สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาว pantip ขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ เราชื่อโบวี่ วันนี้ขอกลับมากับการเขียนรีวิว pantip อีกครั้ง เราเคยลงเขียน pantipในหัวข้อ ทริปอินเดียน่ะจ๊ะนายจ๋า ในหน้าร้อน 2018 ถ้าเพื่อนๆ สนใจ สามารถเข้าไป ตามนี้นร้า
https://ppantip.com/topic/37860867
กลับมาครั้งนี้ในปี 2019 เราก็พาเที่ยวหน้าร้อนอีกตามเคย ฮ่าๆๆๆๆ ครั้งนี้ขอพาเพื่อนๆไปเปิดประสบการณ์ด้วยกันที่ประเทศจีน ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ เราไปในช่วงปลายเดือนมิถุนายา ประเทศจีนเป็นประเทศใน bucket list ในการเที่ยวของเราเพราะเป็นประเทศที่ใครหลายๆคนบอกเจริญมาก
(ให้นึกถึงเพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ อิอิ) มี Disneyland Shanghai ที่เป็นเป้าหมายหลัก ทำให้เรากับเพื่อนๆกดจองตั๋วไปแบบไม่รีรอ อยากรู้ว่าทริปเราประมาณไหน ตามมาจ้า เย้ๆๆๆๆๆ
ทริปของเราทั้งหมด 5 วัน 4 คืน โดยมีผู้ร่วมทริปครั้งนี้อีกสองคน รวมเป็น 3 หญิงสาวจากไทยแลนด์ไปตะลุยแดนมังกร
เอ้าบุกลุยยยย>>>> ทริปนี้เราสามคนบินไป-กลับด้วยสายการบินChina Eastern Airline เครื่องออกประมาณตี 3 เหตุผลที่เลือกสายการบินนี้คือถูกค่ะ 5555+
ไม่มีเหตุผลอื่นร่วมเลยตั๋วที่ได้ไป-กลับอยู่ที่ 9,760 บาท เป็นฟูลเซอร์วิสและบินตรงไปลง Pudong International Airport อ่อลืมบอกเพื่อนๆค่ะการไปเที่ยวจีนต้องไปทำวีซ่าก่อน ไม่มีทำผ่านออนไลน์นะคะ ต้องไปทำที่อาคารธนภูมิ ชั้น 5 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ วิธีไปง่ายๆลง MRT สถานีกำแพงเพชรแล้วเดินต่ออีกหน่อยได้เลยการทำวีซ่าผ่านง่ายๆมากจ้า มีค่าเสียหายในการทำวีซ่า 1,650 บาท และสกุลเงิน 1 หยวนเท่ากับ 4.5 บาทไทย (เรทช่วงที่เราไป) เอ้าล่ะเราเริ่มออกเดินทางกันเลยยยย
พร้อมมมมแล้ววววออกเดินนนทางกานนนเลยยยยย Hoorayyyyy!!!!!!!
Day 1 เช้าวันแรกเราบินมาถึงสนามบิน Pudong แบบง่วงๆ
งัวเงีย เจอ ตม. เขาไม่ได้ถามอะไรผ่านแบบชิลๆ แต่เพื่อนเราเจอตม.ที่ค่อนข้างเขี้ยวนิดนึง โดนขอดูข้อมูลการเที่ยวด้วย แนะนำให้เพื่อนๆเตรียมเอกสารเกี่ยวกับที่พัก และการจองตั๋วขากลับเผื่อไว้ด้วยค่ะ สนามบินที่นี่ค่อนข้างใหญ่นะคะ หลังจากผ่านตม.เราเลยเดินหาห้องน้ำเพื่อล้างหน้า แปรงฟัน แต่งหน้าเตรียมตัวเที่ยววันแรกกันเลย เพราะทางโรงแรมที่เราจองสามารถเข้าได้ประมาณบ่ายสอง เราจึงตัดสินใจแต่งตัวตรงนี้เพื่อเตรียมเที่ยวเลยค่ะ อิอิ ปล.ที่สนามบินมีห้องสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าให้ด้วยนะคะ เลิศไปอีกค๊า
