สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เบื่อมากๆ ทั้งร้าน ทั้ง จขกท.
กรณีนี้ไม่เกี่ยวกับ พรบ.คอม มานานละ
(มีการแก้ พรบ.คอมไปแล้ว)
กรณีนี้ก็หมิ่นประมาท
พอมาอย่างนี้ ก็ดูหลักฐาน จขกท กินจริงไหม
หลักฐาน รูปถ่ายอาหารต่างๆ ใบเสร็จ
ถ้ามีก็นอนเกาพุงสบายๆอยู่บ้าน เราลูกค้ามีสิทธิ์วิจารณ์สินค้าตามสมควร
แต่ถ้าไปด่าให้ร้านเกิดความเสียหาย ใช้คำหยาบ ทำให้ร้านเกิดความเสื่อมเสีย อันนี้ก็โดนไปตามที่คอมเมนต์
ถามว่าทำอย่างไร ถ้าถูก ก็อยู่เฉยๆ ถ้าผิดก็ๆไปขอโทษ
*edit* ปล.พวกที่ชอบขู่ฟ้อง พรบ.คอมน่ะ ส่วนมากไม่ฟ้องหรอก เพราะเรื่องแค่นี้มันยังไม่รู้
กรณีนี้ไม่เกี่ยวกับ พรบ.คอม มานานละ
(มีการแก้ พรบ.คอมไปแล้ว)
กรณีนี้ก็หมิ่นประมาท
พอมาอย่างนี้ ก็ดูหลักฐาน จขกท กินจริงไหม
หลักฐาน รูปถ่ายอาหารต่างๆ ใบเสร็จ
ถ้ามีก็นอนเกาพุงสบายๆอยู่บ้าน เราลูกค้ามีสิทธิ์วิจารณ์สินค้าตามสมควร
แต่ถ้าไปด่าให้ร้านเกิดความเสียหาย ใช้คำหยาบ ทำให้ร้านเกิดความเสื่อมเสีย อันนี้ก็โดนไปตามที่คอมเมนต์
ถามว่าทำอย่างไร ถ้าถูก ก็อยู่เฉยๆ ถ้าผิดก็ๆไปขอโทษ
*edit* ปล.พวกที่ชอบขู่ฟ้อง พรบ.คอมน่ะ ส่วนมากไม่ฟ้องหรอก เพราะเรื่องแค่นี้มันยังไม่รู้
ความคิดเห็นที่ 6
ก่อนอื่นผมขอเกริ่นเรื่องกฏหมายหมิ่นประมาทก่อน
การวิพากษ์วิจารณ์จนทำให้ผู้อื่นเสียหายทั้งทางด้านผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติทางสังคม
สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เข้าข่ายหมิ่นประมาททั้งสิ้น
ยิ่งถ้าหากมีการโพสต์ทาง social media หรือ เขียนเป็นแผ่นป้ายประกาศ ก็ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ปรับระวาง 100,000 บาท
ผมเคยทำงานอยู่ที่ร้านอาหารในยุโรป
ส่วนใหญ่ถ้านักวิจารณ์อาหารมาที่ร้านเค้าจะแจ้งล่วงหน้าให้ทราบ หรือไม่ก็ทางร้านเป็นฝ่ายติดต่อไปเอง รวมถึงให้ทำสัญญาว่าด้วยเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์อาหาร สามารถนำคำวิจารณ์ไปเผยแพร่ออกสู่สาธารณะได้ ซึ่งถ้าหากคำวิจารณ์ออกมาในแง่ลบ ทางร้านจะไม่สามารถเอาผิดใดๆทางกฎหมายได้
แต่ส่วนใหญ่ทางร้านจะขอตรวจสอบคำวิจารณ์ก่อน ซึ่งถ้าหากคำวิจารณ์ออกมาแย่ การรีวิวในครั้งนั้นก็จะไม่ได้รับการเผยแพร่ ร้านอาหารจึงเสียตังค์จ้างนักวิจารณ์มากินแบบฟรีๆ
นักวิจารณ์อาหารก็คืออาชีพอาชีพหนึ่ง ได้ค่าจ้างจากการรีวิว ส่วนร้านที่จ้างไปรีวิวก็ถือว่าได้ชื่อเสียงและการตลาดในการโปรโมทร้าน ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม
