อยากเล่าความรู้สึกครับ อาจมีสปอยล์บางเล็กน้อย แต่จะพยายามเลี่ยงไม่ให้เป็นจุดสำคัญ อยากให้ไปดูกัน ส่วนตัวแล้วชอบมาก อาจจะไม่ใช่หนังที่ได้คะแนน 10 เต็ม 10 แต่รวม ๆ แล้วคือชอบไม่มีอะไรจะติเลย จังหวะหนังไม่เร็วไม่ช้าไป อย่างเรื่อง steve jobs หรือ social network นี่ผมว่าเร็วไปตามไม่ค่อยทัน แต่อันนี้ตามทัน มีอารมณ์ร่วมกับทุกฉากทุกช่วง หนังให้อารมณ์คล้าย ๆ กับเรื่อง the darkest hour หนังปีที่แล้ว ที่เราจะรู้สึกได้ทุกครั้งเลยว่าช่วงเวลาที่ตัวละครต้องตัดสินใจ จะมีความอึดอัด ความลำบากใจ ความเร้าอารมณ์จากสิ่งรอบข้าง ความตึงเครียด แต่บางทีก็ซาบซึ้ง สนุก กินใจ ชอบหนังสไตล์นี้ และดนตรีประกอบก็เยี่ยมสุด ๆ ไปเลย
นิโคล่า เทสล่า
คุณสองคน อุทิศชีวิตให้กับเครื่องปลายทาง หลอดไฟ มอเตอร์ แล้วตัวกลางละ คุณก็ต้องใช้มัน ไม่ใช่เหรอ?
คนนี้ออกน้อยแต่เด็ด ความรู้สึกผมว่าแกเหมือนกุยแกในเรื่องสามก๊ก ในจินตนาการผม กุยแก จะเป็นคนลักษณะแบบนี้แหละ กุนซือที่เดินทางไปเพื่อสัมภาษณ์งานดูตัวหัวหน้า จำไม่ได้ว่าไปหาอ้วนสุดหรืออ้วนเสี้ยว แล้วบอกว่าไมเอา หัวหน้าแบบนี้ไม่ผ่าน สุดท้ายไปอยู่กับโจโฉ พอโจโฉได้กุยแกไปก็เหมือนเสือติดปีก จะทำการอะไรก็สำเร็จ เป็นคนที่อัจฉริยะมาก ผมชอบนิโคล่าเทสล่ามาตั้งแต่เรื่อง the prestige ละ มาถึงเรื่องนี้ก็ยังคงความเป็นบุรุษลึกลับได้เช่นเคย เห็นนิโคลัสเฮาลต์แสดงแล้ว มาดดี อยากให้ไปเล่นเป็นแบทแมนเหมือนกันนะเนี้ย แต่เสียดายบทตกเป็นของโรเบิร์ตแพททิสันไปละ
จอร์จ เวสติงเฮาส์
ผมอดทนรับความเจ็บปวดได้ แต่รับไม่ได้ถ้าเป็นคนฝีมือต็อกต๋อย
ในหนังจะมีเรื่องราวเล็ก ๆ ซ้อนขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่งในหนัง เป็นเรื่องที่เวสติงเฮาส์โดนคนเอาปืนจ่อยิงสถานการณ์อยู่ในช่วงวิกฤต ตอนแรกก็งงว่าหนังจะเล่าเรื่องนี้ทำไม จนถึงตอนสุดท้ายนั่นแหละถึงบางอ้อเลย ฉลาดจะสื่อสารจริง ๆ โดนฮุคเต็ม ๆ รวมทั้งเรื่องเล่าที่โดนพ่อตีตอนเด็กด้วยก็ชอบเหมือนกัน เข้าคู่กับนางเอกแม่มดจากแฟนตาสติกบีสต์กลายเป็นคู่สามีภรรยาที่ได้อารมณ์ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กันดีทั้งยามทุกข์และยามสุข หนังเน้นที่การถ่ายทอดวิริยภาพของเวสติงเฮาส์ ดูไปแล้วนึกไปถึงสุมาอี้ที่โดนขงเบ้งยั่วยุในศึกที่เขากิสาน เวสติงเฮาส์ไม่ใช่คนพูดเยอะ แต่พูดแต่ละดอกเด็ดมาก ฉากโชว์ความจำจำชื่อกรรมการได้ทุกคนในงานยื่นซองประมูลเป็นอะไรที่เห็นแล้วประทับใจ
โทมัส เอดิสัน
ผมจะไม่ประดิษฐ์สิ่งที่ทำร้ายชีวิตมนุษย์