ป่ะ เริ่มเดินทางกันเข้าเมืองกันค่ะ หากจะไปรถไฟมีแนะนำสองวิธีนะคะ คือ การไปแบบรถไฟธรรมดาแต่อาจจะใช้เวลาถึง 1 ชม.++
และการใช้ Maglev เป็นรถไฟความเร็วสูงใช้เวลาเพียง 7 นาทีช่วยย่นระยะทางไปถึง 31 กม.ในการเข้าตัวเมือง โดยสุดทางที่สถานี Longyang Rd. ทางฝั่งเราเลือก Maglev เลยค่ะเพื่อเซฟเวลา แต่การเดินทางเดินไปโรงแรมยังไม่จบแค่Maglev เรายังต้องแบกกระเป๋าไปขึ้นใต้ดินธรรมดาต่อ
รร.ที่เราพักชื่อ Shanghai Meego Yes Hotel อยู่ใกล้สถานี Zhongxing Road เราแนะนำซื้อบัตรโดยสารที่เป็นแบบเติมเงิน เพราะสะดวก
ประหยัดเวลาและเครื่องซื้อบัตรค่อนข้างใช้ยาก (ถึงแม้จะมีภาษาอังกฤษ) ก็ตาม โดยเพื่อนๆสามารถซื้อได้ที่ Information Service มีค่ามัดจำตั๋ว 20 หยวน จะได้บัตรสีม่วงมา 1 ใบห้ามทำหายนร้า เราจะใช้ตลอดทุกทริปการเดินทาง ซึ่งบัตรม่วงนี้จะใช้ได้กับรถไฟฟ้าใต้ดิน รถบัส และรถแท็กซี่ (ลืมบอกไปว่าจีนไม่เน้นเงินสดนร้า เขาใช้แอฟ Alipay, WeChat ในการจ่ายเงิน)
ขอบอกว่าค่าโดยสารที่นู่นถูกมากเลยค่ะ ขึ้นลงไปหลายสถานียังถูกกว่าจากสำโรงไปหมอชิตเที่ยวเดียวอีกค่ะ หุหุ
มาต่อกันค่ะที่แรกเลย เราตั้งใจจะไปตลาดน้ำ Zhujiajiao (จูเจี่ยเจียว) หรือตลาดน้ำโบราณที่มีความเก่าแก่ เราว่าคล้ายๆตลาดน้ำอัมพวา แต่ดันหลงทาง เดินหาทางขึ้นรถบัสไม่เจอเมื่อไปถึงท่ารถบัสเราถามคนขายตั๋วว่าตลาดปิดกี่โมง เขาบอกว่าบ่ายสามก็ปิดแล้ว เราดูนาฬิกาเอ้านี้มันบ่ายสองแล้วน่ะ แต่ตลาดอยู่นอกเมืองต้องนั่งรถประมาณ 1 ชม. เลยเปลี่ยนแผนการยกยอดไปวันพรุ่งนี้แทนค่ะ เคราะห์ซ้ำวันที่เราไปเที่ยวพายุเข้าพอดีเปียกไปหมดค่ะ ต้องซื้อร่มมากางให้พลัน (เปิดวาร์ปการไปนะคะให้ลง จากสถานีรถไฟฟ้า People’s Square (Line 1) โดยให้ออกที่ทางออกหมายเลข
1 Exit 1 เมื่อออกมาจะเจอกับ Shanghai Museum ให้เดินตรงมา ข้ามสะพานลอย ผ่านShanghai music hall แล้วจะเห็นท่ารถบัสสำหรับไปตลาดน้ำต้องเป็นรถบัสสีชมพูเท่านั้นนะคะ นั่งไปจนสุดสายเลยจ้า
วันแรกผิดแผนเราจึงไปเดินเล่น หาของกินหาของช๊อปที่ Shanghai Nanjing East Road แล้วก็กลับเข้าโรงแรม
เอาภาพมาเป็นน้ำย่อยยยยไปพลางๆก่อนนร้า อิอิ
Day 2 มาต่อวันที่สองกันจ้า จากแผนที่เราวางไว้ล่มในวันแรกกับการไม่ได้ไปตลาดน้ำ เช้านี้เราเลยไปขึ้นรถบัสตั้งแต่เช้าและออกเดินทางไปยังตลาดน้ำ Zhujiajiao เมื่อไปถึงท่ารถบัสสิ่งที่เห็นคือน้ำท่วมมมมทางเข้าตลาดจ้า ---- ซวยจ้า ฮ่าๆๆๆๆๆ (เราโชคร้ายมากๆมาช่วงที่พายุเข้าฝนตก)
