เรื่องแรก เรื่องตระกูล คือ สงสัยมากว่า อย่าโยงกับตระกูล มันเป็นเรื่อง ของครอบครัว เพียงครอบครัวเดียว
1. ประเด็นแรก จริงๆ คือ ปฎิเสธไม่ไได้หรอกว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เชื้อสาย (DNA) ก็สืบทอดมาจากต้นตระกูล โดยตรง ทางธรรมชาติแล้ว มันปฎิเสธไม่ได้เลยว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง
2. ประเด็นที่สอง คือ ตอนเกิดเรื่อง นางสาว แพรวา ใช้นามสกุล เทพหัสดิน รวมถึงพ่อ ก็ใช้นามสกุลนี้ แล้วจะบอกว่าไม่เกี่ยวได้อย่างไร ในขณะที่ตระกูลเทพหัสดินก็ออกแถงการณ์ในตอนนั้น ซึ่งแสดงให้ในทางพฤตินัยว่า ครอบครัว นางสาว แพรวา มีความเกี่ยวข้องกันจริง กับกลุ่มตระกูล เทพหัสดิน ก็แสดงเป็นนัยๆว่า ครอบครัว นางสาว แพรวา เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลใน ขณะนั้น มิงั้นคงไม่ถึงขั้นต้องออกแถลงการณ์
3. ประเด็นที่สาม ขอยกตัวอย่าง โรงเรียน เวลานักเรียนได้รางวัล ทำชื่อเสียงแก่โรงเรียน ก็ได้หน้ากันทั้งโรงเรียน แต่ พอเด็กทำชื่อเสียงโรงเรียนเสียหาย ก็บอกว่า เป็นเรื่องของคนๆ เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน แบบนี้ก็ได้เหรอ คำชม ได้ทั้งโรงเรียน คำติ ก็ต้องเหมารวมทั้งโรงเรียนนะแหละ ถามว่า แล้วอย่างไรจะไม่เกี่ยว ก็ คือ เด็กลาาออกจากโรงเรียนไปแล้ว ในระบบโรงเรียน ไม่มีชื่อว่าเป็นนักเรียนของโรงเรียนแล้ว เป็นแค่อดีตนักเรียน ฉะนั้น ที่มีออกข่าวว่า เป็นเรื่องของคนๆ เดียว ไม่เห็นด้วยนะ ถ้าจะบอกว่าครอบครัวนี้ไม่เกี่ยวข้องแล้ว ก็ควรที่ทุกคนในครอบครัวนี้เปลี่ยนนามสกุล เป็นอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่เทพหัสดิน ให้หมด อย่างน้อยไม่มีใครใที่ช้นามสกุลนี้แล้ว ก็พอจะอนุมานได้ว่าครอบครัวนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องแล้ว
4. ในช่วงของการอุธรณ์ ครอบครัวนี้ได้อ้างถึงต้นตระกูล ว่าเป็นตระกูลที่ได้ทำคุณงามความดี มีฐานะมั่นคง และอยู่ในวงตระกูลที่มีชื่อเสียงในสังคม มีเงินทองพอชำระหนี้ได้ ก็นี่อ้างถึงต้นตระกูลอ่ะ แล้วคนที่อ้างก็เป็นคนในคนตระกูลเทพหัสดิน แล้วบอกว่าห้ามไม่ให้พาดพิง คนที่อ้างคนแรก ไม่ใช่ใครอื่น ไม่ใช่สื่อ ไม่ใช่โจทย์ ก็คนในตระกูลตัวเองแหละ ที่เริ่มก่อน ที่ให้ทนายไปอ้างในศาลว่าไม่เบี้ยวแน่นนอน ขอจ่ายตอนคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วทางตระกูลรู้ไหม เรื่องนี้ หรือถ้ารู้แล้วก็ยังให้เค้าไปอ้างในศาล ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองนะ หรือถ้าต้นนตระกูล รู้แล้วหลังจากการยื่น ได้มีการระงับยับยั้งหรือไม่
5. พ่อก็เป็นทหาร เป็นลูกผู้ชาย ก็ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบ แต่นี่ก็เงียบ เปลี่ยนนามสกุลไปเลยก็ได้นะ คนในตระกูลเทพหัสดินที่เหลือจะได้พูดได้ตามปากว่า เป็นอดีตตระกูลเทพหัสดิน ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว แล้วก็ควรมีเอกสารประกาศที่เป็นทางการจากตระกูลเทพหัสดินด้วยก็ดี
6. นามสกุลนี้ได้มาจากการทำงานที่เป็นคุณประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง และประเทศชาติ เมื่อได้นามสกุลนี้มาแล้ว คนในตระกูลก็ต้องควบคุมดูแลกันเอง ให้คนในตระกูล ทำตัวเหมาะสมกับคุณค่าของนามสกุลที่ได้มา
