สวัสดี๊ย์ !!!! เพื่อนๆชาวพันทิปทุกคนค่า 😊
ขอแทนตัวเองว่า ... นภัส นะคะ อิอิ เราเริ่มเขียนกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกเลยค่ะ ตั้งใจว่าอยากจะเขียนรีวิวให้กำลังใจน้องๆหรือทุกๆคนที่คิดว่าตัวเองกลัวภาษาอังกฤษ และคิดว่า โอ้ยย! ยากมากอะแม่! บ่าดั้ยหรอก! 55 เดี๋ยววันนี้จะมาเเชร์ประสบการณ์ของตัวเองว่าทำยังไงให้เก่งขึ้นในแบบฉบับของเรา
ก่อนอื่นฝากติดตาม instagram และ facebook fanpage ด้วยค่า :
Instagram : Naphatsa.world
FB page: Naphatsa.world
Contact : Naphatsa.chiya@gmail.com
Part1: เริ่มจากโรงเรียนบ้าน ดินแดนอันไกลโพ้น เอ้อะ!
: > เอาจริงก็คือตั้งชื่อเว่อร์ๆไว้ก่อนอะเนาะ 555 ความจริงคือ เราเรียนโรงเรียนบ้านมาตั้งแต่ประถม ก็คือโรงเรียนบ้านนายผล ตรงบางบอนนี่เอง! จำได้เลยว่า ครั้งแรกที่เห็นภาษาอังกฤษ คือบับ ปวดหัวอะแม่! อีหยังว้า! 55 จำได้ว่าตอน ม.5 พึ่งรู้จัก cat and dog แบบจริงๆ ในช่วงวัยนั้น กับเวลานั้น มันไม่ได้เจริญนะทุกคน ย้อนไปประมาณ14-15 ปีก่อน เราไปเรียน ถนนก็คือลูกรัง ดินแดงเลย ชุดนี่เลอะตลอด ฝนตกอะหรอ อย่าให้พูด นึกว่าหมูตกน้ำ แบบเลอะจนถึงกกน.อะ55
เข้าเรื่องละนะ555 จำได้ว่าคุณครูก็ให้ท่องๆ คำศัพท์ทุกวัน รู้บ้างไม่รู้บ้าง แต่ตอนนั้นมันมีความสุขเด้อ แบบ เออ ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ อะไรก็ไม่รู้ไม่เคยเห็น ก็ท่องไปเลยๆ จนเวลาผ่านไป ก็รู้แล้วล่ะ ไอ้ด๊อกซ์แอนด์แคทท คืออะไร เดือนแต่ละเดือนเรียกว่าอะไร สัตว์ตัวนี้ถาษาอังกฤษ อ่านว่าอะไร แต่มันก็ไม่ได้รู้ทุกอย่างอะ สักพักเด็กน้อยก็ลืม 555 แต่มีนก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ ได้รู้ว่า เห้ย มีภาษาแบบนี้ด้วยหรอ พึ่งรู้ !
Part2: จากโรงเรียนบ้านไปสอบเข้าโรงเรียนมัธยม
:> จุดพีคและเปลี่ยนของชีวิตอยู่ตรงนี้ คือมันเป็นการสอบแข่งกันครั้งแรกของชีวิต และเราก็สอบได้ด้วย 555 แต่จำได้ว่าภาษาอังกฤษ เรามั่วมาก จุดเริ่มต้นอยู่ตรงนี้ พอสอบติดแม่ก็ให้รางวัลด้วยการไปเรียนพิเศษ จุดนี้คือเปลี่ยนชีวิตเราเลย
:> จำได้ว่าไปนั่งเรียนที่เซนทรัลพระราม 2 ตอนนั้นเป็นครูคนไทย ให้เทส 10 ข้อ เกี่ยวกับ who-question ตุ๊ดอ่านไม่ออกจ้าแม่ กามั่ว ได้มา 2 คะแนน 5555 หน้ามืดเหมือนกินยาคุมวันแรกเลยค่ะ 55 คือแบบจำได้ว่า เขาให้เติมๆ ในช่องว่างให้ถูกต้อง แต่สารภาพตามตรง อ่สนไม่ออกสักตัว มองหา ด๊อกและแคทท ก็บ่มี55 แต่เอาจริงมันเฟลมากอะ เห็นแล้วแบบ "ฟ้าจะมาตายที่นี่ไม่ได้นะคะ ฟ้าต้องเก่งขึ้น" 555 จริงๆ แบบเราต้องเก่งขึ้นสิวะ งี้
:> จากนั้นพอกลับมาบ้านก็ พยายามอ่าน อ่าน และก็อ่าน แต่เอาจริง ไม่เข้าหัว สมัยนั้นนะยังไม่มีอินเตอร์เน๊ตอะที่บ้านเรา นี่ก็อ่าน เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ก็อ่านไป คือมันอ่านละไม่เข้าใจอะสาวนมาก 55 พอทีนี้ไปเรียนก็ใช้วิชาตัวรอด เพื่อนช่วยบ้าง ก็มีชีวิตรอดมา ถึง ม.3 จ้ะแม่ 55 (เกือบตาย!)
