สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
คนที่เขาลุก คือเตรียมตัวเตรียมพร้อมที่จะออก หลายๆ คนเขาต้องหยิบของบนที่เก็บเหนือศีรษะ
ใครไม่รีบก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้นั้น แต่คนอื่นเขารีบเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
หลายๆ คนเขารีบด้วยเหตุผลร้อยแปดเก้าพันประการที่แตกต่างกันนะ
เครื่องบินบางลำ ผดส เป็นร้อยๆ คน แต่ละคนมีจุดหมายปลายทาง และ มีจุดประสงค์ในการเดินทางที่ต่างกัน
//
คนเราโดยทั่วๆ ไป ถ้าคิดให้กว้างๆ แบบไม่เอาโลกมาหมุนรอบตัวเอง แล้วจะทราบว่า เช่น …
1. บางคนเขารีบออก เพราะไม่ต้องการออกไปเจอรถติดในช่วงเร่งด่วน
บางครั้ง เวลาแค่เสี้ยววินาที ห้านาที สิบนาที สามารถแตกต่างได้ ในเรื่องของการจราจร มันอยู่ที่ช่วงจังหวะ
//
2. บางคนเขารีบออกไปทำธุระ ประเภทพวกบินไปเช้ากลับเย็น
หรือ อย่างเราเป็นต้น บางครั้งเราบินกลับถึงไทยจาก ตปท ถึงไทยตอนเช้า ก็ต้องรีบทำธุระ เพราะตอนดึกต้องมีกลับมาสนามบินอีก
เพื่อที่จะบินออกไป ตปท อีก คือ บินกลับมาอยู่ไทยแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเดินทางออกไปอีกแล้ว
หรือ มีเด็ดกว่านั้น คือบางครั้งเราบินมาถึงไทยดึกๆ เช่น กลับจากสิงคโปร์ไฟล์ทสุดท้าย ออกจากสนามบินแล้วจะกลับถึงบ้านราวๆ แถวๆ
ห้าทุ่มเที่ยงคืน แล้วตอนเช้ามืดราวๆ อย่างช้าสุดคือตีสี่ครึ่งก็ต้องกลับมาสนามบินอีก เพื่อบินไฟล์ทเช้าตรู่ที่ออกก่อน 8 โมงเช้าไปไทเป
คือแค่ได้แวะกลับบ้านแค่ 4-5 ชั่วโมง ได้นอนจริงๆ แค่สามชั่วโมงเศษๆ แล้วก็ต้องไปบินอีกนะ แค่กลับบ้านไปอาบน้ำ
เอากระเป๋าไปเปลี่ยน (ที่บ้านมีกระเป๋าเดินทางหลายใบ และ ไม่เคยเก็บเลย เพราะได้ใช้ตลอด และ ถ้าช่วงไหนเดินทางติดๆ กัน
หลายทริป จะจัดกระเป๋าเอาไว้ล่วงหน้าหลายใบเลย พร้อมบินตลอด)
บางวัน ภายใน 24 ชม อยู่สามเมืองสามประเทศในอาเซี่ยนเลย คือ มื้อเช้าที่กัวลาลัมเปอร์ มื้อบ่ายที่สิงคโปร์ มื้อค่ำบนเครื่องบิน
มื้อดึกที่กรุงเทพฯ เหนื่อยมาก และ ต้องทำเวลา อันนี้บินตามธุระที่ต้องทำ และ ตามตั๋วที่เผอิญมีอยู่
//
3. บางไฟล์ท บางเมือง จะรีบออกไปกิน เพราะถ้าไปถึงช้า ร้านอาหารจะปิดแล้ว และ ของที่อยากกินมีขายแค่วันเดียวในหนึ่งสัปดาห์
เช่น มีขายเฉพาะวันอาทิตย์ แล้วเมื่อไปถึงเมืองนั้นแล้ว จะอยู่ตรงแค่วันเดียว คือวันที่ไปถึง
4. บางคนเขาต้องไปต่อเครื่องไฟล์ทอื่นๆ อีก อาจจะต่อเครื่องที่สนามบินเดิม หรือ ต้องไปเอากระเป๋า แล้วต้องเดินทางไปอีกสนามบินนึง
(เช่น ที่ กรุงเตหะราน ปท อิหร่าน เป็นต้น ถ้าบินไฟล์ทภายใน ปท จากเมืองอื่นมาเตหะราน แล้วถ้ามีไฟล์ท ตปท ที่ต้องบินต่อ
ก็ต้องเดินทางจากสนามบินภายใน ปท ไปยังสนามบินนานาชาติ ที่อยู่คนละมุมเมือง)
//
5. บางคนเขาลงมาประชุม หรือ มาพบปะลูกค้า เช่น ประชุมในเลาน์จสายการบิน โดยที่ไม่ได้ออกไปข้างนอกไม่ได้ผ่าน ต.ม.
