**4 Days in Japan 21-25 April 2019 เที่ยวชิวๆ ไปแบบ มึนๆ ** แก้ไขหัวกระทู้พิมพ์ผิดค่ะ
เมื่อพูดถึงประเทศญี่ปุ่นคงเป็นทริปในฝันของใครหลายๆคน และอีกหลายๆคนคงได้ไปเที่ยวกันมาบ่อยแล้ว การไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2
ของเรา (ครั้งแรกไปโอกินาว่า แบบ 1 DAY) เริ่มแรกเลยคือแฟนส่งตั๋วโปรของ NokScoot ตามเพจเที่ยวมาให้ดู และเป็นธรรมดาที่เราจะบอกว่าไปๆๆๆ
ทุกครั้งที่มีตั๋วโปร แต่….ไม่คิดว่าจะจองจริงแบบไวมาก อีก 1 เดือนเดินทางเลย แล้วคือยอมทิ้งตั๋วสิงคโปร์ไปแบบไร้เยื่อใย T-T ตั้งตัวไม่ทัน เอาจริงๆก็เก็บเงินไม่ทันมากกว่า555
แล้วสำคัญคือได้ตั๋วโปรมา 1800 มั้ง กทม.-โอซาก้า ส่วนขากลับตามมีตามเกิดยังไม่ได้จองเราก็เฝ้าดูราคาโปร แต่เราโดนกับดัก...ช่วงที่เราไปใกล้กับเทศกาล Goldenweek ซึ่งตั๋วขากลับแพงมาก ตอนแรกอยากไปสัก 5-7 วัน เราเลยพยายามหาตั๋วที่โอเค (ถูกสุดดดดดด) เลยต้องฝากตัวไว้กับ lion
air ได้มาในราคา 4700 บาท อยากได้ถูกกว่านี้แต่ไม่มีแล้ว ฮืออออออ
แผนท่องเที่ยวของเรามีดังนี้
DAY1 Osaka
- Osaka castle
- shitennoji temple
- Sumiyoshi Taisha
- Osaka maishima seaside park
- Tempozan wheel
- The La'gent hotel osaka bay
DAY 2 Osaka
- Universal Studio Japan
- Namba yasaka Shrine
- Taiyo Hotel
Day 3 Kyoto
- Kiyomizu-dera
- Kinkakuji Temple
- Fushimi Inari Shrine
- Gion
- Grand Japanning Hotel Omiya
DAY 4 Kyoto
- Arashiyama
- Togetsukyo bridge
เดินทางกลับ กทม.
* เอาจริงจากแผนคือไม่ชิวเท่าไหร่ ไม่มีเวลาในการกินเลยยยยยย
การจองที่พัก
จองผ่าน agoda traveloga trip.com คือที่พักไหนที่สนใจเราก็ช่วยกันเลือกแล้วก็มาเปรียบเทียบราคาจากแอพที่จองที่พัก
แอพไหนถูกสุดจองแอพนั้นจ้าาาาาาาาา
ซิมมือถือ
ของเราเลือกใช้ของ true ราคา 399บาท / 4 GB / 8 วัน ก่อนเดินทางไปก็ไปลงทะเบียนให้เรียบร้อย ที่เค้าเตอร์สนามบินก็ได้
เมื่อเดินทางไปถึงสามารถเปิดสัญญาณใช้งานได้เลย
แอพพลิเคชั้นที่ควรโหลดติดไว้
ก็พวกแอพการนำทางต่างๆ ที่เราคุ้นกันก็ Google map ปีที่แล้วไปเที่ยวจีนใช้แอพ Maps me เราว่าโอเค สามารถนำทางได้โดยไม่ต้องใช้อินเตอร์เน็ต แค่เราต้องโหลดแผนที่ในโซนจังหวัดที่เราจะไปไว้ แล้วก็ปักหมุดที่เที่ยวหรือร้านอาหารที่ต้องการไป เมื่อเดินทางไปถึงก็สามารถเปิดแอพใช้นำทางได้ปกติโดยไม่ต้องใช้อินเตอร์เน็ต
แลกเงิน
แลกเงิน Super rich 10000/ /2 คน พอไหมให้ทายยยยยยย 555
หลังจากที่อ่านรีวิว ทำการบ้านจากเพจต่างๆ ดูยูปทูปท่องเที่ยว ครบทุกช่องทางแล้ว ถึงเวลาที่ต้องบินแล้วจ้าาาาาา คือไปแบบไม่พร้อมมม (ตังนี่ละจ่ะที่ไม่พร้อม55555)
ไปกันเลยยยยยยยยยยยย
DAY 1
เราบินกันด้วย NokScoot ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง ถึงสนามบินคันไซประมาณ 7.55 น. ญี่ปุ่นเวลาจะเร็วกว่าเรา 2 ชั่วโมง เวลาดี