Part3: lcone toreal world : อันนี้คือของจริง ที่ทำให้เรากลับมาสู้อีดครั้ง
:> พอขึ้น ม.4 เราก็ดันติดสายวิทย์คณิต (ติดได้ไงฟร้ะ!) มีนก็เรียนมาเรื่อยๆ จนวันนึงคำพูดจากคู่อริทำให้เราเปลี่ยนความคิด (อธิบายก่อนในห้องจะมีตุ๊ดสามคน จะมีคนนึงที่จะไม่ชอบหน้ากัน555ทในตอนนั้นนะ และนางก็พูดก่อนเข้าห้องมาว่า " คนอย่างมรืงอะ สอบไม่ติดมหาลัยหรอก โง่อิ้งขนาดนี้ ) ในใจติฝอนนั้นคือ แรงมากแม่! แต่เอาจริงนะ มันทำให้เราคิด เออ ก็โง่จริง! 555 เพราะเกรดอิ้งที่ได้มา คือ 1.5,2,2.5 แถวๆนี้ 4 นี่เหมือนจะไม่เคยเจอกันเลย เราก็ เออ ! ก็โง่จริงอะ! 555
Part4: เปลี่ยน mindset เปลี่ยน ความคิดและ ลงมือทำ (รู้สึกสวย)
:> หลังจากที่คู่อริ(แต่ภายหลังกลายมาเป็นเพื่อนสาว55) ได้แทงใจดำเราไปแล้ว ตั้งแต่วันนั้นนี่ก็อ่านหนังสือตลอด สมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์นะ จำได้ว่าพ่อจะไปส่งที่โรงเรียนตั้งแต่หกโมงเช้า คนสวยอย่างเราก็คือ ไปห้องสมุดจ้ะแม่ อ่าน อ่าน อ่าน และก็อ่าน ร้องไห้/ปอ่านไป ทั้งอ่านก่อนหน้าอาจารย์จะสอน และเอาข้อสอบมาอ่าน ล่วงหน้า อันไหนไม่ได้เอาใหม่ อ่านอยู่อย่างนี้ จาก 1 อาทิตย์ เป็น 1 เดือน เดือนเป็นสามเดือน เป็นหกเดือน เป็นปี เป็นสองปี อ่านทุกอย่าง ทุกวิชา อังกฤษก็เอามาอ่าน ไม่รู้คำไหน แปล ทางเดียวที่จะรอดคือแปล จำได้ว่าเราจะมีกระดาษรียูส เอามาพับให้เล็กที่สุด แล้วหน้าที่ยังไม่เขียนมห้เขียนคำศัพท์พร้อมแปล ท่อง ท่อง ท่อง ทำทุกวัน เริ่มต้นวันละ 10 คำ 30 คำ แล้วแต่จะไหว เป้าหมายเดียวคือ ฉันจะลบคำสบประมาทให้ดู ว่าฉันสอบติดไเ้ ฉันเก่งภาษาอังกฤษได้ เป้ากมายชัดเจนมาก แล้วเราเป็นคนไม่เที่ยวอะ เช้าไปโรงเรียนอ่านหนังสือ เที่ยงอ่านหนังสือ คือสิงหอสมุด กลับบ้าน อ่านหนังสือจนถึง ตี1 ตี2 ทุกวัน จนวันนึงมันกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว แบบวันไหนไม่ได้อ่านนะ นอนไม่หลับ วันไหนลืมกระดาษจดศะพท์นะ เรียนไม่รู้เรื่อง 555 จนมันติดเป็นนิสัยการอ่าน เราสนุกกับมัน มากๆเลยแหละ
Part5: สิ่งที่ทำมาออกดอกออกผลแล้วแม่!
