ก่อนอื่นขอเรียนให้รู้จักตัวผมก่อนขณะนี้ผมอายุก็ 40 ผ่านไปแล้ว
ผมเป็นพนักงานบริษัทเอกชนสายการบินแห่งหนึ่ง
เกิดที่ฉะเชิงเทรา แต่มาทำงานที่เชียงใหม่ 13 ปีแล้วจนซื้อบ้านที่เชียงใหม่ได้ 1 ปี ก่อนหน้านี้ลงทุนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ตรงแยกเซ็นทรัลแอร์พอร์ตกับ ภรรยา ก็ขาดทุน แต่ใช้หนี้คนเดียวมา 3-4 แสน เงินเดือน 13,000 บาทสมัยก่อน ให้ลูก ให้ภรรยาใช้ 10,000 เหลือกินใช้ 3,000 ก็พยายามทำโอที ไว้กินใช้ พอไปทำโอทีบ่อยหัวหน้าไม่ชอบแกล้งส่งเรื่องไม่ทันอดเงินที่ทำงานไปก็มีหายไปเลย 200 กว่าชั่วโมง เคลียดจนเคยฆ่าคิดตัวตาย ขับรถไปชนท้ายรถกระบะ ไปนอนอยู่ ICU เป็นเดือน ผลคือ กระดูกซี่โครงหัก ขาหัก เส้นเลือดหัวใจโป่ง ต้องใช้ลวดหุ้มซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของโรงพยาบาลสวนดอกในขณะนั้นต้องขอบคุณ คุณหมอที่ยังยื้อชีวิตผมให้มาสู้ต่อ หลังจากออกโรงพยาบาล ภรรยาผม ก็ได้คำนวนค่าเลี้ยงดูที่ผมยังไม่จ่ายขณะนอนอยู่โรงพยาบาล เป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท ผมจึงต้องกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ มาให้เธอ ผมกู้มาได้ ประมาณ 60,000 บาท แม่ผมขึ้นมาจากแปดริ้วซื้อมอเตอร์ไซค์คันเก่าให้ราคา 14,000 บาท และผมจึงซื้อโทรสัพท์ที่มีกล้อง SUMSUNG ZOOM4 เพื่อว่าจะได้ไว้ถ่ายรูปลงขายของ ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้เลยจะขายอะไร พอดีมอเตอร์ไซค์ที่แม่ซื้อให้มันเสีย หลังจากใช้งานไป 2เดือน เลยได้ลองประกาศขายมอเตอร์ไซค์ ก็สามารถขายได้ภายในวันเดียว จากนั้นผมก็หันมาขายมอเตอร์ไซค์ และขายรถยนต์ ที่คนมาฝากขายได้อย่างเรื่อย ๆ เป็นอาชีพเสริมที่พอจะสร้างความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นมาพอสมควร ได้ใช้หนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวจนหมด ทำให้หนี้บูโรหมดไป และหลังจากนั้นก็ไม่คิดจะกู้หนี้บัตรเครดิตอีกเลย จนมากระทั้งภรรยาชวนมาปล่อยเงินกูให้กับเพื่อนเธอ ผมเห็นว่าถ้ามันเป็นอย่างที่เธอการันตรี ก็คงทำให้ทางบ้านพอจะทีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ผมจึงลาออกจากกองทุนเลี้ยงชีพ ที่เคยเก็บมาประมาณ 10 ปี ได้มาประมาณ 120,000 บาท
ลาออกจาก สหกรณ์ออมทรัพย์ประมาณ 60,000 บาท
เพื่อเอามาให้ภรรยาปล่อยหนี้นอกระบบร้อยละ 10% ต่อเดือน โดยภรรยาเป็นคนคอนเฟิร์มว่าจะรับผิดชอบเองเพราะคนที่ยืมคือเพื่อนเขา สะสมจนได้ยอดเกือบ 200,000 บาท ซึ่งทางภรรยาได้ขอแค่ยอด 190,000 บาทที่เป็นต้นว่าได้ไหม เราก็ตกลงและขอจ่ายให้เพียงเดือนละ 10,000 บาทหรือร้อยละ 5%