พอประชุมเสร็จก็ขึ้นเครื่องกลับเลย คือมาแค่ทรานสิทแค่ไม่กี่ชั่วโมง เพื่อมาทำงานมาประชุมที่สนามบินแค่นั้น
6. บางคนเขาต้องรีบไปขึ้นรถโค้ช รถไฟ รถบัส ให้ทันตารางเวลา
เพราะบางเมือง บางสนามบิน เช่น ถ้าไปถึงในวันเสาร์อาทิตย์ ที่มีตารางเดินรถออกจากสนามบินน้อยกว่าวันธรรมดา
บางครั้ง ถ้าพลาดรถบัสเข้าเมืองคันนึง อาจจะต้องรอคันถัดไปถึง 1 ชั่วโมง
//
7. คือในบางประเทศ ต้องรีบไปต่อคิวเพื่อทำวีซ่าออนอไรวั่ล
(เช่น จอร์แดน เนปาล เอธิโอเปีย เป็นต้น หรือ วีซ่าออนอไรวั่ลของบางประเทศ ต้องมีไปเข้าคิวซื้อประกันก่อน แล้วถึงจะไปยื่นขอวีซ่าที่สนามบินได้
จากนั้นต้องนั่งรอ จนท เรียก พอเสร็จจากตรงนี้แล้ว ถึงจะได้ไปต่อแถวที่ ต.ม. เช่น ที่ ปท อิหร่าน เป็นต้น)
//
8. ในบางประเทศ บางไฟล์ท เมื่อไฟล์ทที่ตัวเรานั่งไปถึงแล้ว แต่เครื่องลงเวลาไล่เลี่ยกับไฟล์ทอื่นๆ อีก 2-3 ไฟล์ท
ถ้าไม่รีบ ก็จะไปเจอแถว ต.ม. ที่ยาวมากๆ
9. หรือ สิงคโปร์ สมัยก่อน เวลาบินไปลงที่สนามบินชางงี ถ้าไปลงพร้อมกับไฟล์ทที่มาจากอินเดีย และ ถ้าเจอ ผดส
ที่ถือพาสปอร์ตอินเดีย คิวจะยาวมาก และ กินเวลาในการรอนานมาก
//
10. ที่ต้องรีบออกจากเครื่อง เพราะจะรีบไปเอากระเป๋าที่สายพาน เพราะในหลายๆ กรณี
มันจะมีผู้โดยสารประเภทนึงที่คงลืมเอาสมองมาจากบ้านด้วย
ผู้โดยสารประเภทนี้ อาจจะหยิบกระเป๋าของผู้อื่นออกไปจากสายพาน แล้วเอาไปเลย หรือ เอาเพื่อเอาไปขโมยของก็สุดจะคาดเดา
เราเคยเจอกับตัวเอง เมื่อหลายปีที่แล้ว เราบินไปลงที่ประเทศหนึ่ง ไฟล์ทนั้น เรานั่งชั้นประหยัด เป็นเครื่องแอร์บัสเอ 380 ลำโตมาก
ไฟล์ทเต็ม เพราะฉนั้น ผดส หลายร้อยคน
วันนั้นนั่งชั้นประหยัด แต่เราออกจากเครื่องไว เดินไว ผ่าน ต.ม. ไว เพราะฉนั้นเรามาที่สายพานรับกระเป๋า ทันเห็นสองสามีภรรยาชาติสัญชาติหนึ่ง
ที่เป็นผู้โดยสารจากชั้นบิสซิเนสคลาส (เป็นคนประเทศนึง ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเห็นแก่ตัว หน้าด้าน หน้าทน ดื้อดึง แต่ขอไม่บอกชื่อประเทศ)
สองผัวเมียนั่น กำลังชี้ให้พอร์ทเต้อร์ ยกกระเป๋าของเราออกจากสายพาน เอามาใส่รถเข็นของตนเอง
เรามาทันเห็นพอดี (กระเป๋าของเราออกไว เพราะที่กระเป๋าของเรามีป้ายไพรออริตี้ ติดอยู่ตามสิทธิของ ผดส บัตรทอง)
เราจึงตะโกนให้พอร์ทเตอร์วางกระเป๋าลง ส่วนสองผัวเมียนั่น ไม่มองหน้าเราเลย และ ไม่มีคำขอโทษหลุดออกมาจากปากด้วย
ก็ลองคิดดูนะ ว่าถ้าเราอ้อยอิ่ง ชักช้า มัวแต่นั่งแช่อยู่ในเครื่อง ไม่รีบออกมา กระเป๋าสัมภาระของเรา คงไปแล้ว
//
