Staycation คืออะไร

     คำว่า "Staycation" หรือ stay + vacation ถูกนิยามขึ้นเพื่ออธิบายจำนวนผู้พักผ่อนใกล้บ้านตัวเองที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น หรืออยู่ใกล้บ้านในขณะที่ใช้เวลาอยู่ห่างจากกิจวัตรประจำวัน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่รับความนิยมในต่างประเทศในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ 
หนึ่งในข้อดีของการพักผ่อนใกล้บ้าน คือ การได้สำรวจเมืองที่คุณอยู่ คงมีหลายครั้งที่คุณอยากไปสำรวจย่านนั้นย่านนี้แต่หาเวลาหรือเหตุผลในการไปที่ไม่คุ้นเคยได้ซักที การพักผ่อนใกล้บ้านจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่คุณจะได้สำรวจเมืองในแง่มุมอื่นๆ โดยเฉพาะมหานครกรุงเทพ เป็นที่รู้กันว่าคนทำงานในเมืองกว่าครึ่งมีภูมิลำเนาที่อื่นและในช่วงวันหยุดยาวนี้ก็จะเกิดปรากฏการณ์เมืองว่าง คนส่วนมากเดินทางออกจากกรุงเทพฯ กลับต่างจังหวัดหรือไม่ก็เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ปัญหาเมืองอันดับต้นอย่างรถติดก็กลับคลี่คลายได้ฉับพลัน รถไฟฟ้ารวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกมีเพียงพอ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวนันทนาการและอาหารการกินที่หลากหลายไม่ต้องแย่งใคร จริงมั้ยล่ะ  (ที่มา :บทความ คุณ ปิยา ลิ้มปิติ )



      ครั้งแรกของการลองประสบการณ์ใหม่ๆ ก็เริ่มกับการท่องเที่ยวที่เน้นความผ่อนคลายมากกว่าเน้นการสำรวจวิถีชีวิต จึงได้เลือกโรงแรมที่น่าจะตอบโจทย์ได้ดีในเรื่องนี้นั่นคือ "So Sofitel Bangkok "  และด้วยความที่ติดใจในเรื่องการตกแต่งและการให้บริการจากการที่ได้เข้าไปพักที่หัวหิน เลยทำให้รู้สึกประทับใจในเรื่องของการบริการของโรงแรมในเครือนี้  และเราได้เลือกใช้สิทธิ์ของ "Accor Plus" ในการจองห้องพัก 1 คืน รายละเอียดในส่วนของโรงแรมจะไม่ได้เล่าโดยละเอียด ไม่อย่างนั้นจะเหมือนเป็นการรีวิวโรงแรมมากกว่า ให้ภาพช่วยเล่าเรื่องแทนละกันนะ  (13-14 กรกฎาคม 2562)

  -ห้องที่เลือก เป็นห้องที่ได้ไอเดียในการจำลองถ้ำและภาพวาดโบราณของจังหวัดอุบลราชธานี ห้องจะเป็นโทนสีน้ำเงินตัดขาว ดูสบายตาไปอีกแบบ ด้านล่างจะเป็นรูปในส่วนต่างๆของห้องพัก

-แน่นอนด้วยความตั้งใจว่า จะมาพักผ่อนเจ้าของกระทู้และแฟนก็ไม่คิดจะออกไปไหนเลยนอกจากโรงแรม 555 เราเลยเดินสำรวจในส่วนของโรงแรมชั้นล่างที่มีร้านขาย ชอคโกแลต ของทางโรงแรม ซึ่งน่าตาน่ากินทั้งนั้น แต่ต้องอดใจไว้ก่อน เพราะว่าเย็นนี้เรามีนัด อิอิ ต้องเคลียร์พื้นที่กระเพาะไว้ก่อน


-นอกเหนือจากร้านชอคโกแลตของทางโรงแรมแล้ว ยังมี Corner กาแฟของร้าน KOF มาให้บริการในโรงแรมด้วย ดีงามมาก เพราะถ้าคนที่ชอบกินกาแฟดีอร่อย ส่วนใหญ่จะรู้กันว่า ไม่ค่อยเจอที่โรงแรม555 เจ้าของกระทู้เองก็ทำการบ้านมาเหมือนกัน ว่าตอนเช้าจะไปกินร้านไหนดี แต่พอมาเจอร้านนี้ เข้าทางสุดๆจบได้ในที่เดียว