:> จำได้ว่าหลังจากเริ่มอ่านมาได้สักพักมันก็เปิดเทอมพอดี ตอนนั้นคาบภาษาอังกฤษ เหมือนคุณครูถามคำถามแล้วทุกคนเงียบ แล้วเราดันรู้เพราะเอามาอ่านก่อน 555 เราก็ตอบไป จากตรงนั้นมันทำให้เรารู้สึกเห้ย ! ได้อะ นี่ไงตอบได้ มีกำลังใจมาก มันรู้สึกมั่นใจมากขึ้น เพราะปกติจะไม่กล้าตอบและนั่งหลังๆห้องตลอด ผลสอบนี่ท้ายๆเลย 55 แต่พอเราฝึกทุกวัน มันก็ทำให้เรามาอยู่หน้าๆได้ โคตรภูมิใจเลย หลังจาดนั้นก็คือ อาจารย์ถามอะไรมา เราจะพยายามตอบ มันเหมือนเราไปเร็วกว่าเพื่อน เพราะเราเตรียมตัวมาดีมาก สมมุติคุณครูจะสอนเรื่องนี้วีคหน้า เรามาดู อ่อ เคยอ่านไปแล้วนี่ แต่ทวนหน่อย ดีกว่า มันทำให้เรามั่นใจขึ้นมาก เรียกว่า เราเอาข้อสอบ 10 ปีย้อนหลังมาทำ มันก็เป็นแนวทางให้เราไปไวมากๆเลยนะ อ่านศัพท์ ท่องศัพท์ทุกวัน เราเก่งขึ้นมากๆ แบบตัวเองยังตกใจ
Part6: แล้วทำยังไงถึงติดวิศว อินเตอร์ได้
:> ขอเกริ่นก่อน ด้วยตวามที่เราใึกตัวเองอ่านหนังสือมาแรมปี 555 พอขึ้นช่วง ม.6 เนี่ย ก็เริ่มมีเพื่อนไปสอบกันแล้ว ตอนนั้นก็มี แกะ แพะ กสพท สอบตรง หลายที่ เราก็เลยยังไม่รู้ว่าจะไปสายไหนดี แล้วพอดีมีพี่ที่เรียนวิศวมาหาน้องที่โรงเรียน เราก็รู้สึกว่า เห่ย! เท่ห์ดี ลองไปสอบดีไหม ก็เลยไปเปิดดูว่าอะไรน่าเรียน ก็เลือกแล้วยื่นคะแนนไป ไอ้เราก็ไม่คาดหวีงหรอกว่าจะติดไหม เพราะยื่นอินเตอร์ไปด้วย เป็นภาคไฟฟ้า คือแบบ ไม่ลองไม่รู้ ! เอาว้ะ!
Part7: ผลออกตอนพักเที่ยง ! แรงมากแม่!