เรากับเพื่อนก็เลยปรึกษากันว่าจะยังไงดี ในใจก็คิดว่าเอ็งมาไกลน่ะจะกลับเลยหรออออ เรากับเพื่อนก็ไม่เลิกความคิดที่จะเที่ยว จึงเสาะหาร้านอาหารนั่งกินกันแถวนั้นและหาชานมไข่มุกกิน เป็นร้าน COCO กับ Number 1 ใครมาจีนต้องกินลองกินดูนะ เราแนะนำติดดาวเลย อร่อยยยยจ้า และอย่าลืมกินซาลาเปาที่ขายข้างทาง อร่อย ซาลาเปานิ่มไส้เยอะมีให้เลือกหลายไส้เลยค่ะ เดินไปเดินมาก็ช๊อปปิ้งหน้าตลาดเจอร้านเสื้อผ้าชื่อร้านว่า SungoTown
เราแนะนำเพื่อนผู้หญิงให้ลองไปซื้อดูนะคะ พนักงานบริการดีมากห้าดาว พนักงานอยากขายมีน้ำให้กินฟรีแล้วเมื่อซื้อเสร็จก็ยังบอกเราหากหิวน้ำแวะมากินที่เขาก่อนกลับได้อีกน่ะ ชอบบบอ่า ปลื้มปริ่ม เมื่อเราช็อปปิ้งเสร็จออกมาปรากฏว่าน้ำในตลาดมันลดลงแล้วจ้า ถึงคราวสามสาวไทยแลนด์จะได้ไปเยี่ยมชมตลาดน้ำเก่าแก่ของจีนสักที ฮือออนตจล. ไปทุกทริปฝนทุกทริป ข้างในถ่ายรูปสวย มีร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า เป็นของชาวบ้านแถวนั้นนำมาขาย และมีเรือให้ล่องในคลอง แต่เราไม่ได้ล่องค่ะ เรามาเน้นถ่ายรูปเก็บบรรยากาศแล้วก็กลับ
แล้วหลังจากนั้นเราก็นั่งรถกลับเข้าเมืองเซี่ยงไฮ้และออกเดินทางต่อไปยังร้านคาเฟ่น่ารักๆแถว Xintiandi Road แต่โชคไม่ดีฝนตกอีกแล้วจ้า
ทุกชม. และร้านกาแฟแต่ละร้านคนเยอะมากดูเวลาแล้วพระอาทิตย์ใกล้ตกดินเราจึงกลับห้องพักเอาแรงก่อนเพราะวันที่ 3 เราจะต้องใช้กำลังขาในการเดินต่อไปลุย (ทริปนี้เดินเยอะมากนะคะเหมาะกับคนที่ชอบการเดิน hop in hop off อิอิ)
เดี๋ยวมาต่อวันที่ 3 นะคะ อดใจรอแปรบบบนึงนร้าาา
[CR] เซี่ยงไฮ้ในหน้าร้อน 2019
(ให้นึกถึงเพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ อิอิ) มี Disneyland Shanghai ที่เป็นเป้าหมายหลัก ทำให้เรากับเพื่อนๆกดจองตั๋วไปแบบไม่รีรอ อยากรู้ว่าทริปเราประมาณไหน ตามมาจ้า เย้ๆๆๆๆๆ
ทริปของเราทั้งหมด 5 วัน 4 คืน โดยมีผู้ร่วมทริปครั้งนี้อีกสองคน รวมเป็น 3 หญิงสาวจากไทยแลนด์ไปตะลุยแดนมังกร
เอ้าบุกลุยยยย>>>> ทริปนี้เราสามคนบินไป-กลับด้วยสายการบินChina Eastern Airline เครื่องออกประมาณตี 3 เหตุผลที่เลือกสายการบินนี้คือถูกค่ะ 5555+ ไม่มีเหตุผลอื่นร่วมเลยตั๋วที่ได้ไป-กลับอยู่ที่ 9,760 บาท เป็นฟูลเซอร์วิสและบินตรงไปลง Pudong International Airport อ่อลืมบอกเพื่อนๆค่ะการไปเที่ยวจีนต้องไปทำวีซ่าก่อน ไม่มีทำผ่านออนไลน์นะคะ ต้องไปทำที่อาคารธนภูมิ ชั้น 5 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ วิธีไปง่ายๆลง MRT สถานีกำแพงเพชรแล้วเดินต่ออีกหน่อยได้เลยการทำวีซ่าผ่านง่ายๆมากจ้า มีค่าเสียหายในการทำวีซ่า 1,650 บาท และสกุลเงิน 1 หยวนเท่ากับ 4.5 บาทไทย (เรทช่วงที่เราไป) เอ้าล่ะเราเริ่มออกเดินทางกันเลยยยย
พร้อมมมมแล้ววววออกเดินนนทางกานนนเลยยยยย Hoorayyyyy!!!!!!!
