมออธิบายว่ามันเป็นสายตาหลอก อาจเพราะเราใส่คอนเทคตาขวาข้างเดียวมานาน ดังนั้นคนที่มีปัญหาแบบนี้ต้องระวังมากๆๆๆๆๆๆๆ ปรึกษาคุณหมอดีๆ เพราะถ้าทำตามค่าสายตาจริง อย่างของเราสายตาสั้น 350 ถ้าทำตามนี้เป๊ะๆก็จะกลายเป็นสายตายาวเพิ่มไปอีก เพราะความสั้นจริงๆประมาณ 275
ขั้นตอนการทำ Femto เราคงไม่ลงรายละเอียดนะคะ เพราะมีรีวิวค่อนข้างเยอะแล้ว ตอนทำก็เหมือนเดิมคือต้องจิตนิ่งมากๆๆๆๆ รอบนี้คุณหมอจะให้ทานยาคลายเครียดรอไว้เลย สำหรับเรา ICL มีความน่ากลัวมากกว่านะ เลสิคนี่ดูมาเร็วไปเร็ว ชุดยังไม่ต้องเปลี่ยนเลยแค่ใส่เสื้อคลุม รวมๆเวลาทำแค่ 10 นาที ทำตามที่ทีมแพทย์บอกเป็นอันเรียบร้อยไม่มีอะไรน่ากังวลค่ะ
แต่หลังทำนี่สิ ต่างกับ ICL ที่ออกจะชิว ตาขวาหลังทำพอยาชาหมดฤทธิ์มันจะเริ่มเคืองมากๆๆๆๆน้ำตาไหลตลอด ต้องนอนอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ ใส่ที่ครอบตาแล้วนอนยาวๆๆๆไป
มาถึงวันที่สาม วันนี้เป็นวันตรวจตาข้างขวาซึ่งคุณหมอตุลยาจะฝากเคสกับคุณหมอธวัชชัยไว้ ผลการตรวจออกมาโอเค ยังมีเคืองๆตาขวาอยู่แต่มองเห็นชัดมากกกกก ตอนนั่งรถกลับบ้านมองเห็นป้ายต่างๆแต่ไกลนี่น้ำตาจะไหลด้วยความปลื้มปิติ ส่วนตาซ้ายนี่เรียกได้ว่าแทบไม่มีอาการอะไรเลย แต่ถ้าใช้สายตานานเกินเช่นมองมือถือตาจะเริ่มมัวๆละ เพราะฉะนั้นช่วงแรกๆนี้ควรงดมองจอไปก่อน ทีวีพอดูได้บ้าง แต่เราว่าพักตาไปเลยจะดีที่สุดค่ะ อีกเรื่องที่ต้องระวังมากๆๆๆๆคือน้ำ ห้ามล้างหน้า ห้ามสระผมเอง ห้ามตาโดนน้ำเด็ดขาด เหงื่อด้วย หนึ่งสัปดาห์สำหรับเลสิคและสองสัปดาห์สำหรับ ICL เราใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็คหน้าเอา งดเครื่องสำอางค์ไปก่อน
ตอนนี้ผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว ส่วนตัวเราคิดว่าตาสองข้างมันค่อยๆปรับตัว ภาพไม่คมกริ๊บเหมือนตอนทำใหม่ๆแต่ก็อยู่ในระดับที่โอเคมากแล้วสำหรับเรา สามารถอ่านตัวอักษรบนเส้นแดงที่ใช้วัดค่าสายตาได้ มองระยะอ่านหนังสือได้ ขับรถได้สบายๆๆๆๆๆ เพลง A Whole New World ดังในหัวตลอดเวลา 5555. แต่ๆๆๆๆตาซ้ายที่ทำ ICL ยังมองเห็นขอบเลนส์อยู่ จะมองเห็นทุกอย่างทรงกลดไปหมด 555 โดยเฉพาะเวลาเริ่มใช้ตาเยอะๆ เท่าที่อ่านดูเห็นหลายๆท่านก็เป็นกัน คุณหมอบอกว่าเดี๋ยวจะดีขึ้นเองค่ะ
ในเรื่องค่าใช้จ่าย
ตาซ้าย ICL 110,000 บาท
ตาขวา Femto Lasik 56,600 (สองข้าง 77,000 ข้างเดียวแพงเชียว ฮืออออ)
เราแนะนำสำหรับคนที่คิดจะทำนะคะ ไม่ว่าจะเลสิคหรือ ICL อยากให้ลองปรึกษาดูหลายๆที่ เลือกที่ๆคุณหมอให้คำปรึกษา ตอบคำถามได้เต็มที่ เพื่อความสบายใจของเรานะคะ โดยเฉพาะเคสที่มีปัญหาแบบเรานี่ต้องคุย ต้องทำความเข้าใจเยอะ มันมีทั้งผลดีและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย ลองเลือกที่เรารู้สึกสบายใจที่สุดค่ะ