แต่ถ้าร้านทำอาหารไม่อร่อย แต่นักวิจารณ์บอกว่าดี ตัวนักวิจารณ์เองก็จะเสียชื่อเสียง ทำให้สูญเสียความน่าเชื่อถือและรายได้ในอนาคต
ดังนั้นตัวนักวิจารณ์เองจึงต้องมีมาตรฐานพอสมควร
ศิลปะการวิจารณ์อาหาร เป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง ต้องมีการศึกษาที่ชัดเจนรวมถึงมีประสบการณ์ ไม่ใช่ว่า กินแล้วบอกแค่ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย แต่ต้องมีการแยกแยะรสชาติของวัตถุดิบและส่วนผสม รวมถึงสามารถให้คำแนะนำเพื่อให้ผู้ปรุงนำไปปรับปรุงแก้ไขได้ด้วย
การเลือกใช้คำในการวิจารณ์ก็เช่นกัน ถ้านักวิจารณ์ใช้คำพูดหยาบๆ ไม่สุภาพ หรือแสดงออกถึงการหยามเกียรติอย่างชัดเจน นั่นก็ถือว่าไม่ใช่การวิจารณ์แต่เป็นการด่ากันซึ่งถือเป็นการหมิ่นประมาท
คนไทยสมัยนี้หลายๆคน แค่มีเงินไปซื้ออาหารเค้ากิน ก็หลงตัวเองคิดว่าตัวเองเป็นนักวิจารณ์อาหาร สามารถเขียนคำวิจารณ์ออกสื่อได้อย่างอิสระ
แนะนำว่าลองไปศึกษามืออาชีพดูอย่างพวก "ปิ่นโตเถาเล็ก" หรือ "เบญญาภา" ว่าเค้าทำงานกันอย่างไร
ผมขอโทษที่เกริ่นมาซะยาว
ส่วนในประเด็นของคุณเจ้าของกระทู้
ถ้าหากร้านค้ามีช่องให้โพสต์รีวิวสินค้าหรืออาหาร แล้วคุณเจ้าของกระทู้ไปโพสต์ในส่วนนั้น ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร
นั่นเป็นสิทธิ์ของคุณอยู่แล้ว
แต่ถ้าหากไปโพสต์วิจารณ์ในโพสต์ของร้านซึ่งไม่ได้เปิดไว้ให้วิพากษ์วิจารณ์ร้านค้า
อันนี้ผมว่าคุณมีปัญหา
แต่ส่วนใหญ่เนื่องจากการฟ้องร้องกันทางศาลมันเป็นเรื่องเสียเวลาและอาจจะนำชื่อเสียงแย่ๆมาสู่ร้านค้า
ผมเชื่อว่าร้านค้าดังกล่าวจะไม่ดำเนินคดีกับคุณแน่นอนถ้าคุณหยุดตอแย
ร้านค้าอาจจะแย่อย่างที่คุณพูดจริงๆก็ได้
แต่คุณสามารถเลือกที่จะไปบอกคนรู้จักได้ว่าไม่ต้องไปใช้บริการร้านดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศเป็นลายลักษณ์อักษร
การวิพากษ์วิจารณ์จนทำให้ผู้อื่นเสียหายทั้งทางด้านผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติทางสังคม
สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เข้าข่ายหมิ่นประมาททั้งสิ้น
ยิ่งถ้าหากมีการโพสต์ทาง social media หรือ เขียนเป็นแผ่นป้ายประกาศ ก็ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ปรับระวาง 100,000 บาท
ผมเคยทำงานอยู่ที่ร้านอาหารในยุโรป
ส่วนใหญ่ถ้านักวิจารณ์อาหารมาที่ร้านเค้าจะแจ้งล่วงหน้าให้ทราบ หรือไม่ก็ทางร้านเป็นฝ่ายติดต่อไปเอง รวมถึงให้ทำสัญญาว่าด้วยเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์อาหาร สามารถนำคำวิจารณ์ไปเผยแพร่ออกสู่สาธารณะได้ ซึ่งถ้าหากคำวิจารณ์ออกมาในแง่ลบ ทางร้านจะไม่สามารถเอาผิดใดๆทางกฎหมายได้