-ไฮไลท์ของวันนี้คือ บุฟเฟต์มื้อเย็นของที่นี่ ราคาต่อคน 1,500 ++  แต่ถ้าใช้สิทธิ์ Accor Plus ทาน2 คน เอาไปส่วนลดไปเลย 50% มันดีมากกก รู้สึกคุ้มก็ตรงนี้ล่ะ โดยรวมอาหารรสชาดถือว่า ใช้ได้ ถูกใจเจ้าของกระทู้ก็คือเมนู "ฟัวกราส์" (ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู) ปกติไม่ค่อยปลื่มเมนูนี้เท่าไหร่ เพราะว่ารู้สึกถึงกลิ่นนิดๆ แต่ที่นี่ทำออกมาได้ดี ไม่มีกลิ่นและไม่นิ่มมาก ในส่วนของซีฟู้ดส์ที่นี่คุ้มก็ตรงที่มี ขาปูอาลาสก้า มาให้แทะเล่นด้วยนี่สิ ถึงจะเป็นแบบแช่แข็งมา แต่รสชาดยังพอได้นะ ที่ไม่ประทับใจก็จะเป็นปู้ม้า ที่เนื้อไม่แน่น อาหารที่นี่มีหลากหลายดี แต่ที่รู้สึกว่าที่นี่ทำได้ดีก็คือ ของหวาน ไม่ว่าจะเป็นเค้กหรือไอติม ขนมไทย ก็ทำออกมาได้อร่อยเลย

-หลังจากอิ่มได้ที่แล้ว การจะเข้านอนแต่หัวค่ำก็กระไรอยู่ เราเลยมานั่งย่อยกันที่บาร์ชั้น 29 ของโรงแรม ที่นี่เป็นบาร์ที่บรรยากาศใช้ได้ทีเดียว ลมเย็นสบายๆ เพลงไม่ดังจนคุยไม่รู้เรื่อง สั่งเครื่องดื่มเบาๆมากินเพลินๆให้เข้ากับสถานที่หน่อย  ด้านบนนี้มองลงไปก็จะเห็นแยกสาธรพอดี ก็เลยถือโอกาสกดภาพในมุมมองที่เราไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่นัก การถ่ายรูป คือเป็นการพักผ่อนอย่างนึงของเจ้าของกระทู้ด้วยเหมือนกัน บางครั้งที่เรารู้สึกเครียดจากการทำงาน พอเราได้เอากล้องขึ้นมาถ่ายภาพก็ช่วยให้เราลืมเรื่องที่เราต้องเครียดได้เหมือนกัน 