:> จำได้ว่าตอนนั้นกำลังจะเรียนเคมีต่อ แล้วเป็นวันประกาศพอดี ก็เลยให้เพื่อนเช็คให้ แล้วเพื่อนก็คือกรี๊ด! เพราะเราติด ! Omg! แล้วทุกคนในห้องคือแบบวิ่งมากอด ตอนนั้นกินขนมอยู่ คือเพื่อนทั้งห้องดีใจมากกว่าเราอีก 55 คุณครูเข้ามาก็มากอด เธอทำได้แล้วๆ ตวามรู้สึกตอนนั้นมันดีมาก อธิบายไม่ถูกเหมือนที่เหนื่อยมากคือสุด ได้ละแม่! งี้เลยในใจ55
Part8: Interview with English language : ครั้งแรกโคตรตื่นเต้น
:> พอหลังจากวันนั้นทางมหาลัยก็นัดสัมภาษณ์ ขอบอกก่อนว่าเราติด International Program of engineering, Electronic and telecommunication engineering .kmutt. เป็นวิศวกรรมศาสตร์ภาคอินเตอร์ คือทุกอย่างจะเรียนเป็นภาษาอังกฤษหมด จำได้เลยว่าวันสัมภาษณ์นี่ สคริปแนะนำตัวท่องไปเยอะมาก คิดว่าอาจารย์ที่สัมภาษณ์จะถามอะไร ต้องตอบยังไง ต้องบอกก่อนจุดด้อยของเด็กไทยคือ บางคนจะได้วิชาการแบบเป้ะๆ แต่พอพูดจะอายและไม่กล้า แต่เราก็ทำเต็มที่มาก แบบซีเรียสเลย ต้องทำได้
:> พอวันสัมภาษณ์จริง Omg. คนแรกจ้า ตื่นเต้นมากแต่ทำเต็มที่ แบบสุดความสามารถ ผลออกมาก็คือติด เย้! จำได้ว่าได้ขึ้นรูปหน้าโรงเรียน คือภูมิใจมากแบบบอกไม่ถูกอะ สุดจริงๆ มันทำให้เรารู้ว่า ความพยายามไม่เคยทรยศกับคนตั้งใจจริง เทยทำได้!5555
** สุดท้ายนี้อยากจะบอกน้องๆหรือคนที่กำลังท้อแท้กับภาษาอังกฤษว่าสู้ค่ะ ล้มได้แต่ต้องลุก มันจะยากขนาดไหนเชียว คิดเลย เป้าหมายเราคืออะไร ทำมันให้ได้ สันที่เราทำได้จะภูมิใจมากๆ because I can do it! 555
** อันนี้เป็นโพสรีวิวและให้กำลังใจ เราทำครั้งแรก ถ้ามีอะไรผิดพลาดขอโทษด้วยน้าเพราะพิมพ์ในโทรศัพท์เดี๋ยวมีโพสต่อๆไป ฝากติดตาม Instagram ด้วยนะคะ และถ้าอยากพูดคุยก็ตามไปคุยกันได้ ยินดีตอบทุกคนนค่า ปล. ฝากฟอลด้วยน้า youtube จะตามมาเร็วๆนี้จ้า see you !
Encourage to you Ep.1 : เรียนโรงเรียนบ้าน ก็สอบติดวิศวอินเตอร์ได้ :ตุ๊ดรีวิว (แล้วทำไมจะไม่ได้อะแม่!?)
ขอแทนตัวเองว่า ... นภัส นะคะ อิอิ เราเริ่มเขียนกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกเลยค่ะ ตั้งใจว่าอยากจะเขียนรีวิวให้กำลังใจน้องๆหรือทุกๆคนที่คิดว่าตัวเองกลัวภาษาอังกฤษ และคิดว่า โอ้ยย! ยากมากอะแม่! บ่าดั้ยหรอก! 55 เดี๋ยววันนี้จะมาเเชร์ประสบการณ์ของตัวเองว่าทำยังไงให้เก่งขึ้นในแบบฉบับของเรา
ก่อนอื่นฝากติดตาม instagram และ facebook fanpage ด้วยค่า :
Instagram : Naphatsa.world
FB page: Naphatsa.world
Contact : Naphatsa.chiya@gmail.com
Part1: เริ่มจากโรงเรียนบ้าน ดินแดนอันไกลโพ้น เอ้อะ!
: > เอาจริงก็คือตั้งชื่อเว่อร์ๆไว้ก่อนอะเนาะ 555 ความจริงคือ เราเรียนโรงเรียนบ้านมาตั้งแต่ประถม ก็คือโรงเรียนบ้านนายผล ตรงบางบอนนี่เอง! จำได้เลยว่า ครั้งแรกที่เห็นภาษาอังกฤษ คือบับ ปวดหัวอะแม่! อีหยังว้า! 55 จำได้ว่าตอน ม.5 พึ่งรู้จัก cat and dog แบบจริงๆ ในช่วงวัยนั้น กับเวลานั้น มันไม่ได้เจริญนะทุกคน ย้อนไปประมาณ14-15 ปีก่อน เราไปเรียน ถนนก็คือลูกรัง ดินแดงเลย ชุดนี่เลอะตลอด ฝนตกอะหรอ อย่าให้พูด นึกว่าหมูตกน้ำ แบบเลอะจนถึงกกน.อะ55
เข้าเรื่องละนะ555 จำได้ว่าคุณครูก็ให้ท่องๆ คำศัพท์ทุกวัน รู้บ้างไม่รู้บ้าง แต่ตอนนั้นมันมีความสุขเด้อ แบบ เออ ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ อะไรก็ไม่รู้ไม่เคยเห็น ก็ท่องไปเลยๆ จนเวลาผ่านไป ก็รู้แล้วล่ะ ไอ้ด๊อกซ์แอนด์แคทท คืออะไร เดือนแต่ละเดือนเรียกว่าอะไร สัตว์ตัวนี้ถาษาอังกฤษ อ่านว่าอะไร แต่มันก็ไม่ได้รู้ทุกอย่างอะ สักพักเด็กน้อยก็ลืม 555 แต่มีนก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ ได้รู้ว่า เห้ย มีภาษาแบบนี้ด้วยหรอ พึ่งรู้ !