แต่ส่วนใหญ่ทางร้านจะขอตรวจสอบคำวิจารณ์ก่อน ซึ่งถ้าหากคำวิจารณ์ออกมาแย่ การรีวิวในครั้งนั้นก็จะไม่ได้รับการเผยแพร่ ร้านอาหารจึงเสียตังค์จ้างนักวิจารณ์มากินแบบฟรีๆ
นักวิจารณ์อาหารก็คืออาชีพอาชีพหนึ่ง ได้ค่าจ้างจากการรีวิว ส่วนร้านที่จ้างไปรีวิวก็ถือว่าได้ชื่อเสียงและการตลาดในการโปรโมทร้าน ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม
แต่ถ้าร้านทำอาหารไม่อร่อย แต่นักวิจารณ์บอกว่าดี ตัวนักวิจารณ์เองก็จะเสียชื่อเสียง ทำให้สูญเสียความน่าเชื่อถือและรายได้ในอนาคต
ดังนั้นตัวนักวิจารณ์เองจึงต้องมีมาตรฐานพอสมควร
ศิลปะการวิจารณ์อาหาร เป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง ต้องมีการศึกษาที่ชัดเจนรวมถึงมีประสบการณ์ ไม่ใช่ว่า กินแล้วบอกแค่ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย แต่ต้องมีการแยกแยะรสชาติของวัตถุดิบและส่วนผสม รวมถึงสามารถให้คำแนะนำเพื่อให้ผู้ปรุงนำไปปรับปรุงแก้ไขได้ด้วย
การเลือกใช้คำในการวิจารณ์ก็เช่นกัน ถ้านักวิจารณ์ใช้คำพูดหยาบๆ ไม่สุภาพ หรือแสดงออกถึงการหยามเกียรติอย่างชัดเจน นั่นก็ถือว่าไม่ใช่การวิจารณ์แต่เป็นการด่ากันซึ่งถือเป็นการหมิ่นประมาท
คนไทยสมัยนี้หลายๆคน แค่มีเงินไปซื้ออาหารเค้ากิน ก็หลงตัวเองคิดว่าตัวเองเป็นนักวิจารณ์อาหาร สามารถเขียนคำวิจารณ์ออกสื่อได้อย่างอิสระ
แนะนำว่าลองไปศึกษามืออาชีพดูอย่างพวก "ปิ่นโตเถาเล็ก" หรือ "เบญญาภา" ว่าเค้าทำงานกันอย่างไร
ผมขอโทษที่เกริ่นมาซะยาว
ส่วนในประเด็นของคุณเจ้าของกระทู้
ถ้าหากร้านค้ามีช่องให้โพสต์รีวิวสินค้าหรืออาหาร แล้วคุณเจ้าของกระทู้ไปโพสต์ในส่วนนั้น ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร
นั่นเป็นสิทธิ์ของคุณอยู่แล้ว
แต่ถ้าหากไปโพสต์วิจารณ์ในโพสต์ของร้านซึ่งไม่ได้เปิดไว้ให้วิพากษ์วิจารณ์ร้านค้า
อันนี้ผมว่าคุณมีปัญหา
แต่ส่วนใหญ่เนื่องจากการฟ้องร้องกันทางศาลมันเป็นเรื่องเสียเวลาและอาจจะนำชื่อเสียงแย่ๆมาสู่ร้านค้า
ผมเชื่อว่าร้านค้าดังกล่าวจะไม่ดำเนินคดีกับคุณแน่นอนถ้าคุณหยุดตอแย
ร้านค้าอาจจะแย่อย่างที่คุณพูดจริงๆก็ได้
แต่คุณสามารถเลือกที่จะไปบอกคนรู้จักได้ว่าไม่ต้องไปใช้บริการร้านดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศเป็นลายลักษณ์อักษร
แสดงความคิดเห็น
ไปรีวิวร้านอาหารแบบตามความจริง ผิดไหมครับ เจ้าของร้านจะฟ้อง