ทำไมงานจำนวนมากต้องการคนจบปอตรีทั้งที่งานที่ทำไม่ต้องใช้ความรู้ปอตรีเลย เช่นงานเวิด เอกเซล จบมอหกหลายคนก็ทำได้แล้ว

กระทู้คำถาม
แล้วจะเรียนปอตรีไปทำไมในเมื่อ เรียนไปก็ไม่ได้ใช้อะไร ถ้าเป็นอเมริกาจบปอตรี มีงานองค์การนาซา ได้ใช้ความรู้คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ที่เรียนมาเต็มที่เลย

แต่ของไทยเราไม่มีบริษัทสร้างเทคโนโลยีอะไรเลย 

อันนี้ไม่ได้โจมตีระบบการศึกษา ไม่ได้บอกว่าการเรียนไม่ดีนะ แต่บอกว่าเรียนไปกลับไม่ได้ใช้ น่าเสียดาย
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 52
ยอมรับเหอะว่างานที่ใช้วุฒิปอตรี เอาจริงๆแล้วงานไม่ได้ยากอะไรหรอก จริงรับคนจบมอหกมาก็ทำได้ แต่ที่ต้องเอาวุฒิปอตรี เพราะตุณภาพการศึกษาของเรามันไม่ค่อยดี วุฒิมอหกแต่ความรู้จริงๆก็ไม่ถึง วุฒิปอตรีแต่ความรู้จริงๆก็ไม่ถึง ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ นั้นรับคนจบปอตรีก็ดีกว่าจบมอหก  งานที่ทำก็ต้องเทรนกันใหม่อยู่แล้ว อีกอย่างคนจบปอตรีอายุมากกว่า โดยปรกติวุฒิภาวะก็มากกว่า

ลองถามวิศวะกรสิว่า เขาได้อินทิเกรต ดิฟเฟอเรนชิเอทอะไรไหม ตั้งแต่จบมา ผมถามหลายคนไม่มีใครใช้เลย แต่ถ้าอยู่ตปท อเมริกามีงานมากมายที่ต้องใช้ความรู้คณิตศาสตร์ขั้นสูง สร้างเครื่องบิน สร้างอุปกรณ์ต่างๆมากมาย

ปัญหาคือเรากับอเมริกา เรียน ode pde numer คอร์สการสอนเราเหมือนเขาเป๊ะ แต่เราไม่มีบริษัทรองรับ ขณะที่เขามี หลายงานในไทย งานจริงๆใช้วุฒิมอหกก็ทำได้ แต่เราต้องใช้วุฒิปอตรีเพราะคุณภาพการศึกษายังสู้เขาไม่ได้


คนเก่งๆในไทยก็มีเยอะแยะมากมาย แต่ไม่มีงานรองรับ jd ในตอนสมัครงานมันจึงมั่วไปหมด

นักวิจัยจริงๆเขาไม่ใช่ พาวเวอร์พ้อย เอกเซล เขาใช้ r latex pascal matlab เขียนเองหมดเพราะมันยืดหยุ่นกว่า


อยากให้ทำงานตรงาย ไม่ overqualify ก็ให้การศึกษามีคุณภาพ จบมอหกความรู้จริงมอหก จบปอตรีความรู้จริงปอตรี และมีบริษัทสร้างเทคโนโลยีเอง ไม่ใช่เป็นแต่รับจ้างการผลิต โรงงานของตปท ญี่ปุ่นมาตั้งโรงงานในไทยก่อนจีนอีก ตอนนี้ไทยเราได้ออกแบบสร้างรถเองหรือยัง มากน้อยแค่ไหน จีนมาทีหลังปิดประเทศไปตั้งนาน เขาทำได้แล้ว

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ถ้าเอาแค่เขียนสูตรง่ายๆ หรือคีย์ข้อมูลง่อยๆ ก็คงไม่ต่างกัน