จากนั้ร รายได้บางส่วนนำมาออกรถยนต์ประมาณ 40,000 บาท Ford Ecosport โดยใช้เป็นชื่อภรรยา
ซึ่งรถตลอดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมามีรายได้จากการเช่าทุกเดือน
แต่ใช้เงินในส่วนค่าดอกเป็นตัวช่วยหักในค่าใช้จ่าย จนมาถึงเมื่อเดือน เมษายนภรรยาผมแจ้งว่าเขาจะไม่จ่ายค่าดอกให้แล้วเพราะเขาโดนโกง และมีหนี้ต้องชำระ ก่อนหน้านี้ ภรรยาผมได้ขอร้องให้นำชื่อรถออกไปเพราะเธอบอกมันสามารถทำให้เธอกู้ธนาคารไทยเครดิตได้อย่างน้อย 200,000 บาท ผมจึงไปกู้บัตรเครดิตให้เธอ TMB 40,000 KTC 40,000 CITIBANK 40,000 ยูแมะ 18,000 และเงินสดให้เธออีกจำนวน 92,000 บาทรวมเป็น 230,000 บาท แต่เธอก็ไม่สามารถชดใช้ได้ และเมื่อไหร่ที่ทวงถามเรื่องเงินก็ต้องการให้ย้ายชื่อรถมาเป็นชื่อผม ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนได้เพราะวงเงินมันไม่สัมพันธ์กัน ผมซื้อบ้านต้องผ่อนช่วง 3 ปีแรกเดือนละ 11,100 บาทเงินเดือนรับ 28,000-29,000บาท หักเบี้ยปกส. กองทุนสมัครใหม่ สหกรณ์สมัครใหม่ จะเหลือเพียงเดือนละ 13,000-14,000 บาท เธอจะขอไปใช้เป็นค่าน้ำมันรถ ค่าน้ำ-ไฟ จิปาฐะ ให้ลูกไปโรงเรียน ค่าขนมลูก10,000 บาท ส่วนที่เหลือ 3-4,000 ผมต้องจ่ายค่าอินเตอร์เนตบ้าน 800 โทรศัพท์ 790 ของใช้ส่วนตัวบ้าง ไม่รวมค่ากินอยู่ ไม่รวมที่ผมต้องหาจ่ายเงินค่ารถอีกคัน มาสด้า 2 เดือนละ 6,498 บาท ถ้าลูกเรียนพิเศษก็จ่ายต่างหาก ค่าผ่อน AVANZA หารครึ่ง กับภรรยา แต่ระยะหลังภรรยานำรถไปปล่อยเช่าเองจึงไม่มีรายได้จากการเช่ารถ ทั้ง 2 คัน แต่รถยังสามารถผ่อนตัวเองได้อยู่ ผมซีเรียสอยากแยกทางภรรยา เพราะทุกวันนี้ก็ยังคงยืมเงินเรื่อย ๆ ผมเองจากที่มีเงินตอนนี้ก็ไม่สามารถผ่อนบัตรเครดิตได้เพราะรายรับน้อยกว่ารายจ่ายมาก ไม่มีเงินหมุนเวียนของรถ ไม่มีเงินหมุนเวียนของดอกเบี้ย ตอนนี้ผมกลับมาจุดเดิมที่ต้องให้เครียดเหมือนวันที่ผมคิดอยากตายอีกครั้ง ผมไม่เคยรักภรรยาเลยครับ หลายคนอาจคิดว่าทำไมไม่ออกมา แต่ผมรักลูกผมมาก ผมไม่อยากให้เขาเสียใจถ้าไม่มีผม ตอนนี้ผมว่าลูกผม โต และ ฉลาดพอที่จะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว ผมเหนื่อยกับภรรยาผมมาก ผมพูดว่าไม่รักเธอแต่ผมก็ซื่อสัตย์มาตลอด 13 ปี เรื่องผู้หญิง เหตุผลเดียวที่เธอไม่หย่ากับผมเพราะกลัวผมไปสบาย เท่านี้จริง ๆ ผมพอจะมีทางออกอะไรให้ชีวิตนี้บ้างไหมครับ