อันนี้เล่าจากประสบการณ์ในการเดินทางของตนเอง และ พบ ผดส ที่ใจไม่กว้าง ความคิดไม่กว้างมาเยอะ
คนเหล่านี้ จะมีทัศนะคติเช่น
1. หงุดหงิด หรือ ไม่เข้าใจ หรือ ดูถูกคนที่จะรีบออกจากเครื่อง แล้วตัวเองนั่งแช่ บางคนเนี่ย ทำเป็นนั่งแช่ชนิดที่ว่าเอา
แล็ปท็อป/โน๊ตบุ๊ค ออกมาเปิดเมื่อตอนที่เครื่องจอดแล้วด้วย คือทำเหมือนประชด ผดส คนอื่น (อันนี้เราเคยเจอมาสองหน
และ จะมี ผดส ชาตินึงที่ชอบทำแบบนี้ แต่ขอไม่บอกว่าชาติไหน ไม่อยากดราม่า)
2. เวลาที่คนเขารีบไปเข้าเครื่อง คนพวกนี้จะพูดจาประมาณว่า เครื่องเดียวกัน ไปพร้อมกัน ไม่ต้องรีบ เพราะเครื่องจะไม่ออกโดยที่ไม่รอใครเลย
แต่คนพวกนี้ไม่เข้าใจว่า ผดส หลายๆ คนเขามีไพรออริตี้ บอร์ดดิ้ง ได้ขึ้นเครื่องก่อน
การได้ขึ้นเครื่องก่อน หมายถึง การได้เอาของไปเก็บก่อน และ ได้ลงไปนั่งให้เรียบร้อยก่อน โดยไม่กีดขวางทางเดินตรงกลาง
เป็นการลดความแออัด และ ลดความวุ่นวายโกลาหลในการบอร์ดดิ้ง มันเป็นความสะดวกสบายของคนที่ได้ขึ้นเครื่องก่อน
//
ที่เล่ามาทั้งหมดนี่ เป็นประสบการณ์ของ ผดส คนหนึ่ง ที่เดินทางมาหลายสิบปี เดินทางทุกเดือน ไปทุกทวีป อยู่อาศัยทั้งในเมืองไทย
และอยู่อาศัย หรือ เคยอยู่อาศัยในประเทศอื่นๆ ในทวีปอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการใช้ชีวิตในเมืองไทยด้วย
เป็น ผดส ที่ใช้บริการนั่งเครื่องบินทุกคลาส ไม่ว่าจะชั้นประหยัด ชั้นธุรกิจ ชั้นเฟิสท์ เป็น ผดส ที่เป็นสมาชิกบัตรทองของสองกลุ่มสายการบิน
เป็น ผดส ที่ใช้บริการอยู่หลายสายการบิน
//
บางสัปดาห์ บินไปบินมาอยู่ 4 ทวีปเลย บินจนไม่รู้เวลา ไม่รู้วัน ไม่รู้เดือน หรือ บางวันภายใน 24 ชม อยู่ 3 ประเทศเลย บินจนเบลอ
หรือ บางครั้งลงมาจากยุโรปไฟล์ทเช้า บ่ายๆ ค่ำๆ หรือ ดึกๆ ก็ต้องบินในเอเชียอีกแล้ว
เมื่อเครื่องถึงที่หมาย ก็อยากจะรีบออกๆ ไปพักผ่อน เพราะต่อให้นั่งชั้นธุรกิจ หรือ ชั้นเฟิสท์ มันก็ไม่ได้มีความสะดวกสบายเลย
เดินทางหน่ะมันเหนื่อย มันล้า แล้วส่วนใหญ่เลย ก็คือขึ้นไปพักผ่อน ไปนอน หลายๆ ไฟล์ท ไม่กินอาหารบนเครื่องเลย เพราะมันเบื่อ
//
บางทริป กว่าจะมาถึงเมืองไทย ก็โน่นแหน่ะ เดินทางมาเกือบสองวันแล้ว ขึ้นๆ ลงๆ สนามบิน เข้าๆ ออกๆ จากเครื่องบิน
นั่งๆ นอนๆ กินๆ อยู่ในเลาน์จบ้าง นั่งๆ นอนๆ ดื่มๆ เดินๆ อยู่บนเครื่องบินบ้าง
เช่น เริ่มต้นออกเดินทางจากคิวบา มาแวะที่แม็กซิโก จากแม็กซิโก บินมาแวะยุโรป จากยุโรป บินมาไทย
กว่าจะถึงไทย ถึงบ้านก็สลบแล้ว อาบน้ำเสร็จ นอนเลย สลบไปครึ่งวัน ตื่นมากินผัดกะเพราไข่ดาว แล้วนอนต่อ 😄