ผ่านตม.อย่างง่ายดาย ก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน แต่งหน้าเสริมสวยแพร๊บบบบ ออกจากห้องน้ำมาอีกทีอีกไฟท์มาลงอีกแล้ว รีบเดินๆ
ด้วยความที่เรามีเวลาในการเที่ยวน้อยจึงไม่อยากเสียเวลากับการรอรับบัตรต่างๆ ที่เราซื้อผ่าน Klook (บัตร Osaka amazing pass1 day+icoca) มาก่อนหน้า เคาร์เตอร์ในสนามบินเปิดทำการ 8.30 น. เราจึงนั่งรถไฟสาย Nankai limited express (เราชำระเงินมาแล้วแค่ไปรับบัตรเพื่อเลือกเที่ยวในการเดินทาง) ไปลงสถานีนัมบะแล้วค่อยไปรับที่สำนักงาน แต่…สถานีนัมบะเป็นสถานีที่ใหญ่มาก ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ฯลฯ หลงงงงงงสิคะรออะไร
กว่าจะเดินหาสำนักงานซึ่งอยู่ในตัวอาคารได้นั้น ปาเข้าไป 10.30 แล้ววววว เหนื่อยตั้งแต่วันแรกกกกเลยจ้า
เราวางแผนกันว่าจะไม่เอากระเป๋าติดตัวไป ฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อคเกอร์ซึ่งมีมากมายหลายที่ ราคาขึ้นอยู่กับขนาดล็อคเกอร์ และทำเลของล็อคเกอร์ (อันนี้ต่างกันประมาณ 100 เยน) เอาแค่เป้ไปคนละใบและเอาชุดของวันพรุ่งนี้ไปแค่นั้น เพื่อความสะดวกต่อการเที่ยวในวันแรก ของเรา
จากนั้นเราก็หาของกินตามร้านสะดวกซื้อ family mart และ Lawson จะหาได้ง่ายกว่า 7-11 จะบอกว่าของกินน่ากินไปหมด อาจจะเป็นเพราะมันดูแปลกใหม่สำหรับเราไปหมด อ้ะเอาชาเขียวมาลองชิมหน่อย
เดินทางไปที่แรกกันดีกว่า ด้วยความที่เราซื้อบัตร Osaka amazing pass 1 day ก็จงใช้ให้คุ้ม บัตรนี้สามารถใช้เดินทางทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์
และเข้าสถานที่ได้มากมาย เมื่อเราไปรับจะมีเอกสารแจกให้ บางที่อาจต้องเสียค่าเข้าแต่จะได้ส่วนลดค่ะ
ที่แรกเรามาถึงปราสาทโอซาก้า ก่อนเข้าก็จะมีที่ขายตั๋วอยู่ด้านหน้าปราสาทก่อนเข้าไปยังด้านใน แต่เราสามารถโชว์บัตร Osaka mazing pass และสามารถเข้าได้เพียงแค่โชว์บัตรนี้ ข้างในก็จะเป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น ตัวปราสาทมี 7 ชั้น เพื่อความไม่เหนื่อยมากเราต่อแถวเพื่อขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 5 แล้วเดินต่อไปยังชั้น 7 ดูวิวจากด้านบนปราสาทแวะถ่ายรูปนิดหน่อยแล้วลงมาเดินดูในแต่ละชั้น เราเดินทางเร็วเพื่อทำเวลาด้วยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็ลงมาด้านล่าง เที่ยงแล้วตรงด้านหน้าก่อนเดินไปสถานีรถไฟฟ้ามีแฟมิลี่มาทอยู่ แวะเติมพลังงานสักหน่อยยยยยย
หลังจากเติมพลังแล้วเราก็ไปกันต่อที่วัดชิเทนโนจิ วันที่เราไปมีพิธีอะไรสักอย่างคนเลยเยอะเราเดินถ่ายรูปเล่นสักพักแล้วออกมาด้านหน้าเพื่อไปถ่ายมุมนี้
เราไปต่อกันที่ศาลเจ้าสุมิโยชิ เราชอบศาลเจ้านี้เป็นอันดับต้นๆเลย เพราะมีมุมถ่ายรูปเยอะ ร่มรื่น วันที่เราไปมีคู่บ่าวสาวมาถ่ายพรีเวดดิ้ง 3 คู่เลย
ใช้เวลาอยู่ที่นี้ประมาณ 40 นาที ได้
[CR] 4 Days in Japan 21-25 May 2019 เที่ยวชิวๆ ไปแบบ มึนๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม