ถวายเทียนพระ 9 วัด
อาทิตย์ ที่ 14 กรกฎาคม 2562
การถวายเทียนพระ เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ เพื่อให้พระสงฆ์ได้ใช้เทียนจุดให้แสงสว่างในการศึกษาพระธรรมวินัย ตลอดเวลา 3 เดือนที่อยู่ในพรรษา แต่ในปัจจุบันเทียน อาจมีความจำเป็นลดลง เพราะใช้แสงสว่างจากหลอดไฟฟ้า
เริ่มต้นของการเดินทางไปถวายเทียนที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี คืออาโก( คุณมลฤดี ) เจ้าของภูแสงทองรีสอร์ท ได้ส่งไลน์มาชวนให้ไปร่วมถวายเทียน พี่เขียว ก็ชวนไป และชมพู่ ซึ่งเป็นหลานอาโก ก็ไปด้วย หลังจากเรานัดเตรียมการไปถวายเทียนที่บ้านไร่ กันแล้ว โดยเรารอที่บ้านท่าโพ อุทัยธานี พี่เขียวกับชมพู่จะขับรถมาจากอยุธยา เพื่อมาสมทบและเดินทางไปบ้านไร่ด้วยกัน โดยจะเริ่มเดินทางออกจากอยุธยาแต่ เช้าเอาจริงแล้วออกมาตอนบ่ายเพราะชมพู่ติดภารกิจ ที่ต้องทำเราเลยรอ อยู่ที่บ้าน หลังจากพี่เขียวกับชมพู่มาถึง ก็เดินทางไปบ้านไร่ทันที่ บ้านไร่จะอยู่ห่างจากบ้านเราประมาณ 95 km ใช้เวลานทางประมาณ1.20 h. แต่เราก็แวะตลาดหนองฉางก่อนซื้อของกิน ไปด้วย แต่ต้องเดินทางให้ถึงรีสอร์ทก่อนค่ำ เพราะเดี๋ยวมองไม่เห็นเส้นทาง พอไปถึงจัดการห้องพักเรียบร้อย ก็เดินทางไปตลาดเพื่อหาอาหารเย็นรับประทาน. นั่งทานข้าวกันที่ร้านข้าวต้มในตลาดโชคดีเจอลูกศิษย์ เอกคอมพิวเตอร์ศึกษา (นายสุระชัย ) เขามาบรรจุเป็นครูที่ โรงเรียนบ้านน้ำพุ เขาเป็นลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ ถ้าไม่มาทักเราก็จำไม่ได้หรอกตั้งแต่ปี 2543 มั้ง ความจริงแล้วลูกศิษย์เหล่านี้น่ารักทุกคนตั้งใจเรียน ( ดีใจจริงที่ได้เจอลูกศิษย์ )
ถ่ายรูปกับสุระชัย
รูปที่ภูแสงทองรีสอร์ท
เมื่อทานข้าวเสร็จ กลับไปนอนที่พัก พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ 04.30 น. เพราะนัดรวมพลที่วัดภูจวงเวลา 05.30 ตื่น วัดภูจวงห่างจากที่พัก 17 km. พวกเรากะว่าจะออกจากที่พักประมาณ 05.20. น
ตอนเช้าออกจากที่พัก พอไปถึงวัด คนมารอเต็มแล้ว พวกเรานั่งรถคันที่ 6 มีรถบัสทั้งหมด 6 คัน สิ่งเราเห็นคือผู้หญิงชาวบ้านไร่ทุกคนใส่ผ้าถุงตีนแดง เป็นผ้าทอมือเอกลักษณ์ของชาวบ้านไร่ ซึ่งเป็นชนเผ่ากระเหรี่ยงดั้งเดิม จะทอผ้าไว้ใช้เอง จนปัจจุบันได้รับการส่งเสริมให้เป็นสินค้าระดับพรีเมียมราคาแพง เพราะกว่าจะทอได้แต่ละผืนนั้นใช้เวลานานมาก นอกจากผ้าถุงแล้วยังมีถุงย่ามเล็ก ๆ อีก เห็นแล้วชอบมาก แต่ก็ราคาแพงพอสมควร อีกอย่างไม่รู้จะซื้อไปทำอะไร
เวลา 06.00 เมื่อรถพร้อม คนพร้อม เริ่มเดินทางไปถวายเทียนวัดแรกคือวัดแสงธรรมวราราม เป็นวัดที่ร่มรื่นงดงาม มีพระจำพรรษา เจ้าอาวาสเป็นผู้อนุรักษ์ต้นไม้ ทำให้สภาพเป็นวัดป่า วัดนี้มีอาหารเช้าให้รับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวต้มและของหวาน
หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยเดินทางไปวัดที่ 2 คือวัดถ้ำพุหวาย วัดพุหวายอยู่ห่างจากวัดแสงธรรมวรารมประมาณ 27 km. เป็นวัดที่อยู่ห่างไกลค่อนข้างยากจน เพราะการเดินทางลำบาก(เมื่อ 10 ปีที่แล้ว) เป็นชุมชนใหม่ ประชากรน้อย ความช่วยเหลือวัดจึงจำกัด แต่ก็ได้เจ้าอาวาสที่เสียสละและเป็นพระปฏิบัติ มีใจในการพัฒนาชุมชนและวัด รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐบางส่วนจึงทำให้ วัดก็สามารถอยู่ได้ตามสภาพ
จากซ้าย พี่เขียวอาโก (คุณมลฤดี) น้องชมพู่
ต่อจากวัดถ้ำพุหวายเป็นวัดเจ้าวัด. แค่ 3 วัดก็รู้สึกว่าเยอะแล้ว วัดเจ้าวัดเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเจ้าวัด ซึ่งเป็นชุมชนใหญ่ มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ทำให้การดูแลวัดอยู่ในสภาพที่มั่นคง วัดขนาดใหญ่ศาลาทำด้วยไม้เนื้อแข็ง แผ่นพื้นศาลาแผ่นไม้หนาใหญ่ อาชีพหลักของชุมชนคือเกษตรกรทำไร่อ้อยและสัปปะรด เมื่อปีที่แล้วสัปปะรดราคาถูกมาก ขนาดมีเงิน 100 บาท สามารถซื้อสัปปะรดได้ เต็มรถกะบะ ( 1 บาท/ kg) แต่ปีนี้อ้อยราคาไม่ดีนัก (1 ton/ 750.-)นับว่าขาดทุน แต่สัปปะรด ราคาดีขึ้น
ต่อจากวัดเจ้าวัดเป็นวัดหนองจอกเป็นวัดที่ 4. วัดนี้รับประทานอาหารกลางวัน เมื่อเดินทางมาถึงวัดหนองจอก ชาวบ้านได้มายืนต้อนรับคณะที่มาถวายเทียน ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม มีความสุขที่แขกมาเยี่ยมเยือนอาหารมากมายโดยวัดและผู้จิตศรัทธา ในการให้ทานเห็นแล้วปลื้มใจมาก รับประทานอาหารก่อนแล้วจึงถวายเทียนต่อจากนั้นเดินทางไปวัดหนองยาง
เมื่อรับประทานอาหารและถวายเทียนรวมทั้งเครื่องไทยทาน รวมทั้งผ้าป่า ถวายแด่พระภิกษุแล้ว อำลา พ่อแม่พี่น้อง ชาวบ้านวัดหนองจอกเดินทางไปเป็นวัดหนองยาง วัดหนองยางเป็นวัดที่ 5 ของการถวายเทียนพรรษา ในปีนี้ รู้สึกอ่อนเพลีย แต่ก็นับถอยหลังว่าสู้ ๆ ....เหลือแค่ 4 วัด ก้าวมาแล้ว ต้องก้าวต่อไป
ออกจากวัดหนองยางเดินทางไปวัดเมืองการุ้ง ตั้งอยู่ ที่ตำบลการุ้ง. ถือว่าเป็นวัดใหญ่ อยู่ในแหล่งชุมชนเมือง ทำให้ได้รับการสนุบสนุนดูแลจากชุมชนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ วัดมีรากฐาน มั่นคง
ออกจากวัดเมืองการุ้งแล้วเดินทางไปวัดสาลวราราม วัดสาลวนารามชื่อก็บอกว่าต้องมาจากต้นสาละ ซึ่งเป็นต้นไม้สำคัญในพระพุทธศาสนา. มองไม่เห็นต้นสาละ แต่เห็นชาวบ้านแต่งตัวสวยงาม มาต้อนรับ พร้อมด้วยนักเรียนและคุณครู ยังบอกกับพี่เขียว และชมพู่ว่าอยากมางานบุญที่วัดนี้ หรือที่หมู่บ้านนี้อีก. แต่ไม่มีคนเชิญ. อยากมาร่วมงานแต่งงาน หรืองานบวชแบบชาวบ้านนะ ไม่ใช่แบบคนเมือง สักวันหนึ่ง จะมาทำบุญวันพระที่นี่...