โลกหมุนรอบตัวเอดิสันจริง ๆ เรื่องนี้ เรื่องราวส่วนมากเป็นของเอดิสันทั้งหมดเลย ผมว่าเบเนดิก คัมเบอเบต แสดงได้ดีนะ เป็นคนประเภทที่ถึงจะโมโหก็ยังดูน่ารัก ไม่รู้เอดิสันตัวจริงขี้โมโหเหมือนในหนังป่าว แต่ว่าดูหนังแล้วอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าทำไมเอดิสันถึงเลือกที่จะใช้ไฟ dc (ไฟกระแสตรง) ทั้งที่ต้นทุนสูงกว่า คิดว่าอาจจะดีกว่าตรงที่เครื่องใช้ไม่ต้องใส่หม้อแปลงเพื่อแปลงไฟ ac เป็น dc ละมั้ง ตอนเด็กเคยถามเหมือนกันว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์พวกวิทยุไรพวกนี้ ทำไมเขาไม่ออกแบบวงจรให้มันทำงานกับไฟบ้านตรง ๆ ไปเลยไม่ต้องผ่านหม้อแปลง พ่อบอกว่า ตัวอุปกรณ์ในวงจรมันมีขั้วบวกขั้วลบ ยังไงก็ต้องมีการแปลงกระแสไฟ ถึงใช้ไดโอดใช้ตัวเก็บประจุใช้ตัวต้านทานแปลงกระแสไฟฟ้าและลดแรงดันลงมาได้ แต่ความเสี่ยงอย่างหนึ่งที่จะเกิดคือหากคุณเสียบปลั๊กผิดขั้วก็มีสิทธิโดนช็อตหรือวงจรพังทันที การส่งกระแสไฟเป็นแบบ dc แบบที่เอดิสันนำเสนอ ผมมองว่าก็ทำนองเดียวกัน ปลั๊กไฟแบบปัจจุบันคงใช้ไม่ได้แน่ ต้องมีการเซฟตี้เรื่องเสียบปลั๊กผิดขั้วให้ดีกว่านี้แน่นอน แต่ยังไงก็ยังดูเสี่ยง และอีกอย่างขอเดาว่า สินค้าของเอดิสันอิเล็กทริกส่วนมากใช้กับไฟฟ้ากระแสตรง ตัวเอดิสันอาจไม่เก่ง/ไม่ถนัดหรือไม่ได้เป็นผู้ผลิตหม้อแปลงหรือตัวแปลงไฟฟ้า ทำให้ไม่อยากพึ่งพาอุปกรณ์นี้จากคนอื่นก็ได้ อันนี้เดา
ดูจบได้ข้อสงสัยมาเยอะเลย
- เพิ่งรู้ว่า หลอดไฟ สามารถใช้ได้กับทั้งไฟ ac และ dc หรือว่ามีวงจรที่ต่างกันรึเปล่า ไม่รู้ หรือหลอดไฟกับไฟ dc แสงไฟมันจะนิ่งกว่า แต่ถ้าใช้กับไฟ ac แล้วแสงไฟจะกระพริบ แต่กระพริบเร็วจนตาเรามองไม่เห็น (กระพริบ 50 ครั้งต่อวินาที -ความถี่50เฮิร์ท)
- ตอนที่ดูยังไม่ค่อยเข้าใจระบบส่งกระแสไฟของเอดิสันเท่าไหร่ เห็นว่าถ้าส่งกระแสไฟไปไกล ๆ กำลังไฟจะตก ต้องมีสถานีไฟฟ้าผุดขึ้นอีกหลายแห่งทำตัวคล้าย ๆ booster เพื่อเพิ่มกำลังไฟฟ้า แล้วแต่ละสถานีจะเอากำลังไฟจากที่ไหนหรือว่าปั่นไฟเอง เก็บไฟในแบตเตอรี่? คือปัจจุบันระบบนี้ก็ไม่ได้ใช้หรอก แค่สงสัยเฉย ๆ
- สืบเนื่องจากข้อที่แล้ว สมัยนั้นผลิตไฟฟ้ากันยังไง เห็นว่ากว่าจะสร้างไดนาโมปั่นไฟจากเขื่อนได้ก็เป็นยุคหลัง สงสัยว่าเป็นพลังไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟจากพลังงานถ่านหิน ไอน้ำ หรือก๊าซธรรมชาติ แบบนั้นรึเปล่า
- การจดสิทธิบัตรทำได้รวดเร็วดี เงื่อนไขการจดสิทธิบัตรต้องเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นสิ่งใหม่ และต้องเป็นประโยชน์ อย่างบ้านเราจะต้องมีการตรวจสอบกันเป็นปี ๆ กว่าจะได้จด แล้วเงื่อนไขการถือครองสิทธิ อย่างหลอดไฟ คงเป็นเรื่องเทคนิคการทำไส้หลอดรึเปล่า แต่ถ้าคนอื่นผลิตหลอดไฟได้เหมือนกัน ก็ตรวจสอบยากอีกว่าเลียนแบบหรือดัดแปลง มันก็คือไส้หลอดเหมือนกัน อย่างในหนังพูดถึงขั้วหลอดแบบเกลียวที่เอดิสันครอบครองสิทธิ แต่พอเวสติงเฮาส์เปลี่ยนขั้วเป็นแบบอื่นก็ไม่โดนข้อหาเลียนแบบแล้ว ส่วนตัวคิดว่าขั้วหลอดมันเป็นเรื่องเบสิกมากทีเดียว ไม่น่าจดได้ ซึ่งบางทีมันก็แยกยากเหมือนนะว่าอะไรเป็นสิ่งประดิษฐ ์(ถือครองได้) อะไรเป็นสิ่งทั่วไป (ทุกคนใช้ได้)
- ในหนังมีประโยคว่า ผู้ใดครอบครองกระแสไฟฟ้าผู้นั้นครอบครองทุกอย่าง อารมณ์เหมือนแข่งกันเรื่อง OS ยุคสมัยคอมพิวเตอร์เลย เหมือนพูดว่ากระแสไฟฟ้าของคนนี้มาพร้อมแพคเกจสินค้าคนนี้ เหมือนถ้าใช้วินโดวจะใช้ ms office ได้ แต่ถ้าใช้ iOS จะใช้ไม่ได้ ประมาณนั้นเลย แต่ความจริงไฟฟ้ามันเป็นสิ่งใช้ได้กันได้หมดแหละ ใครก็ใช้ได้ เอดิสันถึงได้พูดว่าอยากทำตำหนิ (กันคนเลียนแบบ) กับสิ่งประดิษฐ์ทุกชิ้นของเขา แต่มันทำไม่ได้ ผมเลยมาคิดเรื่องนี้ต่อว่าถ้าจะให้กระแสไฟฟ้าสามารถใช้ได้เฉพาะกับเครื่องใช้บางยี่ห้อได้รึเปล่า อันนี้คิดเล่น ๆ นะ ไม่ได้เป็นข้อสงสัยอะไรหรอก คิดว่าน่าจะได้นะ เมื่อ 10 ปีก่อน เคยมีคนคิดเรื่อง PLC - Power line communication คือเป็นการส่งสัญญานดิจิตอล พวกสัญญานอินเตอร์เน็ตให้เกาะไปกับไฟบ้าน ทำให้ส่งสัญญานอินเตอร์เนตไปได้ตามสายไฟบ้าน นั้นแสดงว่าเราสามารถส่งข้อมูล/รหัส/อะไรก็ตามที่ล็อกการใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าบางยี่ห้อได้ได้ (ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าจะต้องมีเครื่องถอดรหัส) แต่ว่าเทคโนโลยีนี้เหมือนจะล้มเลิกไป เมื่อเราสามารถส่งส่งสัญญาณได้แบบ wireless ทำให้ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป แต่นึกถึงที่ยุคนั้นบอกว่าทำไม่ได้ แต่ความจริงมันทำได้ เพียงแค่เทคโนโลยีตอนนั้นยังไปไม่ถึงแค่นั้นเอง ถ้าตอนนั้นคิดได้นะ ดีไม่ดีผมว่าอาจจะทำกันจริง ๆ ว่ามั้ย เพราะ current (กระแสไฟฟ้า) หรือจะสู้ currency (เงินตรา) เงิน ใครก็ต้องการ
จบแล้วครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ
หนังอาจได้คะแนนไม่ดีเท่าไหร่
แต่ถ้าเราดูแล้วชอบก็โอเคแล้วว่ามั้ย
[CR] รีวิว The Current War สงครามกระแสไฟฟ้า ก็ไม่ได้แย่นะ รู้สึกชอบ
คุณสองคน อุทิศชีวิตให้กับเครื่องปลายทาง หลอดไฟ มอเตอร์ แล้วตัวกลางละ คุณก็ต้องใช้มัน ไม่ใช่เหรอ?
