"บูมจะรักอาร์คนเดียวตลอดไป"
ข้อความสั้นๆถูกส่งไปในไลน์ที่เมมไว้ในมือถือ ที่รัก! ในช่วงประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ เด็กหนุ่มวัยสิบสามที่พึ่งขึ้นมัธยมเมื่อไม่กี่เดือนมานี่เอง เขาเริ่มมีความรักแล้ว
เขารู้สึกว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหน้านี่น่ารัก สวย ผิวขาว มีน้ำมีนวล ดูมุมไหนก็หน้ารักไปหมด ผู้หญิงคนนี้คืออาร์ เพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันกับเขานั่นเอง
บูมนั่งโต๊ะหลังห้อง อาร์นั่งโต๊ะแถวที่สอง ถ้านับเป็นแถวหน้ากระดาน ถ้านับเป็นแถวตอนลึกก็ยังเป็นแถวที่สองอีกเหมือนเดิม
โต๊ะที่นั่งของนักเรียนในห้องเรียนจะจัดให้นั่งไม่เกินสี่แถว ห้าแถวบ้างเล็กน้อยตามจำนวนนักเรียนในห้อง
แต่ละห้องก็ไม่เกินสี่สิบคน บูมนั่งแถวที่สี่โต๊ะสุดท้าย ซึ่งนั่งในแนวทะแยงมุมกับอาร์ เป็นมุมพอดีที่บูมมองเห็นอาร์ในทุกๆวัน เมื่อแน่ใจแล้วว่าตัวเองชอบผู้หญิงคนนี้ จึงให้เพื่อนสนิทที่นั่งโต๊ะคู่กันไปขอเบอร์อาร์ให้ แล้วเขาก็ได้คุยกับอาร์สมใจแล้ว
ข้อความในไลน์ขึ้นสถานะว่าอ่านแล้ว และถูกตอบกลับด้วยสติ๊กเกอร์ฝันดี ตามด้วยรูปหัวใจ แค่นี้ก็ทำให้เขานอนหลับฝันดีได้
บูมคิดไปไกลถึงงานแต่งงาน คิดไปถึงภาพครอบครัว มีอาร์เป็นแม่ มีบูมเป็นพ่อ มีลูกๆอีกสองคน มันเป็นจินตนาการของเขาแล้วเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีเพราะได้ยินเสียงแม่เคาะห้องเสียงดังปลุกเขาให้ตื่นเพราะสายแล้ว
"นอนดึกทุกวัน ระวังนะระวังจะเรียนไม่จบหนังสือหนังหาอ่านบ้างมั้ย"
เสียงแม่บ่นข้างนอกห้องถึงจะยังไม่เปิดประตูเข้ามาก็ได้ยินเสียง บ้านของบูมชั้นสองทั้งชั้นทำด้วยไม้ ห้องนอนบูมทำด้วยไม้อัดธรรมดา ดังนั้นจึงค่อนข้างที่จะไม่เก็บเสียงเหมือนห้องชั้นล่างที่ทำด้วยปูนซีเมนต์
บูมลุกขึ้นจากที่นอนหยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่า สูดหายใจเข้าเต็มปอด ตั้งท่าเปิดประตูเตรียมวิ่งให้พ้นมือแม่ เพราะจะต้องโดนฝ่ามือพิฆาตของแม่แน่นอน
ถ้าวันไหนที่แม่ต้องเดินขึ้นมาปลุก บูมต้องโดนฝ่ามือแม่ตีก่อนทุกครั้ง แต่มันก็ไม่เคยทำให้เขาหลาบจำและโกรธแม่ ครั้งนี้ก็เช่นกันเขาโดนเต็มๆที่หัวไหล่ซ้าย จะว่าไปมันไม่แรงแต่มันก็แสบพอตัว
บูมรีบวิ่งเข้าห้องน้ำพร้อมเอามือลูบๆวนๆเป็นวงกลมเพื่อบรรเทาอาการแสบๆคันๆที่แม่ตีเมื่อกี้
"รีบอาบน้ำแต่งตัวสายแล้ว ไม่ให้ปลุกสักวันมีมั้ย ขึ้นมัธยมแล้วไม่ใช่เด็กๆหัดมีความรับผิดชอบต่อตัวเองบ้าง"
เสียงแม่บ่นตามหลังขณะที่บูมวิ่งลงบันไดไปอาบน้ำในห้องน้ำชั้นล่าง บ้านบูมมีห้องน้ำห้องเดียวใช้รวมกันทั้งบ้าน ตามสไตล์บ้านแถวต่างจังหวัด ที่ชั้นล่างทำด้วยปูนซีเมนต์ชั้นบนทำด้วยไม้
เขาล้างหน้าแปรงฟันก่อนจากนั้นตักน้ำราดตัวสองขัน ตามด้วยถูสบู่แบบลวกๆแล้วลาดน้ำล้างตัวสามขัน จากนั้นหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดให้แห้งพอหมาดๆ แล้ววิ่งขึ้นห้องไปแต่งตัว