//
แต่เราดื่มน้ำเยอะมากทั้งยามปกติ และ ยามที่ไปบิน นอกจากนี้ก็จะเน้นทาครีมต่างๆ นาๆ เยอะมาก ทาทั้งหน้าทั้งตัว
รวมไปถึงที่เล็บที่ริมฝีปากที่รอบดวงตาด้วย ปกติก็ใช้สกินแคร์อยู่แล้ว แต่ก่อนไปบินจะโปะสกินแคร์เยอะมาก เน้นบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
เพราะอากาศบนเครื่องบินแห้งมากๆ ถึงมากที่สุด
นอกจากนี้ก็ต้องหมั่นออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ กินวิตะมินบ้าง เพื่อที่จะได้ไม่โทรม ไม่เพลีย ผิวไม่เสีย ตีนกาไม่ขึ้น
หรือ ชะลอเอาไว้
เดินทางจนเห็นสนามบินแล้วอยากจะอ้วก (อันนี้มีคนในพันทิปเคยกล่าวไว้ ขอยืมประโยคมาใช้ ที่ว่าเห็นสนามบินแล้วอยากจะอ้วก
แต่มันเป็นแบบนี้จริงๆ)
//
ปัจจุบันนี้พยายามเดินทางให้น้อยลง พยายามไม่ไปไหนมากนัก แต่ก็ยังต้องเดินทางอยู่ทุกเดือน เหนื่อยมาก
ไม่ชอบไปสนามบิน ไม่ชอบขึ้นเครื่อง แต่ก็ต้องไป เพราะฉนั้น เมื่อเครื่องถึงที่หมาย ก็อยากออกไวๆ ออกไปผ่าน ต.ม.
ออกไปรับกระเป๋า แล้วเดินทางให้ถึงที่หมาย ถ้าไม่ต้องออกไปไหนหลังจากจบไฟล์ท ก็คือ อยากรีบกลับไปพักผ่อน
เพราะบินบ่อยๆ แล้วโทรม มันล้าฮะ โดยเฉพาะถ้าเผอิญไปเจอเครื่องบินรุ่นเก่าๆ ที่ความกดอากาศบนเครื่องจะสู้เครื่องรุ่นใหม่ๆ ไม่ได้
บินแล้วเหนื่อย บินแล้วปวดศีรษะ
หรือ ต่อให้เจอเครื่องบินรุ่นใหม่ๆ อย่างโบอิ้ง 787 หรือ แอร์บัสเอ 350 ที่บินแล้วไม่ปวดศีรษะ เครื่องเดินเงียบ บินแล้วผิวไม่ค่อยแห้ง
แต่ก็ลองไปบินข้ามทวีปดูนะฮะ แล้วเดินทางตะลอนๆ ไปทั่ว เหนื่อยสุดๆ
//
ไฝ่ฝันอยากมีชีวิตที่ได้อยู่นิ่งๆ อยู่กับที่ครั้งละเป็นเดือนๆ แบบที่ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องไปสนามบิน ไปต้องแพ็คกระเป๋า ไม่ต้องเจอคน
จะได้นั่งดื่มกาแฟสบายๆ อ่านหนังสือต่างๆ นาๆ และ อยากไปเก็บตัวซ้อมมวยที่ค่ายมวย
แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่มีเวลาอยู่ที่ใดที่หนึ่งแบบต่อเนื่องที่นานพอ
อยากมีประตูวิเศษ ที่พอเปิดก็ไปอยู่อีกที่นึงเลย หรือ มีกระจกแบบในหนังที่พาไปมิติอื่นได้ ไม่ต้องขึ้นเครื่องไป ☺️😄
____
*หมายเหตุ มีแวะมา Edit เพื่อที่เอาข้อ 7-10 ที่พิมพ์เอาไว้ที่ คห อื่นๆ มาแปะใส่ใน คห นี้ เพื่อที่ข้อมูลจะได้อยู่ใน คห เดียวกัน
และ ขอขอบคุณสมาชิกพันทิปที่เห็นคุณค่าของความคิดเห็นของเรา และ โหวตขึ้นจอสีชมพู 🙏🏻🌺
ใครไม่รีบก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้นั้น แต่คนอื่นเขารีบเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