คนนี้ออกน้อยแต่เด็ด ความรู้สึกผมว่าแกเหมือนกุยแกในเรื่องสามก๊ก ในจินตนาการผม กุยแก จะเป็นคนลักษณะแบบนี้แหละ กุนซือที่เดินทางไปเพื่อสัมภาษณ์งานดูตัวหัวหน้า จำไม่ได้ว่าไปหาอ้วนสุดหรืออ้วนเสี้ยว แล้วบอกว่าไมเอา หัวหน้าแบบนี้ไม่ผ่าน สุดท้ายไปอยู่กับโจโฉ พอโจโฉได้กุยแกไปก็เหมือนเสือติดปีก จะทำการอะไรก็สำเร็จ เป็นคนที่อัจฉริยะมาก ผมชอบนิโคล่าเทสล่ามาตั้งแต่เรื่อง the prestige ละ มาถึงเรื่องนี้ก็ยังคงความเป็นบุรุษลึกลับได้เช่นเคย เห็นนิโคลัสเฮาลต์แสดงแล้ว มาดดี อยากให้ไปเล่นเป็นแบทแมนเหมือนกันนะเนี้ย แต่เสียดายบทตกเป็นของโรเบิร์ตแพททิสันไปละ
ผมอดทนรับความเจ็บปวดได้ แต่รับไม่ได้ถ้าเป็นคนฝีมือต็อกต๋อย
ในหนังจะมีเรื่องราวเล็ก ๆ ซ้อนขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่งในหนัง เป็นเรื่องที่เวสติงเฮาส์โดนคนเอาปืนจ่อยิงสถานการณ์อยู่ในช่วงวิกฤต ตอนแรกก็งงว่าหนังจะเล่าเรื่องนี้ทำไม จนถึงตอนสุดท้ายนั่นแหละถึงบางอ้อเลย ฉลาดจะสื่อสารจริง ๆ โดนฮุคเต็ม ๆ รวมทั้งเรื่องเล่าที่โดนพ่อตีตอนเด็กด้วยก็ชอบเหมือนกัน เข้าคู่กับนางเอกแม่มดจากแฟนตาสติกบีสต์กลายเป็นคู่สามีภรรยาที่ได้อารมณ์ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กันดีทั้งยามทุกข์และยามสุข หนังเน้นที่การถ่ายทอดวิริยภาพของเวสติงเฮาส์ ดูไปแล้วนึกไปถึงสุมาอี้ที่โดนขงเบ้งยั่วยุในศึกที่เขากิสาน เวสติงเฮาส์ไม่ใช่คนพูดเยอะ แต่พูดแต่ละดอกเด็ดมาก ฉากโชว์ความจำจำชื่อกรรมการได้ทุกคนในงานยื่นซองประมูลเป็นอะไรที่เห็นแล้วประทับใจ
ผมจะไม่ประดิษฐ์สิ่งที่ทำร้ายชีวิตมนุษย์
โลกหมุนรอบตัวเอดิสันจริง ๆ เรื่องนี้ เรื่องราวส่วนมากเป็นของเอดิสันทั้งหมดเลย ผมว่าเบเนดิก คัมเบอเบต แสดงได้ดีนะ เป็นคนประเภทที่ถึงจะโมโหก็ยังดูน่ารัก ไม่รู้เอดิสันตัวจริงขี้โมโหเหมือนในหนังป่าว แต่ว่าดูหนังแล้วอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าทำไมเอดิสันถึงเลือกที่จะใช้ไฟ dc (ไฟกระแสตรง) ทั้งที่ต้นทุนสูงกว่า คิดว่าอาจจะดีกว่าตรงที่เครื่องใช้ไม่ต้องใส่หม้อแปลงเพื่อแปลงไฟ ac เป็น dc ละมั้ง