ผู้เป็นแม่ส่ายหัวให้กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ที่อายุเพียงแค่นี้มีแฟนแล้ว กลางคืนก็ไม่ยอมนอน คุยโทรศัพท์ทั้งคืน นึกแล้วคนเป็นแม่ก็อยากจะยึดโทรศัพท์คืนจริงๆ
ไม่น่าใจอ่อนซื้อให้เลย แต่ถ้าไม่ซื้อให้ก็จำเป็นต้องใช้ เวลาพ่อแม่ไปธุระกลับดึกได้โทรบอกกล่าวกัน
บูมมาถึงโรงเรียนเสียงออดของโรงเรียนดังพอดี ตามด้วยเพลงมาร์ชประจำโรงเรียนที่คุ้นหู.......เมื่ออาทิตย์ทอแสงพ้นขอบฟ้า........เสียงร้องประสานเสียงของใครไม่รู้ แต่ที่รู้ๆมันไพเราะเหลือเกิน
เปิดดังทั่วโรงเรียนเป็นสัญญาณเตือนนักเรียนทุกคนให้มาเข้าแถวหน้าเสาธงให้เรียบร้อย ก่อนที่เพลงมาร์ชจะจบนักเรียนทุกคนต้องจัดแถวให้เรียบร้อย
แปลว่าวันนี้บูมก็ยังมาทันเข้าแถวเพราะเพลงมาร์ชร้องยังไม่จบ เขาคิดว่าถ้าจะเอากระเป๋าไปเก็บก่อนคงไม่ทันแน่ๆ
กลัวว่าจะได้ไปยืนหน้าเสาธงแบบนี้คงอายอาร์แย่ เลย เอากระเป๋าเข้าแถวด้วยนี่แหละ ครูจะรู้ว่าพึ่งมาก็ตามถึงยังไงก็ยังทันเข้าแถวตอนเช้า
เมื่อบูมมองไปยังแถวผู้หญิง บูมเห็นอาร์กำลังมองมาที่ตัวเองพอดี เขายกมือทำสัญลักษณ์โอเคให้กับอาร์ จากนั้นก็เอามือแตะไหล่เพื่อนขยายแถวให้เข้าที่ เพื่อเตรียมตัวเคารพธงชาติในตอนเช้า
เพลงชาติบรรเลงขึ้นโดยมีประธานนักเรียนนำร้องก่อนท่อนแรก แล้วตามด้วยนักเรียนทุกคนร้องประสานเสียงพร้อมกันในท่อนต่อไปจนจบเพลง
สวดมนต์ไหว้พระ และพบปะครูเวณหน้าเสาธง เป็นกิจกรรมตอนเช้าที่ทุกโรงเรียนต้องทำในทุกๆวัน เมื่อเสร็จกิจกรรมในช่วงเช้าแล้ว คณะครูก็จะปล่อยนักเรียนเข้าประจำห้องแต่ละชั้น เป็นอันเสร็จกิจกรรม
เมื่อนักเรียนทุกคนเข้าห้องประจำชั้นแต่ละชั้นโรงเรียนก็เข้าสู่ช่วงสงบเงียบ ได้ยินแต่เสียงภารโรงกวดเศษใบไม้เศษขยะในบริเวณโรงเรียนทั่วๆไป
เช้านี้ห้อง ม.1/10 เป็นชั่วโมงแนะแนว เป็นห้องของบูมกับอาร์เอง ชั่วโมงนี้ครูแนะแนวสิบนาทีจากนั้นก็ปล่อยตามสบาย แต่ต้องอยู่ภายในห้องเท่านั้น
เพื่อนบางคนก็จับกลุ่มคุยกัน เพื่อนบางคนเด็กเรียนก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน บางคนอ่านการ์ตูน เพื่อนผู้หญิงอีกกลุ่มจับกลุ่มเม้าท์เรื่องเพื่อนห้องนั้นห้องนี้
จะมีแค่บูมกับอาร์ที่นั่งนิ่งๆก้มหน้าเอามือสอดเข้าใต้โต๊ะ กดพิมพ์ไลน์คุยกัน เมื่อกดส่งปุ๊บก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กันปั๊บ ทำให้เพื่อนบางคนที่สังเกตเห็นแซวสองคนจนหน้าแดง ถึงกับต้องเก็บมือถือลงกระเป๋ากันทันที
บูมกับอาร์ถูกยกให้เป็นคู่รักคู่แรกประจำห้อง และเพื่อนๆยังคอยลุ้นว่าจะมีคู่ที่สองอีกต่อไปหรือไม่
สองคนคบกันมาเรื่อยๆ คุยกันก่อนนอนทุกคืน พอขึ้น ม.2จากที่แค่คุยกันผ่านไลน์ความสัมพันธ์ก็พัฒนาขึ้นมาเป็นกินข้าวด้วยกัน เริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น สนิทกันมากขึ้น
เพื่อนเกือบทั้งรุ่นทั้งหมดสิบสองห้อง รู้กันทั่วว่าบูมห้องสิบกับอาร์ห้องสิบคบกัน เป็นแฟนกัน
ถ้ามีข่าวอะไรจะรู้กันทั้งชั้น ใครคบใคร ใครลูกครู ใครลูกตำรวจ ใครไฮโซ ใครเศรษฐี ใครชนชั้นกลางรู้หมด