หลายๆ คนเขารีบด้วยเหตุผลร้อยแปดเก้าพันประการที่แตกต่างกันนะ
เครื่องบินบางลำ ผดส เป็นร้อยๆ คน แต่ละคนมีจุดหมายปลายทาง และ มีจุดประสงค์ในการเดินทางที่ต่างกัน
//
คนเราโดยทั่วๆ ไป ถ้าคิดให้กว้างๆ แบบไม่เอาโลกมาหมุนรอบตัวเอง แล้วจะทราบว่า เช่น …
1. บางคนเขารีบออก เพราะไม่ต้องการออกไปเจอรถติดในช่วงเร่งด่วน
บางครั้ง เวลาแค่เสี้ยววินาที ห้านาที สิบนาที สามารถแตกต่างได้ ในเรื่องของการจราจร มันอยู่ที่ช่วงจังหวะ
//
2. บางคนเขารีบออกไปทำธุระ ประเภทพวกบินไปเช้ากลับเย็น
หรือ อย่างเราเป็นต้น บางครั้งเราบินกลับถึงไทยจาก ตปท ถึงไทยตอนเช้า ก็ต้องรีบทำธุระ เพราะตอนดึกต้องมีกลับมาสนามบินอีก
เพื่อที่จะบินออกไป ตปท อีก คือ บินกลับมาอยู่ไทยแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเดินทางออกไปอีกแล้ว
หรือ มีเด็ดกว่านั้น คือบางครั้งเราบินมาถึงไทยดึกๆ เช่น กลับจากสิงคโปร์ไฟล์ทสุดท้าย ออกจากสนามบินแล้วจะกลับถึงบ้านราวๆ แถวๆ
ห้าทุ่มเที่ยงคืน แล้วตอนเช้ามืดราวๆ อย่างช้าสุดคือตีสี่ครึ่งก็ต้องกลับมาสนามบินอีก เพื่อบินไฟล์ทเช้าตรู่ที่ออกก่อน 8 โมงเช้าไปไทเป
คือแค่ได้แวะกลับบ้านแค่ 4-5 ชั่วโมง ได้นอนจริงๆ แค่สามชั่วโมงเศษๆ แล้วก็ต้องไปบินอีกนะ แค่กลับบ้านไปอาบน้ำ
เอากระเป๋าไปเปลี่ยน (ที่บ้านมีกระเป๋าเดินทางหลายใบ และ ไม่เคยเก็บเลย เพราะได้ใช้ตลอด และ ถ้าช่วงไหนเดินทางติดๆ กัน
หลายทริป จะจัดกระเป๋าเอาไว้ล่วงหน้าหลายใบเลย พร้อมบินตลอด)
บางวัน ภายใน 24 ชม อยู่สามเมืองสามประเทศในอาเซี่ยนเลย คือ มื้อเช้าที่กัวลาลัมเปอร์ มื้อบ่ายที่สิงคโปร์ มื้อค่ำบนเครื่องบิน
มื้อดึกที่กรุงเทพฯ เหนื่อยมาก และ ต้องทำเวลา อันนี้บินตามธุระที่ต้องทำ และ ตามตั๋วที่เผอิญมีอยู่
//
3. บางไฟล์ท บางเมือง จะรีบออกไปกิน เพราะถ้าไปถึงช้า ร้านอาหารจะปิดแล้ว และ ของที่อยากกินมีขายแค่วันเดียวในหนึ่งสัปดาห์
เช่น มีขายเฉพาะวันอาทิตย์ แล้วเมื่อไปถึงเมืองนั้นแล้ว จะอยู่ตรงแค่วันเดียว คือวันที่ไปถึง
4. บางคนเขาต้องไปต่อเครื่องไฟล์ทอื่นๆ อีก อาจจะต่อเครื่องที่สนามบินเดิม หรือ ต้องไปเอากระเป๋า แล้วต้องเดินทางไปอีกสนามบินนึง
(เช่น ที่ กรุงเตหะราน ปท อิหร่าน เป็นต้น ถ้าบินไฟล์ทภายใน ปท จากเมืองอื่นมาเตหะราน แล้วถ้ามีไฟล์ท ตปท ที่ต้องบินต่อ
ก็ต้องเดินทางจากสนามบินภายใน ปท ไปยังสนามบินนานาชาติ ที่อยู่คนละมุมเมือง)
//
5. บางคนเขาลงมาประชุม หรือ มาพบปะลูกค้า เช่น ประชุมในเลาน์จสายการบิน โดยที่ไม่ได้ออกไปข้างนอกไม่ได้ผ่าน ต.ม.