ใครพอจะแนะนำผมได้บ้างครับ มีเมียสร้างหนี้
ผมเป็นพนักงานบริษัทเอกชนสายการบินแห่งหนึ่ง
เกิดที่ฉะเชิงเทรา แต่มาทำงานที่เชียงใหม่ 13 ปีแล้วจนซื้อบ้านที่เชียงใหม่ได้ 1 ปี ก่อนหน้านี้ลงทุนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ตรงแยกเซ็นทรัลแอร์พอร์ตกับ ภรรยา ก็ขาดทุน แต่ใช้หนี้คนเดียวมา 3-4 แสน เงินเดือน 13,000 บาทสมัยก่อน ให้ลูก ให้ภรรยาใช้ 10,000 เหลือกินใช้ 3,000 ก็พยายามทำโอที ไว้กินใช้ พอไปทำโอทีบ่อยหัวหน้าไม่ชอบแกล้งส่งเรื่องไม่ทันอดเงินที่ทำงานไปก็มีหายไปเลย 200 กว่าชั่วโมง เคลียดจนเคยฆ่าคิดตัวตาย ขับรถไปชนท้ายรถกระบะ ไปนอนอยู่ ICU เป็นเดือน ผลคือ กระดูกซี่โครงหัก ขาหัก เส้นเลือดหัวใจโป่ง ต้องใช้ลวดหุ้มซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของโรงพยาบาลสวนดอกในขณะนั้นต้องขอบคุณ คุณหมอที่ยังยื้อชีวิตผมให้มาสู้ต่อ หลังจากออกโรงพยาบาล ภรรยาผม ก็ได้คำนวนค่าเลี้ยงดูที่ผมยังไม่จ่ายขณะนอนอยู่โรงพยาบาล เป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท ผมจึงต้องกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ มาให้เธอ ผมกู้มาได้ ประมาณ 60,000 บาท แม่ผมขึ้นมาจากแปดริ้วซื้อมอเตอร์ไซค์คันเก่าให้ราคา 14,000 บาท และผมจึงซื้อโทรสัพท์ที่มีกล้อง SUMSUNG ZOOM4 เพื่อว่าจะได้ไว้ถ่ายรูปลงขายของ ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้เลยจะขายอะไร พอดีมอเตอร์ไซค์ที่แม่ซื้อให้มันเสีย หลังจากใช้งานไป 2เดือน เลยได้ลองประกาศขายมอเตอร์ไซค์ ก็สามารถขายได้ภายในวันเดียว จากนั้นผมก็หันมาขายมอเตอร์ไซค์ และขายรถยนต์ ที่คนมาฝากขายได้อย่างเรื่อย ๆ เป็นอาชีพเสริมที่พอจะสร้างความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นมาพอสมควร ได้ใช้หนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวจนหมด ทำให้หนี้บูโรหมดไป และหลังจากนั้นก็ไม่คิดจะกู้หนี้บัตรเครดิตอีกเลย จนมากระทั้งภรรยาชวนมาปล่อยเงินกูให้กับเพื่อนเธอ ผมเห็นว่าถ้ามันเป็นอย่างที่เธอการันตรี ก็คงทำให้ทางบ้านพอจะทีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ผมจึงลาออกจากกองทุนเลี้ยงชีพ ที่เคยเก็บมาประมาณ 10 ปี ได้มาประมาณ 120,000 บาท
ลาออกจาก สหกรณ์ออมทรัพย์ประมาณ 60,000 บาท
เพื่อเอามาให้ภรรยาปล่อยหนี้นอกระบบร้อยละ 10% ต่อเดือน โดยภรรยาเป็นคนคอนเฟิร์มว่าจะรับผิดชอบเองเพราะคนที่ยืมคือเพื่อนเขา สะสมจนได้ยอดเกือบ 200,000 บาท ซึ่งทางภรรยาได้ขอแค่ยอด 190,000 บาทที่เป็นต้นว่าได้ไหม เราก็ตกลงและขอจ่ายให้เพียงเดือนละ 10,000 บาทหรือร้อยละ 5%