คนสวยห้องนั้น คนหล่อห้องนี้ ไม่เว้นแม้แต่ข่าวบูมกับอาร์ก็ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งรุ่น แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร มันเป็นเรื่องปกติของสังคมโรงเรียนนี้
"บูมจะรักอาร์ตลอดไป"
ประโยคนี้ยังถูกส่งไปในทุกๆวัน ไม่มีวันที่บูมจะลืมส่ง เพราะคนนี้รักเหลือเกิน สำคัญเหลือเกิน
ค่ำคืนนี้ก็เช่นกัน เนื่องจากเป็นวันศุกร์บูมจะคุยกับอาร์ได้ดึกกว่าทุกวัน ไม่ต้องรีบนอนเพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ตื่นสายได้ ตื่นเช้ามาเป็นวันเสาร์ไม่ได้ไปโรงเรียน
"เค้าคิดถึงอาร์ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งสองวัน"
"เค้าก็คิดถึงบูมเหมือนกัน พรุ่งนี้ไปบ้านย่าไม่ใช่เหรอนอนดึกจัง"
"คุยกับแฟนอยู่ไง อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ไม่อยากให้เข็มนาฬิกาเดินเลย"
"ปากหวานจัง"
"รู้ได้ไงเคยชิมแล้วเหรอ 55555"
"แนะ ทลึ่งนะบูม อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันจันทร์จังเลยคิดถึง"
"บูมก็คิดถึงอาร์นะ"
"บูมจะรักอาร์ตลอดไป"
แล้วสองคนก็หลับฝันหวานไปพร้อมกันในคืนนี้
เช้านี้แม่ไม่ปลุกบูมปล่อยให้เขานอนเต็มที่ เพราะเป็นวันหยุด แต่จะให้นอนถึงเที่ยงก็ไม่ได้ ยังไงสะต้องตื่นมากินข้าวสักมื้อก่อน
เสาร์อาทิตย์บูมต้องไปบ้านปู่กับย่า ไปอยู่เป็นเพื่อนเนื่องจากไม่นานมานี่อาของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
เสียชีวิตคาที่ทั้งสองคนผัวเมีย และเป็นเสาร์หลักดูแลปู่กับย่าแทนพ่อของเขา ที่แต่งงานย้ายมาอยู่กับแม่ รอดชีวิตแค่คนเดียวคือลูกสาววัยห้าขวบในตอนนั้น
รถเก๋งพังยับเดชะบุญน้องเบสไม่เป็นอะไรมาก หัวแตกร่างกายบอบช้ำนิดหน่อย แต่คนเป็นพ่อแม่เสียชีวิตคาที่ทั้งสองคน
ปู่ย่ารวมทั้งพ่อแม่ของเขาและญาติๆเสียใจมากกับการสูญเสียครั้งนี้ แต่คนที่ทำใจไม่ค่อยได้จะเป็นย่า บางครั้งก็นอนร้องไห้ ทำให้พ่อของบูมเป็นห่วงพ่อแม่
ให้เขามาอยู่ด้วยทุกวันหยุดหรือช่วงปิดเทอม ส่วนตัวเองก็มาบ่อยเช่นกัน ตามโอกาสที่ว่าง
เมื่อบูมมานอนบ้านปู่ย่าในวันหยุด ช่วงปิดเทอม บวกกับกาลเวลาที่ผ่านเลยไปทำให้ผู้เป็นย่าจิตใจดีขึ้น เห็นรอยยิ้มของย่ามากขึ้น ที่หลังจากวันเกิดเรื่องวันนั้นก็ไม่ยิ้มอีกเลย มาวันนี้ย่าเริ่มยิ้มออก ยอมรับความจริงมากขึ้น ส่วนหลานสาวน้องเบส บอกแค่ว่าพ่อแม่ไปสวรรค์ โตขึ้นเขาจะเข้าใจของเขาเอง
การไปบ้านย่าในรอบนี้ทำให้บูมพบเจอผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นหลานของยายจันทร์คนข้างบ้านย่านั้นแหละ ยายจันทร์รู้จักกับบูมดี ยายเคยเล่าเรื่องหลานสาวที่อยู่กรุงเทพให้ฟังอยู่บ่อยๆ
บอกว่าหลานสาวอายุเท่ากับเขา หลานคนเล็ก แกมีหลานสองคนคนโตเป็นพี่บูมสามปี
แต่บูมก็ยังไม่เคยเจอตัวจริงสักที วันนี้บูมเห็นผู้หญิงนั่งที่เปลหน้าบ้านยายจันทร์ กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่ ดูแล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือนี่จะเป็นเนสหลานยายจันทร์ที่พูดถึง