ออกจากวัดสาลวรารามเดินทางไปวัดที่ 8 แล้ว คือวัดบ้านโพธิ์งาม. ดีใจจัง ผลที่สุดเราก็อิ่มบุญ(หรืออยากให้ครบ 9. วัด ก็ไม่รู้ นะ) จะบรรลุเป้าหมายแล้ว วัดบ้านโพธิ์งาม เป็นวัดที่ร่มรื่น ศาลา ประกอบศาสนกิจ กว้างใหญ่ แสดงถึงความมั่นคงของชุมชนแห่งหลังจากเสร็จพิธีถวายเทียน เรียบร้อยแล้วท่านเจ้าอาวาสได้เมตตา แจกพระผงพิมพ์ คนละ. 1. องค์. อย่างทั่วหน้า
ออกจากวัดบ้านโพธิ์งามตรงเข้าวัดภูจวง. วัดที่ 9. ซึ่งเป็นวัดเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ท่านเจ้าอาวาสเป็นพระปฏิบัติ ที่วัดนี้ ชุมชนได้จัดทำข้าวต้มเครื่อง(อร่อยมาก)เป็นอาหารเย็น เพราะขณะนี้เวลา 17.30 น. เมื่อทุกคนรับประทานอาหารเสร็จ เข้าไปในศาลาใหญ่ ร่วมกันถวายเทียนพรรษาและปัจจัย
บทสรุป การเดินทางถวายเทียนพรรษาครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่ดีวามสำหรับพุทธศาสนิกชนทุกท่าน ที่ได้สืบทอดพระพุทธศาสนา ให้ยั่งยืนมั่นคง สืบไป
สาธุ...กับทุกท่านที่มาร่วมกิจกรรม. ครั้งนี้
หลังจากเสร็จกิจ อิ่มบุญ ถวายเทียนพระ 9. วัด แล้วเดินทงกลับที่พัก แวะตลาดบ้านไร่ ซื้อผลไม้ไปรับประทาน
บทสุดท้ายรุ่งเช้า กลังจากทำภารกิจส่วนตัว เรียบร้อย ลาอาโก ลาภูแสงทองรีสอร์ท เดินทางไปหาอาหารเช้ารับประทานกันแล้ว ก็เดินทางไปชมต้นไม้ยักษ์ (ต้นเชียง หรือต้นผึ้ง) อายุมากกว่า 300. ปี
สวัสดี. ลาก่อน. ปีหน้าพบกันใหม่. ขอบคุณ ผู้ร่วมบุญทุกท่าน ขอบคุณอาโก. พี่เขียว. ชมพู่ และทุกท่าน สุดท้ายดีใจมากที่ได้พบกับลูกศิษย์ สุระชัย. แล้วพบกันใหม่นะ. สวัสดีอีกครั้ง. ค่ะ...
ถวายเทียนพระ 9 วัด
การถวายเทียนพระ เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ เพื่อให้พระสงฆ์ได้ใช้เทียนจุดให้แสงสว่างในการศึกษาพระธรรมวินัย ตลอดเวลา 3 เดือนที่อยู่ในพรรษา แต่ในปัจจุบันเทียน อาจมีความจำเป็นลดลง เพราะใช้แสงสว่างจากหลอดไฟฟ้า
เริ่มต้นของการเดินทางไปถวายเทียนที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี คืออาโก( คุณมลฤดี ) เจ้าของภูแสงทองรีสอร์ท ได้ส่งไลน์มาชวนให้ไปร่วมถวายเทียน พี่เขียว ก็ชวนไป และชมพู่ ซึ่งเป็นหลานอาโก ก็ไปด้วย หลังจากเรานัดเตรียมการไปถวายเทียนที่บ้านไร่ กันแล้ว โดยเรารอที่บ้านท่าโพ อุทัยธานี พี่เขียวกับชมพู่จะขับรถมาจากอยุธยา เพื่อมาสมทบและเดินทางไปบ้านไร่ด้วยกัน โดยจะเริ่มเดินทางออกจากอยุธยาแต่ เช้าเอาจริงแล้วออกมาตอนบ่ายเพราะชมพู่ติดภารกิจ ที่ต้องทำเราเลยรอ อยู่ที่บ้าน หลังจากพี่เขียวกับชมพู่มาถึง ก็เดินทางไปบ้านไร่ทันที่ บ้านไร่จะอยู่ห่างจากบ้านเราประมาณ 95 km ใช้เวลานทางประมาณ1.20 h. แต่เราก็แวะตลาดหนองฉางก่อนซื้อของกิน ไปด้วย แต่ต้องเดินทางให้ถึงรีสอร์ทก่อนค่ำ เพราะเดี๋ยวมองไม่เห็นเส้นทาง พอไปถึงจัดการห้องพักเรียบร้อย ก็เดินทางไปตลาดเพื่อหาอาหารเย็นรับประทาน. นั่งทานข้าวกันที่ร้านข้าวต้มในตลาดโชคดีเจอลูกศิษย์ เอกคอมพิวเตอร์ศึกษา (นายสุระชัย ) เขามาบรรจุเป็นครูที่ โรงเรียนบ้านน้ำพุ เขาเป็นลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ ถ้าไม่มาทักเราก็จำไม่ได้หรอกตั้งแต่ปี 2543 มั้ง ความจริงแล้วลูกศิษย์เหล่านี้น่ารักทุกคนตั้งใจเรียน ( ดีใจจริงที่ได้เจอลูกศิษย์ )