แต่มันก็เป็นคำตอบของทำไม
Business Analyst ประสบการณ์ 3 ปี เงินเดือน 50,000 บาท
กับ Admin ประสบการณ์ 3 ปี เงินเดือน 12,000 บาท

ใช้ Excel เหมือนกัน

งาน Admin จบ ป ตรี ที่คุณบอกว่า ใช้ คนไม่จบ ป ตรี ก็ได้



งานคีย์ข้อมูล เขียนสูตร บวกลบคูณหาร
แต่ค่าจ้าง เด็กจบ ม 3  9,000 กับ ป ตรี 12,000 บาท
ผมตัดสินใจไม่ยาก เลือกจบ ป ตรี ดีกว่า
อย่างน้อยเรื่องวุฒิภาวะ
ความรับผิดชอบ การคิดเป็นเหตุเป็นผล ส่วนใหญ่ ดีกว่า คนจบ ม 3 มาก


งาน Business Analyst เงินเดือน 5 หมื่น



คำนวนความคุ้มค่าระหว่างต่อเติมคลัง กับเช่าคลังนอก
การทำสรุป ช่วยตัดสินใจ สำหรับโปรเจคระยะเวลา 3 ปี
ช่วยประหยัดเงินให้บริษัทได้ หลายล้านบาท

ใช้ Excel เหมือนกัน
ความคิดเห็นที่ 18
การเรียนระดับปริญญา หรือ ระดับอื่น ๆ
ก็เพื่อว่าจะนำไปประกอบอาชีพในวันข้างหน้าครับ

เราลองมาแยกกันก่อน
ระหว่าง งานที่ต้องใช้วุฒิการศึกษา กับ งานที่ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษา
- งานที่ต้องใช้วุฒิการศึกษา
  คือ งานที่ต้องใช้ความรู้ทักษะทางวิชาการ เช่น
  ทนาย, ผู้พิพากษา, แพทย์, บัญชี, เภสัช, นักโภชนาการ, พยาบาล, วิศวกร, สถาปนิก เป็นต้น
  จะสังเกตได้ว่า งานจำพวกนี้ คนที่ไม่ได้เรียนมาตรงสาย จะมาประกอบอาชีพไม่ได้เลย
- งานที่ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษา
  คือ งานที่เน้นฝีมือประสบการณ์หรือแรงงาน (มากกว่าวุฒิการศึกษา) เช่น
  พนักงานขับรถ, พ่อครัว, แม่ค้า, เกษตรกร, งานบริการ, ผู้จัดการร้านค้าปลีก, แม่บ้าน, คนสวน, รปภ., ช่างภาพ, จิตรกร, ช่างศิลป์ เป็นต้น
  จะสังเกตได้ว่า งานจำพวกนี้ จะไม่ให้ความสำคัญที่วุฒิการศึกษา
  แม้คนที่ไม่ได้เรียนมาโดยตรง หรือไม่ได้เข้าสู่ระบบการศึกษาเลย ก็สามารถมาเอาดีทางด้านนี้ได้

ถ้าเกิดไม่เรียน
ยกตัวอย่าง เช่น การที่เราจบ ม.6 โดยไม่เรียนต่อมหาลัย แต่ออกมาทำงานเลยนั้น
จะใช้ได้กับกรณี งานที่ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษา หรือ งานที่เน้นประสบการณ์หรือแรงงาน เท่านั้น เช่น
- พนักงานขับรถยนต์ ซึ่งเน้นทักษะและประสบการณ์ในการขับรถ ไม่ได้เน้นวุฒิการศึกษา
  รถยนต์ เมื่อแยกตามประเภทใบขับขี่ จะมี 4 ประเภทหลักๆ (ขอแยกคร่าวๆ) คือ
  1. รถยนต์ (รถยนต์ 4 ล้อทั่วไป)
  2. รถบรรทุก
  3. รถพ่วง
  4. รถบรรทุกสารอันตราย
  คนที่จบ ม.6 มา และหัดขับรถทันที เมื่ออายุ 22 - 23 (เท่ากับเพื่อนรุ่นที่จบ ป.ตรี) ก็อาจจะฝึกฝนจนสามารถขับรถพ่วงได้แล้ว
- เชฟ  ซึ่งเน้นทักษะและประสบการณ์งานครัว ไม่ได้เน้นวุฒิการศึกษา
  คนที่จบ ม.6 และเริ่มทำงานครัวเลย ย่อมมีประสบการณ์มากกว่าคนที่ไม่มีประสบการณ์
เป็นต้น