ตอนเด็กเคยถามเหมือนกันว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์พวกวิทยุไรพวกนี้ ทำไมเขาไม่ออกแบบวงจรให้มันทำงานกับไฟบ้านตรง ๆ ไปเลยไม่ต้องผ่านหม้อแปลง พ่อบอกว่า ตัวอุปกรณ์ในวงจรมันมีขั้วบวกขั้วลบ ยังไงก็ต้องมีการแปลงกระแสไฟ ถึงใช้ไดโอดใช้ตัวเก็บประจุใช้ตัวต้านทานแปลงกระแสไฟฟ้าและลดแรงดันลงมาได้ แต่ความเสี่ยงอย่างหนึ่งที่จะเกิดคือหากคุณเสียบปลั๊กผิดขั้วก็มีสิทธิโดนช็อตหรือวงจรพังทันที การส่งกระแสไฟเป็นแบบ dc แบบที่เอดิสันนำเสนอ ผมมองว่าก็ทำนองเดียวกัน ปลั๊กไฟแบบปัจจุบันคงใช้ไม่ได้แน่ ต้องมีการเซฟตี้เรื่องเสียบปลั๊กผิดขั้วให้ดีกว่านี้แน่นอน แต่ยังไงก็ยังดูเสี่ยง และอีกอย่างขอเดาว่า สินค้าของเอดิสันอิเล็กทริกส่วนมากใช้กับไฟฟ้ากระแสตรง ตัวเอดิสันอาจไม่เก่ง/ไม่ถนัดหรือไม่ได้เป็นผู้ผลิตหม้อแปลงหรือตัวแปลงไฟฟ้า ทำให้ไม่อยากพึ่งพาอุปกรณ์นี้จากคนอื่นก็ได้ อันนี้เดา
- เพิ่งรู้ว่า หลอดไฟ สามารถใช้ได้กับทั้งไฟ ac และ dc หรือว่ามีวงจรที่ต่างกันรึเปล่า ไม่รู้ หรือหลอดไฟกับไฟ dc แสงไฟมันจะนิ่งกว่า แต่ถ้าใช้กับไฟ ac แล้วแสงไฟจะกระพริบ แต่กระพริบเร็วจนตาเรามองไม่เห็น (กระพริบ 50 ครั้งต่อวินาที -ความถี่50เฮิร์ท)
- ตอนที่ดูยังไม่ค่อยเข้าใจระบบส่งกระแสไฟของเอดิสันเท่าไหร่ เห็นว่าถ้าส่งกระแสไฟไปไกล ๆ กำลังไฟจะตก ต้องมีสถานีไฟฟ้าผุดขึ้นอีกหลายแห่งทำตัวคล้าย ๆ booster เพื่อเพิ่มกำลังไฟฟ้า แล้วแต่ละสถานีจะเอากำลังไฟจากที่ไหนหรือว่าปั่นไฟเอง เก็บไฟในแบตเตอรี่? คือปัจจุบันระบบนี้ก็ไม่ได้ใช้หรอก แค่สงสัยเฉย ๆ
- สืบเนื่องจากข้อที่แล้ว สมัยนั้นผลิตไฟฟ้ากันยังไง เห็นว่ากว่าจะสร้างไดนาโมปั่นไฟจากเขื่อนได้ก็เป็นยุคหลัง สงสัยว่าเป็นพลังไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟจากพลังงานถ่านหิน ไอน้ำ หรือก๊าซธรรมชาติ แบบนั้นรึเปล่า
- การจดสิทธิบัตรทำได้รวดเร็วดี เงื่อนไขการจดสิทธิบัตรต้องเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นสิ่งใหม่ และต้องเป็นประโยชน์ อย่างบ้านเราจะต้องมีการตรวจสอบกันเป็นปี ๆ กว่าจะได้จด แล้วเงื่อนไขการถือครองสิทธิ อย่างหลอดไฟ คงเป็นเรื่องเทคนิคการทำไส้หลอดรึเปล่า