-ไม่รู้ว่าเตียงที่นี่หรือว่าเจ้าของกระทู้ขี้เกียจกันแน่ ทีแรกตั้งใจอยากจะตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อไปเก็บภาพช่วงเช้าที่สระน้ำ แต่ไหงลืมตามาอีกทีอ้าวพระอาทิตย์ตื่นก่อนเราซะอีก 55 ไม่เป็นไรถือว่าเป็นการพักผ่อนอย่างเต็มที่จริงๆ เอาจริงเตียงที่นี่หลับสบายมาก เอนตัวนิดเดียวหลับเลย ไม่นุ่มจนเกินไปไม่แข็งจนหลังหัก ทำให้เพิ่มความขี้เกียจเข้าไปอีก วันนี้ไม่ได้มีภารกิจอะไรมาก อย่างที่บอกว่า เป็นการท่องเที่ยวเชิงพักผ่อน ดังนั้น เราก็ต้องพักให้เต็มที่จริงมั้ย หลังจากตื่นนอนแล้วก็ลงไปทานอาหารที่ห้องอาหารเดิม ที่เดียวกับที่กินตอนเย็นเลย ด้วยความที่เราใช้สิทธิ์ในการจองห้องของ Accor Plus  ฟรี เค้าเลยไม่ได้รวมอาหารเช้าไว้ให้ แต่.... เรามีคูปองของทาง Accor Plus  อีกนั่นแหละ ที่ทำให้เราไม่ต้องเสียเงินซื้ออาหารเช้าเพิ่ม เห็นมั้ยว่าคุ้มจริงๆ 
   ในส่วนของอาหารเช้าไม่ได้ถ่ายมาโดยละเอียด แต่บอกได้คำเดียวว่า จัดเต็ม จริงๆ หลังจากทานอาหารเช้าก็ต้องเพิ่มพลังด้วยกาแฟ ซึ่งแน่นอนเราเล็งไว้แล้วก็ต้องจัดไป กาแฟของ  KOF ถือว่าเป็นกาแฟที่เข้มกำลังพอดี กินแล้วหลับ 55 ไม่ใช่สิ กินแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นมา โดยเฉพาะเมนูแปลกๆที่เอา เอสเพซโซ่ผสมน้ำนั่นนี่ เข้ากันอย่างลงตัว  เมื่อร่างกายได้คาเฟอีนเข้าไปกระตุ้นแล้ว ก็ได้เวลาที่จะทำกิจกรรมที่ใช้พลังบ้าง ไม่งั้นคงต้องกลิ้งออกจากโรงแรมแน่นอน 55 เราจัดการเปลี่ยนชุดแล้วลงมายังสระว่ายน้ำของโรงแรมที่ชั้น 10
  ในส่วนของสระว่ายน้ำที่นี่ อาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกัยที่หัวหิน แต่อย่างน้อย ก็ได้วิวเมืองมาช่วยเปลี่ยนบรรยากาศในการว่ายน้ำได้เหมือนกัน สระน้ำของที่นี่ จะมองเห็นวิวสวนลุมและตึกสูงทางฝั่งสุขุมวิทให้อารมณ์ในการว่ายน้ำที่ดีไปอีกแบบ หลังจากว่ายน้ำเสร็จก็กลับมานอนกลิ้งต่อที่ห้อง ไม่ต้องรีบเชคเอาท์ เพราะว่าขอใช้สิทธิ์ในการเชคเอาท์เลท เป็นสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า Accor Plus เห็นมั้ยว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม




- บ่ายสองได้เวลาที่ต้องเชคเอาท์แล้ว ก่อนกลับได้แวกินเค้กของที่ร้าน Choco Lab ของที่นี่ อร่อยเลยล่ะ สมกับเป็นร้านขายช๊อคโกแลตจริงๆ แต่... เรายังไม่ได้จบการเที่ยว Staycation ไว้ที่โรงแรมนี้ ไหนมีเวลากว่าจะถึงเวลานัดช่วงเย็น ก็ขอแวะสักที่ใกล้ๆละกัน


-ด้วยความกินอาหารนานาชาติ มาตั้งสองมื้อทำให้มื้อกลางวันนี้มีความอยากกินต้มย้ำขึ้นมา แล้วถ้าพูดถึงต้มยำกุ้งด้วยแล้ว เจ้าของกระทู้ยกให้ "ต้มยำมันกุ้ง" ที่บางลำพู เป็นต้มยำกุ้งในดวงใจ กินมาตั้งเรียนมหาลัยปีสอง รวมเวลาก็เกือบยี่สิบปี 55 ฟังดูแก่เลย แต่ร้านนี้เค้าเด็ดจริงที่ต้มยำเสมอต้นเสมอปลายมาก ขึ้นราคาแต่ไม่ได้ลดคุณภาพหรือขนาดของกุ้งและมันกุ้งลงเลย อันนี้ถือว่าแฟร์สำหรับคนกิน ส่วนเมนูอื่นๆของร้านถือว่าใช้ได้ แต่ไม่สุดเหมือนต้มยำ (ให้ดูภาพประกอบภาพสุดท้าย)  เมื่อมาถึงบางลำพู นึกขึ้นได้ว่าไม่เคยมาวัดบวรฯจริงๆจังสักครั้ง ครั้งนี้ต้องไปให้ได้  แต่สถานที่ไม่เอื้อ ในโบสถ์ติดงานบรรพชาหมู่ เลยได้แต่กราบพระประธานอยู่ด้านนอก และเดินเล่นรอบๆวัด  ถือว่าจบทริป "Staycation" ไปแบบสบายจริงๆ ไว้ครั้งหน้าจะลองเปลี่ยนเป็น  Staycation ในรูปแบบอื่นบ้าง  ขอบคุณสำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่าน เป็นการรีวิวจริงจังครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ขอให้ทุกคนช่วยกันเที่ยวเมืองไทยของเราเยอะๆนะ