[CR] OSMO ACTION VS GOPRO HERO7 : ดวลกันหมัดต่อหมัด กับสิ่งที่รีวิวส่วนใหญ่อาจไม่ได้บอกเรา

ต้องบอกว่าเดือนที่แล้ว เป็นอะไรที่ Hype กันแบบสุดๆกับการเปิดตัว Osmo Action ที่หวังจะมาโค่นเจ้าพ่อวงการกล้อง action cam อย่าง GoPro
แม้แต่เราที่มี Hero7 อยู่แล้วก็ยังอดใจแทบไม่ไหว เปิดดูรีวิวทุกวัน สุดท้ายแพ้ใจตัวเอง ถอยมาจนได้

แต่จะให้เรารีวิวตาม spec sheet ก็คงเถียงกันไม่จบไม่สิ้นกันแน่ๆ ถ้าจะเทียบกันโต้งๆระหว่าง Osmo Action ที่พึ่งออกได้ 2 เดือน กับ GoPro Hero7 ที่อายุ 10 เดือนเข้าไปแล้ว ไหนจะ GoPro Hero8 ที่น่าจะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายนนี้

เราเลยจะมาเทียบคุณภาพของภาพและวีดิโอ กันชัดๆไปเลย จาก ประสบการณ์ใช้จริงตลอด 1 เดือนกว่าๆที่ผ่านมาล้วนๆ เผื่อยังมีคนลังเลอยู่ว่าจะซื้ออะไรดี  วัดกันไปเลยตั้งแต่ตอนถ่ายยันตัดต่อ ว่าอะไรดีกว่า? อะไรด้อยกว่า? มีปัญหาอะไรบ้าง? แล้วสุดท้ายอันไหนคุ้มกว่ากัน? ไม่รู้รีวิวช้าไปมั้ยนะ 555555

ปล.ตัวใหญ่ๆ ว่าคะแนนที่เราให้ทั้งหมดนี่ มาจากความรู้สึก ความยากง่าย และปัจจัยอื่นๆเมื่อใช้งานจริง สำหรับบางคนอาจจะให้คะแนนไม่เท่ากัน รู้สึกไม่เหมือนกัน มาแชร์กันได้นะคับ เผื่อเราอาจมองข้ามบางจุดไป



1. HDR VDO MODE VS GOPRO COLOR

เราเป็นคนนึงที่จะคำนึงถึงเรื่องของสีอันดับแรกว่าหลังกล้องออกมาเป็นยังไง เพราะเราไม่ต้องเอาไปแต่งสีเพิ่มตอน Post มากนัก ซึ่งทาง GoPro Hero7 จะต้องไปปรับใน Color Profile ส่วน Osmo Action จะมีโหมดนี้แยกออกมา คุณภาพออกมาดูน่าพอใจทั้งคู่ จะต่างกันก็ตรงที่ GoPro สีจะสดกว่าเล็กน้อย
เก็บรายละเอียดของภาพได้ครบกว่า ในขณะที่ Osmo Action สีภาพจะดูดรอป shadow ดูมืดกว่า highlight ดูขาวกว่า ยิ่งถ้าถ่ายกลางแจ้ง แดดแรงๆหน่อย จะเห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน

HDR Mode (Osmo Action) : 7/10
GoPro Color (GoPro Hero7 ) : 9/10

ปล.ข้อนี้เราให้ GoPro Hero7 ชนะด้วยเหตุผลหลักๆอยู่สองข้อคือ สีออกมาสวยดูดีกว่า และ ข้อเสียของ Osmo Action คือ ไม่สามารถเปิด HDR พร้อมกับ Rocksteady ได้ ซึ่งอันนี้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเรามากๆ เหมือนให้เลือกได้ข้อเดียวระหว่างภาพสวยขึ้นหรือภาพนิ่งขึ้น คหสต.เป็นอะไรที่ยุ่งยากพอสมควรเลย

2. D-CINELIKE VS FLAT COLOR

สำหรับคนที่ชอบการแต่งสีให้เป็นสไตล์ของตัวเอง หรือชอบโหลด LUT มาใช้บ่อยๆ เพราะจะให้ภาพสีออกมาเป็นกลางมากที่สุด เราว่ามีประโยชน์แบบมากๆ ทั้งสองกล้องให้สีของภาพออกมาได้ค่อนข้างจะแตกต่างกัน ถ้าถ่าย outdoor ที่มีแสงแดดจ้าๆ หรือเวลาเที่ยงๆ GoPro Hero7 ทำได้ดีกว่า
ในขณะที่ indoor หรือในสภาวะแสงน้อย Osmo Action กลับทำได้ดีกว่า อธิบายสั้นๆก็คือ แสงเยอะ gopro ทำได้ดีกว่า แสงน้อย osmo ทำได้ดีกว่า
แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ณ ตอนที่ถ่ายด้วย