หรือจะเป็นอีกคนที่เป็นพี่สาว บูมแอบยืนดูอยู่รั้วข้างบ้านใช้ต้นชะอมกับต้นกระถินเป็นที่กำบังตัวไว้ มันไม่ใช่รั้วที่ก่อด้วยอิฐปูน แต่เป็นรั้วกินได้
ย่าของบูมปลูกต้นชะอมกับต้นกระถินไว้หลายต้น ทำเป็นแนวรั้ว คอยตัดแต่งกิ่งไม่ให้มันสูงมาก ย่าไม่หวงเพื่อนบ้านสามารถมานำไปประกอบอาหารได้ฟรี
ทันไดนั้นผู้หญิงคนนั้นเหมือนรู้ตัวว่ามีคนมอง หันหน้ามาทางรั้วบ้านย่าบูม เห็นเขากำลังจ้องมองอยู่
"มองทำไม"
บูมไม่ทันได้ตอบ เนสก็วิ่งเข้าบ้านไปแล้ว ไม่นานเสียงย่าก็ตะโกนเรียกชะอมที่ให้ไปเก็บได้มายัง ย่าจะเอามาทำกับข้า เขาจึงรีบเก็บชะอมกับกระถินไปให้ย่าก่อนที่จะโดนบ่นชุดใหญ่
คืนนี้ฝนตกพึ่งหยุด เสียงอึ่งอ่างร้องกันระงมไปทั่ว ได้บรรยากาศบ้านทุ่งของแท้ เวลานี้เพียงสองทุ่มเองยังไม่ใช่เวลาที่อาร์จะคุยกับบูม
อาร์มีเวลากำหนดคุยกันเพราะที่บ้านเธอห้ามเรื่องมีแฟนถ้าเรียนไม่จบ บูมเข้าใจมันเป็นความห่วงใยของพ่อแม่ อาร์เคยบอกว่าครอบครัวเธอค่อนข้างจน พ่อแม่อาร์อยากให้ตั้งใจเรียนให้จบก่อนค่อยมีแฟน ให้มีงานทำดีๆก่อน
เพราะฉะนั้นแล้วเวลาคุยกันของอาร์กับเขาคือช่วงเข้านอน สี่ทุ่มเป็นต้นไป หรือ หลังจากละครหลังข่าวจบเป็นต้นไปนั่นเอง
บูมนั่งคิดถึงหลานยายจันทร์คนนั้น เธอหน้าตาดี หุ่นดี ผิวขาวตามฉบับเด็กเทพ บูมอยากรู้ว่าเธอชื่ออะไรเป็นหลานคนโตหรือหลานคนเล็ก ถ้าคนโตชื่อนิวคนเล็กชื่อเนสยายจันทร์บอกมา
แต่คนนี้คนโตหรือคนเล็กล่ะ จะถามย่าดีมั้ย หรือถามน้องเบส บูมนอนในเปลที่ผูกไว้กับเสาร์หน้าบ้านคิดไปเรื่อยเปื่อยคิดถึงเรื่องหลานยายจันทร์
"พี่บูมทำไร"
น้องเบสที่ตอนนี้มีอายุได้แปดขวบ แต่ตัวผอมหุ่นดีฉบับเด็กมากๆ บูมชอบเรียกน้องเบสว่า น้องแห้ง บูมรักน้องเบสมาก สงสารน้องที่ต้องกำพร้า และน้องเบสก็ติดพี่บูมมากเหมือนกัน
น้องเบสเดินมาหาบูมที่นอนอยู่ในเปล แล้วนั่งลงบนตัวพี่ชายโดยไม่สนใจว่าจะหนักหรือป่าว แต่ก็ไม่หนักนั่นแหละ ตัวเล็กนิดเดียว
"แห้งพี่บูมถามอะไรหน่อยดิ"
คนที่ถูกเรียกทำหน้ามุ้ย ไม่ชอบชื่อนี้เลย เอามือกอดอกหน้าเชิด
"เรียกชื่อน้องเบสดีๆก่อน แล้วน้องเบสจะตอบ"
"รู้เหรอว่าพี่บูมจะถามอะไร"
"ไม่รู้แต่ถ้าพี่บูมไม่เรียกชื่อน้องเบส ถามอะไรน้องเบสก็จะไม่ตอบ"
"ครับๆ ก็ได้ครับ น้องเบสครับหลานยายจันทร์ชื่ออะไรครับ คนที่อยู่กับยายจันทร์ตอนนี้อ่ะ"
"อ่อ ชื่อพี่เนส พี่สาวพี่เนสชื่อพี่นิว"
"โอเคครับยายแห้งเอ้ย"
เด็กน้อยทำท่าทีโกรธ เอามือเล็กๆหยิกเข้าไปที่ต้นแขนพี่ชายโทษฐานที่เรียกว่ายายแห้ง แล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน บูมไม่เจ็บเท่าไหร่แต่แกล้งทำเป้นเจ็บร้องโอ้ย วิ่งตามเข้าไปในบ้าน
เมื่อย่าเห็นแบบนั้นต้องดุหลานสองคนไว้ เวลานี้ไม่ใช่เวลามาหยอกเล่นกันเสียงดังกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ แต่ก็ทำเอาย่ายิ้มออกมาได้
บูมแอบเห็น แล้วก็เข้าไปกอดย่า จับนมย่าทำเอาผู้เป็นย่าตกใจร้องลั่นบ้านพร้อมเอามือปัดแขนหลานชายออก เสียงดังกว่าหลานสองคนอีก ปู่ต้องได้เป็นคนดุไว้ เวลานี้เกือบจะสามทุ่ม