จากนั้ร รายได้บางส่วนนำมาออกรถยนต์ประมาณ 40,000 บาท Ford Ecosport โดยใช้เป็นชื่อภรรยา
ซึ่งรถตลอดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมามีรายได้จากการเช่าทุกเดือน
แต่ใช้เงินในส่วนค่าดอกเป็นตัวช่วยหักในค่าใช้จ่าย จนมาถึงเมื่อเดือน เมษายนภรรยาผมแจ้งว่าเขาจะไม่จ่ายค่าดอกให้แล้วเพราะเขาโดนโกง และมีหนี้ต้องชำระ ก่อนหน้านี้ ภรรยาผมได้ขอร้องให้นำชื่อรถออกไปเพราะเธอบอกมันสามารถทำให้เธอกู้ธนาคารไทยเครดิตได้อย่างน้อย 200,000 บาท ผมจึงไปกู้บัตรเครดิตให้เธอ TMB 40,000 KTC 40,000 CITIBANK 40,000 ยูแมะ 18,000 และเงินสดให้เธออีกจำนวน 92,000 บาทรวมเป็น 230,000 บาท แต่เธอก็ไม่สามารถชดใช้ได้ และเมื่อไหร่ที่ทวงถามเรื่องเงินก็ต้องการให้ย้ายชื่อรถมาเป็นชื่อผม ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนได้เพราะวงเงินมันไม่สัมพันธ์กัน ผมซื้อบ้านต้องผ่อนช่วง 3 ปีแรกเดือนละ 11,100 บาทเงินเดือนรับ 28,000-29,000บาท หักเบี้ยปกส. กองทุนสมัครใหม่ สหกรณ์สมัครใหม่ จะเหลือเพียงเดือนละ 13,000-14,000 บาท เธอจะขอไปใช้เป็นค่าน้ำมันรถ ค่าน้ำ-ไฟ จิปาฐะ ให้ลูกไปโรงเรียน ค่าขนมลูก10,000 บาท ส่วนที่เหลือ 3-4,000 ผมต้องจ่ายค่าอินเตอร์เนตบ้าน 800 โทรศัพท์ 790 ของใช้ส่วนตัวบ้าง ไม่รวมค่ากินอยู่ ไม่รวมที่ผมต้องหาจ่ายเงินค่ารถอีกคัน มาสด้า 2 เดือนละ 6,498 บาท ถ้าลูกเรียนพิเศษก็จ่ายต่างหาก ค่าผ่อน AVANZA หารครึ่ง กับภรรยา แต่ระยะหลังภรรยานำรถไปปล่อยเช่าเองจึงไม่มีรายได้จากการเช่ารถ ทั้ง 2 คัน แต่รถยังสามารถผ่อนตัวเองได้อยู่ ผมซีเรียสอยากแยกทางภรรยา เพราะทุกวันนี้ก็ยังคงยืมเงินเรื่อย ๆ ผมเองจากที่มีเงินตอนนี้ก็ไม่สามารถผ่อนบัตรเครดิตได้เพราะรายรับน้อยกว่ารายจ่ายมาก ไม่มีเงินหมุนเวียนของรถ ไม่มีเงินหมุนเวียนของดอกเบี้ย ตอนนี้ผมกลับมาจุดเดิมที่ต้องให้เครียดเหมือนวันที่ผมคิดอยากตายอีกครั้ง ผมไม่เคยรักภรรยาเลยครับ หลายคนอาจคิดว่าทำไมไม่ออกมา แต่ผมรักลูกผมมาก ผมไม่อยากให้เขาเสียใจถ้าไม่มีผม ตอนนี้ผมว่าลูกผม โต และ ฉลาดพอที่จะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว ผมเหนื่อยกับภรรยาผมมาก ผมพูดว่าไม่รักเธอแต่ผมก็ซื่อสัตย์มาตลอด 13 ปี เรื่องผู้หญิง เหตุผลเดียวที่เธอไม่หย่ากับผมเพราะกลัวผมไปสบาย เท่านี้จริง ๆ ผมพอจะมีทางออกอะไรให้ชีวิตนี้บ้างไหมครับ