แต่ถ้าคนอื่นผลิตหลอดไฟได้เหมือนกัน ก็ตรวจสอบยากอีกว่าเลียนแบบหรือดัดแปลง มันก็คือไส้หลอดเหมือนกัน อย่างในหนังพูดถึงขั้วหลอดแบบเกลียวที่เอดิสันครอบครองสิทธิ แต่พอเวสติงเฮาส์เปลี่ยนขั้วเป็นแบบอื่นก็ไม่โดนข้อหาเลียนแบบแล้ว ส่วนตัวคิดว่าขั้วหลอดมันเป็นเรื่องเบสิกมากทีเดียว ไม่น่าจดได้ ซึ่งบางทีมันก็แยกยากเหมือนนะว่าอะไรเป็นสิ่งประดิษฐ ์(ถือครองได้) อะไรเป็นสิ่งทั่วไป (ทุกคนใช้ได้)
- ในหนังมีประโยคว่า ผู้ใดครอบครองกระแสไฟฟ้าผู้นั้นครอบครองทุกอย่าง อารมณ์เหมือนแข่งกันเรื่อง OS ยุคสมัยคอมพิวเตอร์เลย เหมือนพูดว่ากระแสไฟฟ้าของคนนี้มาพร้อมแพคเกจสินค้าคนนี้ เหมือนถ้าใช้วินโดวจะใช้ ms office ได้ แต่ถ้าใช้ iOS จะใช้ไม่ได้ ประมาณนั้นเลย แต่ความจริงไฟฟ้ามันเป็นสิ่งใช้ได้กันได้หมดแหละ ใครก็ใช้ได้ เอดิสันถึงได้พูดว่าอยากทำตำหนิ (กันคนเลียนแบบ) กับสิ่งประดิษฐ์ทุกชิ้นของเขา แต่มันทำไม่ได้ ผมเลยมาคิดเรื่องนี้ต่อว่าถ้าจะให้กระแสไฟฟ้าสามารถใช้ได้เฉพาะกับเครื่องใช้บางยี่ห้อได้รึเปล่า อันนี้คิดเล่น ๆ นะ ไม่ได้เป็นข้อสงสัยอะไรหรอก คิดว่าน่าจะได้นะ เมื่อ 10 ปีก่อน เคยมีคนคิดเรื่อง PLC - Power line communication คือเป็นการส่งสัญญานดิจิตอล พวกสัญญานอินเตอร์เน็ตให้เกาะไปกับไฟบ้าน ทำให้ส่งสัญญานอินเตอร์เนตไปได้ตามสายไฟบ้าน นั้นแสดงว่าเราสามารถส่งข้อมูล/รหัส/อะไรก็ตามที่ล็อกการใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าบางยี่ห้อได้ได้ (ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าจะต้องมีเครื่องถอดรหัส) แต่ว่าเทคโนโลยีนี้เหมือนจะล้มเลิกไป เมื่อเราสามารถส่งส่งสัญญาณได้แบบ wireless ทำให้ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป แต่นึกถึงที่ยุคนั้นบอกว่าทำไม่ได้ แต่ความจริงมันทำได้ เพียงแค่เทคโนโลยีตอนนั้นยังไปไม่ถึงแค่นั้นเอง ถ้าตอนนั้นคิดได้นะ ดีไม่ดีผมว่าอาจจะทำกันจริง ๆ ว่ามั้ย เพราะ current (กระแสไฟฟ้า) หรือจะสู้ currency (เงินตรา) เงิน ใครก็ต้องการ
หนังอาจได้คะแนนไม่ดีเท่าไหร่
แต่ถ้าเราดูแล้วชอบก็โอเคแล้วว่ามั้ย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้