เรื่องสั้น......รักสามเศร้า...... ๑
"บูมจะรักอาร์คนเดียวตลอดไป"
ข้อความสั้นๆถูกส่งไปในไลน์ที่เมมไว้ในมือถือ ที่รัก! ในช่วงประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ เด็กหนุ่มวัยสิบสามที่พึ่งขึ้นมัธยมเมื่อไม่กี่เดือนมานี่เอง เขาเริ่มมีความรักแล้ว
เขารู้สึกว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหน้านี่น่ารัก สวย ผิวขาว มีน้ำมีนวล ดูมุมไหนก็หน้ารักไปหมด ผู้หญิงคนนี้คืออาร์ เพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันกับเขานั่นเอง
บูมนั่งโต๊ะหลังห้อง อาร์นั่งโต๊ะแถวที่สอง ถ้านับเป็นแถวหน้ากระดาน ถ้านับเป็นแถวตอนลึกก็ยังเป็นแถวที่สองอีกเหมือนเดิม
โต๊ะที่นั่งของนักเรียนในห้องเรียนจะจัดให้นั่งไม่เกินสี่แถว ห้าแถวบ้างเล็กน้อยตามจำนวนนักเรียนในห้อง
แต่ละห้องก็ไม่เกินสี่สิบคน บูมนั่งแถวที่สี่โต๊ะสุดท้าย ซึ่งนั่งในแนวทะแยงมุมกับอาร์ เป็นมุมพอดีที่บูมมองเห็นอาร์ในทุกๆวัน เมื่อแน่ใจแล้วว่าตัวเองชอบผู้หญิงคนนี้ จึงให้เพื่อนสนิทที่นั่งโต๊ะคู่กันไปขอเบอร์อาร์ให้ แล้วเขาก็ได้คุยกับอาร์สมใจแล้ว
ข้อความในไลน์ขึ้นสถานะว่าอ่านแล้ว และถูกตอบกลับด้วยสติ๊กเกอร์ฝันดี ตามด้วยรูปหัวใจ แค่นี้ก็ทำให้เขานอนหลับฝันดีได้
บูมคิดไปไกลถึงงานแต่งงาน คิดไปถึงภาพครอบครัว มีอาร์เป็นแม่ มีบูมเป็นพ่อ มีลูกๆอีกสองคน มันเป็นจินตนาการของเขาแล้วเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีเพราะได้ยินเสียงแม่เคาะห้องเสียงดังปลุกเขาให้ตื่นเพราะสายแล้ว
"นอนดึกทุกวัน ระวังนะระวังจะเรียนไม่จบหนังสือหนังหาอ่านบ้างมั้ย"
เสียงแม่บ่นข้างนอกห้องถึงจะยังไม่เปิดประตูเข้ามาก็ได้ยินเสียง บ้านของบูมชั้นสองทั้งชั้นทำด้วยไม้ ห้องนอนบูมทำด้วยไม้อัดธรรมดา ดังนั้นจึงค่อนข้างที่จะไม่เก็บเสียงเหมือนห้องชั้นล่างที่ทำด้วยปูนซีเมนต์
บูมลุกขึ้นจากที่นอนหยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่า สูดหายใจเข้าเต็มปอด ตั้งท่าเปิดประตูเตรียมวิ่งให้พ้นมือแม่ เพราะจะต้องโดนฝ่ามือพิฆาตของแม่แน่นอน
ถ้าวันไหนที่แม่ต้องเดินขึ้นมาปลุก บูมต้องโดนฝ่ามือแม่ตีก่อนทุกครั้ง แต่มันก็ไม่เคยทำให้เขาหลาบจำและโกรธแม่ ครั้งนี้ก็เช่นกันเขาโดนเต็มๆที่หัวไหล่ซ้าย จะว่าไปมันไม่แรงแต่มันก็แสบพอตัว
บูมรีบวิ่งเข้าห้องน้ำพร้อมเอามือลูบๆวนๆเป็นวงกลมเพื่อบรรเทาอาการแสบๆคันๆที่แม่ตีเมื่อกี้
"รีบอาบน้ำแต่งตัวสายแล้ว ไม่ให้ปลุกสักวันมีมั้ย ขึ้นมัธยมแล้วไม่ใช่เด็กๆหัดมีความรับผิดชอบต่อตัวเองบ้าง"
เสียงแม่บ่นตามหลังขณะที่บูมวิ่งลงบันไดไปอาบน้ำในห้องน้ำชั้นล่าง บ้านบูมมีห้องน้ำห้องเดียวใช้รวมกันทั้งบ้าน ตามสไตล์บ้านแถวต่างจังหวัด ที่ชั้นล่างทำด้วยปูนซีเมนต์ชั้นบนทำด้วยไม้
เขาล้างหน้าแปรงฟันก่อนจากนั้นตักน้ำราดตัวสองขัน ตามด้วยถูสบู่แบบลวกๆแล้วลาดน้ำล้างตัวสามขัน จากนั้นหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดให้แห้งพอหมาดๆ แล้ววิ่งขึ้นห้องไปแต่งตัว