Part2: จากโรงเรียนบ้านไปสอบเข้าโรงเรียนมัธยม
:> จุดพีคและเปลี่ยนของชีวิตอยู่ตรงนี้ คือมันเป็นการสอบแข่งกันครั้งแรกของชีวิต และเราก็สอบได้ด้วย 555 แต่จำได้ว่าภาษาอังกฤษ เรามั่วมาก จุดเริ่มต้นอยู่ตรงนี้ พอสอบติดแม่ก็ให้รางวัลด้วยการไปเรียนพิเศษ จุดนี้คือเปลี่ยนชีวิตเราเลย
:> จำได้ว่าไปนั่งเรียนที่เซนทรัลพระราม 2 ตอนนั้นเป็นครูคนไทย ให้เทส 10 ข้อ เกี่ยวกับ who-question ตุ๊ดอ่านไม่ออกจ้าแม่ กามั่ว ได้มา 2 คะแนน 5555 หน้ามืดเหมือนกินยาคุมวันแรกเลยค่ะ 55 คือแบบจำได้ว่า เขาให้เติมๆ ในช่องว่างให้ถูกต้อง แต่สารภาพตามตรง อ่สนไม่ออกสักตัว มองหา ด๊อกและแคทท ก็บ่มี55 แต่เอาจริงมันเฟลมากอะ เห็นแล้วแบบ "ฟ้าจะมาตายที่นี่ไม่ได้นะคะ ฟ้าต้องเก่งขึ้น" 555 จริงๆ แบบเราต้องเก่งขึ้นสิวะ งี้
:> จากนั้นพอกลับมาบ้านก็ พยายามอ่าน อ่าน และก็อ่าน แต่เอาจริง ไม่เข้าหัว สมัยนั้นนะยังไม่มีอินเตอร์เน๊ตอะที่บ้านเรา นี่ก็อ่าน เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ก็อ่านไป คือมันอ่านละไม่เข้าใจอะสาวนมาก 55 พอทีนี้ไปเรียนก็ใช้วิชาตัวรอด เพื่อนช่วยบ้าง ก็มีชีวิตรอดมา ถึง ม.3 จ้ะแม่ 55 (เกือบตาย!)