Day 1 เช้าวันแรกเราบินมาถึงสนามบิน Pudong แบบง่วงๆ งัวเงีย เจอ ตม. เขาไม่ได้ถามอะไรผ่านแบบชิลๆ แต่เพื่อนเราเจอตม.ที่ค่อนข้างเขี้ยวนิดนึง โดนขอดูข้อมูลการเที่ยวด้วย แนะนำให้เพื่อนๆเตรียมเอกสารเกี่ยวกับที่พัก และการจองตั๋วขากลับเผื่อไว้ด้วยค่ะ สนามบินที่นี่ค่อนข้างใหญ่นะคะ หลังจากผ่านตม.เราเลยเดินหาห้องน้ำเพื่อล้างหน้า แปรงฟัน แต่งหน้าเตรียมตัวเที่ยววันแรกกันเลย เพราะทางโรงแรมที่เราจองสามารถเข้าได้ประมาณบ่ายสอง เราจึงตัดสินใจแต่งตัวตรงนี้เพื่อเตรียมเที่ยวเลยค่ะ อิอิ ปล.ที่สนามบินมีห้องสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าให้ด้วยนะคะ เลิศไปอีกค๊า
ป่ะ เริ่มเดินทางกันเข้าเมืองกันค่ะ หากจะไปรถไฟมีแนะนำสองวิธีนะคะ คือ การไปแบบรถไฟธรรมดาแต่อาจจะใช้เวลาถึง 1 ชม.++
และการใช้ Maglev เป็นรถไฟความเร็วสูงใช้เวลาเพียง 7 นาทีช่วยย่นระยะทางไปถึง 31 กม.ในการเข้าตัวเมือง โดยสุดทางที่สถานี Longyang Rd. ทางฝั่งเราเลือก Maglev เลยค่ะเพื่อเซฟเวลา แต่การเดินทางเดินไปโรงแรมยังไม่จบแค่Maglev เรายังต้องแบกกระเป๋าไปขึ้นใต้ดินธรรมดาต่อ
รร.ที่เราพักชื่อ Shanghai Meego Yes Hotel อยู่ใกล้สถานี Zhongxing Road เราแนะนำซื้อบัตรโดยสารที่เป็นแบบเติมเงิน เพราะสะดวก
ประหยัดเวลาและเครื่องซื้อบัตรค่อนข้างใช้ยาก (ถึงแม้จะมีภาษาอังกฤษ) ก็ตาม โดยเพื่อนๆสามารถซื้อได้ที่ Information Service มีค่ามัดจำตั๋ว 20 หยวน จะได้บัตรสีม่วงมา 1 ใบห้ามทำหายนร้า เราจะใช้ตลอดทุกทริปการเดินทาง ซึ่งบัตรม่วงนี้จะใช้ได้กับรถไฟฟ้าใต้ดิน รถบัส และรถแท็กซี่ (ลืมบอกไปว่าจีนไม่เน้นเงินสดนร้า เขาใช้แอฟ Alipay, WeChat ในการจ่ายเงิน)
ขอบอกว่าค่าโดยสารที่นู่นถูกมากเลยค่ะ ขึ้นลงไปหลายสถานียังถูกกว่าจากสำโรงไปหมอชิตเที่ยวเดียวอีกค่ะ หุหุ
มาต่อกันค่ะที่แรกเลย เราตั้งใจจะไปตลาดน้ำ Zhujiajiao (จูเจี่ยเจียว) หรือตลาดน้ำโบราณที่มีความเก่าแก่ เราว่าคล้ายๆตลาดน้ำอัมพวา แต่ดันหลงทาง เดินหาทางขึ้นรถบัสไม่เจอเมื่อไปถึงท่ารถบัสเราถามคนขายตั๋วว่าตลาดปิดกี่โมง เขาบอกว่าบ่ายสามก็ปิดแล้ว เราดูนาฬิกาเอ้านี้มันบ่ายสองแล้วน่ะ แต่ตลาดอยู่นอกเมืองต้องนั่งรถประมาณ 1 ชม. เลยเปลี่ยนแผนการยกยอดไปวันพรุ่งนี้แทนค่ะ เคราะห์ซ้ำวันที่เราไปเที่ยวพายุเข้าพอดีเปียกไปหมดค่ะ ต้องซื้อร่มมากางให้พลัน (เปิดวาร์ปการไปนะคะให้ลง จากสถานีรถไฟฟ้า People’s Square (Line 1) โดยให้ออกที่ทางออกหมายเลข