ผู้เป็นแม่ส่ายหัวให้กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ที่อายุเพียงแค่นี้มีแฟนแล้ว กลางคืนก็ไม่ยอมนอน คุยโทรศัพท์ทั้งคืน นึกแล้วคนเป็นแม่ก็อยากจะยึดโทรศัพท์คืนจริงๆ
ไม่น่าใจอ่อนซื้อให้เลย แต่ถ้าไม่ซื้อให้ก็จำเป็นต้องใช้ เวลาพ่อแม่ไปธุระกลับดึกได้โทรบอกกล่าวกัน
บูมมาถึงโรงเรียนเสียงออดของโรงเรียนดังพอดี ตามด้วยเพลงมาร์ชประจำโรงเรียนที่คุ้นหู.......เมื่ออาทิตย์ทอแสงพ้นขอบฟ้า........เสียงร้องประสานเสียงของใครไม่รู้ แต่ที่รู้ๆมันไพเราะเหลือเกิน
เปิดดังทั่วโรงเรียนเป็นสัญญาณเตือนนักเรียนทุกคนให้มาเข้าแถวหน้าเสาธงให้เรียบร้อย ก่อนที่เพลงมาร์ชจะจบนักเรียนทุกคนต้องจัดแถวให้เรียบร้อย
แปลว่าวันนี้บูมก็ยังมาทันเข้าแถวเพราะเพลงมาร์ชร้องยังไม่จบ เขาคิดว่าถ้าจะเอากระเป๋าไปเก็บก่อนคงไม่ทันแน่ๆ
กลัวว่าจะได้ไปยืนหน้าเสาธงแบบนี้คงอายอาร์แย่ เลย เอากระเป๋าเข้าแถวด้วยนี่แหละ ครูจะรู้ว่าพึ่งมาก็ตามถึงยังไงก็ยังทันเข้าแถวตอนเช้า
เมื่อบูมมองไปยังแถวผู้หญิง บูมเห็นอาร์กำลังมองมาที่ตัวเองพอดี เขายกมือทำสัญลักษณ์โอเคให้กับอาร์ จากนั้นก็เอามือแตะไหล่เพื่อนขยายแถวให้เข้าที่ เพื่อเตรียมตัวเคารพธงชาติในตอนเช้า
เพลงชาติบรรเลงขึ้นโดยมีประธานนักเรียนนำร้องก่อนท่อนแรก แล้วตามด้วยนักเรียนทุกคนร้องประสานเสียงพร้อมกันในท่อนต่อไปจนจบเพลง
สวดมนต์ไหว้พระ และพบปะครูเวณหน้าเสาธง เป็นกิจกรรมตอนเช้าที่ทุกโรงเรียนต้องทำในทุกๆวัน เมื่อเสร็จกิจกรรมในช่วงเช้าแล้ว คณะครูก็จะปล่อยนักเรียนเข้าประจำห้องแต่ละชั้น เป็นอันเสร็จกิจกรรม
เมื่อนักเรียนทุกคนเข้าห้องประจำชั้นแต่ละชั้นโรงเรียนก็เข้าสู่ช่วงสงบเงียบ ได้ยินแต่เสียงภารโรงกวดเศษใบไม้เศษขยะในบริเวณโรงเรียนทั่วๆไป
เช้านี้ห้อง ม.1/10 เป็นชั่วโมงแนะแนว เป็นห้องของบูมกับอาร์เอง ชั่วโมงนี้ครูแนะแนวสิบนาทีจากนั้นก็ปล่อยตามสบาย แต่ต้องอยู่ภายในห้องเท่านั้น
เพื่อนบางคนก็จับกลุ่มคุยกัน เพื่อนบางคนเด็กเรียนก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน บางคนอ่านการ์ตูน เพื่อนผู้หญิงอีกกลุ่มจับกลุ่มเม้าท์เรื่องเพื่อนห้องนั้นห้องนี้
จะมีแค่บูมกับอาร์ที่นั่งนิ่งๆก้มหน้าเอามือสอดเข้าใต้โต๊ะ กดพิมพ์ไลน์คุยกัน เมื่อกดส่งปุ๊บก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กันปั๊บ ทำให้เพื่อนบางคนที่สังเกตเห็นแซวสองคนจนหน้าแดง ถึงกับต้องเก็บมือถือลงกระเป๋ากันทันที
บูมกับอาร์ถูกยกให้เป็นคู่รักคู่แรกประจำห้อง และเพื่อนๆยังคอยลุ้นว่าจะมีคู่ที่สองอีกต่อไปหรือไม่
สองคนคบกันมาเรื่อยๆ คุยกันก่อนนอนทุกคืน พอขึ้น ม.2จากที่แค่คุยกันผ่านไลน์ความสัมพันธ์ก็พัฒนาขึ้นมาเป็นกินข้าวด้วยกัน เริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น สนิทกันมากขึ้น
เพื่อนเกือบทั้งรุ่นทั้งหมดสิบสองห้อง รู้กันทั่วว่าบูมห้องสิบกับอาร์ห้องสิบคบกัน เป็นแฟนกัน
ถ้ามีข่าวอะไรจะรู้กันทั้งชั้น ใครคบใคร ใครลูกครู ใครลูกตำรวจ ใครไฮโซ ใครเศรษฐี ใครชนชั้นกลางรู้หมด