พอประชุมเสร็จก็ขึ้นเครื่องกลับเลย คือมาแค่ทรานสิทแค่ไม่กี่ชั่วโมง เพื่อมาทำงานมาประชุมที่สนามบินแค่นั้น
6. บางคนเขาต้องรีบไปขึ้นรถโค้ช รถไฟ รถบัส ให้ทันตารางเวลา
เพราะบางเมือง บางสนามบิน เช่น ถ้าไปถึงในวันเสาร์อาทิตย์ ที่มีตารางเดินรถออกจากสนามบินน้อยกว่าวันธรรมดา
บางครั้ง ถ้าพลาดรถบัสเข้าเมืองคันนึง อาจจะต้องรอคันถัดไปถึง 1 ชั่วโมง
//
7. คือในบางประเทศ ต้องรีบไปต่อคิวเพื่อทำวีซ่าออนอไรวั่ล
(เช่น จอร์แดน เนปาล เอธิโอเปีย เป็นต้น หรือ วีซ่าออนอไรวั่ลของบางประเทศ ต้องมีไปเข้าคิวซื้อประกันก่อน แล้วถึงจะไปยื่นขอวีซ่าที่สนามบินได้
จากนั้นต้องนั่งรอ จนท เรียก พอเสร็จจากตรงนี้แล้ว ถึงจะได้ไปต่อแถวที่ ต.ม. เช่น ที่ ปท อิหร่าน เป็นต้น)
//
8. ในบางประเทศ บางไฟล์ท เมื่อไฟล์ทที่ตัวเรานั่งไปถึงแล้ว แต่เครื่องลงเวลาไล่เลี่ยกับไฟล์ทอื่นๆ อีก 2-3 ไฟล์ท
ถ้าไม่รีบ ก็จะไปเจอแถว ต.ม. ที่ยาวมากๆ
9. หรือ สิงคโปร์ สมัยก่อน เวลาบินไปลงที่สนามบินชางงี ถ้าไปลงพร้อมกับไฟล์ทที่มาจากอินเดีย และ ถ้าเจอ ผดส
ที่ถือพาสปอร์ตอินเดีย คิวจะยาวมาก และ กินเวลาในการรอนานมาก
//
10. ที่ต้องรีบออกจากเครื่อง เพราะจะรีบไปเอากระเป๋าที่สายพาน เพราะในหลายๆ กรณี
มันจะมีผู้โดยสารประเภทนึงที่คงลืมเอาสมองมาจากบ้านด้วย
ผู้โดยสารประเภทนี้ อาจจะหยิบกระเป๋าของผู้อื่นออกไปจากสายพาน แล้วเอาไปเลย หรือ เอาเพื่อเอาไปขโมยของก็สุดจะคาดเดา
เราเคยเจอกับตัวเอง เมื่อหลายปีที่แล้ว เราบินไปลงที่ประเทศหนึ่ง ไฟล์ทนั้น เรานั่งชั้นประหยัด เป็นเครื่องแอร์บัสเอ 380 ลำโตมาก
ไฟล์ทเต็ม เพราะฉนั้น ผดส หลายร้อยคน
วันนั้นนั่งชั้นประหยัด แต่เราออกจากเครื่องไว เดินไว ผ่าน ต.ม. ไว เพราะฉนั้นเรามาที่สายพานรับกระเป๋า ทันเห็นสองสามีภรรยาชาติสัญชาติหนึ่ง
ที่เป็นผู้โดยสารจากชั้นบิสซิเนสคลาส (เป็นคนประเทศนึง ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเห็นแก่ตัว หน้าด้าน หน้าทน ดื้อดึง แต่ขอไม่บอกชื่อประเทศ)
สองผัวเมียนั่น กำลังชี้ให้พอร์ทเต้อร์ ยกกระเป๋าของเราออกจากสายพาน เอามาใส่รถเข็นของตนเอง
เรามาทันเห็นพอดี (กระเป๋าของเราออกไว เพราะที่กระเป๋าของเรามีป้ายไพรออริตี้ ติดอยู่ตามสิทธิของ ผดส บัตรทอง)
เราจึงตะโกนให้พอร์ทเตอร์วางกระเป๋าลง ส่วนสองผัวเมียนั่น ไม่มองหน้าเราเลย และ ไม่มีคำขอโทษหลุดออกมาจากปากด้วย
ก็ลองคิดดูนะ ว่าถ้าเราอ้อยอิ่ง ชักช้า มัวแต่นั่งแช่อยู่ในเครื่อง ไม่รีบออกมา กระเป๋าสัมภาระของเรา คงไปแล้ว
//
อันนี้เล่าจากประสบการณ์ในการเดินทางของตนเอง และ พบ ผดส ที่ใจไม่กว้าง ความคิดไม่กว้างมาเยอะ