D-Cinelike (Osmo Action) : 7/10
Flat Color Profile (GoPro Hero7 ) : 7/10

ปล.จริงๆแล้วทั้งสองกล้องทำออกมาได้ดี มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันนะ เลยให้คะแนนเท่ากัน แต่ที่ให้ 7 ทั้งคู่ก็เพราะว่าถึงแม้ว่าจะทำได้โอเคในระดับนึงแล้ว แต่เราว่ามันยังสามารถพัฒนาต่อไปให้คุณภาพออกมาได้ดีกว่านี้อีกเยอะ เทียบกับกล้อง Dslr ที่สามารถถ่ายเป็นไฟล์ Log ได้ ยังถือว่าห่างกันพอสมควร แต่อย่างที่บอกว่าส่วนตัวเราเอง ไม่ค่อยได้ใช้โหมดนี้เท่าไหร่ จะใช้เป็น GoPro Color หรือ HDR mode ซะมากกว่า เพราะไม่อยากเสียเวลากับการแต่งสีมากนัก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
3. ROCKSTEADY VS HYPERSMOOTH
มาถึงโหมดกันสั่น ไฮไลท์สำคัญของทั้ง 2 กล้อง ที่ทำออกมาได้ดีมากๆทั้งคู่ ถ้าเทียบกันที่ความ smooth ของวีดิโอที่ออกมาตามภาพด้านบน เราว่า Osmo Action ทำได้ดีและลื่นไหลกว่าพอสมควร แต่ก็ต้องแลกมาด้วยภาพที่จะถูกครอปออกไปเกือบ 20% เมื่อเอามาเทียบกันแบบ side by side จะเห็นชัดมากๆว่าภาพดูเหมือนถ่ายจากคนละระยะเลย

แต่เอาจริงๆ ก็แก้ปัญหาง่ายนิดเดียวคือ ก็ถ่ายห่างออกมาอีกหน่อย เพราะตามหลักความเป็นจริงคงไม่มีคนใช้กล้องสองตัว ถ่ายวีดิโอพร้อมกันจากมุมเดียวกัน นอกจากจะรีวิวแบบนี้หรอกจริงมั้ย? แต่ถ้าถ่ายในพื้นที่จำกัด โอเค อันนี้คือทำใจอย่างเดียว และเมื่อเทียบการใช้งานไปนานๆ เรากลับพบปัญหาใหญ่กว่าภาพโดนครอปซะอีก แถมต่างกันจากทั้งสองกล้องดังนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Osmo Action – ตอนใช้งานโหมด Rocksteady ภาพจะมีความดีเลย์ไปเสี้ยววินาที ยิ่งเราถ่ายอะไรที่เร็วๆ จะยิ่งเห็นได้ชัดสุดๆ ยกตัวอย่างสมมุติเรากำลังถ่ายรถ หรือแอ็คชั่นอะไรเร็วๆ คือกะจังหวะยากมากกก เพราะภาพมาไม่พร้อมกัน แต่ก็คิดว่าเดี๋ยวคงมี firmware ออกมาแก้แหล่ะมั้ง? แล้วเราก็ยังเจอความเอ๋อของโหมดนี้ตรงที่ กำลังถ่ายอยู่ดีๆ ภาพเอียงเองเฉยเลย (ตามภาพล่าง)  ต้องสะบัดกล้องไปมา เหมือนให้กล้องมันเซ็ต balance ใหม่ ถึงจะหาย อันนี้แปลกเบาๆอยู่เหมือนกัน

GoPro – ไม่มีปัญหาเรื่องการถ่าย Hypersmooth แต่มีปัญหากับการค้างของกล้อง ที่จะเกิดขึ้นบ่อยๆเวลาเราพลิกกล้องไปมาจากแนวนอนเป็นแนวตั้งอะไรพวกนี้ ซึ่งก็มี firmware ออกมาแก้นะ ปัญหาลดลงไปพอสมควรแต่ก็ยังเป็นอยู่บ้าง