Part3: lcone toreal world : อันนี้คือของจริง ที่ทำให้เรากลับมาสู้อีดครั้ง
:> พอขึ้น ม.4 เราก็ดันติดสายวิทย์คณิต (ติดได้ไงฟร้ะ!) มีนก็เรียนมาเรื่อยๆ จนวันนึงคำพูดจากคู่อริทำให้เราเปลี่ยนความคิด (อธิบายก่อนในห้องจะมีตุ๊ดสามคน จะมีคนนึงที่จะไม่ชอบหน้ากัน555ทในตอนนั้นนะ และนางก็พูดก่อนเข้าห้องมาว่า " คนอย่างมรืงอะ สอบไม่ติดมหาลัยหรอก โง่อิ้งขนาดนี้ ) ในใจติฝอนนั้นคือ แรงมากแม่! แต่เอาจริงนะ มันทำให้เราคิด เออ ก็โง่จริง! 555 เพราะเกรดอิ้งที่ได้มา คือ 1.5,2,2.5 แถวๆนี้ 4 นี่เหมือนจะไม่เคยเจอกันเลย เราก็ เออ ! ก็โง่จริงอะ! 555
Part4: เปลี่ยน mindset เปลี่ยน ความคิดและ ลงมือทำ (รู้สึกสวย)
:> หลังจากที่คู่อริ(แต่ภายหลังกลายมาเป็นเพื่อนสาว55) ได้แทงใจดำเราไปแล้ว ตั้งแต่วันนั้นนี่ก็อ่านหนังสือตลอด สมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์นะ จำได้ว่าพ่อจะไปส่งที่โรงเรียนตั้งแต่หกโมงเช้า คนสวยอย่างเราก็คือ ไปห้องสมุดจ้ะแม่ อ่าน อ่าน อ่าน และก็อ่าน ร้องไห้/ปอ่านไป ทั้งอ่านก่อนหน้าอาจารย์จะสอน และเอาข้อสอบมาอ่าน ล่วงหน้า อันไหนไม่ได้เอาใหม่ อ่านอยู่อย่างนี้ จาก 1 อาทิตย์ เป็น 1 เดือน เดือนเป็นสามเดือน เป็นหกเดือน เป็นปี เป็นสองปี อ่านทุกอย่าง ทุกวิชา อังกฤษก็เอามาอ่าน ไม่รู้คำไหน แปล ทางเดียวที่จะรอดคือแปล จำได้ว่าเราจะมีกระดาษรียูส เอามาพับให้เล็กที่สุด แล้วหน้าที่ยังไม่เขียนมห้เขียนคำศัพท์พร้อมแปล ท่อง ท่อง ท่อง ทำทุกวัน เริ่มต้นวันละ 10 คำ 30 คำ แล้วแต่จะไหว เป้าหมายเดียวคือ ฉันจะลบคำสบประมาทให้ดู ว่าฉันสอบติดไเ้ ฉันเก่งภาษาอังกฤษได้ เป้ากมายชัดเจนมาก แล้วเราเป็นคนไม่เที่ยวอะ เช้าไปโรงเรียนอ่านหนังสือ เที่ยงอ่านหนังสือ คือสิงหอสมุด กลับบ้าน อ่านหนังสือจนถึง ตี1 ตี2 ทุกวัน จนวันนึงมันกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว แบบวันไหนไม่ได้อ่านนะ นอนไม่หลับ วันไหนลืมกระดาษจดศะพท์นะ เรียนไม่รู้เรื่อง 555 จนมันติดเป็นนิสัยการอ่าน เราสนุกกับมัน มากๆเลยแหละ
Part5: สิ่งที่ทำมาออกดอกออกผลแล้วแม่!
:> จำได้ว่าหลังจากเริ่มอ่านมาได้สักพักมันก็เปิดเทอมพอดี ตอนนั้นคาบภาษาอังกฤษ เหมือนคุณครูถามคำถามแล้วทุกคนเงียบ แล้วเราดันรู้เพราะเอามาอ่านก่อน 555 เราก็ตอบไป จากตรงนั้นมันทำให้เรารู้สึกเห้ย ! ได้อะ นี่ไงตอบได้ มีกำลังใจมาก มันรู้สึกมั่นใจมากขึ้น เพราะปกติจะไม่กล้าตอบและนั่งหลังๆห้องตลอด ผลสอบนี่ท้ายๆเลย 55 แต่พอเราฝึกทุกวัน มันก็ทำให้เรามาอยู่หน้าๆได้ โคตรภูมิใจเลย หลังจาดนั้นก็คือ อาจารย์ถามอะไรมา เราจะพยายามตอบ มันเหมือนเราไปเร็วกว่าเพื่อน เพราะเราเตรียมตัวมาดีมาก สมมุติคุณครูจะสอนเรื่องนี้วีคหน้า เรามาดู อ่อ เคยอ่านไปแล้วนี่ แต่ทวนหน่อย ดีกว่า มันทำให้เรามั่นใจขึ้นมาก เรียกว่า เราเอาข้อสอบ 10 ปีย้อนหลังมาทำ มันก็เป็นแนวทางให้เราไปไวมากๆเลยนะ อ่านศัพท์ ท่องศัพท์ทุกวัน เราเก่งขึ้นมากๆ แบบตัวเองยังตกใจ
Part6: แล้วทำยังไงถึงติดวิศว อินเตอร์ได้
:> ขอเกริ่นก่อน ด้วยตวามที่เราใึกตัวเองอ่านหนังสือมาแรมปี 555 พอขึ้นช่วง ม.6 เนี่ย ก็เริ่มมีเพื่อนไปสอบกันแล้ว ตอนนั้นก็มี แกะ แพะ กสพท สอบตรง หลายที่ เราก็เลยยังไม่รู้ว่าจะไปสายไหนดี แล้วพอดีมีพี่ที่เรียนวิศวมาหาน้องที่โรงเรียน เราก็รู้สึกว่า เห่ย! เท่ห์ดี ลองไปสอบดีไหม ก็เลยไปเปิดดูว่าอะไรน่าเรียน ก็เลือกแล้วยื่นคะแนนไป ไอ้เราก็ไม่คาดหวีงหรอกว่าจะติดไหม เพราะยื่นอินเตอร์ไปด้วย เป็นภาคไฟฟ้า คือแบบ ไม่ลองไม่รู้ ! เอาว้ะ!