คนเหล่านี้ จะมีทัศนะคติเช่น
1. หงุดหงิด หรือ ไม่เข้าใจ หรือ ดูถูกคนที่จะรีบออกจากเครื่อง แล้วตัวเองนั่งแช่ บางคนเนี่ย ทำเป็นนั่งแช่ชนิดที่ว่าเอา
แล็ปท็อป/โน๊ตบุ๊ค ออกมาเปิดเมื่อตอนที่เครื่องจอดแล้วด้วย คือทำเหมือนประชด ผดส คนอื่น (อันนี้เราเคยเจอมาสองหน
และ จะมี ผดส ชาตินึงที่ชอบทำแบบนี้ แต่ขอไม่บอกว่าชาติไหน ไม่อยากดราม่า)
2. เวลาที่คนเขารีบไปเข้าเครื่อง คนพวกนี้จะพูดจาประมาณว่า เครื่องเดียวกัน ไปพร้อมกัน ไม่ต้องรีบ เพราะเครื่องจะไม่ออกโดยที่ไม่รอใครเลย
แต่คนพวกนี้ไม่เข้าใจว่า ผดส หลายๆ คนเขามีไพรออริตี้ บอร์ดดิ้ง ได้ขึ้นเครื่องก่อน
การได้ขึ้นเครื่องก่อน หมายถึง การได้เอาของไปเก็บก่อน และ ได้ลงไปนั่งให้เรียบร้อยก่อน โดยไม่กีดขวางทางเดินตรงกลาง
เป็นการลดความแออัด และ ลดความวุ่นวายโกลาหลในการบอร์ดดิ้ง มันเป็นความสะดวกสบายของคนที่ได้ขึ้นเครื่องก่อน
//
ที่เล่ามาทั้งหมดนี่ เป็นประสบการณ์ของ ผดส คนหนึ่ง ที่เดินทางมาหลายสิบปี เดินทางทุกเดือน ไปทุกทวีป อยู่อาศัยทั้งในเมืองไทย
และอยู่อาศัย หรือ เคยอยู่อาศัยในประเทศอื่นๆ ในทวีปอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการใช้ชีวิตในเมืองไทยด้วย
เป็น ผดส ที่ใช้บริการนั่งเครื่องบินทุกคลาส ไม่ว่าจะชั้นประหยัด ชั้นธุรกิจ ชั้นเฟิสท์ เป็น ผดส ที่เป็นสมาชิกบัตรทองของสองกลุ่มสายการบิน
เป็น ผดส ที่ใช้บริการอยู่หลายสายการบิน
//
บางสัปดาห์ บินไปบินมาอยู่ 4 ทวีปเลย บินจนไม่รู้เวลา ไม่รู้วัน ไม่รู้เดือน หรือ บางวันภายใน 24 ชม อยู่ 3 ประเทศเลย บินจนเบลอ
หรือ บางครั้งลงมาจากยุโรปไฟล์ทเช้า บ่ายๆ ค่ำๆ หรือ ดึกๆ ก็ต้องบินในเอเชียอีกแล้ว
เมื่อเครื่องถึงที่หมาย ก็อยากจะรีบออกๆ ไปพักผ่อน เพราะต่อให้นั่งชั้นธุรกิจ หรือ ชั้นเฟิสท์ มันก็ไม่ได้มีความสะดวกสบายเลย
เดินทางหน่ะมันเหนื่อย มันล้า แล้วส่วนใหญ่เลย ก็คือขึ้นไปพักผ่อน ไปนอน หลายๆ ไฟล์ท ไม่กินอาหารบนเครื่องเลย เพราะมันเบื่อ
//
บางทริป กว่าจะมาถึงเมืองไทย ก็โน่นแหน่ะ เดินทางมาเกือบสองวันแล้ว ขึ้นๆ ลงๆ สนามบิน เข้าๆ ออกๆ จากเครื่องบิน
นั่งๆ นอนๆ กินๆ อยู่ในเลาน์จบ้าง นั่งๆ นอนๆ ดื่มๆ เดินๆ อยู่บนเครื่องบินบ้าง
เช่น เริ่มต้นออกเดินทางจากคิวบา มาแวะที่แม็กซิโก จากแม็กซิโก บินมาแวะยุโรป จากยุโรป บินมาไทย
กว่าจะถึงไทย ถึงบ้านก็สลบแล้ว อาบน้ำเสร็จ นอนเลย สลบไปครึ่งวัน ตื่นมากินผัดกะเพราไข่ดาว แล้วนอนต่อ 😄
//
แต่เราดื่มน้ำเยอะมากทั้งยามปกติ และ ยามที่ไปบิน นอกจากนี้ก็จะเน้นทาครีมต่างๆ นาๆ เยอะมาก ทาทั้งหน้าทั้งตัว