*** ถ้าตระกูลนี้ออกมาแก้ปัญหาจริงจังตั้งแต่ทีแรกนะ จบไปแล้ว สังคมเค้าก็ไม่อยากยุ่งหรอก***
เนื่องที่สอง เรื่องเงิน
1. เงินที่ฝ่ายโจทย์ได้ 24,796,925 บาท แต่ไม่รู้รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.50 ไปรึยัง โดยระยะเวลาของเริ่มต้นคิดดอกเบี้ยน่าจะเริ่มจากวันที่เกิดเหตุ จนถึงวันพิพากษา หรือเปล่า หรือว่าจนกว่าถึงวันที่โจทย์จะได้รับเงินจำนวนดังกล่าวทั้งหมด ถ้าได้ดอกเบี้ยถึงวันพิพากษา ก็ควรรีบจ่าย เพราะประวิงเวลาแบบนี้ลูกหนี้ได้เปรียบ เดือนๆ หนึ่ง 25 ล้านบาทก็ได้ดอกเบี้ยเยอะแล้ว ถ้าคิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.50 ต่อปี เป็นระยะเวลา 9 ปี ทบต้นทบดอก ก็คิดเป็นเงิน 48,599,781.09 บาท ดอกทั้งหมดคิดเป็นเงิน 23,802,856.09 บาท ควรรีบจ่าย ไม่ใช่ประวิงเวลา เอาดอกเบี้ย ทุกคนก็ต้องกินต้องใช้ เงินที่ได้รวมๆ แล้วต่อครอบครัวแค่ไม่กี่ล้าน น้อยมากนะ เทียบกับค่าใช้จ่ายในทุกวันนี้ คิดว่าไม่นานก็หมดล่ะ
2. ธรรมศาสตร์ก็ควรฟ้องด้วยนะ ถ้าจำไม่ผิด ดร. ศาสตรา เช้าเที่ยง กลับมาต้องใช้ทุน 10 ปี ถือว่าเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าต่องค์กร สังคมและประเทศชาติ แสดงว่าอาจารย์เค้าไปเรียนด้วยทุนมหาวิทยาลัย แทนที่มหาวิทยาลัยจะได้ผลตอบแทนจากการที่มีบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาสอนนักศึกษา มาทำงานวิจัย ให้คุ้มค่ากับเงินที่มหาวิทยาลัยได้สุญเสียไป ไม่เลย เงินทุนที่มหาวิทยาลัยลงลงทุนมากับบุคลากรท่านนี้ มันสูญเปล่า
ช่วงที่ผ่านมา ไม่กี่วันนี้ เรื่องคดี แพรวา ทำไมถึงได้มีปัญหามากมายขนาดนี้ วนหลักๆ อยู่ 2 อย่าง เงินกับ ตระกูล
1. ประเด็นแรก จริงๆ คือ ปฎิเสธไม่ไได้หรอกว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เชื้อสาย (DNA) ก็สืบทอดมาจากต้นตระกูล โดยตรง ทางธรรมชาติแล้ว มันปฎิเสธไม่ได้เลยว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง
2. ประเด็นที่สอง คือ ตอนเกิดเรื่อง นางสาว แพรวา ใช้นามสกุล เทพหัสดิน รวมถึงพ่อ ก็ใช้นามสกุลนี้ แล้วจะบอกว่าไม่เกี่ยวได้อย่างไร ในขณะที่ตระกูลเทพหัสดินก็ออกแถงการณ์ในตอนนั้น ซึ่งแสดงให้ในทางพฤตินัยว่า ครอบครัว นางสาว แพรวา มีความเกี่ยวข้องกันจริง กับกลุ่มตระกูล เทพหัสดิน ก็แสดงเป็นนัยๆว่า ครอบครัว นางสาว แพรวา เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลใน ขณะนั้น มิงั้นคงไม่ถึงขั้นต้องออกแถลงการณ์
3. ประเด็นที่สาม ขอยกตัวอย่าง โรงเรียน เวลานักเรียนได้รางวัล ทำชื่อเสียงแก่โรงเรียน ก็ได้หน้ากันทั้งโรงเรียน แต่ พอเด็กทำชื่อเสียงโรงเรียนเสียหาย ก็บอกว่า เป็นเรื่องของคนๆ เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน แบบนี้ก็ได้เหรอ คำชม ได้ทั้งโรงเรียน คำติ ก็ต้องเหมารวมทั้งโรงเรียนนะแหละ ถามว่า แล้วอย่างไรจะไม่เกี่ยว ก็ คือ เด็กลาาออกจากโรงเรียนไปแล้ว ในระบบโรงเรียน ไม่มีชื่อว่าเป็นนักเรียนของโรงเรียนแล้ว เป็นแค่อดีตนักเรียน ฉะนั้น ที่มีออกข่าวว่า เป็นเรื่องของคนๆ เดียว ไม่เห็นด้วยนะ ถ้าจะบอกว่าครอบครัวนี้ไม่เกี่ยวข้องแล้ว ก็ควรที่ทุกคนในครอบครัวนี้เปลี่ยนนามสกุล เป็นอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่เทพหัสดิน ให้หมด อย่างน้อยไม่มีใครใที่ช้นามสกุลนี้แล้ว ก็พอจะอนุมานได้ว่าครอบครัวนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องแล้ว