Part7: ผลออกตอนพักเที่ยง ! แรงมากแม่!
:> จำได้ว่าตอนนั้นกำลังจะเรียนเคมีต่อ แล้วเป็นวันประกาศพอดี ก็เลยให้เพื่อนเช็คให้ แล้วเพื่อนก็คือกรี๊ด! เพราะเราติด ! Omg! แล้วทุกคนในห้องคือแบบวิ่งมากอด ตอนนั้นกินขนมอยู่ คือเพื่อนทั้งห้องดีใจมากกว่าเราอีก 55 คุณครูเข้ามาก็มากอด เธอทำได้แล้วๆ ตวามรู้สึกตอนนั้นมันดีมาก อธิบายไม่ถูกเหมือนที่เหนื่อยมากคือสุด ได้ละแม่! งี้เลยในใจ55
Part8: Interview with English language : ครั้งแรกโคตรตื่นเต้น
:> พอหลังจากวันนั้นทางมหาลัยก็นัดสัมภาษณ์ ขอบอกก่อนว่าเราติด International Program of engineering, Electronic and telecommunication engineering .kmutt. เป็นวิศวกรรมศาสตร์ภาคอินเตอร์ คือทุกอย่างจะเรียนเป็นภาษาอังกฤษหมด จำได้เลยว่าวันสัมภาษณ์นี่ สคริปแนะนำตัวท่องไปเยอะมาก คิดว่าอาจารย์ที่สัมภาษณ์จะถามอะไร ต้องตอบยังไง ต้องบอกก่อนจุดด้อยของเด็กไทยคือ บางคนจะได้วิชาการแบบเป้ะๆ แต่พอพูดจะอายและไม่กล้า แต่เราก็ทำเต็มที่มาก แบบซีเรียสเลย ต้องทำได้
:> พอวันสัมภาษณ์จริง Omg. คนแรกจ้า ตื่นเต้นมากแต่ทำเต็มที่ แบบสุดความสามารถ ผลออกมาก็คือติด เย้! จำได้ว่าได้ขึ้นรูปหน้าโรงเรียน คือภูมิใจมากแบบบอกไม่ถูกอะ สุดจริงๆ มันทำให้เรารู้ว่า ความพยายามไม่เคยทรยศกับคนตั้งใจจริง เทยทำได้!5555
** สุดท้ายนี้อยากจะบอกน้องๆหรือคนที่กำลังท้อแท้กับภาษาอังกฤษว่าสู้ค่ะ ล้มได้แต่ต้องลุก มันจะยากขนาดไหนเชียว คิดเลย เป้าหมายเราคืออะไร ทำมันให้ได้ สันที่เราทำได้จะภูมิใจมากๆ because I can do it! 555
** อันนี้เป็นโพสรีวิวและให้กำลังใจ เราทำครั้งแรก ถ้ามีอะไรผิดพลาดขอโทษด้วยน้าเพราะพิมพ์ในโทรศัพท์เดี๋ยวมีโพสต่อๆไป ฝากติดตาม Instagram ด้วยนะคะ และถ้าอยากพูดคุยก็ตามไปคุยกันได้ ยินดีตอบทุกคนนค่า ปล. ฝากฟอลด้วยน้า youtube จะตามมาเร็วๆนี้จ้า see you !