รวมไปถึงที่เล็บที่ริมฝีปากที่รอบดวงตาด้วย ปกติก็ใช้สกินแคร์อยู่แล้ว แต่ก่อนไปบินจะโปะสกินแคร์เยอะมาก เน้นบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
เพราะอากาศบนเครื่องบินแห้งมากๆ ถึงมากที่สุด
นอกจากนี้ก็ต้องหมั่นออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ กินวิตะมินบ้าง เพื่อที่จะได้ไม่โทรม ไม่เพลีย ผิวไม่เสีย ตีนกาไม่ขึ้น
หรือ ชะลอเอาไว้
เดินทางจนเห็นสนามบินแล้วอยากจะอ้วก (อันนี้มีคนในพันทิปเคยกล่าวไว้ ขอยืมประโยคมาใช้ ที่ว่าเห็นสนามบินแล้วอยากจะอ้วก
แต่มันเป็นแบบนี้จริงๆ)
//
ปัจจุบันนี้พยายามเดินทางให้น้อยลง พยายามไม่ไปไหนมากนัก แต่ก็ยังต้องเดินทางอยู่ทุกเดือน เหนื่อยมาก
ไม่ชอบไปสนามบิน ไม่ชอบขึ้นเครื่อง แต่ก็ต้องไป เพราะฉนั้น เมื่อเครื่องถึงที่หมาย ก็อยากออกไวๆ ออกไปผ่าน ต.ม.
ออกไปรับกระเป๋า แล้วเดินทางให้ถึงที่หมาย ถ้าไม่ต้องออกไปไหนหลังจากจบไฟล์ท ก็คือ อยากรีบกลับไปพักผ่อน
เพราะบินบ่อยๆ แล้วโทรม มันล้าฮะ โดยเฉพาะถ้าเผอิญไปเจอเครื่องบินรุ่นเก่าๆ ที่ความกดอากาศบนเครื่องจะสู้เครื่องรุ่นใหม่ๆ ไม่ได้
บินแล้วเหนื่อย บินแล้วปวดศีรษะ
หรือ ต่อให้เจอเครื่องบินรุ่นใหม่ๆ อย่างโบอิ้ง 787 หรือ แอร์บัสเอ 350 ที่บินแล้วไม่ปวดศีรษะ เครื่องเดินเงียบ บินแล้วผิวไม่ค่อยแห้ง
แต่ก็ลองไปบินข้ามทวีปดูนะฮะ แล้วเดินทางตะลอนๆ ไปทั่ว เหนื่อยสุดๆ
//
ไฝ่ฝันอยากมีชีวิตที่ได้อยู่นิ่งๆ อยู่กับที่ครั้งละเป็นเดือนๆ แบบที่ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องไปสนามบิน ไปต้องแพ็คกระเป๋า ไม่ต้องเจอคน
จะได้นั่งดื่มกาแฟสบายๆ อ่านหนังสือต่างๆ นาๆ และ อยากไปเก็บตัวซ้อมมวยที่ค่ายมวย
แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่มีเวลาอยู่ที่ใดที่หนึ่งแบบต่อเนื่องที่นานพอ
อยากมีประตูวิเศษ ที่พอเปิดก็ไปอยู่อีกที่นึงเลย หรือ มีกระจกแบบในหนังที่พาไปมิติอื่นได้ ไม่ต้องขึ้นเครื่องไป ☺️😄
____
*หมายเหตุ มีแวะมา Edit เพื่อที่เอาข้อ 7-10 ที่พิมพ์เอาไว้ที่ คห อื่นๆ มาแปะใส่ใน คห นี้ เพื่อที่ข้อมูลจะได้อยู่ใน คห เดียวกัน
และ ขอขอบคุณสมาชิกพันทิปที่เห็นคุณค่าของความคิดเห็นของเรา และ โหวตขึ้นจอสีชมพู 🙏🏻🌺
แสดงความคิดเห็น
เวลาลงจากเครื่องบิน ทำไมต้องรีบลุกทั้งๆที่ประตูเครื่องบินยังไม่เปิดหรอคับ?
บางทีเรานั่งริมทางเดิน ไม่ได้รีบลงอะไรมากมายก้นั่งแช่ไปก่อน รอคนโล่งๆค่อยลุกหยิบของแล้วเดินลง
แต่ไอคนข้างในที่นั่งริมหน้าต่างก็อยากจะรีบลงตั้งแต่เครื่องยังจอดไม่สนิท ทำให้เราต้องลุกมายืนรอนานๆ เห้อ