แต่ เมื่อมองในแง่ของ งานที่ต้องใช้วุฒิการศึกษา นั้น
อย่างที่ผมยกตัวอย่างอาชีพ เช่น ทนาย, ผู้พิพากษา, แพทย์, บัญชี, เภสัช, นักโภชนาการ, พยาบาล, วิศวกร, สถาปนิก ฯลฯ
ลองพิจารณาดู จะพบว่า อาชีพเหล่านี้จะใช้ความรู้ระดับ ม.6 ไม่ได้เลย
หรือแม้แต่จะใช้ความรู้ระดับเดียวกันหรือสูงกว่าแต่ต่างสาขา ในบางอาชีพก็ใช้ไม่ได้
เพราะสาขาพวกนี้เป็นสาขาอาชีพเฉพาะทาง
ต่อให้คุณ เริ่มงานตั้งแต่อายุ 15 คุณก็จะเข้าสู่วงการอาชีพเหล่านี้ไม่ได้ครับ

อีกอย่างนึง
งานที่สามารถใช้วุฒิ ม.6 สมัครได้ ก็แปลว่างานนั้น ๆ ต้องการเพียงความรู้ระดับแค่วุฒิ ม.6
ประสบการณ์ที่ได้ ก็เป็นระดับงานความรู้ระดับ ม.6
สมมุติ คุณใช้วุฒิ ม.6 สมัครงานในโรงพยาบาล คุณก็จะได้ทำงานในความรู้ระดับ ม.6
คงไม่สามารถก้าวล่วงไปทำงานระดับปริญญาได้ (เช่น แพทย์, เภสัช, พยาบาล, รังสีเทคนิค เป็นต้น)
เช่น คุณทำหน้าที่พนักงานเข็นเตียง คุณก็มีประสบการณ์ในระดับพนักงานเข็นเตียง
ความก้าวหน้าก็อาจจะไปได้ถึง หัวหน้าพนักงานเข็นเตียง แล้วก็ตันอยู่แค่นั้น
จะขึ้นเป็นหัวหน้าแผนก, ผอ.โรงพยาบาล ฯลฯ ก็ไม่ได้
ถ้าอยากจะเป็น แพทย์, พยาบาล, เภสัช ก็ต้องเรียนต่อระดับปริญญา
จะมาใช้ความรู้ประสบการณ์ที่ได้รับตอนเป็นพนักงานเข็นเตียง เลื่อนขั้นเป็น แพทย์, พยาบาล, เภสัช เลยก็ไม่มีทาง
พอเห็นความสำคัญของการศึกษาบ้างรึยังครับ

หรือ สรุปสั้น ๆ
การศึกษา ไม่มีเสียเปล่าหรอกครับ
แม้การศึกษาจะไม่ใช่สิ่งรับประกันว่าจะต้องประสบความสำเร็จแน่ ๆ
แต่การศึกษา เป็นการเปิดเส้นทางสู่ความสำเร็จทางหนึ่งครับ
ถ้าอยากมีการมีงานดี ๆ ทำ แบบที่ไม่ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ
แนะนำให้เรียนให้สูงที่สุดครับ
แต่ถ้าคุณมีฝีมือความสามารถ เช่น ร้องเพลง แต่งเพลง วาดภาพ ประติมากรรม ฯลฯ ที่เทพมาก ๆ
แบบนี้จะไม่ต้องเรียนหนังสือก็ได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่