1 Exit 1 เมื่อออกมาจะเจอกับ Shanghai Museum ให้เดินตรงมา ข้ามสะพานลอย ผ่านShanghai music hall แล้วจะเห็นท่ารถบัสสำหรับไปตลาดน้ำต้องเป็นรถบัสสีชมพูเท่านั้นนะคะ นั่งไปจนสุดสายเลยจ้า
วันแรกผิดแผนเราจึงไปเดินเล่น หาของกินหาของช๊อปที่ Shanghai Nanjing East Road แล้วก็กลับเข้าโรงแรม
เอาภาพมาเป็นน้ำย่อยยยยไปพลางๆก่อนนร้า อิอิ
Day 2 มาต่อวันที่สองกันจ้า จากแผนที่เราวางไว้ล่มในวันแรกกับการไม่ได้ไปตลาดน้ำ เช้านี้เราเลยไปขึ้นรถบัสตั้งแต่เช้าและออกเดินทางไปยังตลาดน้ำ Zhujiajiao เมื่อไปถึงท่ารถบัสสิ่งที่เห็นคือน้ำท่วมมมมทางเข้าตลาดจ้า ---- ซวยจ้า ฮ่าๆๆๆๆๆ (เราโชคร้ายมากๆมาช่วงที่พายุเข้าฝนตก)
เรากับเพื่อนก็เลยปรึกษากันว่าจะยังไงดี ในใจก็คิดว่าเอ็งมาไกลน่ะจะกลับเลยหรออออ เรากับเพื่อนก็ไม่เลิกความคิดที่จะเที่ยว จึงเสาะหาร้านอาหารนั่งกินกันแถวนั้นและหาชานมไข่มุกกิน เป็นร้าน COCO กับ Number 1 ใครมาจีนต้องกินลองกินดูนะ เราแนะนำติดดาวเลย อร่อยยยยจ้า และอย่าลืมกินซาลาเปาที่ขายข้างทาง อร่อย ซาลาเปานิ่มไส้เยอะมีให้เลือกหลายไส้เลยค่ะ เดินไปเดินมาก็ช๊อปปิ้งหน้าตลาดเจอร้านเสื้อผ้าชื่อร้านว่า SungoTown
เราแนะนำเพื่อนผู้หญิงให้ลองไปซื้อดูนะคะ พนักงานบริการดีมากห้าดาว พนักงานอยากขายมีน้ำให้กินฟรีแล้วเมื่อซื้อเสร็จก็ยังบอกเราหากหิวน้ำแวะมากินที่เขาก่อนกลับได้อีกน่ะ ชอบบบอ่า ปลื้มปริ่ม เมื่อเราช็อปปิ้งเสร็จออกมาปรากฏว่าน้ำในตลาดมันลดลงแล้วจ้า ถึงคราวสามสาวไทยแลนด์จะได้ไปเยี่ยมชมตลาดน้ำเก่าแก่ของจีนสักที ฮือออนตจล. ไปทุกทริปฝนทุกทริป ข้างในถ่ายรูปสวย มีร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า เป็นของชาวบ้านแถวนั้นนำมาขาย และมีเรือให้ล่องในคลอง แต่เราไม่ได้ล่องค่ะ เรามาเน้นถ่ายรูปเก็บบรรยากาศแล้วก็กลับ
แล้วหลังจากนั้นเราก็นั่งรถกลับเข้าเมืองเซี่ยงไฮ้และออกเดินทางต่อไปยังร้านคาเฟ่น่ารักๆแถว Xintiandi Road แต่โชคไม่ดีฝนตกอีกแล้วจ้า
ทุกชม. และร้านกาแฟแต่ละร้านคนเยอะมากดูเวลาแล้วพระอาทิตย์ใกล้ตกดินเราจึงกลับห้องพักเอาแรงก่อนเพราะวันที่ 3 เราจะต้องใช้กำลังขาในการเดินต่อไปลุย (ทริปนี้เดินเยอะมากนะคะเหมาะกับคนที่ชอบการเดิน hop in hop off อิอิ)
เดี๋ยวมาต่อวันที่ 3 นะคะ อดใจรอแปรบบบนึงนร้าาา
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น