คนสวยห้องนั้น คนหล่อห้องนี้ ไม่เว้นแม้แต่ข่าวบูมกับอาร์ก็ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งรุ่น แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร มันเป็นเรื่องปกติของสังคมโรงเรียนนี้
"บูมจะรักอาร์ตลอดไป"
ประโยคนี้ยังถูกส่งไปในทุกๆวัน ไม่มีวันที่บูมจะลืมส่ง เพราะคนนี้รักเหลือเกิน สำคัญเหลือเกิน
ค่ำคืนนี้ก็เช่นกัน เนื่องจากเป็นวันศุกร์บูมจะคุยกับอาร์ได้ดึกกว่าทุกวัน ไม่ต้องรีบนอนเพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ตื่นสายได้ ตื่นเช้ามาเป็นวันเสาร์ไม่ได้ไปโรงเรียน
"เค้าคิดถึงอาร์ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งสองวัน"
"เค้าก็คิดถึงบูมเหมือนกัน พรุ่งนี้ไปบ้านย่าไม่ใช่เหรอนอนดึกจัง"
"คุยกับแฟนอยู่ไง อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ไม่อยากให้เข็มนาฬิกาเดินเลย"
"ปากหวานจัง"
"รู้ได้ไงเคยชิมแล้วเหรอ 55555"
"แนะ ทลึ่งนะบูม อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันจันทร์จังเลยคิดถึง"
"บูมก็คิดถึงอาร์นะ"
"บูมจะรักอาร์ตลอดไป"
แล้วสองคนก็หลับฝันหวานไปพร้อมกันในคืนนี้
เช้านี้แม่ไม่ปลุกบูมปล่อยให้เขานอนเต็มที่ เพราะเป็นวันหยุด แต่จะให้นอนถึงเที่ยงก็ไม่ได้ ยังไงสะต้องตื่นมากินข้าวสักมื้อก่อน
เสาร์อาทิตย์บูมต้องไปบ้านปู่กับย่า ไปอยู่เป็นเพื่อนเนื่องจากไม่นานมานี่อาของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
เสียชีวิตคาที่ทั้งสองคนผัวเมีย และเป็นเสาร์หลักดูแลปู่กับย่าแทนพ่อของเขา ที่แต่งงานย้ายมาอยู่กับแม่ รอดชีวิตแค่คนเดียวคือลูกสาววัยห้าขวบในตอนนั้น
รถเก๋งพังยับเดชะบุญน้องเบสไม่เป็นอะไรมาก หัวแตกร่างกายบอบช้ำนิดหน่อย แต่คนเป็นพ่อแม่เสียชีวิตคาที่ทั้งสองคน
ปู่ย่ารวมทั้งพ่อแม่ของเขาและญาติๆเสียใจมากกับการสูญเสียครั้งนี้ แต่คนที่ทำใจไม่ค่อยได้จะเป็นย่า บางครั้งก็นอนร้องไห้ ทำให้พ่อของบูมเป็นห่วงพ่อแม่
ให้เขามาอยู่ด้วยทุกวันหยุดหรือช่วงปิดเทอม ส่วนตัวเองก็มาบ่อยเช่นกัน ตามโอกาสที่ว่าง
เมื่อบูมมานอนบ้านปู่ย่าในวันหยุด ช่วงปิดเทอม บวกกับกาลเวลาที่ผ่านเลยไปทำให้ผู้เป็นย่าจิตใจดีขึ้น เห็นรอยยิ้มของย่ามากขึ้น ที่หลังจากวันเกิดเรื่องวันนั้นก็ไม่ยิ้มอีกเลย มาวันนี้ย่าเริ่มยิ้มออก ยอมรับความจริงมากขึ้น ส่วนหลานสาวน้องเบส บอกแค่ว่าพ่อแม่ไปสวรรค์ โตขึ้นเขาจะเข้าใจของเขาเอง
การไปบ้านย่าในรอบนี้ทำให้บูมพบเจอผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นหลานของยายจันทร์คนข้างบ้านย่านั้นแหละ ยายจันทร์รู้จักกับบูมดี ยายเคยเล่าเรื่องหลานสาวที่อยู่กรุงเทพให้ฟังอยู่บ่อยๆ
บอกว่าหลานสาวอายุเท่ากับเขา หลานคนเล็ก แกมีหลานสองคนคนโตเป็นพี่บูมสามปี
แต่บูมก็ยังไม่เคยเจอตัวจริงสักที วันนี้บูมเห็นผู้หญิงนั่งที่เปลหน้าบ้านยายจันทร์ กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่ ดูแล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือนี่จะเป็นเนสหลานยายจันทร์ที่พูดถึง