4. ในช่วงของการอุธรณ์ ครอบครัวนี้ได้อ้างถึงต้นตระกูล ว่าเป็นตระกูลที่ได้ทำคุณงามความดี มีฐานะมั่นคง และอยู่ในวงตระกูลที่มีชื่อเสียงในสังคม มีเงินทองพอชำระหนี้ได้ ก็นี่อ้างถึงต้นตระกูลอ่ะ แล้วคนที่อ้างก็เป็นคนในคนตระกูลเทพหัสดิน แล้วบอกว่าห้ามไม่ให้พาดพิง คนที่อ้างคนแรก ไม่ใช่ใครอื่น ไม่ใช่สื่อ ไม่ใช่โจทย์ ก็คนในตระกูลตัวเองแหละ ที่เริ่มก่อน ที่ให้ทนายไปอ้างในศาลว่าไม่เบี้ยวแน่นนอน ขอจ่ายตอนคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วทางตระกูลรู้ไหม เรื่องนี้ หรือถ้ารู้แล้วก็ยังให้เค้าไปอ้างในศาล ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองนะ หรือถ้าต้นนตระกูล รู้แล้วหลังจากการยื่น ได้มีการระงับยับยั้งหรือไม่
5. พ่อก็เป็นทหาร เป็นลูกผู้ชาย ก็ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบ แต่นี่ก็เงียบ เปลี่ยนนามสกุลไปเลยก็ได้นะ คนในตระกูลเทพหัสดินที่เหลือจะได้พูดได้ตามปากว่า เป็นอดีตตระกูลเทพหัสดิน ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว แล้วก็ควรมีเอกสารประกาศที่เป็นทางการจากตระกูลเทพหัสดินด้วยก็ดี
6. นามสกุลนี้ได้มาจากการทำงานที่เป็นคุณประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง และประเทศชาติ เมื่อได้นามสกุลนี้มาแล้ว คนในตระกูลก็ต้องควบคุมดูแลกันเอง ให้คนในตระกูล ทำตัวเหมาะสมกับคุณค่าของนามสกุลที่ได้มา
*** ถ้าตระกูลนี้ออกมาแก้ปัญหาจริงจังตั้งแต่ทีแรกนะ จบไปแล้ว สังคมเค้าก็ไม่อยากยุ่งหรอก***
เนื่องที่สอง เรื่องเงิน
1. เงินที่ฝ่ายโจทย์ได้ 24,796,925 บาท แต่ไม่รู้รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.50 ไปรึยัง โดยระยะเวลาของเริ่มต้นคิดดอกเบี้ยน่าจะเริ่มจากวันที่เกิดเหตุ จนถึงวันพิพากษา หรือเปล่า หรือว่าจนกว่าถึงวันที่โจทย์จะได้รับเงินจำนวนดังกล่าวทั้งหมด ถ้าได้ดอกเบี้ยถึงวันพิพากษา ก็ควรรีบจ่าย เพราะประวิงเวลาแบบนี้ลูกหนี้ได้เปรียบ เดือนๆ หนึ่ง 25 ล้านบาทก็ได้ดอกเบี้ยเยอะแล้ว ถ้าคิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.50 ต่อปี เป็นระยะเวลา 9 ปี ทบต้นทบดอก ก็คิดเป็นเงิน 48,599,781.09 บาท ดอกทั้งหมดคิดเป็นเงิน 23,802,856.09 บาท ควรรีบจ่าย ไม่ใช่ประวิงเวลา เอาดอกเบี้ย ทุกคนก็ต้องกินต้องใช้ เงินที่ได้รวมๆ แล้วต่อครอบครัวแค่ไม่กี่ล้าน น้อยมากนะ เทียบกับค่าใช้จ่ายในทุกวันนี้ คิดว่าไม่นานก็หมดล่ะ
2. ธรรมศาสตร์ก็ควรฟ้องด้วยนะ ถ้าจำไม่ผิด ดร. ศาสตรา เช้าเที่ยง กลับมาต้องใช้ทุน 10 ปี ถือว่าเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าต่องค์กร สังคมและประเทศชาติ แสดงว่าอาจารย์เค้าไปเรียนด้วยทุนมหาวิทยาลัย แทนที่มหาวิทยาลัยจะได้ผลตอบแทนจากการที่มีบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาสอนนักศึกษา มาทำงานวิจัย ให้คุ้มค่ากับเงินที่มหาวิทยาลัยได้สุญเสียไป ไม่เลย เงินทุนที่มหาวิทยาลัยลงลงทุนมากับบุคลากรท่านนี้ มันสูญเปล่า