อีกหนึ่งข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในโหมดกันสั่น ก็คงจะเป็น Framerate per second ของทั้งสองกล้อง
4K – สามารถถ่ายได้ที่ 60 fps เท่ากัน เปิดกันสั่นได้ทั้งคู่
2.7K – เปิดกันสั่นถ่ายได้เท่ากันที่ 60 fps แต่ถ้าปิดกันสั่น GoPro สามารถถ่ายมากกว่าที่ 120 fps
1080p – GoPro สามารถถ่าย Hypersmooth ได้มากสุดที่ 100 fps และ ปิดกันสั่น ถ่ายได้ที่ 240 fps ในขณะที่ Osmo สามารถถ่ายแบบเปิด Rocksteady ได้มากสุดแค่ 60 fps และ ปิดกันสั่นได้ที่ 240 fps เท่ากัน
720p – GoPro ถ่าย Hypersmooth ได้ที่ 60 fps และปิดกันสั่นได้ที่ 240 fps (ถ่าย 120 fps ไม่ได้) แต่ Osmo มาแปลกจริง เลือกถ่ายได้แค่ 240 และ 200 fps แต่ไม่สามารถเปิด rocksteady ได้ อาจจะเป็นเพราะว่าสมัยนี้คงไม่ค่อยมีใครถ่าย 720p กันแล้วมั้ง
ข้อนี้ขอแยกคะแนนออกเป็น 2 พาร์ท เพราะมีปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้งานค่อนข้างเยอะตามนี้นะครับ

- โหมดกันสั่นเพียวๆ
Osmo Action : 9.5/10
GoPro Hero7 : 9/10
Rocksteady ทำได้ดีกว่า ลื่นกว่า อีกนิดนึงแทบจะเทียบเท่ากับใช้ Gimbal ได้เลย
-โหมดกันสั่น+ปัญหา+ข้อจำกัด+FPS
Osmo Action : 8.5/10
GoPro Hero7 : 9.5/10
แต่เมื่อมาดูภาพรวมในการใช้งานเราว่า GoPro Hero7 ก็ยังทำได้ดีกว่า Osmo Action อยู่เสต็ปนึง ที่มีปัญหาทั้งภาพดีเลย์ ภาพโดนครอป และเปิดกันสั่นพร้อมกับ HDR ไม่ได้
4.FOV
Field of View ของทั้งคู่ ค่อนข้างต่างกันพอสมควร โดย Osmo Action จะกว้างสุดที่ 145องศา แต่ GoPro จะกว้างสุดที่ 170 องศา จริงอยู่ที่ดูเผินๆก็ไม่ได้มากกว่ากันเท่าไหร่ แต่พอถึงเวลาใช้งานจริงๆ เรากลับรู้สึกว่า ตัวคนกินเนื้อที่วิวรอบข้างที่เราควรจะถ่ายได้ไปค่อนข้างเยอะ ยิ่งถ้าเปิดโหมด Rocksteady ภาพจะถูกคร็อปลงไปอีกพอสมควร รีวิวเมืองนอกบางเจ้าถึงกับไปคำนวณมาเลยว่าภาพถูกคร็อปไปเกือบ 20%
Osmo Action : 8/10
GoPro Hero7 : 9/10
อันนี้เราให้คะแนนตามวัตถุประสงค์ตอนใช้จริง ซึ่งเราต้องการเก็บบรรยากาศรอบๆเป็นหลักเลยชอบ FOV ของ GoPro ในขณะที่ถ้าใครสายทำ VLOG เน้นหน้าแบบเป็นหลัก Osmo Action ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
5.Photo
โหมดนี้เราไม่ค่อยจะเห็นรีวิวจากเจ้าใหญ่ๆพูดเปรียบเทียบสักเท่าไหร่ เหตุผลก็คงเป็นเพราะว่าไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบเลย ภาพ HDR ของ GoPro ชนะขาด แม้ว่ามือจะต้องนิ่งๆหน่อย แปลกใจก็ตรงที่ Osmo มีโหมด HDR สำหรับถ่ายวีดิโอ แต่กลับไม่มีสำหรับภาพนิ่ง น่าเสียดายมากๆ
ปล.ขอบด้านบนภาพของ gopro เกิดจากรีบถ่าย มือไม่นิ่ง ขอบภาพเลยเป็นแบบนั้น
Osmo Action : 8/10
GoPro Hero7 : 9/10

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

6. โหมดอื่นๆ
อันนี้ไม่รู้จะเขียนยังไงดี เพราะเหมือนเป็นรุ่นแรก Osmo Action ไม่อยากเจ็บตัวเลยขอไม่ขึ้นชกดีกว่า ส่วน GoPro มีลูกเล่นสำคัญอย่าง Timewarp ที่ตอนแรกก็คิดว่าคงไม่ได้ใช้บ่อยเท่าไหร่หรอกมั้ง แต่เอาเข้าจริง ลูกเล่นเยอะกว่า ก็ทำอะไรได้เยอะกว่า จินตนาการภาพก็ต่างกันเยอะ ทำวีดิโอคุณภาพที่ไม่ต้องง้อ Production เลย ส่วนใครที่ติดใจว่าแค่โหมด Timewarp เพิ่มเข้ามาแค่เนี่ย จะทำอะไรเพิ่มได้มากน้อยแค่ไหน เราแนะนำไปดูงานเทพๆของคนนี้คับ 
ชื่อสินค้า:   Action camera
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่