หรือจะเป็นอีกคนที่เป็นพี่สาว บูมแอบยืนดูอยู่รั้วข้างบ้านใช้ต้นชะอมกับต้นกระถินเป็นที่กำบังตัวไว้ มันไม่ใช่รั้วที่ก่อด้วยอิฐปูน แต่เป็นรั้วกินได้
ย่าของบูมปลูกต้นชะอมกับต้นกระถินไว้หลายต้น ทำเป็นแนวรั้ว คอยตัดแต่งกิ่งไม่ให้มันสูงมาก ย่าไม่หวงเพื่อนบ้านสามารถมานำไปประกอบอาหารได้ฟรี
ทันไดนั้นผู้หญิงคนนั้นเหมือนรู้ตัวว่ามีคนมอง หันหน้ามาทางรั้วบ้านย่าบูม เห็นเขากำลังจ้องมองอยู่
"มองทำไม"
บูมไม่ทันได้ตอบ เนสก็วิ่งเข้าบ้านไปแล้ว ไม่นานเสียงย่าก็ตะโกนเรียกชะอมที่ให้ไปเก็บได้มายัง ย่าจะเอามาทำกับข้า เขาจึงรีบเก็บชะอมกับกระถินไปให้ย่าก่อนที่จะโดนบ่นชุดใหญ่
คืนนี้ฝนตกพึ่งหยุด เสียงอึ่งอ่างร้องกันระงมไปทั่ว ได้บรรยากาศบ้านทุ่งของแท้ เวลานี้เพียงสองทุ่มเองยังไม่ใช่เวลาที่อาร์จะคุยกับบูม
อาร์มีเวลากำหนดคุยกันเพราะที่บ้านเธอห้ามเรื่องมีแฟนถ้าเรียนไม่จบ บูมเข้าใจมันเป็นความห่วงใยของพ่อแม่ อาร์เคยบอกว่าครอบครัวเธอค่อนข้างจน พ่อแม่อาร์อยากให้ตั้งใจเรียนให้จบก่อนค่อยมีแฟน ให้มีงานทำดีๆก่อน
เพราะฉะนั้นแล้วเวลาคุยกันของอาร์กับเขาคือช่วงเข้านอน สี่ทุ่มเป็นต้นไป หรือ หลังจากละครหลังข่าวจบเป็นต้นไปนั่นเอง
บูมนั่งคิดถึงหลานยายจันทร์คนนั้น เธอหน้าตาดี หุ่นดี ผิวขาวตามฉบับเด็กเทพ บูมอยากรู้ว่าเธอชื่ออะไรเป็นหลานคนโตหรือหลานคนเล็ก ถ้าคนโตชื่อนิวคนเล็กชื่อเนสยายจันทร์บอกมา
แต่คนนี้คนโตหรือคนเล็กล่ะ จะถามย่าดีมั้ย หรือถามน้องเบส บูมนอนในเปลที่ผูกไว้กับเสาร์หน้าบ้านคิดไปเรื่อยเปื่อยคิดถึงเรื่องหลานยายจันทร์
"พี่บูมทำไร"
น้องเบสที่ตอนนี้มีอายุได้แปดขวบ แต่ตัวผอมหุ่นดีฉบับเด็กมากๆ บูมชอบเรียกน้องเบสว่า น้องแห้ง บูมรักน้องเบสมาก สงสารน้องที่ต้องกำพร้า และน้องเบสก็ติดพี่บูมมากเหมือนกัน
น้องเบสเดินมาหาบูมที่นอนอยู่ในเปล แล้วนั่งลงบนตัวพี่ชายโดยไม่สนใจว่าจะหนักหรือป่าว แต่ก็ไม่หนักนั่นแหละ ตัวเล็กนิดเดียว
"แห้งพี่บูมถามอะไรหน่อยดิ"
คนที่ถูกเรียกทำหน้ามุ้ย ไม่ชอบชื่อนี้เลย เอามือกอดอกหน้าเชิด
"เรียกชื่อน้องเบสดีๆก่อน แล้วน้องเบสจะตอบ"
"รู้เหรอว่าพี่บูมจะถามอะไร"
"ไม่รู้แต่ถ้าพี่บูมไม่เรียกชื่อน้องเบส ถามอะไรน้องเบสก็จะไม่ตอบ"
"ครับๆ ก็ได้ครับ น้องเบสครับหลานยายจันทร์ชื่ออะไรครับ คนที่อยู่กับยายจันทร์ตอนนี้อ่ะ"
"อ่อ ชื่อพี่เนส พี่สาวพี่เนสชื่อพี่นิว"
"โอเคครับยายแห้งเอ้ย"
เด็กน้อยทำท่าทีโกรธ เอามือเล็กๆหยิกเข้าไปที่ต้นแขนพี่ชายโทษฐานที่เรียกว่ายายแห้ง แล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน บูมไม่เจ็บเท่าไหร่แต่แกล้งทำเป้นเจ็บร้องโอ้ย วิ่งตามเข้าไปในบ้าน
เมื่อย่าเห็นแบบนั้นต้องดุหลานสองคนไว้ เวลานี้ไม่ใช่เวลามาหยอกเล่นกันเสียงดังกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ แต่ก็ทำเอาย่ายิ้มออกมาได้
บูมแอบเห็น แล้วก็เข้าไปกอดย่า จับนมย่าทำเอาผู้เป็นย่าตกใจร้องลั่นบ้านพร้อมเอามือปัดแขนหลานชายออก เสียงดังกว่าหลานสองคนอีก ปู่ต้องได้เป็นคนดุไว้ เวลานี้เกือบจะสามทุ่ม